หนังสือที่อ่านในปี 2016

1 January 2017 virusfowl

จบกันไปอีกปี และก็ได้บล็อกรวบรวมหนังสือที่อ่านทั้งปี 2016 มาได้หนึ่งบล็อก (เย้...)

สถิติของปีนี้จาก Tag #คนไทยอ่านปีละ50เล่ม ก็ทำได้ถึงเป้าแหละ แต่ในเมื่อเรามีสถิติจากปี 2015 เป็นมาตรฐาน ซึ่งอ่านไปได้ตั้ง "90 เล่ม" ก็ถือว่าสถิติแย่ลง เพราะในปี 2016 เก็บหนังสือไปได้ทั้งหมดแค่ 65 เล่มเท่านั้นเอง แอบโทษงานเสริมเบาๆ ที่ทำให้มีเวลาอ่านได้น้อยลง (?)

แต่ที่เหมือนเดิมก็คือ จากที่ตั้งใจจะให้มีรีวิว/พรีวิว/คอมเมนต์ของหนังสือแต่ละเล่ม คือมีเขียนสรุปไว้ด้วยตามที่ (เคย) ตั้งใจไว้ตั้งแต่ทีแรก เริ่มปีมาก็เหมือนจะดีนะ เขียนรีวิวไว้ได้ตั้ง 4 เล่มแน่ะ แต่แล้วก็จบแค่ 4 เล่มแรกนั้น (ว่าแต่ เล่ม 3-4 ที่จำได้ว่าเคยเขียนไว้แล้ว เนื้อหามันหายไปไหนล่ะเนี่ย หายทั้งรีวิว หายทั้งชื่อด้วย แต่ก็ถือว่าอ่านแล้วนั่นแหละนะ เรื่องอะไรก็... ไว้หาเจอแล้วค่อยเอามาแปะเพิ่ม... >_< )

และนอกจากจะอ่านได้จำนวนน้อยแล้ว ปีนี้ยังไม่รู้เป็นอะไร ทั้งที่หนังสือใหม่ๆ ที่อยากอ่านก็ยังมีอยู่ แต่ก็กลับไปขุดหนังสือที่เคยอ่านแล้วมาอ่านซ้ำรัวๆ -*-)

1. Die Trying : ตาต่อตา ตายต่อตาย

เป็นเล่มที่ 3 ในชุด Jack reacher ที่ได้อ่าน และแน่นอนว่า Lee Child ผู้เขียนก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ซึ่งอันที่จริง ใน 3 เล่มของ ซีรี Reacher ที่อ่านมา ต้องบอกว่าประทับใจเล่มนี้มากที่สุดเสียด้วยซ้ำไป

Lee Child ใส่อะไรเข้ามาเยอะมากๆ ในเล่มนี้ ไม่ใช่เพียงแค่พลอตที่คาดไม่ถึงให้เราได้ลุ้นไปกับตัวละคร ที่ดูจะเน้นอย่างชัดเจนคงเป็นความรู้ด้านอาวุธปืนของตัว Reacher เอง ในเล่มนี้ เราได้รู้ว่า Reacher เป็นนักแม่นปืนระดับรางวัลกันเลยทีเดียว และก็มีฉากดวนปืน เพื่อโชว์ความเทพของ Reacher ให้ฟินกันอีกด้วย

การอธิบายถึงความเร็วของกระสุน การคำนวณจุดตกกระทบที่ต้องนำปัจจัยต่างๆ มาคิดด้วย อาจจะทำให้ผู้อ่านที่ไม่ได้ปลื้มวิชาคณิตศาสตร์นัก รู้สึกว่า "จะใส่มาทำไม (ฟระ) ?" แต่มองในอีกแง่ มันก็ทำให้เรารู้สึกสมจริงมากขึ้น ไม่ใช่แค่บอกว่าพระเอกยิงปืนแม่นมาก ยิงแล้วก็โดนไปเสียทุกทีแบบไร้เหตุผล

หลายคนที่ได้อ่านวรรณกรรมของไทยอย่าง "เพชรพระอุมา" ถ้าได้มาอ่านงานเล่มนี้ของ Lee Child แล้ว คงจะรู้สึกคล้ายกันว่า การบรรยายเกี่ยวกับรายละเอียดของอาวุธปืนนี่ ช่างคุ้นเคยยิ่งนัก เพราะคุณพนมเทียนเอง ก็ได้ใส่รายละเอียดทำนองเดียวกันนี้ไว้ในนิยายของเขาเช่นกัน

ฉ็อตที่ประทับใจที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นจุดที่ผู้เขียนจงใจวางไว้ให้คนลุ้นกันนั่นแหละ (ไม่อยากอธิบายเดี๋ยวสปอยล์ 55) ถึงจะแน่ใจว่าพระเอกทำได้อยู่แล้ว แถมเดาได้ก่อนแล้วด้วยว่าผู้เขียนต้องเอาจุดเด่นข้อนี้มาเป็นฉ็อตเด็ดแน่ๆ (แล้วก็จริง) แต่ด้วยการอธิบายอย่างละเอียด และเนื้อเรื่องจากอีกฝั่งที่ดำเนินมาในทางคู่ขนาน และไม่สามารถเดาได้ว่าจะมาเป็นปัจจัยที่ทำให้พระเอกของเราพลาดหรือเปล่า ก็ไม่ทำให้ฉ็อตนี้จืดเกินไป

อีกฉ็อตนึงก็ตอนที่ Reacher ต้องจัดการกับสุนัขล่าตระเวณ น่าแปลกใจว่าพระเอกของเรา ซึ่งสามารถยิงคนตายได้โดยไม่รู้สึกอะไร แต่เลือกที่จะไม่ฆ่ามัน (อาจจะด้วยเหตุผลอื่นๆ ด้วยนอกจากความสงสาร) แต่กับใช้กลวิธีของการฝึกสุนัขเข้ามาจัดการกับปัญหาเฉพาะหน้าตอนนั้น

ข้อสังเกตคือ ถ้าเทียบกับเล่มก่อนหน้าอย่าง "ลานละเลงเลือด" แล้ว เล่มนี้พระเอกของเรา เล่นบทอัศจรรย์น้อยกว่ากันมาก (ถึงแม้นางเอกจะน่ารักกว่าเล่มที่แล้วก็ตาม) แต่บทจะมาก็มาแบบให้เราคาดไม่ถึงเท่าไหร่ ทำให้รู้สึกว่า ฝรั่งนี่เขาก็มีวิธีระบายความเครียดกันแบบนี้อะนะ

ส่วนคำโปรยในปกหลัง โดยส่วนตัวคิดว่าบางส่วนที่ยกมา ก็ไม่ใช่ปมหลักของเรื่องเท่าไหร่ มีจุดอื่นที่ดูอลังการและชวนให้ติดตามมากกว่านั้นที่ควรหยิบขึ้นมาอยู่ในคำโปรย

สรุปก็คือ หากคุณชอบนิยายแนวบู๊แอคชัน และเป็นแฟนของ Jack Reacher แล้ว "ตาต่อตา ตายต่อตาย" ก็เป็นอีกเล่มที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

2. คดีเจ็ดแพะ (พุ่มรัก พานสิงห์)

อ่านทิ้งช่วงจากเล่มก่อนนานมากกกกก นานจนไจำแทบไม่ได้แล้วว่าเล่มก่อนนี้เทียบกับเล่มนี้แล้วเป็นอย่างไร แต่อาจจะเพราะได้ไปอ่านนิยายแนวสืบสวนของนักเขียนคนอื่นๆ มาซะหลายเล่ม โดยส่วนตัวกับคดีเจ็ดแพะนี้ เลยค่อนไปในแนวเฉยๆ เสียมากกว่า

สิ่งที่คุณวินทร์ใส่มาในเล่มนี้ อย่างการเล่นมุกของพุ่มรัก ซึ่งก็คือมุกขำขันนี่เอง และส่วนใหญ่ก็เป็นมุกที่ได้ยินอยู่บ่อยๆ ทำให้ไม่ค่อยขำ (จริงๆ หลายมุกก็แป้กอยู่แล้วอะนะ) แถมด้วยจังหวะที่หลายช่วงก็ยิงมาแบบรัวๆ ทำให้เกิดอาการ "แป้กรัวๆ" ตามไปด้วย

แต่ประเด็นต่างๆ ที่แฝงมากับเนื้อเรื่อง ทั้งการจิกกัดปัญหาสังคม มุมมองต่อปัญหาที่เป็นข้อถกเถียงอย่าง Pro life / pro choise ก็ทำให้หนังสือนิยายเล่มนี้ ไม่ได้ให้แค่ความสนุกแก่ผู้อ่านเพียงอย่างเดียว

เราคงสามารถสรุปบทเรียนจากนิยายตอนนี้ได้สั้นๆ ว่า "ทุกคนล้วนทำเพื่อตนเอง"

สิ่งที่ชอบที่สุดกลับไม่ใช่เนื้อเรื่องทั้ง 7 คดี หรือบทสรุปที่แน่นอนว่าต้องมีหักมุมตอนท้ายให้ผู้อ่านได้ประหลาดใจ กลับเป็นคำนำ ที่คุณวินทร์ เขียนอธิบายความเป็น "แพะ" ไว้ได้อย่างน่าสนใจต่างหาก ว่าง่ายๆ ถ้าคุณอยากได้แค่สาระ ผมว่าอ่านแค่คำนำก็พอแล้วล่ะครับสำหรับเล่มนี้ ฮาา

  1. The History keepers ผู้พิทักษ์ประวัติศาสตร์ เล่ม 1 ตอน พายุแห่งชตากรรม
  2. The History keepers ผู้พิทักษ์ประวัติศาสตร์ เล่ม 2 ตอน หายนะแห่งโรม << สองเล่มนี้ถือเป็นนิยายที่พลอตค่อนข้างแปลกดี อ่านแล้วก็เลยแอบติด ถ้าเล่นกับเวลาแบบนี้ จะเขียนอีกกี่เล่มก็ได้อะ พี่ท่านก็ย้อนไปย้อนมาได้เรื่อยๆ แค่ต้องดูกันว่า จะเพิ่มความซับซ้อนให้เรื่องได้แค่ไหน หรือจะแค่กลับไปแก้ไขเหตุการณ์ในอดีตรัวๆ แบบไม่มีความเกี่ยวข้องกันระหว่างภารกิจแต่ละภารกิจ
  3. พุ่มรักพานสิงห์ ตอน คดีศพล่องหน
  4. นั่งรถไฟไปตู้เย็น <<เล่มนี้อ่านแล้วก็อยากตามรอยมากกกกก #คงมีสักวัน
  5. 500 ล้านปีของความรัก เล่ม 1
  6. โป่งกระทิง
  7. Prey : เหยื่อ <<เป็นหนังสือเก่า แต่พลอตที่เขียนค่อนข้างพูดถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่พอสมควร อ่านแล้วก็หลอนนะ เพราะพลอตนี่ในทางปฏิบัติใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
  8. The Girl with The Dragon Tattoo : พยักษ์สาวรอยสักมังกร <<เคยดูหนังแล้ว แต่ก็ไม่ได้รู้สึกประทับใจเท่าไหร่ แต่พอได้อ่านหนังสือแล้ว เฮ้ย ของเขาดีจริง นี่ต้นปี 2017 ก็กำลังได้อ่านเล่มต่อด้วยล่ะ Smile
  9. บุตรธิดาแห่งดวงดาว
  10. China Moon << ด้วยความที่เห่อว่ากำลังจิได้ไปเที่ยวสิงคโปร์ ก็เลยหาหนังสือที่เกี่ยวกับประเทศเขามาอ่านซะหน่อย แต่ทำไปทำมา หนังสือกลับเขียนถึงสิงคโปร์ในอดีตมากกว่าสิงคโปร์ในปัจจุบันซะงั้น สถานที่กินที่เที่ยว ก็แอบมีสอดแทรกมาให้นิดนึง แต่ก็ข้อมูลน้อยเกินกว่าจะไปตามรอยได้
  11. สิ้นสุรีย์ << บอกได้แค่ว่าเป็นเรื่องสั้นแนวดาร์ก และแนวมั่ก
  12. เดือนช่วงดวงเด่นฟ้า ดาดาว
  13. โฉมตรูในโลงศพ << เล่มนี้หาๆ ไปแล้วดันเจอว่า เฮ้ยยยย เล่มนี้คนอ่านเสียงน่ารักดีอะ อิอิ แต่เรื่องก็สนุกดีแหละนะ เพียงแต่คนแปลใช้สำนวนเก่าๆ ไปหน่อย หลายประโยคเลยฟังดูแปลกๆ
  14. หมากกลในความมืด << อาชญนิยายที่มีตัวเอกเป็นคนตาบอด ไม่รู้สินะ บางเรื่องก็แต่งให้คนตาบอดดูมีความสามารถเว่อเกินไป ส่วนตัวเรื่องก็สนุกแบบนิยายสืบสวนสมัยเก่า แนวๆ Sherlock Holmes
  15. จักรวาลของการมอดไหม้ << บอกได้แค่ว่าเป็นเรื่องสั้นแนวดาร์ก และแนวมั่ก
  16. The Great Gastby - ความรักยิ่งใหญ่และหัวใจมั่นคง << เห็นว่าเป็นวรรณกรรมคลาสสิกเล่มหนึ่ง อ่านแล้วก็.... ไม่รู้สิ ไม่ได้อินกับวิถีอเมริกันชนขนาดนั้นมั้ง แล้วก็ไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์บ้านเขาด้วย ก็เลยไม่ได้นั่งคิดนอนคิดอะไรกับมันเท่าไหร่
  17. the night round - พยาบาลเวรมรณะ << เรื่องราวก็ซับซ้อนพอสมควร สิ่งที่ชอบคือบรรยากาศ background ในเรื่องที่เป็นประเทศแถบสแกนดิเนเวียมากกว่า ไม่ค่อยมีนิยายที่ใช้ฉากหลังเป็นประเทศกลุ่มนี้น่ะ
  18. Carte Blanche : พลิกแผนเพชฌฆาต << เท่าที่จำได้ เป็น 007 เล่มที่ 2 ที่ได้อ่านเป็นหนังสือ แต่เล่มนี้ผู้แต่งไม่ใช่ต้นฉบับแล้ว มันก็จะเป็นอีกอารมณ์นึง สรุปก็สนุกแหละ
  19. ผู้ชายคนที่ตามรักเธอทุกชาติ พิมพ์ครั้งที่ 85 << บอกตรงๆ ว่าเล่มนี้อ่านรอบเดียวอาจจะเก็บรายละเอียดไม่ได้ทั้งหมด แต่ถามว่าพอเข้าใจไหม ก็เข้าใจแหละ แต่ด้วยความที่เนื้อเรื่องเดินไปด้วยมิติหลายมิติ การอ่านเรื่อยๆ รอบเดียว ยังไงก็ไม่พอ เหอๆ
  20. ขู่แล้วฆ่า
  21. The Mortal Instruments #6 - City of Heavenly Fire นครรัตติกาล เล่ม 6 : เมืองไฟสวรรค์
  22. แกะรอยหมออำมหิต ภาค 2 << ว่าจิไม่อ่านแล้วนะ หลังจากเล่มแรก ที่ผู้เขียนบรรยายฉากฆาตกรรมได้สยองมากกกก แต่ก็อดไม่ได้ พอเห็นเล่ม 2 มา ก็อ่านอยู่ดี ไม่รู้สึกว่าเล่มต่อสยองเท่าเล่มแรก แต่ความสนุกยังมีเหมือนเดิม
  23. ลึกลับ โตเกียว เรื่องสั้น << มุราคามิ ก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังแหละ ถึงจะดูว่าเป็นเรื่องสั้นพื้นๆ ไม่ได้ซับซ้อนหวือหวาอะไร แต่ประเด็นที่แฝงมันพื้นจนเราเข้าถึงได้ไง ว่าเออ เหตุการณ์แบบนี้ มันเกิดได้กับชีวิตเราจริงๆ เป็นอีกเล่มที่วันนึงคงหยิบมาอ่านซ้ำ
  24. ยามดึกนึกหนาวหนาว เขนยแนบ แอบเอย
  25. Pinball 1973 << เริ่มเข้าสู่อณาจักรของมุราคามิแบบเต็มตัวขึ้น เสียดายที่ไม่ได้เก็บทั้งเซ็ต แต่จากที่ได้อ่านเล่มนี้ ก็พอเข้าใจแหละว่าทำไมคนถึงบอกว่าหนังสือเขาอ่านยาก 55
  26. จรูญจรัสรัศมีพราว พร่างพร้อย
  27. The Siamese Twin Mystery : ปริศนาแฝดสยาม
  28. Into The Wild - เข้าป่าหาชีวิต << ถือว่าเป็นหนังสือเด็กแนวได้เลยนะเนี่ย ประสบการณ์จากชีวิตของคนคนนึงที่เลือกเดินทางที่ไม่ใช่กรอบปกติของสังคม ถึงมุมมองที่เราได้อ่าน จะเป็นการตีความจากความเห็นของผู้เขียน (เพราะเจ้าตัวคงไม่มีโอกาสมาบอกเล่าความจริงหรือความเห็นอะไรให้เราทราบได้) แต่รวมๆ เราก็สามารถตีความและทำความเข้าใจคริสต์จากสิ่งที่รวบรวมมาได้กันเองในระดับหนึ่ง ซึ่งใครจะตีความคำว่า "ชีวิต" ไปยังไง ก็อยู่กับคนคนนั้นแหละนะ ?
  29. ไม่มีหญิงสาวในบทกวี << ยอมรับว่าอ่านแบบผ่านๆ ไม่ได้เข้าถึงอะไรกับเนื้อหาเล้ย...
  30. เรื่องเล่าจากร่างกาย
  31. แมงโกง
  32. มีกรอบไม่มีเส้น
  33. เย็นฉ่ำน้ำค้างย้อย เยื่อฟ้า พาหนาว
  34. 1984 มหานครแห่งความคับแค้น
  35. Inferno สู่นรกภูมิ << ถือเป็นเซ็ตที่ยังไงก็ต้องตามอ่านให้ครบแหละ แต่เอาจริงๆ เล่มนี้ก็ไม่ถือว่าเป็นเล่มที่สนุกที่สุด แต่แปลกตรงตอนจบมีปมทิ้งไว้ให้ต่อเล่มถัดไปได้ หรือจะมองว่าเป็นปลายเปิดก็ได้ ซึ่งไม่ใช่แนวที่แดน บราวน์ เคยทำแฮะ
  36. เถื่อน 7
  37. The Sound of New Zealand << เก็บหนังสือท่องเที่ยว เพราะไม่มีปัญญาไปเที่ยว T__T ซึ่งนิวซีแลนด์นี่ก็เป็นอีกประเทศที่อยากไปเที่ยวมั่ก แต่เท่าที่อ่านจากเล่มนี้ และอีกหลายรีวิว พบว่านิวซีแลนด์เป็นประเทศที่ "ควรจะ" ขับรถเที่ยวแฮะ โถๆ แค่ประเทศที่ใช้รถสาธารณะเดินทาง ยังไม่มีปัญญจิไปได้เลย ประเทศที่ต้องขับรถแบบนี้ ก็ยิ่งหมดหวังเข้าไปใหญ่ #ล้องไห้หนักมาก
  38. The Atlantis Code - รหัสมรณะแอตแลนติส
  39. Out in Africa <<เป็นหนังสือท่องเที่ยวเล่มที่อ่านแล้ว ไม่รู้สึกอยากไปตามรอยเท่าไหร่ 55 note: ดันไปฟังเล่มนี้อยู่หน้า Eve and Boy สยาม แล้วฝนตกด้วยนะ #มิรู้ลืม
  40. The Curious Case of Benjamin Button - เรื่องประหลาด ของเบนจามิน บัตทอน
  41. ควิดดิชในยุคต่างๆ
  42. เหตุผลของธรรมชาติ
  43. โดเรมอนค้นพบความมหัศจรรย์ ความลับของยานพาหนะ(629 ยานพาหนะ)
  44. อุโมงทะลุมิติ
  45. พราย
  46. Lost and Found in Iceland
  47. Artemis Fowl and The Time Paradox : อาร์ทิมิส ฟาวล์ มิติพิศวง 
  48. Artemis Fowl : The Arctic Incident : อาร์ทิมิส ฟาวล์ มหันตภัยในอาร์กติก
  49. Artemis Fowl and The Lost Colony :อาร์ทิมิส ฟาวล์ อาณาจักรที่สาบสูญ
  50. ประเทศผีสิง
  51. Mrs.McGinty's Dead : มรณะปริศนา
  52. BloodLine - สืบสายเลือด
  53. persuader - ตลบหลังฆ่า
  54. Killing floor - ลานละเลงเลือด
  55. เส้นสมมุติ
  56. Harry Potter เล่ม 7
  57. The Lost Symbol
  58. สายโลหิต
  59. Artemis Fowl : The Last Gardian
  60. The Hidden OASIS - โอเอซิสปิดตาย
  61. Harry Potter เล่ม 1