หนังสือที่อ่านในปี 2017

1 January 2018 virusfowl

เป็นโพสต์ประจำปีไปแล้วสำหรับการรวบรวมรายชื่อหนังสือที่อ่านในแต่ละปี ก็ต้องอ้างอิงถึง tag #คนไทยอ่านปีละ50เล่ม อีกเช่นเคยแหละนะ ที่ทำให้เราสนใจจะนับจำนวนว่าปีนี้อ่านไปแล้วกี่เล่ม และในเมื่อนับจำนวนแล้ว ก็ถือโอกาสจดรายชื่อ พร้อมความเห็นเล็กๆ น้อยๆ จากการอ่านหนังสือเล่มนั้นๆ เอาไว้ด้วยเลยแล้วกัน (ความตั้งใจแรกคือ อยากทำ review ของแต่ละเล่มแบบจัดเต็มเลยด้วยซ้ำ แต่ทำไปทำมาก็ไม่รอด 555)

รีวิวการอ่านหนังสือของข้าพเจ้าคร่าวๆ ในปี 2017 นี่ก็คือ กลับไปอ่านหนังสือเก่าๆ ที่เคยอ่านมาแล้วซ้ำค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว ไม่รู้สิ หนังสือใหม่ๆ ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีนะ แต่บางอารมณ์ก็เบื่อๆ รู้สึกอยากกลับไปเสพเล่มเก่าๆ มากกว่า

บางทีก็นึกถึงฉากบางฉาก แล้วก็ มันอยู่ในเล่มไหนนะ แล้วก็เออ เอามาอ่านใหม่ดีกว่า บางเล่มก็อ่านก่อนแล้ว ถึงเจอว่า อ๋อ ฉากนี้อยู่ในเล่มนี้ไง

แต่สรุปคือ ในปี 2017 ข้าพเจ้าอ่านไปได้ทั้งหมด 69 เล่ม ซึ่งจะพูดว่าเล่มก็ไม่เชิง เพราะพยายามจะนับเป็นเรื่องมากกว่า อย่างพวกนิยายจีนงี้ บางทีเรื่องนึงก็ซัดไปสี่ห้าเล่ม บางอันเกือบสิบเล่ม เราก็นับให้แค่แต้มเดียว ไม่งั้นก็คงมีเกิน 80 เล่มกันล่ะ ถ้าจะนับที่จำนวนเล่มกันจริงๆ

  1. The Girl who Played with Fire  - พยัคฆ์สาวโหมไฟสังหาร // เป็นเล่มต่อที่ไม่ทำให้ผิดหวัง แต่กลับทำให้ขัดเคือง เพราะตอนจบดันทิ้งให้ค้างแบบยากจะให้อภัย เล่มแรกไม่เห็นทำกันแบบนี้เลยยยย
  2. Simple Genius  : ผ่าเกมร้อนยอดจารชน // นิยายสืบสวนที่อาจไม่หวือหวานักด้านพลอต แต่การหยิบประเด็นที่เกี่ยวข้องกับทฤษฎีคณิตศาสตร์ ควอนตัมคอมพิวเตอร์ หรือนโยบายเชิงทฤษฎีสมคบคิดของอเมริกามาใส่ ก็ทำให้เราอ่านได้แบบไม่วางเลยทีเดียว
  3. ฃวดฅนอยู่หนใด // หนังสือที่เรียกได้ว่า "น่ารัก" การหยิบเอาพยัญชนะมาสร้างตัวตนและเรื่องราวนี่อาจดูว่าไม่ใช่อะไรที่ล้ำนัก แต่ก็ไม่เห็นมีใครหยิบเอาพลอตนี้มาเขียนกันเท่าไหร่นะ แถมเอาจริงๆ ถ้าจะแต่งให้มีเรื่องราวอะไรต่อไปแค่ไหนก็ยังได้ โดยใช้ตัวละครเหล่านี้
  4. ในสระน้ำ //วรรณกรรมเยาวชน (อยากจะเรียกว่านิทานซะมากกว่า) สอนเด็กๆ ให้รัก(ษา)ธรรมชาติ
  5. Fake ID - หนี // สนุกแบบบ้านๆ พลอตมีความแปลกนิดหน่อย หักมุมแบบเดาได้ โครงเรื่องยังดูมีช่องโหว่อยู่เยอะ เหมือนร่างไว้หลวมๆ
  6. The circle // เป็นหนังสือที่อ่านแล้วค่อนข้างเฮ้ยมาก เพราะพลอตหลักๆ มันคือการใช้ชีวิตยค "Social Network" ของคนตอนนี้นี่เอง ผู้เขียนก็สร้างทฤษฎีที่ "อาจเป็นไปได้" ขึ้นมา ว่าถ้าเราทุกคนถูก Social network พวกนี้กลืนกิน จนแทบไม่เหลือความเป็นส่วนตัว แล้วจะเกิดอะไรขึ้น มีคนที่ต่อต้าน มีคนที่ยอมถูกมันกลืนกิน การหักมุม ความซับซ้อน อาจไม่ได้ดีมาก แต่แนวคิดรวมๆ ของเรื่องคือน่าสนใจมาก เป็นเรื่องที่อ่านแล้วสามารถคิดต่อได้
  7. เกรเกอร์กับเครื่องหมายแห่งความลับ
  8. เกรเกอร์กับรหัสแห่งกรงเล็บ
  9. Tunnels : ผจญภัยใต้อุโมง //เล่มนี้ก็ขุดมาอ่านซ้ำ
  10. Deeper : มหันตภัยใต้พิภพ // นี่ก็อ่านซ้ำอีกแหละ
  11. FreeFall : พิชิตอาทิตย์ใต้บาดาล // อ่านซ้ำก็ต้องอ่านให้จบเพราะเป็นเซ็ตต่อจากสองเล่มก่อน แต่ที่เคืองคือ เหมือนจะมีเล่มต่อซึ่งยังไม่มีใครอ่านมั้ง เหอๆ
  12. เห่าดง // นิยายเรื่องแรกของคุณพนมเทียน (ถ้าจำไม่ผิด) พออ่านเล่มนี้หลังจากที่อ่านงานเขามาแล้วจำนวนมาก เราก็จะสัมผัสได้กับบรรยากาศที่คุ้นเคยอะนะ ก็ถือว่าสนุกตามาตรฐานของคุณพนมเทียน
  13. The Stranger - แฉ // เก็บโคเบน ได้ค่อนข้างเยอะ เล่มนี้ก็มีความทันสมัยเข้ามามากขึ้น พออ่านมาเยอะ เราก็อาจจะไม่แปลกใจกับการหักมุมของเขา แต่ปมที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อ ก็เป็นเรื่องที่น่าคิด การ "แฉ" ความผิดของคนอื่น ถึงอาจจะเป็นเรื่องที่ถูก แต่คงต้องคิดให้รอบคอบก่อนว่าจริงๆ แล้วมัน "สมควร" หรือไม่ เพราะความลับมันเป็นความลับเพราะมีคนที่ไม่ต้องการเปิดเผยมัน ถ้าความลับถูกเปิดเผย ไม่มีใครบอกได้หรอกว่าผลกระทบจะมีอะไรตามมาบ้าง
  14. The Other Side of Dark  - ฟื้น
  15. Tell No One - อย่าบอกใคร //นี่ก็เหมือนเป็นการพยายามหยิบโคเบนมาอ่านซ้ำให้ครบทุกเล่มกันไปเลย
  16. Play Dead - แกล้ง
  17. The Girl who Kicked the Hornet's Nest - พยัคฆ์สาวเตะรังแตน // เป็นหนังสือชุดที่ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ รอเก็บให้ครบด้วยใจระทึก สิ่งนึงที่ชอบคือ ทำให้เราได้อ่านบรรยากาศของสวีเดน ซึ่ง ก็ไม่ค่อยมีเล่มไหนใช้พื้นหลังเป็นประเทศนี้เท่าไหร่นะ ป.ล. นักเขียนคนนี้มีอ้างอิงถึงประเทศไทยด้วยแหละ (ถึงจะไม่ใช่ในแง่ดีก็เถอะ)
  18. มอลลี่มูน มหัศจรรย์มนตร์สะกด // ในที่สุดก็ได้อ่านที่มาที่ไป เล่มแรกของหนังสือชุดนี้สักที ก็สนุกได้มาตรฐานแหละนะ
  19. The Bone Collector  - นักฆ่า ล่ากระดูก
  20. Morocco Moment โมร็อกโก โมเมนต์ 
  21. Witness the night  - พยานมรณะ
  22. มอลลี่ มูน - มหัศจรรย์หยุดโลก
  23. Die Trying : ตาต่อตา ตายต่อตาย //อ่านซ้ำอีกละ
  24. A Monster Calls  : ผู้มาเยือนหลังเที่ยงคืน //เห็นว่าเป็นวรรณกรรมเยาวชนระดับขึ้นหิ้ง ซึ่งเราว่าถ้าจะคิดตามจริงๆ มันก็ค่อนข้างหนักอยู่นะ ไม่รู้ว่าเด็กๆ อ่านแล้วจะตีความได้แค่ไหนเหมือนกัน
  25. Mojave Crossing  : ข้ามทางโมฮาวี //เป็นบรรยากาศแบบยุคคาวบอย ซึ่งก็ไม่ค่อยได้อ่านเรื่องบรรยากาศนี้เท่าไหร่
  26. Your Name : เธอคือ //"ในโลกที่เต็มไปด้วยการพบพาน การพบกับบุคคลในพรหมลิขิตนั้น ยากนัก ต่อให้ได้พบ แต่ใครล่ะ จะพิสูจน์ให้เรารู้ว่านั่นคือคนในพรหมลิขิตจริงๆ" จากบทวิเคราะห์
  27. ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต //หยิบมาอ่านใหม่ เพราะนึกถึงฉากบางฉาก เป็นวังวนที่เออ หม่นได้ใจดีทีเดียว
  28. Immaculate Reception  : ฆาตกรรมวันนักบุญ
  29. Live Wire - หลอก
  30. Long Lost - แลก
  31. 4.50 From Paddington - รถไฟขบวนนี้มีฆาตกรรม //สาเหตุที่ได้หยิบเล่มนี้มาอ่านตลกมาก เพราะเข้าใจว่าเคยอ่านอีกเล่มนึง แล้วพอมาหารายชื่อหนังสือ อ้าว เล่มนี้เรายังไม่เคยอ่านนี่นา แล้วเล่มที่เข้าใจว่าเคยอ่านแล้ว ก็ยังไม่เคยอ่านอีกอะแหละ 555
  32. มอลลี่ มูน - มหัศจรรย์ข้ามกาลเวลา
  33. น้ำเงินแท้ // มีความเป็นนิยายค่อนข้างน้อย อ่านแล้วเหมือนอ่านชีวประวัติกลุ่มคนที่ถูกกว่าวถึงในเรื่องมากกว่า ไม่เหมือนกับประชาธิปไตยบนเส้นขนาน หรือปีกแดง ที่ เออ ดูเป็นนิยายอะ ส่วนหนึ่งก็อาจเป็นเพราะตัวละครส่วนมากที่ผู้เขียนหยิบมาในเล่มนี้ คือบุคคลที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ ทำให้เรามีความรู้สึกร่วมได้มากกว่า
  34. โจรสลัดแห่งเกาะตะรุเตา //เป็นความสืบเนื่องจากเล่มก่อนหน้า ทำให้อยากหยิบเล่มนี้ขึ้นมาอ่านใหม่ ซึ่งพออ่านแล้วก็อ๋อ ฉากนี้อยู่ในเล่มนี้นี่เอง ระลึกอดีตได้อีก
  35. One False Move : พลาด
  36. เดินข้างเขา หนาวข้างเธอ //อ่านเพราะเห็นชื่อหนังสือแล้วน่าสนใจดี แล้วก็ชอบหนังสือท่องเที่ยวเป็นพื้นอยู่แล้วด้วย (คือไม่มีปัญญาไปเองไง ได้อ่านก็ดีละ) แต่ก็นั่นแหละ อ่านไปอิจฉาตาร้อนไป ได้ไปทริปเดินเขาระยะเวลาเดือนนึงเต็มๆ ข้อสำคัญ ไปกับสาว (แว่นด้วย) กันสองคนอีก โอเคๆ เราตัดประเด็นส่วนตัวออกไป หนังสือเล่มนี้ก็ให้บรรยากาศการ trekking ได้ดีมาก เส้นทางอันนาปุรณะ เซอกิต ระยะยาวไกลกว่า 300 กิโลเมตร ถูกถ่ายทอดผ่านปลายปากกาของคุณหมอหนุ่ม ถือว่าเป็นผลงานการเขียนที่อ่านได้ดีเลยทีเดียว แต่ก็แอบมีจุดนึงที่ขัดใจอยู่ตลอดการอ่านหนังสือเล่มนี้ คือคุณหมอจะสำบัดสำนวนไปไหนวะครับ เห็นแววตั้งแต่บทแรกๆ ละ ที่จะหยิบปรัชญามาใส่ แล้วก็เล่นคำไปมา คำพ้องเสียง แต่ต่างความหมาย ไม่ก็กลับคำหน้าหลัง เพื่อให้เกิดความหมายตรงกันข้าม คือที่ว่ามานี่มีในทุกบทเลยนะ ไม่ต้องเดากันให้ยาก เอาแค่ชื่อบทของคุณหมอ ก็ต้องเป็นปม/ประเด็นอะไรสักอย่าง ที่ต้องเอามาสรุปตอนท้าย ทิ้งข้อคิดเป็นมหาปรัชญาไว้ให้คนอ่านได้ทราบซึ้งกันตอนจบบทอย่างแน่นอน ก็ไม่ใช่ว่ามันไม่ดี ต้องนับถือฝีมือ และการตั้งใจ ความพยายามในการใส่สิ่งเหล่านี้เข้ามา มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนจะทำได้หรอก แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนเช่นกัน ที่จะรับสาระหนักๆ จากมันสมองอันปราชญ์เปรื่องระดับนี้ได้ (ทั้งหมด) สรุปก็คือเป็นหนังสือเชิงท่องเที่ยวที่ดี แต่ก็เป็นหนังสือที่หนัก ไม่ใช่หนักด้วยจำนวนหน้า แต่หนักที่สาระและปรัชญาที่ผู้เขียนตั้งใจใส่เข้ามา (พยายามจบเลียนแบบผู้เขียน) ฮาาา
  37. The Woods : พราง //ขุดโคเบนมาอ่านซ้ำอีกแล้ว
  38. ยอดกุนซือทะลุมิติ (6 เล่ม) //เพิ่งรู้ว่านวนิยายแนวรหัสคดี (สืบสวนสอบสวน) ของจีนมันเป็นแบบนี้ 55
  39. ราชาแห่งราชัน (9 เล่ม) //นี่ก็นิยายจีนอีกแล้ว แต่เป็นแนวเกมออนไลน์แทน น่าจะเป็นต้นแบบให้นิยายเด็กดีหลายเรื่อง ที่ลองอ่านก็เพราะเห็นมีพูดถึงกันนั่นแหละ
  40. OBSESSION - กลซ้อนเงา
  41. โทษ(ส)ฐานที่อยากไป
  42. THE TRAVELER ความลับแห่งทวีปสาบสูญ เล่ม 1 นัยน์ตาสะกดมิติ 
  43. วันนี้ที่รอคอย
  44. MY PATH LEADS TO TIBET - สุดทางที่ทิเบต //เป็นหนังสือที่ทีแรกคิดว่าแนวท่องเที่ยว แต่พอได้ลองอ่านคำโปรยแล้วก็ เฮ้ย!!! น่าสนใจ แต่ก็ดองไว้พักใหญ่ๆ เลยทีเดียวกว่าจะอ่านได้ ต้องบอกว่าถึงแม้จะเป็นคนตาบอดเหมือนผู้เขียน แต่ด้วยสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน บางมุมที่ผู้เขียนคนอ่านอย่างเราก็ไม่เคยรู้มาก่อนเหมือนกัน และก็เช่นเดียวกัน บางมุมอ่านแล้วก็อืม... "จริงด้วย" ก็แปลว่าถึงแม้จะเป็นคนตาบอดที่ประเทศที่เจริญแล้ว หรือประเทศกำลังพัฒนา ประสบการณ์ร่วมก็ยังมีอะไรที่คล้ายกันไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการปฏิบัติต่อคนพิการ ปัญหาเรื่องผลประโยชน์ขององค์กรที่มีชื่อว่าทำเพื่อคนพิการ แต่เบื้องหลังก็.... (?)
  45. ทิเบตสองขา
  46. Deal Breaker : หลง //หยิบโคเบนมาอ่านซ้ำอีกแล้ว แล้วก็เจอฉากที่นึกไม่ออกว่าฉากนี้อยู่ในเล่มไหน (หายคาใจไปอีกปม)
  47. Caught : คืน //อ่านโคเบนซ้ำอีกแล้ว 55 เล่มนี้ทำให้เห็นถึง 'จักรวาล' ของโคเบน ที่มีตัวละครจากชุดไมรอน ไปโผล่ในเล่มเดี่ยวหลายเล่ม เล่มนี้มีวินมาโผล่แบบเต็มตัว กับเทเลส โผล่มาแค่ชื่อ อ้อ แล้วก็มีทนายที่ชื่อแฟร์ (ที่เป็น LGBT) โผล่มาว่าความตอนต้นๆ เรื่องด้วย คนนี้ก็มาจากเล่มเดี่ยวอีกเล่มนะถ้าจำไม่ผิด (น่าจะมาจาก Tell No One) แล้วก็มีบิกซินดี้ เป็นหน้าห้องของวินด้วย
  48. ผู้พิชิตดาราจักร //เพิ่งลองอ่านนิยายจีนแนววิทยาศาสตร์แบบที่ไม่ปนเรื่องกำลังภายในเลย ถือว่าไม่แย่เลยนะ ติดขนาดที่ว่าเก็บ 6 เล่มแบบรวดเดียวจบ 55 ทฤษฎีที่เอามาใส่ แนวคิดปรัชญาในเรื่อง ทำได้ดีไม่แพ้นิยายดีๆ หลายเล่มที่เคยอ่านมาเลย พออ่านเรื่องราวของความเป็นไปได้และความกว้างใหญ่ไพศาลของจักรวาลแล้ว ก็เป็นการลดอัตตาของเราลงได้ (อย่างน้อยก็ชั่วขณะ) คนเราควรหันมามองว่าที่แก่งแย่งชิงดีกันอยู่นี้ เมื่อเทียบในสัดส่วนของจักรวาลแล้ว ชีวิตเรา โลกเรา ถึงแม้แต่ระบบสุริยะของเรา นี้มันช่างกระจ้อยร่อยยิ่งนัก
  49. Artemis Fowl #3 - The Eternity Code - รหัสลับนิรันดร
  50. Artemis Fowl #4 - The Opal Deception - โอปอลตลบหลัง
  51. ผจญภัยข้ามขอบฟ้า
  52. The President's Vampire สายลับระห่ำโลก
  53. The president vampire Blood Oath - เลือดสาบาน
  54. ยอดกุนซือทะลุมิติ เล่ม 7
  55. ซายากะ สาวน้อยนักสืบ ตอนที่ 1 กระเป๋าสะพายใบเล็กสีเขียวอ่อน
  56. ซายากะ สาวน้อยนักสืบ ตอนที่ 2 สีฟ้าบนผืนผ้าใบ
  57. ซายากะ สาวน้อยนักสืบ ตอนที่ 3 แจ็กเก็ตสีน้ำตาลอ่อน
  58. ซายากะ สาวน้อยนักสืบ ตอนที่ 5ไ ดอารี่สีอำพัน
  59. molly moon - มหัศจรรย์เครื่องอ่านความคิด
  60. Fantastic Beast and Where to find them. - สัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่ (ต้นฉบับบทภาพยนตร์) // ก็ดีนะ อ่านแล้วรู้เรื่องกว่าตอนดูหนังเยอะเลย
  61. กาเหว่าที่บางเพลง //วางพลอตมาซะแทบจะเป็นสงครามจักรวาลได้เลย แต่หักมุมจบกันแบบง่ายๆ ได้ซะอย่างนั้น
  62. เกียวโตที่รักโตเกียวที่คิดถึง
  63. คนบ้าที่อยากเป็นพระราชา //เป็นรวมเรื่องสั้นที่มีรางวัลระดับโลกการันตีแต่อ่านยากชมัด
  64. Angel and Demonds - เทวากับซาตาน //แน่นอนว่านึกคึกอะไรไม่รู้ เอามาอ่านซ้ำ เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ แที่รู้ก็คือยังอ่านสนุกได้อยู่ ถึงแม้จะจำสปอยล์ได้เกือบทั้งเล่มแล้วก็ตาม Blum 3
  65. ความลับแห่งทวีปสาบสูญ เล่ม 2 The Whisperer เนตรสะกดวิญญาณ
  66. A Long Way Home 71 วัน ปลายทางคือบ้าน ระหว่างทางคือเรา //คือแค่อ่านคำโปรยก็อิจฉาตาร้อนขั้นสุด ทำไงถึงจะมีโมเมนต์แบบนี้ได้มั่งวะเนี่ย แต่ความน่าสนใจ (นอกจากความน่าอิจฉา) คือ เป็นการเดินทางย้อนกลับจากยุโรปมาไทย เพราะโดยมาก ถ้าอ่านทริปที่เป็นทรานไซบีเรีย ก็มักจะเริ่มต้นจากไทย แล้วก็ไปสิ้นสุดที่ยุโรปมากกว่า แต่พออ่านแล้ว ผู้เขียนอาจจะไม่ได้ตั้งใจที่จะเอามาเขียนเป็นหนังสือตั้งแต่แรก เพราะไม่ค่อยโฟกัสรายละเอียดเท่าไหร่ บางประเทศข้ามไปไม่พูดถึงเลยก็มี เหมือนจะโฟกัสเฉพาะโมเมนต์ที่ประทับใจมากกว่า ดังนั้นหนังสือเกือบ 300 หน้า ที่ส่วนใหญ่ก็เป็นรูปประกอบ เนื้อหาจริงๆ จึงไม่ได้ยาวมากนัก
  67. Gone for Good - หาย // เป็นโคเบนอีกเล่มที่ขุดเอามาอ่านใหม่อีกรอบ ซึ่งก็น่าแปลกใจว่า ทำไมตูจำจุดหักมุมที่หักแล้วหักอีกตอนจบม่ายล่ายยยย แต่อ่านแล้วก็ทำให้เจอฉากที่นึกไม่ออกว่าอ่านเจอมาจากเล่มไหนได้หลายฉากอยู่นะ
  68. A Very Short Story เรื่องมันยาว (เรื่องสั้นโนเบล #10) // มีทั้งเรื่องที่อ่านเข้าใจ และเรื่องที่อ่านไม่เข้าใจ และบางเรื่องที่ เอ่อ.. นี่เรื่องสั้นจริงรึ