EP 0.0 : Intro ที่มา ก่อนจะได้ที่ไป
สำหรับคนอยากเสพแบบสั้นๆ เราได้ใช้ Notebook LM สร้าง audio overview ไว้ให้กดฟังกันได้ตรงนี้
ทริปเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกของผู้เขียนนี้ เกิดขึ้นได้อย่างไม่คาดหมายมากๆ เพราะโดยส่วนตัว ไม่เคยคิดจะไปเที่ยวต่างประเทศมาก่อน เพราะแค่เที่ยวในไทยยังไปไม่ครบทุกภาคเล้ย จะออกนอกประเทศไปทำไม (ข้ออ้างน่ะ เหตุผลจริงๆ คือมรึงไม่มีเงิน T___T)
แต่ด้วยการเสนอแนะ พร้อมทั้งการสนับสนุนจาก 'ผู้ใหญ่ใจดี' ท่านนึง ทริปเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกของผู้เขียน ถึงเกิดขึ้นมาได้
มันเริ่มต้นที่ภูกระดึง
การพูดคุยเรื่องการท่องเที่ยวเริ่มต้นมาจากที่ผู้เขียนก็เม้าส์มอยกับ 'ผู้ใหญ่ใจดี' ท่านนั้นกันเรื่อยเปื่อย แล้วประเด็นมาถึงการไปเที่ยวของผู้เขียนได้อย่างไรก็ลืมไปแล้ว แต่น่าจะราวๆ ว่า ผู้เขียนพูดถึงภูกระดึง (สงสัยช่วงนั้นคนรีวิวลงพันทิปกันเยอะ มันเลยถูกหยิบมาพูดถึงมั้ง) แล้วก็เปรยๆ ว่า "นี่อะ ภูกระดึงนี่เป็น Landmark ที่ผมคิดว่าชีวิตนี้ต้องไปให้ได้สักครั้ง"
จากนั้นข้อเสนอแรกก็เลยถูกยกขึ้นมา ว่างั้นก็ไปไหมล่ะ เดี๋ยวสนับสนุนค่ารถ+คนนำทางให้ พาเพื่อนๆ คนพิการไปเที่ยวกัน ..... #ก็นั่นแหละครับท่านผู้ชม มีข้อเสนอดีๆ (และฟรี) แบบนี้มา เราจะปฏิเสธให้เสียน้ำใจได้อย่างไร ผู้เขียนก็เลยสานต่อประเด็นนี้อย่างเร็วไว 555
แต่... แต่... ประเด็นมันไม่ได้หยุดอยู่ที่ภูกระดึงน่ะสิครับพี่น้อง พอมาพิจารณาในรายละเอียดกันแล้ว การจะขึ้นภูกระดึงเนี่ย มันก็มีเงื่อนไขค่อนข้างเยอะ ทั้งความพร้อมของร่างกาย ช่วงเวลา คนนำทาง และปัญหาที่สำคัญที่สุดก็คือ ในกลุ่มเพื่อนๆ ของผู้เขียนที่จะไปด้วยกันนี่ มีคนพิการทางการเคลื่อนไหวแบบที่ใช้ไม้ค้ำอยู่ด้วยคนนึง ดังนั้นถ้าจะลากชีไปขึ้นภู ก็คงไม่สะดวก และชีก็คงไม่ได้ไปทริปนี้ด้วยกันกับเพื่อนๆ เราก็เลยคิดแผนกันใหม่....
จากภู ถึง ภู
คำถามคือ อะ ถ้าไม่ไปภูกระดึง เราจะไปไหนกันดี ตัวเลือกนึงที่โผล่ขึ้นมาก็คือ ผู้นำทางที่ 'ผู้ใหญ่ใจดี' เคยบอกไว้ เขาเป็นชาวต่างชาติ ที่มาปีนเขาที่ภูเก็ต ดังนั้นก็อืมมม ถ้างั้นไปภูเก็ตกันไหม (ภูที่ 2 โผล่มาละ)
แล้ว.... ภูเก็ตมีอะไร ภูเก็ตก็ไม่ได้เห็นมีอะไร (ที่น่าสนใจ) ในความคิดของผู้เขียน ก็อาจจะมีบ้านเพื่อนคนนึงให้แวะไปหา มีทะเล มีจุดชมวิว อะ ไปชมพระอาทิตย์ตก ก็อาจจะเป็นแผนที่พอใช้ได้ แล้วผู้เขียนเองก็ไม่ได้เสพทะเลมาพักใหญ่ๆ แล้ว อย่างน้อยได้เดินเล่นริมชายหาดทริปนี้ก็คุ้มแล้ว
ทริปดูเหมือนจะเป็นรูปเป็นร่าง ก็จากภูเก็ตนี่ล่ะครับ แต่.. แต่มันก็ยังไม่ใช่จุดหมายของเรา 555
จากอีสานลงใต้และ...ใต้ได้อีก
พอเราได้สถานที่ (ค่อนข้าง) แน่ชัด เราก็เริ่มชวนเพื่อนๆ ตกลงรายละเอียด สอบถามความต้องการ และพอคุยไปคุยมา ภูเก็ตก็เหมือนจะโอเคแล้วสำหรับทุกคน อาจจะยกเว้นเพื่อนคนนึงที่บ้านเกิดอยู่ทางใต้อยู่แล้ว บอกว่าไปทะเลก็ได้นะ แต่ก็เฉยๆ (ประมาณว่าตูไม่รู้จะไปทำไมแล้วทะเลน่ะ ของข้างบ้าน) >_< อะในเมื่ออาจจะมีคนไม่พอใจหนึ่งคน ดังนั้นเราก็เลยเสนอที่อื่น มาเพื่อตอบสนองความต้องการของทุกคน (แน่นอนว่าความพึงพอใจของทุกคนเป็นสิ่งสำคัญมาก ณ จุดนี้)
เลยมีข้อเสนอว่าเชียงใหม่ไหม ปัญหาก็คือ เชียงใหม่ ก็ดูไม่เห็นจะมีอะไร ค่าใช้จ่ายก็พอๆ กับภูเก็ต ถ้าจะว่าไป งั้นไปภูเก็ตก็น่าจะดีกว่านะ.... เอ๊ะๆ หรือจะไปจังหวัดอื่น ในประเทศก็ยังหาข้อสรุปกันมิได้ในกลุ่ม....
ในขณะที่ความวุ่นวายยังสรุปเรื่องสถานที่กันไม่ได้ ข้าพเจ้า ก็เพิ่มความวุ่นวายขึ้นมาอีกตลบ โดยการเสนอสถานที่เที่ยวในต่างประเทศมันซะเลย หุหุ
กลับมาที่บทสนทนาระหว่างผู้เขียนกับ 'ผู้ใหญ่ใจดี' หัวข้อสนทนามาจากกระทู้พันทิปอีกแหละ 55 เห็นกระทู้รีวิวบาหลี ผู้เขียน ก็เลยเอาไปแปะในแชท แต่ 'ผู้ใหญ่ใจดี' บอกว่า บาหลีไม่เห็นน่าไปเลย สกปรก สิงคโปร์น่าไปกว่าอีก ประเด็นก็เหมือนจะจบลงแค่นั้น แต่ประเด็นวนเวียนมาได้ยังไงก็ไม่รู้ (อีกแล้ว) จนมาจบที่ว่า "ถ้าอย่างนั้นไป Lego Land ได้ไหมล่ะครับ" คือด้วยความไม่รู้ (ที่จริงคือลืม) ว่าแถวๆ นี้มันก็มี Lego Land อยู่แค่มาเลเซีย ติดกับไทยเรานี่เอง ถามไปกะว่า ถ้าไป Lego Land มันก็คงต้องไปแถบยุโรปโน่นนนน (คงจะได้ไปหรอกนะ 555)
แต่ที่ไหนได้ ก็นี่ไง Lego Land ที่มาเลเซียนี่ไง จะไปไหมล่ะ? ก็เงิบสิครับ เออหวะ มันมีอยู่แค่นี้เอง ไปดีไหมนะ.... แน่นอนว่าที่ต้องมีแอบชะงักฉุกคิดกันนิดนึงเพราะ เฮ้ย นี่มันออกนอกประเทศแล้วนะ เรื่องงบประมาณ จุดนี้เราไม่สน (ไม่ได้เป็นคนออกเองทั้งหมดอยู่แล้ว อิอิ) แต่เงื่อนไขการเดินทาง นั่นโน่นนี่ มันจะเพิ่มขึ้นกว่าการเดินทางแค่ในประเทศมากอยู่นะ ไปดีไหมหว่า....
อันที่จริง ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจ แค่เอาข้อเสนอล่าสุดนี้กลับไปถามเพื่อนๆ (ผู้ร่วมทริ) ว่าสนใจกันไหม โอเคไหม ถ้าจะไปกันถึง Lego Land โน่น ซึ่งเสียงตอบรับก็ค่อนข้างดี คือตอบโจทย์ทุกคนได้ ไม่เหนือ ไม่ใต้ ไม่ทะเล มี activity ให้ทำได้ สถานที่แปลกใหม่ ไม่เคยมีใครไปมาก่อน อืมๆ งั้นแปลว่าตกลงกันสินะ โอเค Lego Land ก็ Lego Land ก็เอาข้อสรุปกลับไปปรึกษา 'ผู้ใหญ่ใจดี' ใหม่อีกรอบ....
ผลจากการหารืออย่าง (ไม่) เคร่งเครียด ก็ได้ข้อสรุปว่า โอเค 'ผู้ใหญ่ใจดี' ของเรา จะสนับสนุนค่าเดินทางและค่าที่พัก ซึ่งในกรณีนี้ก็ต้องเป็นค่าตั๋วเครื่องบิน+ค่าโรงแรมล่ะ จะไปกันกี่วันก็... แล้วแต่ (แหมดีจัง) แต่ค่าเข้า ค่าอาหาร และอื่นๆ ฯ ออกกันเองนะจ๊ะ ก็ถือว่าโอเคนะครัช เพราะงบประมาณในการท่องเที่ยวส่วนใหญ่ น่าจะเกินครึ่ง ก็ต้องไปลงกับค่าเดินทางกับค่าที่พักนี่อยู่แล้วล่ะ ได้ส่วนนี้มา ก็ลดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะ ใครจะไม่ไป 55
แต่เรื่องมันยังไม่จบเท่านั้น (ตัลหลอดดดด) ด้วยความได้คืบจะเอาสอก ได้สอกจะเอาไหล่ 555 ในเมื่อขนาด Lego Land ก็ยังอนุมัติ เอ๊ะ หรืองั้นเราจะไป Disney Land Hong Kong กันมั้ย? หรือมีที่อื่นน่าไปกันอีกไหม ประเทศแถวๆ นี้ ลาว ไต้หวัน เวียดนาม ฯ (เอามันให้ครบทั้งอาเซียน ฮาา)
แต่ดูจากอะไรต่างๆ ข้อสรุปก็กลับมาตกลงว่าเราจะไป "Lego Land" กันนี่แหละ ไม่เปลี่ยนใจละ
ถึงจะรู้ที่ไป แต่ก็ยังไม่มีแผน
จากทฤษฎีวิวัฒนาการ เขาว่าส่วนที่ทำให้ลิงพัฒนากลายมาเป็นมนุษย์ ก็คือการพัฒนาของสมองส่วนหน้า ซึ่งเป็นส่วนที่ใช้คิดวิเคราะห์วางแผน (เรียกเล่นๆ ว่าสมองส่วนผู้บริหาร) ดังนั้น ถ้าเราจะทำอะไรให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี เราก็ต้องเริ่มจาก"การวางแผนการ" ที่ดีใช่ไหม แต่ทริปนี้ ถึงแม้เราจะรู้ที่ไปกันแล้ว แต่แผนการยังไม่เป็นรูปเป็นร่างอะไรเลย ยังไม่ได้กำหนดวัน ยังไม่ได้ศึกษาข้อมูลรายละเอียดของการไป ทุกอย่างก็ยังดูเป็นแผนลอยๆ
จนเดือนกว่าๆ ผ่านไป อยู่ๆ พอมันจะเป็นรูปเป็นร่าง มันก็เป็นขึ้นมาซะอย่างนั้น สาเหตุจริงๆ อาจจะเพราะเราสรุปเรื่องสมาชิกในทีมที่จะไปได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เริ่มมาคุยกันแบบจริงจังขึ้นว่าเราจะไปนะ ไปแน่ๆ แหละ แล้วจะไปกันเมื่อไหร่ ยังไง
คุยไปคุยมา จากการศึกษาข้อมูล ก็พบว่า ที่จริงเจ้า Lego Land เนี่ย ถึงมันจะอยู่ในประเทศมาเลเซียก็จริง แต่อยู่ในรัฐที่ติดกับสิงคโปร์เลยนะ เดินทางไม่นานก็ถึง (มาพบตอนหลังว่าแค่นั่งรถเมล์ ก็ไปได้) ถ้าอย่างนั้นเราควบสองประเทศกันเลยไหม เพราะถ้าจะไปแค่ Lego Land ที่เดียว ก็ไม่น่าจะมีอะไรให้เที่ยวมากนัก เดี๋ยวไปไม่กี่วัน จะไม่คุ้มค่าตั๋วเครื่องบินเอา 55
สรุปแผนก็คือ เราจะไปสิงคโปร์ + มาเลเซีย โดยสถานที่หลักๆ ที่วางไว้ก็คือ 2 สวนสนุก ได้แก่ Universal Studios @สิงคโปร์ และ Lego Land @มาเลเซีย นั่นเอง โดยหาตั๋วเครื่องบินไปและกลับที่สิงคโปร์ และพักที่สิงคโปร์เป็นหลัก แค่หาเวลาวันนึง นั่งรถข้ามไปฝั่งมาเลเซีย เที่ยว Lego Land แล้วก็กลับสิงคโปร์ เท่านี้ เราก็จะได้เที่ยวถึงสองประเทศ แถมมีสถานที่ในสิงคโปร์ให้เลือกไปมากมาย ไม่น่าเบื่อแน่นอน
ดราม่า -1 วัน เวลา
ถึงแม้จะสรุปสถานที่ได้ชัดเจนมากขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญอีกอย่างสำหรับแผนการก็คือ "วันที่" เราก็ยังไม่ได้สรุปกันอยู่ดีว่าเราจะไปกันเมื่อไหร่ แรกสุดเลย 'ผู้ใหญ่ใจดี' เคยบอกไว้ว่า จะอนุมัติงบสักราวๆ เมษา ซึ่งก็แปลว่าเราคงต้องไปกันหลังจากนั้น และหลังจากนั้นนานพอสมควรเลย เพราะถ้าจะประหยัดงบด้วยการจองสายการบิน low-cost เราก็ต้องรอจังหวะตั๋วโปรโมชันที่จะได้ราคาถูกเป็นพิเศษหน่อย
คุยกันไปคุยกันมา ก็เริ่มมีข้อเสนอว่า หรือเราจะไปกันก่อน (ขอเบิกงบก่อนกำหนดละกัน) ถ้าจะไปเร็วกว่านั้น จะไปช่วงไหน ด้วยความที่แต่ละคนก็ทำงาน ดังนั้นวันที่ไป ก็ควรจะมีวันหยุดยาว และก็คงต้องห่างจากวันที่คุยกันไปอีกพอสมควร (ตอนนั้นคุยกันช่วงปลายๆ เดือน พ.ย. 58) วันที่พอจะเป็นไปได้ และเร็วที่สุดก็เป็นวันมาคะบูชา ซึ่งหยุดยาว เสาร์-อาทิตย์-จันทร์ ถ้าจะไปยาวกว่า 3 วัน เราก็ลากันเพิ่มไม่กี่วันได้ แผนการก็เลยเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้น
สรุปแผนแรกได้ความว่า เราจะไปกัน 5 วัน 5 คืน โดยเดินทางดึกของคืนวันแรก พอถึงที่โน่น เราจะได้มีเวลาเต็มๆ วัน แต่... คิดแผนก็ส่วนคิด พอลงในรายละเอียดแล้ว อะไรๆ มันก็ไม่ได้สวยหรูอย่างที่เราคาด
ปัญหาแรกเลยคือ ถ้าเราไป flight ดึก ก็ต้องถึงดึก (มาก) ซึ่งมันก็ยังไม่เช้า ก็มีหวังต้องนอนสนามบินกันมั่งแหละ แล้วถ้านอนสนามบิน มันจะโอไหม วันเต็มๆ ที่เราหวังไว้นั้น จะได้เที่ยวกันสนุกหรือเปล่า คือถ้าพักผ่อนกันได้ไม่เต็มที่ ก็คงจะลุยทั้งวันกันไม่สนุกมั้ง ไหนจะปัญหาเรื่องสัมภาระอีก ถ้าไปถึงเช้า (สมมติว่าข้ามผ่านเวลาที่ต้องแกล่วอยู่ที่สนามบินรอรถไฟใต้ดินเปิดกันไปแล้ว) เราก็ยังเช็กอินโรงแรมไม่ได้อีก จะฝากของ ก็ไม่รู้โรงแรมจะไว้ใจได้แค่ไหน (คือข้าพเจ้ากะว่าจะเอาโน้ตบุ๊กไปด้วยอะนะ) ก็เลยยังเป็นปัญหาที่คิดไม่ค่อยตกเท่าไหร่ แต่ด้วยความอยากไปมันบังตา 555 ปัญหาเหล่านี้ ก็เลยถือซะว่าข้ามๆ ไป มันก็ไม่ใช่อะไรที่ร้ายแรงมาก ถึงเวลาก็จัดการกันได้เองแหละ อิอิ
ดังนั้นแพลนแรก เราเลยกำหนดกันว่าจะไปวันที่ 18 - 22 ก.พ. โดยหา flight ตอนดึก ของวันที่ 17 เพื่อที่จะได้มีเวลาเที่ยวมากๆ (ณ จุดนี้งกเรื่องเวลามาก พยายามคิดแพลนให้ไปได้ยาวที่สุด) อิอิ
ดราม่า -2 ความพร้อม
โอเค แผนการพร้อม วันเวลาได้แล้ว ที่เหลือก็สมาชิกนี่แหละพร้อมกันหรือเปล่า อย่างแรกสำหรับการไปต่างประเทศที่ทุกคนยังไงก็ต้องมีก็คือหนังสือเดินทาง (Passport) ซึ่งในกลุ่มที่ไปกัน 5 คน เข้าใจว่ามีแค่ผู้เขียนนี่แหละที่ไม่มีหนังสือเดินทางอยู่ผู้เดียว เราก็เลยจะไปทำให้ว่องที่สุด ณ ตอนนั้นเป็นช่วงต้นเดือน ธ.ค. แล้ว กว่าจะไปทำ กว่าจะได้ ก็คงราวกลางเดือน ก็กะว่ากลางเดือน เราก็จะเริ่มหาจองตั๋วเครื่องบินกันได้เลย เพราะถ้าจะจองตั๋วเครื่องบินไปต่างประเทศมันต้องใส่เลข passport ของทุกคนอะ
แต่พอมาคุยกัน กลายเป็นว่ามีอีกคนที่ก็มี Passport แหละ แต่ดันหมดอายุไปแล้ว ก็เท่ากับว่าก็ต้องไปทำใหม่อยู่ดี เราก็เร่งๆ ให้ไปต่อ แต่ด้วยอะไรไม่รู้พี่แกก็ไม่ยอมไปต่อสักที คุยไปคุยมา คือจะไปต่อช่วงหลังปีใหม่โน่น เฮ้ย มันแปลว่ากว่าจะได้เล่ม กว่าจะหาจองตั๋ว มันเหลือเวลาจากที่แพลนไว้เดือนเดียวเองนะ จะได้ตั๋วถูกไหมเนี่ยยย #ดราม่าเริ่มเกิด
ความวัวยังไม่ทันหายความฟายก็เข้ามาแทรกอีก จากที่นัดวันกันไว้ดิบดีแล้ว เวลาผ่านไป ผู้เขียนก็จะได้เล่ม Passport อยู่แล้ว ดันมีสมาชิกอีกคนนึง มาบอกว่า วันที่คุยกันไว้ขอลางานไม่ได้ เฮ่ยยย!!!
คือมันผ่านจากตอนที่สรุปเรื่องวันเวลากันมาหลายอาทิตย์แล้วเลยอะ ระหว่างนี้ไปทำอะไรอยู่ #มาบอกอะไรป่านนี้ จากบรรยากาศที่ดีๆ ทีนี้ก็แป่วเลยสิครับ ที่แย่หนักกว่านั้นก็คือ ชีดันไม่คิดจะแก้ไขปัญหาที่ตัวเองก่อขึ้น (คือไม่รู้สึกว่าเป็นปัญหาสินะ) แค่มาบอกว่าวันนั้นลาไม่ได้ แล้วไง แล้วคุณมรึงจะลาได้วันไหน ทำไมไม่บอกด้วยล่ะคร้าบ
สถานการณ์ก็มาคุอยู่เป็นสัปดาห์ จนผู้เขียนไปปรึกษากับสมาชิกคนอื่นๆ (คุยกันส่วนตัว ไม่ไปแชทในกลุ่ม) ว่าถ้าไม่ได้วันที่ตกลงกันไว้แต่แรกจะเอายังไงกันดี เพราะถ้าเลื่อนจากปลาย ก.พ. ไปแล้ว ช่วงปลาย มี.ค. ก็มีเพื่อนอีกคนติดสอบอีก ก็อยากจะใช้เวลาเตรียมตัวอ่านหนังสือ แค่ตารางปลาย ก.พ. นี่จริงๆ ก็ไม่ค่อยอยากจะไปแล้ว วันหยุดถัดไปที่เป็นไปได้คือช่วงปลาย เม.ย. ต่อกับ พ.ค. ซึ่งมีวันหยุดยาว แต่ผู้เขียนเองก็มองว่า ช่วงนั้นอาจจะเข้าหน้าฝนแล้วหรือเปล่า ไปประเทศแถบเส้นศูนย์สูตรตอนที่ฝนชุบ ก็อาจจะเจอฝนรัวๆ ทำให้งานกร่อยไปอีก หรือจะไปตอนช่วงสงกรานต์ ก็มองว่าคนเยอะอีก ค่าตั๋วเครื่องบินก็คงหาถูกๆ ไม่ได้ ถ้าจองเอาป่านนี้
หรือมีวันหยุด (แค่ของบางคน) ที่ได้หยุดช่วงตรุดจีน ตอนปลาย ม.ค. ต่อ ก.พ. แต่ช่วงนี้ก็มองว่าคนที่บ้านเขาก็หยุดเหมือนกัน ดังนั้นจะไปแย่งกันเที่ยวกับคนบ้านเขาก็ไม่น่าจะสนุก แผนที่พอเป็นไปได้ก็คือ ลดแพลนให้เหลือแค่ 3 วัน 2 คืน โดยเอาช่วงวันหยุดมาคะบูชาเหมือนเดิมนั่นแหละ ถ้าไม่ต้องลา ก็ไม่น่าต้องมีปัญหา แต่ก็ใช่ว่าจะไร้ปัญหาโดยสิ้นเชิง เพราะถ้าไปแค่ 3 วัน 2 คืน ก็ควรขึ้นเครื่องค่ำวันศุกร์ ซึ่งแปลว่าก็อาจต้องเลิกงานเร็ว เพื่อมาสนามบินให้ทันเที่ยวบินกัน ก็ยังไม่แน่ว่าจะได้กันอีก....
ดราม่าเก่าคลี่คลาย ก็มีดราม่าใหม่มาอย่างต่อเนื่อง
พอผ่านมาถึงต้น ม.ค. คุณเพื่อนเจ้าปัญหา (เรื่องวันลา) ก็มาเคลียตัวเองจนได้ สรุปคือชีสามารถลาได้ช่วงต้นเดือน มี.ค. ก็เลยเอามาสรุปในที่ประชุม (ก็แค่ 5 คนนั่นแล) ว่าโอเคไหม ถ้าจะไปช่วงนั้น และจะไปกันกี่วัน ก็เลยได้ข้อสรุป ซึ่งกลายมาเป็นแพลนที่ได้ไปจริงๆ กันว่า จะไปกัน 5 วัน 4 คืน โดยเดินทางเช้าวันแรก จริงๆ ก็ไม่เช้ามาก เพราะได้เที่ยวบินตอน 9:05 ถึงโน่นทำอะไรๆ กว่าจะถึงโรงแรม ก็คงได้เวลา Check in พอดี ก็ถือเป็นตารางที่โอเค สำหรับทริปยาวหน่อยแบบนี้
แต่..ช้าแต่... ถ้าเรื่องมันจะง่ายอย่างนั้น ก็คงไม่ใช่ทีมนี้ ดราม่าแล้ว มันก็ต้องมีดราม่าเล่า (ให้เล่า) กันอีกจนได้ พอสรุปวันเสร็จ ทุกอย่างดูเหมือนจะไปได้ราบรื่น เราก็มีปัญหาใหม่นั่นคือ มีสมาชิกคนนึงขอถอนตัว อ้าว!!!
ด้วยปัญหาส่วนตัวอะไรมิทราบได้ คำอธิบายฟังดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ พยายามแล้ว แต่ชีก็ยังยืนยันว่าไม่อยากไปแล้ว ขอถอนตัวแน่ๆ เราก็ได้แต่ทำใจ และหาสมาชิกคนใหม่กันต่อไป (ในเวลาอันกระชั้นชิด)
สาเหตุที่ต้องหาสมาชิกให้ครบนั้น เนื่องจาก ทีมของผู้เขียนที่ไปเที่ยวกันนี้ ประกอบไปด้วยคนพิการ 3 คน สองหนุ่มที่ตาบอด และประสบการณ์เดินทางด้วยตัวเองน้อยนิดพอๆ กัน แปลว่าก็ต้องการพี่เลี้ยงคอยประกบหนึ่งต่อหนึ่ง แถมด้วยอีกหนึ่งสาว ซึ่งพิการทางการเคลื่อนไหว ต้องใช้ไม้ค้ำในการช่วยเดิน ดังนั้นสมาชิกในทีมจึงต้องครบ 5 คนตามแผน จะขาดหรือเกินไปก็คงมิได้ (เพราะถ้าเกินจะมีปัญหาเรื่องบแทน)
เสาะแสวงหาอยู่หลายวันพอสมควร น่าจะเกินหนึ่งสัปดาห์ ในที่สุดเราก็ได้ผู้ร่วมทริปคนใหม่ (แต่ไม่ใช่หน้าใหม่) ก็เพื่อนๆ ของเพื่อน ของเพื่อน ของเพื่อน กันนี่แหละ (จริงๆ มันก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรขนาดนั้นปะ?) แปลว่า ถึงตอนนี้ เราก็ได้สมาชิกครบแล้ว ทุกคนพร้อม Passport พร้อม ตังพร้อม (อันนี้สำคัญ) ก็สามารถเริ่มก้าวแรกของทริปอย่างเป็นรูปธรรมกันได้แล้ว เย้ๆ