Hotwave Music Award 2017 ในทัศนะของข้าพเจ้า
Hotwave Music Award 2017 ในทัศนะของข้าพเจ้า
ก่อนที่ฤดูกาลครั้งใหม่ ใน Hotwave Music Award 2018 จะเริ่มขึ้นในสัปดาห์หน้า เราก็ขอบล็อกความคิดความเห็น จาก Hotwave Music Award 2017 ปีก่อน เก็บไว้ก่อนแล้วกัน
อันที่จริงมีแรงบันดาลใจอยากจะเขียนบล็อกนี้ตั้งแต่ตอนต้นปีแล้วคือจังหวะเปิดฟังผลงานของน้องๆ ทั้ง 8 วง บนรถไฟฟ้า แล้วก็ร่างในหัวคร่าวๆ ว่าแต่ละเพลง จะเขียนวิเคราะห์วิจารณ์ออกมาประมาณไหน ตอนนั้นคิดจะใช้ทีมภาษายากๆ ล้อเลียนกระแสช่วงนั้นด้วย แต่ตอนนี้ล้มเลิกความตั้งใจนั้นไปละ (ขี้เกียจนั่นเอง)
แต่เนื่องจาก ณ ขณะนั้นอุปกรณ์ไม่เอื้ออำนวยเท่าไหร่ ถ้าร่างไอเดียตอนนั้นลงเป็นตัวอักษรได้ทันทีทันใดเลย ก็คงจะดีมาก แต่เราก็ยังตั้งใจอยากจะเขียนถึงประเด็นนี้อยู่ดี อย่างน้อยก็ควรจะได้เขียนก่อนได้ดู Hotwave Music Award 2018 ก็ยังดีนะ
ประสบการณ์กับ Hotwave Music Award ครั้งอดีต
แน่นอนว่าวัยรุ่นยุค 90s' อย่างเรา ก็โตมากับคลื่นวิทยุอยอดฮิตอย่าง Hotwave แน่นอน (จริงๆ คลื่นแรกที่ติดคือ 93.5 Radio Vote Satellite นะ 555 ใครทันมั่ง)
และกิจกรรมประจำปี ที่โด่งดังมากๆ ซึ่งมาคู่กับคนเสพดนตรี ก็คือการประกวดดนตรีนี่เอง โดยเฉพาะแนวคิดที่ให้โรงเรียนระดับมัธยม รวมวงกันเข้ามาแข่งขัน คือจับกลุ่มเด็กวัยรุ่นไฟแรงๆ จังหวะฮอร์โมนกำลังเริ่มพรุ่งพร่านนี่แหละ ทุกอย่างเลยเป็นส่วนผสมที่ลงตัวมาก
แน่นอนว่า การประกวดครั้งแรกตอนปี พ.ศ. 2539 เราเองก็ยังเด็กเกินกว่าที่จะสนใจอย่างจริงจัง (ยังไม่ได้ฟังคลื่นนี้เท่าไหร่ด้วยแหละ) แต่ผลงานจากการประกวดครั้งนี้อย่างวงละอ่อน ในทุกวันนี้ก็คงจะไม่มีใครที่ไม่รู้จัก
การประกวดครั้งแรกๆ ที่เราเริ่มจะสนใจ ก็คงจะเป็นตอนที่เริ่มเรียนมัธยมแล้ว และการประกวดครั้งที่สนใจที่สุด ก็เป็นปีที่มีวงจากโรงเรียนของเราเข้าแข่งขัน และได้เข้ารอบ ซึ่งการลุ้นผลการประกาศวงที่เข้ารอบแรกนี่เป็นอะไรที่สุดยอดมาก ยังกับได้เข้าประกวดเอง 55
ปีแรกคือวงของรุ่นพี่ ซึ่งคือวง "ชิงคันเซ็น" ได้เข้ารอบ และไปได้ถึงอันดับที่ 3 และถ้าจำไม่ผิด ได้ตำแหน่งนักดนตรียอดเยี่ยมมาเพิ่มด้วยอีกรางวัล คือวงนี้ส่วนตัวก็รู้จักมือกี้ต้าของวง ซึ่งดูแล้วพี่แกก็เป็นตัวหลักของวงเลยด้วยซ้ำ เห็นว่าเดโม่ที่ส่ง พี่แกจัดคนเดียวซะหลายตำแหน่ง (คือที่บ้านมีห้องซ้อมห้องอัดเองเลย) การเรียบเรียงเพลงที่ทำส่ง ถึงส่วนตัวจะไม่ได้ชอบฟังเพลงแนวนั้น แต่ก็ยอมรับว่าทำได้ดีมากทีเดียว
และอีกปี ซึ่งเป็นปีสุดท้ายก่อนที่เราจะเลิกตาม Hotwave Music Award ก็คือปีที่วงในรุ่นเรา ได้รางวัลชนะเลิศ จากการประกวดนี้ คือเป็นอะไรที่ลุ้นสนุกมาก (ราวกับเข้าประกวดเองอีกแล้ว :หุหุ) วงเพื่อนชื่อวงอะไรแล้วหว่า ลืมไปแล้วเหมือนกันแฮะ ส่วนตัวไม่ได้รู้จักกับนักดนตรีในวงที่เข้าแข่งขันแบบสนิทสนมอะไร แต่ด้วยความที่ก็อยู่ชั้นเดียวกัน อยู่ในแวดวงวิชาดนตรีของโรงเรียนเหมือนๆ กัน ก็พอคุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่บ้าง ความเห็นส่วนตัวคือ คุณภาพของวงเพื่อนเราเอง ดูจะสู้วงรุ่นพี่ที่เข้ารอบปีก่อนยังไม่ได้ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้เป็นวงชนะเลิศ
และพอพ้นวัยมัธยมออกมา ทั้ง Hotwave และ Hotwave Music Award ก็ห่างจากชีวิตเราไปเช่นกัน จนไม่ทราบด้วยซ้ำ ว่ารายการนี้เขาเลิกจัดกันไปเมื่อไหร่ จนได้มาทราบข่าวเมื่อปีก่อนนี่แหละ ว่าการประกวดนี้จะกลับมาอีกครั้ง ซึ่งอยู่ในวัยที่ไม่ค่อยจะมีอะไรทำ (เรียกว่าว่าง) ก็ได้โอกาสกลับมาติดตามรายการนี้อีกครั้ง
การกลับมาของการประกวด Hotwave Music Award
จากการยกเลิกการประกวด Hotwave Music Award ไปเมื่อปี 2556 (เข้าใจว่าประกวดครั้งสุดท้ายคือของปี 2555) และกว่า 5-6 ปี รายการนี้ก็ได้กลับมาใหม่ ทำให้เป็นการบ่มเพาะความฝันของเด็กมัธยม วัยที่เคยเห็นรุ่นพี่ๆ เขาได้ประกวดรายการนี้กัน แต่ตอนนั้นตัวเองก็ยังไม่สามารถเข้าร่วมประกวดได้ จนเมื่อโอกาสได้กลับมาอีกครั้ง หลายคนก็ไม่พลาดที่จะเข้าสู่สังเวียนที่รอคอยครั้งนี้
เราได้ติดตาม Hotwave Music Award 2017 ตั้งแต่การประกวดรอบ 50 วง ที่สยาม (#ทีมหน้าคอม) ก็ได้แต่กร่นด่าคุณภาพเสียงของ Facebook Live ว่ามันช่างกากเหลือทน แต่จะทำยังไงได้ เพราะเทปที่ทีมงานเอาไปขึ้น Youtube ก็ไม่ได้คุณภาพต่างกัน (เดาว่าก็เอาคลิปจาก Facebook Live นั่นแหละไปตัดต่อ)
ซึ่งในรอบ 50 วงนี้ ก็มีหลายวงที่มันมาก เจ๋งมาก น่าสนใจมาก แต่ก็มีได้แค่ 8 วง ที่จะได้ผ่านเข้ารอบถัดไป เพื่อหาผู้ที่มีฝีมือดีที่สุดของการแข่งขันครั้งนี้...
หนึ่งในวงที่เราฟังแล้วค่อนข้างชอบ ก็คือวง Retenner อาจเพราะเพลงที่ถูกนำมา Rearrange นี่เป็นเพลงที่เราไม่เคยฟังเลย แต่ด้วยซาวด์คีย์บอร์ดที่ใส่เข้ามา ทำให้ฟังแล้วรู้สึกว่าทำดนตรีออกมาได้ดู color ดี แต่...ก็ไม่ได้เข้ารอบ เพราะต้องยอมรับว่าทำได้ดีในระดับที่แค่น่าสนใจ แต่คุณภาพนักร้อง คุณภาพการเล่นก็ยังไม่ได้โดดเด่นเท่าที่ควร
Hotwave Music Award 2017 top 8 ในทัศนะของข้าพเจ้า
หนึ่งในประสบการณ์ฟังคลื่นวิทยุต่างๆ ก็คือการจัดชาร์ต (chart) ที่ทำให้เรารู้ว่าชาวบ้านเขาชอบฟังเพลงไหนกัน ณ เวลานั้น ดังนั้น เพื่อเป็นการรำลึกถึงประสบการณ์ครั้งอดีต เราก็ขอจัดชาร์จเรียงลำดับตามความชอบของตัวเอง โนสนโนแคร์ความเห็นจากคณะกรรมการของการประกวดแต่อย่างไร อิอิ
โดยลำดับนี้ จะยึดจากความชอบในเพลงที่ออกมาเป็น single ของแต่ละวง หลังจากจบการประกวดแล้ว ซึ่งเราถือว่า producer ได้ดึงเอาศักยภาพและความเป็นวงนั้นๆ ให้ออกมาอย่างดีที่สุดแล้ว (ซึ่งคิดว่าจริงนะ)
NO. 8 - มั่นคง
เราได้ฟังผลงานของวงมั่นคงกันครั้งแรกจากการประกวดรอบ 50 วง ในผลงานเพลง 'สติกเกอร์' ซึ่งถือว่าทำได้น่าประทับใจทีเดียว นักร้องซึ่งมาแพกคู่ มีการสลับบทบาทกัน ช่วยกันเอนเทอร์เทนคนดูได้อย่างดี และด้วยที่เป็นวงชายล้วน ทำให้ได้คะแนนนิยมจากสาวๆ ไปพอสมควร (ซึ่งไม่มีผลต่อการตัดสิน)
แต่โดยส่วนตัวแล้ว ผลงานในรอบถัดๆ มา ของวงนี้ ซึ่งจะเน้นเพลงแนวมัน ร็อกแบบหนัก ก็ไม่ได้ถูกใจข้าพเจ้าเสียเท่าไหร่ ยิ่งผลงานในรอบ Semi-final ที่แค่นำเพลงเก่าๆ ที่เคยใช้ประกวดแล้ว กลับมารวมกันแบบเมตเล่ ทำให้ผิดหวังกับวงนี้เป็นอย่างมาก คือหวังว่าจะได้ฟังอะไรเจ๋งๆ แต่กลับได้ฟังเพลงเดิมๆ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม คุณภาพทั้งด้านดนตรี และการเอนเทอร์เทนคนดูคนฟังของนักร้องทั้งสองคนของวงนี้ ก็ทำให้คณะกรรมการ ยกอันดับที่ 2 ให้ไปครอง
NO. 7 - The Ambulance
คงปฏิเสธไม่ได้ว่า จุดเด่นของวงนี้อยู่ที่นักดนตรีสาวทั้งสามตำแหน่ง ซึ่งนอกจากความน่ารักแล้ว ฝีมือของพวกเธอก็ต้องยอมรับว่าดูถูกไม่ได้เลยทีเดียว ผลงานในรอบ 50 วง ก็ทำออกมาได้โดดเด่น จนคณะกรรมการชมกันแบบออกหน้าออกตา น่าจะเป็นวงแรกๆ ที่ฟังความเห็นของกรรมการแล้ว "วงนี้เข้ารอบแน่ๆ"
และผลงานในรอบถัดๆ มาของวงนี้ ก็ค่อนข้างขึ้นๆ ลงๆ อาจด้วยความกดดัน อาจด้วยความที่ยังจับจุดไม่เจอ ทำให้มีความแกว่งของทั้งฝีมือและแนวดนตรีที่ทำออกมาในแต่ละรอบ และผลสุดท้าย ก็ทำให้วงนี้ไม่ได้เข้ารอบ 4 วงสุดท้ายแต่อย่างไร
ส่วนผลงานเพลงที่ได้ทำออกมาใน single แรกของพวกเขา ก็ถือว่ายังไม่น่าประทับใจนักในความเห็นของข้าพเจ้า คือถ้าดึงเอาน้องผู้หญิงทั้งสามคน ให้มีส่วนกับการร้องเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ จะดีมาก นี่มีมาแว่วๆ ในไลน์ประสานนิดเดียวเอง เสียดายๆ
NO. 6 - ชงโคบอย
วงนี้เป็นอีกวงที่ได้รับคำชมจากคณะกรรมการในรอบ 50 วงเป็นอย่างมาก ซึ่งไม่ใช่เพราะเป็นวงที่ฝีมือดีที่สุด หรือทำเพลงออกมาได้โดดเด่นแต่อย่างไร แต่เนื่องจากว่าเป็นวงที่ทั้งวงเป็นเด็กมัธยม 1 วัยเพียง 12-13 ปีเท่านั้น ซึ่งก็ต้องยอมรับว่ามีน้อยวงมากที่จะมีเด็ก ม. 1 อยู่ในวง แต่นี่เล่นยกมากันทั้งวง และฝีมือก็ถือว่าไม่ได้แพ้วงอื่นๆ เลยด้วย
งาน single ของวงนี้ ก็เลยออกมาเป็น "ปีกเล็กๆ" ซึ่งเป็นตัวแทนของแต่ละคนในวง ซึ่งเนื้อหาจะตีความไปในทางคนรักที่ได้แรงบันดาลใจจากคนรักก็ได้ แต่ส่วนตัวตีความเนื้อหาของเพลงนี้ไปในทางกำลังใจจากพ่อแม่ผู้ปกครองที่สนับสนุนให้น้องๆ มาถึงจุดนี้ได้มากกว่า แต่ซาวด์ดนตรีของเพลงนี้ เราฟังแล้วนึกถึงเพลง ไม่บอกเธอ ของวง Bedroom Aduio ยังไงไม่รู้แฮะ
NO. 5 - Natural
เป็นอีกวงที่มีความโดดเด่นมากในรอบ 50 วง เนื่องจากเป็นวงที่มีจำนวนนักดนตรีเยอะที่สุด (อาจจะเยอะที่สุดตั้งแต่มีการประกวด Hotwave Music Award มาเลยด้วยซ้ำมั้ง) แถมยังเป็นวงจากต่างจังหวัด อีกต่างหาก
การที่ใช้นักร้องนำ เป็นนักร้องสาวถึง 3 คน แถมยังมีการนำเครื่องดนตรีไทยเข้ามาเป็นส่วนผสม ส่วนตัวก็ตามเชียร์วงนี้อยู่พอสมควร เพราะอยากเห็นอะไรใหม่ๆ ที่ไม่ใช่วงดนตรีสากลทั่วไปให้แจ้งเกิดบนเวที Hotwave Music Award กับเขาบ้าง
ซึ่งการที่วงนี้ได้เข้ารอบ 8 วง ก็ถือว่าเป็นสีสันให้การประกวดครั้งนี้ได้มากพอสมควร เพราะเราจะได้เสพดนตรีที่แตกต่างออกไปบ้าง ซึ่งผลงานในรอบต่างๆ ก็ต้องบอกว่าเป็นงานหนักของคุณครูที่ดูแลวงมากๆ เนื่องจากการจะออกแบบให้คนทั้งวงผสมกันออกมาได้อย่างดีนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แถมด้วยรูปแบบวงที่ค่อนข้างบังคับแนวเพลงที่จะนำเสนอกลายๆ ก็ทำให้วงนี้ไปได้ไม่สุดทาง ที่เส้นชัย แต่การที่ได้เข้าถึงรอบ 4 วงสุดท้าย ก็ต้องยอมรับว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
single ที่ออกมา ค่อนข้างเป็นแนวตลาด ไม่ใช่แนวที่วงนำเสนอตัวเองในการประกวดแต่อย่างใด เพียงแค่นำเครื่องดนตรีไทยเข้ามาเสริมไว้เท่านั้น ส่วนตัวก็เลยให้คะแนนวงนี้ไว้ที่ลำดับที่ 5 เท่านั้น ถึงจะแอบเชียร์เป็นการส่วนตัวก็ตาม
NO. 4 - Methane
วงที่คงความโดดเด่นไว้ได้ตั้งแต่รอบแรกจนรอบสุดท้าย และพวกเขาก็ได้ทำตามฝันได้ในที่สุด ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะถ้าใครได้ตามตั้งแต่รอบ 50 วง ก็จะเห็นว่าคณะกรรมการทุกคนชมกันเป็นเสียงเดียว ชมจนเราก็สงสารวงถัดไปที่ต้องออกมาแสดงต่อจากวงนี้ไปเลย (ถ้าไม่แกร่งพอ จะเอากำลังใจที่ไหน)
เป็นวงสามชิ้น + 1 นักร้อง ที่เล่นดนตรีได้ต้องบอกว่าเฉียบมาก ซึ่งพอไปสืบย้อนหลังแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะจากประวัติของวง ที่รวมวงกันตั้งแต่เข้าโรงเรียนมัธยม และก็สานฝันด้วยการเข้าประกวดเวทีต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง เรียกว่าประสบการณ์บนเวทีนี่นำคู่แข่งไปไกล ไม่ต้องนับเรื่องฝีมือเลย
และเอาจริงๆ ส่วนตัวก็รู้สึกว่า เพลงที่ใช้แสดงในรอบ 50 วงของวงนี้ เป็นเพลงที่วงนี้ทำออกมาได้ดีที่สุดในการประกวดครั้งนี้ของพวกเขาเสียด้วยซ้ำ (เป็นอีกเพลงที่เราได้รู้จักจากการดูการประกวดครั้งนี้เหมือนกัน) คือถ้านับเฉพาะเรื่องการเรียบเรียง มีอีกรอบนึง ที่ดูจะเรียบเรียงมาได้น่าสนใจกว่า แต่ด้วยความขัดข้องทางเทคนิก ทำให้การแสดงรอบนั้น ติดขัดอย่างน่าเสียดาย
ส่วน Single ของวงนี้ สำหรับเพลง "เสียง" จุดเด่นก็อยู่ที่ "เสียง" จริงๆ แนะนำว่าควรหาลำโพงหรือหูฟัง พร้อมด้วยระบบที่ท่านคิดว่าจะรับฟังดนตรีได้ดีที่สุด แล้วเปิดเพลงนี้ฟังแบบตั้งใจ เปิดโศดประสาทของท่านให้กระจ่างใส และจะพบกับความตั้งใจในการเล่นกับ "เสียง" ของ producer ที่ทำเพลงนี้ออกมาได้น่าสนใจอย่างมาก
เริ่มต้นด้วยเสียงกีต้าที่มาในด้านขวา และซาวด์กลองที่โอบเราจากด้านหลังและด้านซ้าย การเสริมด้วยเบสส์จากตรงกลาง และการปรากฏตัวของเสียงนักร้องนำจากด้านหน้า...
ไลน์กีต้าอีกไลน์ที่เสริมมาในด้านซ้าย และกลองที่ยังโอบล้อมเราจากด้านหลัง...
ทุกอย่างเริ่มมากองกันตรงกลางในท่อนโซโล่ ก่อนที่จะเริ่มต้นใหม่ ในท่อนเชื่อมด้วยไลน์กีต้าทางด้านซ้าย เสียงนักร้องจากตรงกลาง เป็นเหมือนการเดินทางของวง ที่เริ่มจากมือกีต้า ตามมาด้วยนักร้อง กลอง เบสส์ และตอนนี้เราจะพบกว่าซาวด์กลองมาอยู่ด้านหน้าเราแทนแล้ว พร้อมด้วยไลน์ประสาน ทำให้เพลงดูแน่นขึ้น มีพลังมากขึ้น
ต้องนับว่าทั้งดนตรี เนื้อเพลง และการออกแบบ "เสียง" ของเพลงนี้ ทำได้ดีจนน่าชื่นชม ในเชิงดนตรีแล้ว เราคงต้องบอกว่าทำออกมาได้สมกับเป็นวงที่ชนะเลิศการประกวด Hotwave Music Award 2017 มากๆ (แต่ก็ยังไม่ใช่อันดับหนึ่งของชาร์ตของข้าพเจ้า 55)
NO. 3 - Not Sleep
จุดเด่นและดูจะเด่นเกินคนอื่นๆ ในวงไปไกลค่อนข้างมาก สำหรับวงนี้ก็คือนักร้องนำ ที่ต้องบอกเหมือนทุกคนที่ได้ฟังในการประกวดรอบ 50 วงว่า "inner จัดเต็มมากกก) และเลือกเพลงที่นำมาเรียบเรียงใหม่ได้ตรงกับนักร้องนำจริงๆ แม้ว่าฝีมือของนักดนตรีจะตามมาแค่ห่างๆ ก็ตาม
แต่สาเหตุที่วงนี้ได้มาถึงอันดับ 3 ของชาร์จนี้ ก็เพราะว่าเพลง single ที่ทำออกมา ถือว่าเป็นเพลงตลาดมากๆ ฟังแล้วติดหู เนื้อหาน่าจะถูกใจใครหลายๆ คน ถือว่าผลงานที่ producer ดึงออกมา ทำได้ดีกว่าในการประกวดค่อนข้างมาก
ทั้งการที่ดึงความสามารถที่แท้จริงของน้องผู้หญิงมือเบสส์ ที่จริงๆ เล่นเปียโน แต่โดนบังคับมาเป็นมือเบสส์แบบไม่ได้ตั้งใจ ให้มาเสริมในไลน์เปียโนของเพลงนี้ (แล้วตอนแสดงสดน้องเขาจะเล่นตำแหน่งไหนล่ะเนี่ย?)
ทั้งเนื้อหา ซึ่งดึงเอาความรักวัยรุ่น แบบเพื่อนแอบรักเพื่อนมาใช้ (สื่อถึงคนในวงอ๊ะป่าววว) รวมถึงไลน์การร้อง ที่ดึงความสามารถในการแสดงออกถึง inner จัดๆ ของนักร้องออกมาได้อย่างค่อนข้างดี ทำให้ส่วนตัวคิดว่าเพลงนี้น่าจะติดตลาดได้ไม่ยาก เทียบกับเพลงอื่นๆ จากการประกวดครั้งนี้
ป.ล. ข้อเสียของน้องนักร้องนำคือ พูดไม่มีหางเสียง เราก็นึกว่าเราอคติไปคนเดียวหรือเปล่า แต่ในการประกวดรอบนึง ขนาดพี่เป้วง Mind ยังคอมเมนต์จุดนี้เหมือนกัน แปลว่าเราไม่ได้คิดไปเองแล้วแหละ
NO. 2 - Hot Ass
เป็นอีกวงที่ ไม่เข้าตาเราเลยตั้งแต่การประกวดรอบ 50 วง ข้อนึงอาจเพราะความสามารถของน้องนักร้องนำ ยังดูขาดความมั่นใจไปมาก ขนาดได้เข้ารอบแล้ว ความมั่นใจของน้องนักร้องนำ ก็ยังดูเป็นปัญหาของวงอยู่พอสมควร ทั้งการแสดง การเลือกเพลงที่จะนำมาแสดง ทำให้วงนี้ในรอบการประกวด ไม่ได้แสดงศักยภาพที่น่าจะทำได้ดีมากกว่านั้นออกมาได้
แต่สาเหตุที่วงนี้กลับได้มาติดถึงอันดับ 2 ของชาร์ตนี้ ก็เพราะ single ที่ออกมานี่แหละ ฟังแล้ว "เฮ้ย" มันเจ๋ง producer ดึงความใสของน้องนักร้อง รวมถึงแนวดนตรีที่วงนี้ควรจะเป็นได้ออกมาได้แจ๋วมาก ลูกเล่นในไลน์เสียงประสานของนักร้อง เพลงที่เน้นเนื้อหาใสๆ รักในวัยเรียน เนื้อหามีเรื่องโซเชียลเน็ตเวิร์ค โน่นนี่ ดนตรีจังหวะกลางๆ โดดได้ โยกตามได้ แถมด้วยท่อนโซโล่ที่เปลี่ยนอารมณ์ด้วยเสียงแซ็คโซโฟนเป็นอีกเพลงที่ฟังแล้วติดหูได้ไม่ยากเลย
ป.ล. เสียงหัวเราะตอนจบเพลงนี่มัน.... >_<
NO. 1 - I Hate Monday
และมาถึงอันดับ 1 ของข้าพเจ้า ที่ชอบที่สุดในการประกวดครั้งนี้ ก็คือวง I Hate Monday นี้นี่เอง...
วงนี้แสดงความโดดเด่นตั้งแต่ในรอบ 50 วง ที่เรียบเรียงเพลงออกมาได้ "เจ๋ง" มาก ใช้ดนตรีแนวที่คนอื่นเขาไม่เล่นกัน ใช้ทางคอร์ดที่ยาก คือถ้าคุณเป็นนักดนตรี ฟังแล้วรู้เลยว่าวงนี้ไม่ธรรมดา
และก็น่าเสียดายที่ ในการประกวดวงนี้ก็เหมือนจับทางตัวเองยังไม่ถูก คุณภาพมีการแกว่งไปแกว่งมา เหมือนจะตกรอบ แต่ก็ไม่ตก เหมือนจะไปได้สุด แต่ก็ยังไม่สุด เลยไม่ใช่วงที่ชนะเลิศในการประกวด แต่ก็ชนะเลิศในใจเรานะ 555
และสำหรับ single ที่ออกมา ก็อีกเช่นเคย producer ดึงความเป็นวงนี้ออกมาได้สุดๆ ทั้งนักร้อง ทั้งนักดนตรี ใช้ความเป็นตัวเอง ใช้ศักยภาพของตัวเองออกมาได้อย่างเต็มที่ เพลงฟังครั้งแรกอาจจะยังไม่ติดหูนัก แต่พอฟังซ้ำไปสักหน่อย ก็หลอนหูอยู่ไม่ใช่น้อย
ไม่แน่ใจว่าแต่ละวงใช้ห้องอัดที่เดียวกันหรือเปล่า แต่รู้สึกว่า "หยดนี้ให้เธอ" เป็นอีกเพลงที่ producer ให้ความสำคัญเรื่องซาวด์ค่อนข้างมาก ตำแหน่งเครื่องดนตรีชัดเจน รูปวงสวย และรวมกับแนวดนตรีที่น่าจะเรียกว่าป๊อปแจซซ์ (Pop Jazz) ทำให้ฟังแล้วเป็นเพลงที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูงมากๆ รวมถึงเนื้อหาที่อธิบายได้ยาก เศร้าไหมก็เคยเศร้านะ แต่ตอนนี้แข็งแรงละ อยู่ใน "จุดที่ฉันจะก้าวต่อไป ในเส้นทางที่ต้องเดิน"
NO. 0 - เพลงที่ประทับใจที่สุด
ตั้งแต่รอบ 50 วง จนถึงรอบ final เราก็ได้ฟังการ cover เพลงต่างๆ กัน ร่วมๆ 100 เพลงได้ จริงๆ ก็มีหลายเพลงที่ค่อนข้างประทับใจ แต่ถ้าจะให้เลือกมาได้แค่เพลงเดียว และเป็นเพลงเดียวที่นึกถึงแล้วก็อืม... มัน WOW! สุดๆ คงต้องยกให้ "เรื่องที่ขอ" จากวง I Hate Monday ในรอบ semi-final
ด้วยแนวเพลงที่เลือกใช้ ความเท่ของ dubble bass การลำดับ dynamic จังหวะต่างๆ ทำได้ลงตัวมากๆ คือเป็นดนตรีที่ต้องยอมรับว่าฟังยาก แต่ก็เอาคนดูอยู่อย่างไม่น่าเชื่อ น่าเสียดายจริงๆ ที่เพลงนี้ไม่ได้บันทึกในห้องอัด มันต้องออกมาเป็นอีกเพลงที่ดีมากๆ แน่เลย