ความคิดเห็นที่
67
ไชยยันต์และหมูหวานพากันลากคุณชายอนุชาถูลู่ถูกังออกมาจากกระท่อม
กว่าจะพ้น
เขตอันตรายมาได้ทั้งสองก็ถึงกับหอบแฮ่กๆ ซี่โครงโยน
ไชยยันต์นั้นก้มหน้าก้มตา
ลากเพื่อนรักไปเงียบๆ ส่วนหมูหวานนั้นออกแรงไปพลางรำพันไปไม่หยุดปากจน
อดีตนายทหารปืนใหญ่ชักจะเริ่มรำคาญขึ้นมาหน่อยๆ
“ นี่ เธอ… อดจิต อดใจ รอให้กลางเขาฟื้นมาก่อนค่อยมารำพันได้ไหม
เฮ้อ…”
“ พิลึก ” หมูหวานค้อนขวับ
“ ดิฉันจะรำพึงรำพันถึงใครมันก็ไม่น่าที่ใครจะเป็นเดือด
เป็นร้อนไปด้วยนี่คะ อีกอย่าง กระทู้นี้เน้นสิทธิสตรีเจ้าค่ะ
ดิฉันมีสิทธิ์ที่จะร้องแรกแหก
กระเฌอหรือกระทำการใดๆ ก็ได้ทั้งนั้นหากไม่ขัดต่อตัวบทกฎหมาย
”
“ เอ้า เชิญตามสบายเถอะ แม่คุณ ฉันไม่ขัดเธอล่ะ
” ไชยยันต์ทำตาปริบๆ อยากจะบอกเลิก
แสดงเต็มแก่ พราะบทของเขาโดนยัดเยียดให้ทะเลาะกับผู้หญิงมาตั้งแต่ภาคหนึ่งยันภาค
พิสดาร พ้นจากคุณหญิงดารินมาเจอยายหมูหวานผู้ฝีปากคงจะไม่ย่อหย่อนไปกว่ากันเข้าให้
เฮ้อ.. ยายนี่น่าจะเปลี่ยนชื่อเป็นหมูเปรี้ยว
หรือม่ายก็หมูดุ คงจะสมกับบุคลิกของหล่อนมากกว่า
เขาคิดในใจพลางออกแรงลากเพื่อนเกลออย่างเต็มอึด
ในขณะที่หูก็ต้องทนฟังเสียงของสาว
(ไม่)น้อยรำพันต่อไปอย่างตีบทแตกสมบทบาทดาวรุ่งพุ่งกระจาย
“ โถ คุณชายกลางขา เลิฟซีนยังไม่ได้ถ่ายทำท่าจะซี้เบ้งไปง่ายๆ
เสียแล้วด้วยน้ำมือของ
ใครก็ไม่รู้หมูไม่ยอมหรอกค่ะ ฯลฯ คุณชายกลางต้องเป็นหวานใจของหมูต่อไปให้ถึงวัน
อังคารนะคะ อีกวันเดียวเท่านั้นเอง ฯลฯ
คุณชาย คุณช้าย ว้าย กรี๊ดๆๆๆๆๆ ”
หมูหวานส่งเสียงกรีดร้องลั่น เมื่อสัมผัสจากมือของเธอบอกให้ทราบว่าเนื้อหนังมังสาอัน
อบอุ่นกล้ามบึ้กของอวัยวะส่วนหนึ่งของคุณชายอนุชา(มือน่ะ
อย่าคิดมาก) ที่เธอฉวยแน่น
ไว้ ในมือตอนลากถูลู่ถูกังออกมาจากกระท่อมติดไฟนั้นกลายเป็นอะไรก็ไม่รู้สากๆ
คายๆ
กระด้างราวกระสอบป่าน ไชยยันต์ใจหายวาบ
ก้มลงดูสหายรักทันทีแล้วต้องตกตะลึง
พรึงเพริดพูดอะไรไม่ออกราวโดนไม้ซ้อมครกอุดปาก
สิ่งที่ทั้งสองช่วยกันลากติดมือออกมาและกองแอ้งแม้งอยู่ในขณะนี้
หาใช่ร่างอันอ่อน
ปวกเปียกของคุณชายกลางเสียแล้วไม่ แต่กลายเป็นกระสอบป่านบรรจุขี้เลื่อยเปียกน้ำ
ไว้จนเต็มและหนักอึ้ดส่วนร่างของคุณชายกลางนั้นอันตรธานหายไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้….
--------------
อนุชาฟื้นคืนสติขึ้นมาอีกครั้งและพบตัวเองนอนไขว่ห้างอยู่บนพื้นหินเย็นเยียบ
หัวสมอง
ของเขาหนักอึ้งราวกับมีอะไรไปถ่วงไว้ ตลอดเรือนร่างนั้น
ร้าวระบมเคล็ดขัดยอกไปทั่ว
สรรพางค์กายราวปล้ำช้างสิบตัวในเวลาเดียวกัน
เขาค่อยๆ เปิดเปลือกตาอันหนักอึ้ง
หยีตาขึ้นมาดูสภาพรอบข้างอย่างช้าๆ
ในครั้งแรกนั้นสายตาของเขามันพร่าไปด้วยแสง
สีขาวสว่างจ้ารายรอบด้าน สถานที่นี้จะเป็นที่ไหนก็ตามแต่
ทว่ามันไม่ใช่กระท่อมซึ่งเขา
นอนหลับอุตุรอกินหมูอยู่เมื่อกระทู้ที่ผ่านมาเป็นแน่
เขากวาดสายตาไปรอบๆ โดยไม่ขยับ
เคลื่อนไหวร่างกายให้เป็นที่สังเกต แต่แล้วรีบหลับตาปี๋
ลงอย่างเดิมเมื่อเห็นเงาร่างสูงใหญ่
บึกบึนร่างหนึ่งยืนกอดอก อยู่ทางปลายเท้าของเขา
และกำลังจ้องมองมาอย่างเงียบๆ
เขาพยายามพรางอาการไว้ ไม่ให้ ร่างนั้นรู้ว่าเขามีสติคืนมาแล้วอีกครั้งเพื่อที่จะประวิงเวลา
หาทางหนีทีไล่ ทว่าเปลือกตาที่กระพริบน้อยๆ
แทบจะสังเกตไม่ได้นั้นไม่สามารถรอดพ้น
สายตาคมกริบของอีกฝ่ายที่จ้องดูอากัปกิริยาอยู่ทุกขณะก่อนแล้ว
ร่างสูงสง่าได้สัดส่วนสมชายนั้นหัวเราะหึๆ
อย่างขันๆและรู้เท่าทันในเล่ห์เหลี่ยมของพราน
ชด ผู้เปรียบเสมือนหมูป่าเขี้ยวตันทุกกระบวน
อนุชาใจหายวาบเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะนั้น
สายตาของเจ้าผู้นี้เฉียบไวยิ่งกว่าเหยี่ยว
และฟังจากน้ำเสียงหัวเราะของมันนั้น เขาหยั่งรู้ได้
ทันทีว่าเจ้าคนที่ลักพาตัวเขามาไม่ได้โง่น้อยไปกว่าเขาแม้แต่นิดเดียว
“ คุณอากลางครับ คุณอา… ไม่ต้องนอนเอาเชิงอยู่อย่างนั้นหรอกครับ
ตื่นเสียทีเถิด ”
“ เฮ้ย แกเองหรอกหรือ เจ้าไพรฯ ”
อนุชาลืมตาโพลง เขาลิงโลดจนแทบกระโดดผลุงขึ้นมา
ทั้งๆ ที่กำลังนอนไขว่ห้างทำทีสลบอยู่
ร่างสูงสง่าได้สัดส่วนราวเทพบุตรกรีก ซ่อนร่างอยู่
ในบอดีสูท มือซ้ายยันสโนว์บอร์ดไว้ในลักษณะเอาปลายด้านหัวทิ่มลง
ส่วนมือขวานั้นหิ้ว
ปืนกลมือแบบอูซี่แม็กโค้งลำกล้องตัดสั้นสวมไซเรนเซอร์
ใบหน้าคมสันนั้นสวมแว่นกันแดด
อาร์มานีกรอบสีเงินวาว ระบายไว้ด้วยรอยยิ้มน้อยๆ
มาดเฉียบขาดยิ่งกว่า เพียซ บรอสแนน
ตอนกระโดดตุ้บลงมาจากช็อปเปอร์แล้วไถสกีดิ่งไปจากยอดเขา
และบุรุษผู้นี้จะเป็นใครอื่น
ไปไม่ได้ นอกจาก ไพรวัลย์ อนันตรัย
ผู้มีศักดิ์เป็นหลานของเขานั่นเอง
“ แล้วคุณอาคิดว่าผมเป็นใครล่ะครับ เจ้ามันตรัย
คู่ปรับของคุณอาหรืออย่างไร ”
อนุชายิ้มกร่อยๆ เมื่อถูกหลานชายย้อนถามอย่างจี้ใจดำได้ตรงเผง
ถึงอย่างไรก็ตามเขาก็รู้สึก
โล่งราวยกภูเขาออกจากอกไปได้เมื่อพบว่าผู้ที่ลักพาตัวเขามาจากกระท่อมหลังนั้นคือไพรวัลย์
ผู้เป็นหลาน และไม่มีพิษภัยอันตรายใดๆ กับเขาอย่างแน่นอน
เขายันกายลุกขึ้น แล้วพบว่า
พื้นที่เขานอนอยู่นั้นปกคลุมไปด้วยหิมะเย็นเฉียบ
และแสงสว่างเจิดจ้ารายรอบด้านนั้นเป็น
แสงสะท้อนของดวงตะวันจากปุยหิมะที่รายรอบบริเวณ
ไพรวัลย์ อนันตรัย ก้าวยาวๆ ไปที่สโนว์โมไบล์
ที่จอดอยู่ใต้ร่มไม้ ซึงอนุชาไม่ทันสังเกต
เห็นในตอนแรก ทายาทของนายปืนโต อย่างที่พรานพื้นเมืองพากันเรียก
นั้นรื้อค้นอยู่ตรง
ส่วนเก็บสัมภาระท้ายรถ อยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ส่งแว่นกันแดดของเรย์แบนด์
แบบสิงห์รถบรรทุก
มาให้ อีกทั้ง แจ็กเก็ตหนังแบบตะวันตกภายในบุขนสัตว์อย่างดี
ติดดาวหกแฉกหนึ่งดวงไว้
หราตรงหน้าอก ผ้าพันคอสีฉูดฉาดลายพร้อย เสื้อตาหมากรุก
ของทิมเบอร์แลนด์ กางเกง
ผ้ายีนส์แบบฉาบน้ำมันน้ำตัดเย็บปราณีตและรองเท้าบู๊ตหนังจระเข้เป็นเงามันวาบติดเสปอร์
ครบเครื่องแถมด้วยเข็มขัดหนังงูเหลือม
ตบท้ายด้วยหมวกดัดปีกทรงคาวบอยหนังบีเวอร์
ทั้งหมดนี้ อนุชานัยน์ตาวาวรับมาสวมใส่อย่างยินดีแทนชุดอันมอมแมมกะรุ่งกะริ่งมาตั้งแต่
ฉากที่แล้ว
“ บา.. เจ้าหลานชายนี่ช่างรู้ใจอาเสียจริงๆ
เอาละ ทีนี้ละ ถึงไหนถึงกัน ไหนบอกอามาสิ
ว่าเป็นไง มาไง แกถึงมาโผล่ที่นี่ได้
”
“ ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ผมป้วนเปี้ยนอยู่แถวกระทู้อยู่นานแล้ว
แต่โพสต์ไม่ทันเสียที
เพราะมัวแต่ยุ่งๆ ทางด้านอื่นอยู่
มาได้จังหวะเหมาะเอาอีตอนที่ไฟไหม้กระท่อม เห็นคุณพ่อ
ของผมและนางเอกคนใหม่ของกระทู้ช่วยกันลากคุณอาออกมา
ผมก็เลยฉวยโอกาสสับเปลี่ยน
ตัวคุณอากับกระสอบขี้เลื่อยเสียเพราะขืนอยู่นานไป
ดีไม่ดีคุณอาจะเสียท่ากับนางเอกใหม่ถอน
ตัวไม่ขึ้นเสียเปล่าๆ ”
“ ขอบใจว่ะ หลานรัก ให้มันได้อย่างนี้สิ
” อนุชาตบหลังไพรวัลย์ดังป้าบพร้อมกับเอ่ยเป็น
ทำนองชมเชยทั้งที่ในใจอยากจะกระทืบมันให้จมดินเพราะหมูกำลังจะได้หามดันเจอคานเข้า
มาสอด เขาทำปากหมุบหมิบแอบแช่งชักหักกระดูกทั้งตระกูลอนันตรัยอยู่ในใจ
เพราะเดาออก
ว่าพ่อลูกคู่นี้คงจะเตี๊ยมกันมาเรียบร้อยให้แยกตัวเขาออกมาจากนางเอกคนใหม่เพื่อที่ไชยยันต์จะ
ได้เข้าเสียบอย่างเต็มภาคภูมิ ไชยยันต์นั้นเป็นสหายรักของเขาเอง
เขาจึงย่อมรู้ดีว่า ไชยยันต์นั้น
เจ้าชู้ยิ่งกว่าใครทั้งสิ้นในนิยายเรื่องนี้
แถมยังได้เล่นบทเลิฟซีนมาตั้งหลายครั้งในภาคหนึ่ง
ในขณะที่เขาต้องทนติดคุกมรกตนครอยู่เป็นปีไม่มีแม้กระทั่งโอกาสจนแทบจะเห็นหนานอิน
‘ยิ้มได้’ ตอนถูกขังอยู่ด้วยกันในคุก
และดูท่าทางในอีกไม่กี่กระทู้ข้างหน้า ไชยยันต์ก็คงจะได้
เล่นเลิฟซีนอีกตามเคย ในขณะที่เขาคงหนีไม่พ้นโดนไพรวัลย์หลานชายลากไปเดินป่าเสียย่ำแย่
เหมือนอย่างที่เคยผ่านมา แต่เมื่อตกกระไดแล้วเขาก็ต้องพลอยโจน
ทำเป็นหัวเราะชอบอกชอบใจ
ทั้งที่เสียงหัวเราะของเขามันฟังแปร่งปร่าขัดหูเต็มทนในความรู้สึก
“ ฮ่าๆ เอิ้ก เยี่ยมจริงๆ ว่ะ หลานชาย
เคี้ยกๆ หุ หุ ฮึ่ม กรรรรรร ”
“ และยิ่งไปกว่านั้น…” ไพรวัลย์ชะงักการหัวเราะ
แล้วสบตาอนุชานิ่งก่อนจะเอ่ยออกมาด้วย
น้ำเสียงจริงจัง
“ ที่ผมพยายามนำตัวคุณอากลางกลับมาร่วมทางนั้น
เพราะคุณอายังมีภาระผูกพันกับผมอีกอย่างหนึ่ง ”
“ ??? ”
จากคุณ : ไพรวัลย์ อนันตรัย
- [8 พ.ค. 10:55:55]