ความคิดเห็นที่
45
“ เหอๆๆๆๆ ”
เสียงหัวเราะดังลั่นอย่างสะใจดังก้องถ้ำ อับดุลมันตรัย
เอ๊ย มันตรัย (เฉยๆ) ยืนจังก้าหัวร่อลั่น
อยู่อย่างลำพองในชัยชนะ ข้างกายมีเจ้ามะกูด
ลูกกะจ๊อกตัวสำคัญยืนกุมเป้าเอาหน้าอยู่
ตรงพื้นเบื้องหน้าของอมนุษย์ผู้ที่น่าจะจมนรกสันดาปไปตั้งเนิ่นนานแล้วนั้น
มีร่างของหนุ่มหล่อ
ประจำกระทู้ถูกมัดมือมัดเท้าและอุดปากกลิ้งอยู่เหลือแต่นัยน์ตาปริบๆ
มันตรัยหัวเราะจนสาแก่ใจ
แล้วยกมือขึ้นโบกวูบเป็นสัญญาณให้แก่ลูกน้องตัวเอ้
อีกฝ่ายคว้าดาบหัวตัดออกมายาวเฟื้อยสืบเท้า
เข้าไปอย่างหมายมั่น…
พลั่ก !
“ โอ๊ย นาย มาเตะผมทำไมเนี่ย
อูยยย ” มะกูดยักแย่ยักยันลุกขึ้นมาอุทธรณ์ลั่น มันตรัยตวาดแว้ด
“ ข้ายกมือเป็นสัญญาณให้แกเอาผ้าปิดปากมันออกว๊อย
จะได้เล่นบทเจรจา ไม่ใช่ให้ไปเอาชีวิตมัน
คนที่จะลงมือนั้นต้องเป็นข้า มันตรัยผู้เป็นนายของเองเท่านั้น
จำใส่กะลาหัวไว้ด้วย จะได้ไม่ต้อง
เจ๋อทำหน้าที่เกินบทอีกต่อไป ”
“ ไม่ต้องไปกราดเกรี้ยวกับลูกน้องหรอก มันตรัย
เราเจรจากับเจ้าได้ด้วยตัวของเราเอง ไม่ต้อง
ลำบากลำบนถึงเจ้า หรือลูกน้องของเจ้าหรอก
”
มันตรัยและมะกูดหันขวับไปทางต้นเสียงทันที
ณ. ที่นั้นเอง ไพรวัลย์ อนันตรัย ยืนอย่างโดดเด่น
เป็นสง่าหน้าด้านๆ อย่างที่เคยทำมาแทบทุกกระทู้ตามสถิติที่ผ่านมาไม่ว่าเขาจะถูกจับมัดมือมัดเท้า
อุดปากหรือแม้แต่ถูกขังคุกมืด ทว่าสุดท้ายก็ยังหนีออกมาทำความปั่นป่วนให้กับชาวบ้านได้ราวกับ
เขาเป็นศิษย์เอกของคอปเปอฟิลล์ จนชาวถนนฯชักจะหมั่นไส้เขากันถ้วนหน้า
แต่ถึงกระนั้นก็เหอะ
ขืนรอให้มีใครมาแก้บทให้ คงจะคอยเงก
ไหนๆ ก็ไหนๆ ละกัน หยวนๆ น่า…เนอะ
เขาบิดกายอย่างเมื่อยขบเพราะถูกจับมัดมาเป็นเวลาเนิ่นนานดัดคอแล้วเอี้ยวตัวมองไปรอบๆ
ถ้ำศิลาแห่งนั้น
แล้วเอ่ยออกมาเปรยๆ
“ มันตรัยเอย จนแล้วจนรอดชาวกระทู้เขาไปไหนต่อไหนกันแล้ว
ท่านยังอาศัยอยู่ในถ้ำ มีลูกน้อง
หัวทึบๆตัวเหม็นสาบ ท่านเองก็ไม่เคยได้อาบน้ำฟอกสบู่ถูขี้ไคล
ที่ท่านจับคุณหญิงดารินมาได้
กี่ครั้งกี่คราคุณเธอก็ไม่ยอมตกลงปลงใจกับท่านเสียทีกลับเล็ดรอดออกไปได้ทุกทีนั้น
ไม่ใช่อะไร
หรอก แต่เป็นเพราะนางรังเกียจกลิ่นกายท่านที่อยู่มาเป็นแสนๆ
ปีไม่เคยรู้จักใช้โรลออนหรือแม้แต่
สเปรย์ระงับกลิ่นตัว ยิ่งลูกน้องของท่านยิ่งย่อหย่อนสมรรถภาพ
ทำอะไรไม่เคยสำเร็จแถมยังถูก
เราหลอกให้อุ้มมาถึงถ้ำอีก อิ อิ
น่าสงสารท่านเสียนี่กระไร ”
มันตรัยว้ากเพ้ย
“ หนอยเจ้าหนุ่มลูกคางใส สูจะมีกลเม็ดเด็ดพรายอย่างไรก็งัดมาใช้กับตูได้เลยมิต้องพูดมากมาย
ขี้เกียจอ่าน เปลืองกระทู้โว้ยรู้ไหม ”
“ ใจเย็นๆ น่า ” ไพรวัลย์ยกมือห้ามปรามด้วยท่วงท่าปลอดโปร่ง
“ ที่เรามาในวันนี้มิได้มีเป้าหมายมา
ปะทะกับท่านหรอก เราเพียงแต่จะมาแก้ข่าวคราวอันหนาหูผิดๆ
พลาดๆ เกี่ยวกับตัวเราเสียที
ที่แล้วมานั้นเราถูกใส่ไคล้และป้ายสี ให้กลับกลายเป็นหนุ่มชั่วช้าลามก
และล่าสุดถึงขนาด
เป็นตัว แพร่เชื้อไวรัสเลิฟบั๊ก ทำให้เกิดเอาท์เบรคอย่างวุ่นวายจนชาวเพชรพระอุมาบนถนนนักเขียน
พากันเบือนหน้าหนีไปตามๆ กัน และเราก็ล่วงรู้มาว่า
ท่านคิดจะกำจัดเราเพราะนังหนูพลับพลึง
สีชมพู ผู้เปรียบเหมือนหลานบุญธรรมที่ท่านคิดจะเลี้ยงต้อย
ใช่หรือไม่ ”
“ หรือสูจะปฏิเสธว่าไม่จริง ” มันตรัยหัวเราะเยาะหยัน
“ กระทู้ของสูที่ส่งมานั้นหมิ่นเหม่ถึงขนาด
นั้นยังจะแก้ตัวปฏิเสธอีก อีกอย่าง
นังหนูพลับพลึงนั้นต้องตกเป็นของมันตรัยตูข้าอย่างแน่นอน
ด้วยเดชมหาคัมภีร์มายาวินแห่งตู..”
ไพรวัลย์ส่ายหน้าแช่มช้า “ ท่านเข้าใจผิดแล้ว
มันตรัย เรานั้นมิได้มีใจฝักใฝ่สตรีแม้แต่นางเดียว
ในกระทู้นี้ อีกประการนั้น เราเองหวงแหนความบริสุทธิ์ที่ไม่ค่อยจะผุดผ่องของเรายิ่งกว่า
เจ้าหนุ่มแบ็คสตรีท บอย คนนั้นเสียอีกนะท่าน
ทว่าเราชมชอบผลักไสให้ผู้อื่นยืนหมิ่นเหม่อยู่
ริมขอบเหวเพื่อความสนุกสนานสะใจของเราเท่านั้น
หารู้ไม่ว่าจะกลับกลายเป็นความฝันเพ้อเจ้อ
ไร้สาระของเราเอง ทำให้คนอ่านหลงอ่านเสียจนแทบล้มประดาตาย
สุดท้ายก็แค่ฝันไป
เหมือนๆ กับนิยายโดราเอมอน เราเริ่มเหนื่อยหน่ายกับการยัดเยียดบทบาทให้ผู้อื่น
และสุดท้าย กลับกลาย
เป็นความว่างเปล่าเสียแล้ว กระทู้ของเราเองก็ค้างๆ
คาๆ จนแฟนๆ ระอา ขืนปล่อยไว้ให้เนิ่นนาน
ค่านิยมในตัวเราคงตกวูบยิ่งกว่าหุ้น Nasdaq
เอาละ…อย่าให้เราต้องพูดพล่ามทำเพลงกันยาว
ที่เรามาหาท่านวันนี้ก็เพื่อตกลงอะไรบางอย่าง ”
“ สูยังจะมีทางเลือกอื่นใดอยู่อีกหรือ นอกจากเป็นทาสรับใช้อันซื่อสัตย์ของตูข้า
ในเมื่อสูได้เหยียบ
กรายเข้ามาในดินแดนอันเป็นของตูข้าเช่นฉะนี้แล้ว
”
มันตรัยขู่ฟ่อราวจงอาง นิ้วเหี่ยวคล้ำของมันยกขึ้นชี้หน้าอีกฝ่ายอย่างกราดเกรี้ยว
ทั้งที่ในใจนึก
ประหวั่นและพรั่นพรึงในลูกบ้าทะลุโลกแหกกระทู้ของไพรวัลย์
อนันตรัย อย่างที่ไม่ต้องท้าพิสูจน์
ว่าบุรุษหนุ่มผู้นี้ มุทะลุดุดันและระห่ำไร้เหตุผลยิ่งกว่าแรดโทนยามอารมณ์ฉุนเฉียว
เจ้าเล่ห์เพทุบาย
ยิ่งกว่าเสือสมิงกินคนมาเป็นร้อยศพ และลื่นไหลจนจับไม่ติดยิ่งกว่างูเหลือม
ไพรวัลย์ส่ายหน้าอีกคราทั้งๆ ที่เริ่มจะเมื่อยคอ
“ มันตรัยเอย เราขอบอกกับท่านเป็นครั้งสุดท้าย
ว่าตัวเรามาตกลงกับท่านอย่างสันติวิธี เราเอง
ต่อจากนี้จะก้มหน้าก้มตาเดินป่าไม่ดึงใครเข้าซีนมาร่วมกับเราอีกหากเขาไม่ยินยอมพร้อมใจ
และนังหนูพลับพลึงนั่นก็เหมือนกัน ที่เรามาในครานี้เพื่อแก้ไขอนาคต
เราเองเป็นผู้รักอิสระอย่างยิ่ง
และเปิดเผยจนเสรีอย่างยิ่ง หากนางอยากจะเป็นเด็กน้อยอยู่เช่นนี้ก็เป็นเรื่องของนาง
หากนางจะตกลง
ปลงใจกับเรา ก็แล้วแต่หัวใจของนางเองเถิด
เราเองก็มีทางเดินของเรา และคนอื่นๆ ก็มีทางเดิน
ของเขาเช่นเดียวกัน หากมีโอกาสวาสนา
เราคงได้พบพานกันอีกในวันข้างหน้า มิต้องกังวลไปดอก ”
มันตรัยมองไพรวัลย์อย่างพิจารณา แล้วแสยะยิ้มเล็กน้อย
เอ่ยออกมาอย่างไม่ยินยอมเชื่อใจ
“ ที่สูพูดมาสำนวนราวหนังจีนกำลังภายใน สูจะเอาสิ่งใดมายืนยันให้ตูแน่ใจว่าสิ่งที่สูพูดนั้น
เป็นความจริงมิหลอกลวงให้ตูต้องงมงายเป็นรอบที่ห้าพันหกร้อยสิบเก้าเล่า
”
ไพรวัลย์ยิ้มมุมปากน้อยๆ อย่างลึกลับ
เรามิมีสิ่งใดมายืนยัน คำพูดของเราย่อมเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ดีพอในภายภาคหน้า
เอาละ เราเปลืองน้ำลาย
ไปหลายลิตรแล้วในการมาครั้งนี้ ลาก่อน..มันตรัย
แล้วพบกันใหม่เมื่อเพชรพระอุมาต้องการ…
ขาดคำ ร่างของไพรวัลย์ก็หายแวบไปจากถ้ำเอาดื้อๆ
ราวกับมีเวทย์มนต์ มันตรัยยืนตะลึงนิ่ง
รู้ได้ด้วยจิตตานุภาพว่าเจ้าไพรวัลย์ใช้คาถาเดินลัดระยะทางเดินหนีไปซึ่งๆ
หน้า ซึ่งหากมันจะ
ติดตามก็ไม่ยากเย็นอะไรนัก ทว่าคำพูดของเจ้าหนุ่มน้อยนี่สิ
ที่ทำให้มันตรัยต้องคิดหนัก…
ตามไหม.. นาย มะกูดกระหืดกระหอบถามขึ้นมา
แต่มันตรัยยกมือห้าม
ปล่อยมันไปก่อน เองไม่ต้องรีบร้อน อ้ายหนุ่มนี่จะหาตัวมันเมื่อไหร่ก็ไม่ยากหรอก
แต่จากที่มันพูดมา
ทำให้ข้าคิดอะไรได้บางอย่างแล้วละ
อะไรหือม์ นาย ขี้ข้าประจำตัวของมันตรัยถามอย่างสงสัย
พลางเกาหัวแกรกๆ ทว่ามันตรัยหันกาย
จากไปอย่างไม่เอาใจใส่ เพราะมีเรื่องหนึ่งที่มันจะต้องใคร่ครวญอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ
…
แล้วมันตรัยก็เก็บตัวเข้าห้องทำงานในถ้ำศิลาเงียบหายไปหลายชั่วโมง
….
จากคุณ : ไพรวัลย์ -
[12 พ.ค. 10:17:32]