ความคิดเห็นที่
37
คุณชายกลาง และไพรวัลย์
ต่างเดินกันไปเงียบๆ เพราะต่างฝ่ายต่างหมดมุข
จะบรรยายเครื่องแต่งกายและอาวุธก็ทำมาหลายกระทู้แล้ว
แถมสาวๆ ก็ไม่มี
เสียอีกเพราะดันแอบหนีเดินทางกันมาสองคน
แห้งเหี่ยวในหัวใจชะมัด…
ตัดเขา ข้ามทุ่ง มุ่งลงหุบ กระดุ๊บๆ
ขึ้นมอแล้วลงมาบสลับกันไปอย่างนี้ตั้งแต่
เช้าตรู่จนตะวันตรงหัวร้อนเปรี้ยง
ทั้งสองก็พบตัวเองเดินลัดเลาะอยู่ตามทางด่าน
เก่าๆ ในป่าเต็งรังเกรียนโกร๋นและแห้งกรอบ
พื้นด้านล่างนั้นเกลื่อนกลาดไปด้วย
ใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นทับถมกันจนแทบมองไม่เห็นพื้นดินเดิม
ส่วนเบื้องบนนั้น
บรรดาเถาวัลย์พันเกี่ยวนั้นเลี้ยวลดที่ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคนขึ้นอยู่เป็นซุ้ม
และถักทอเกี่ยวเข้าด้วยกันราวกับร่างแหโปร่งๆ ขนาดใหญ่
ไม่รกทึบเกินไปนัก
และยังพอมีสีเขียวๆ ให้เห็นอยู่บ้าง เสียงนกกะรางร้องเป็นจังหวะอยู่ที่ใดที่หนึ่ง
ไม่ห่างออกไปมากนัก นอกจากนั้นแล้วป่าทั้งป่าเงียบสงบได้ยินแต่เสียงฝีเท้า
ย่ำไปบนใบไม้แห้งดังสวบๆ เท่านั้น
อนุชาเริ่มสำนึกเสียใจนิดๆ ที่ไม่ควรจะบ้าเดินตามเจ้าไพรวัลย์หลานจอมเจ้าเล่ย์มาเลย
หากทำเป็นใจแข็งไม่ฟังเสียงโอดครวญของมัน
ป่านนี้เขายังคงหลับไหลอยู่บนเตียงนุ่มๆ
และเผลอๆ แม่หมูสมิงหวานอาจจะย่องเข้าไปขวิดเขาเล่นๆ
พอเป็นกระสัยแก้เมื่อย
แต่เมื่อคิดไตร่ตรองอีกทีอนุชาก็ปลงตก ว่าขืนปล่อยให้หลุดเรทออกมาบ่อยๆ
กระทู้ เพชรพระอุมาคงจะล่มสลายในไม่ช้า
ขนาดปัจจุบันนี้ก็ง่อนแง่นเต็มที เพราะตั้งขึ้นมาฃ
คราใดก็กินเนื้อที่ไปเป็นเมกๆ ขืนทางพันทิพย์ไม่ลบทิ้งเสียบ้างเซิฟเวอร์คงจะรับไม่ไหว
ยิ่งมีเรทเอ็กซ์เรทอาร์มาบ่อยๆ จะเป็นเครื่องเร่งการตัดสินใจให้โดนถอดทิ้งไปแต่โดยไว
เสียเปล่าๆหากเปลี่ยนบรรยากาศมาเดินป่าเสียบ้างแก้เคล็ดเผื่ออะไรๆ
มันจะดีขึ้น….
“ พลั่ก..! อ๊อกก ”
กำลังเดินก้มหน้าก้มตาอยู่เพลินๆ อนุชาก็ชนหลานชายตัวดีพลั่กเข้าให้เต็มรัก
ร่างกายส่วนหน้าด้านล่างของเขาไปกระแทกกับพานท้ายปืนของไพรวัลย์เข้าอย่าง
บังเอิญที่สุดจนอนุชาต้องลงไปนั่งหน้าเขียวด้วยความจุกและครางหงิง
“ อูยยย โอยยย ”
“ เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ อากลาง ”
ไพรวัลย์ทำหน้าตื่นรีบทรุดกายลงประคอง
คุณอาของเขาที่ยังหน้าเขียวอยู่
“ โทษทีครับที่ต้องหยุดกระทันหัน ”
“ อะ..อา..มะ..ไม่เป็นไรหรอก…ซี้ดดด
เดินต่อไปเถอะ อย่าเสียเวลาเลย ”
อนุชาเกาะแขนของหลานชายลุกขึ้นมายืนอย่างยากเย็น
ในขณะที่อีกฝ่ายซ่อนรอยยิ้มไว้
ในสีหน้าอย่างมิดชิด เฮ่อ.. คิดจะและเล็มลั่นทมสีชมพูคู่ครองเมื่อชาติที่แล้วของเขา
ก็ต้องลิ้มรสพานท้ายเหล็กทั้งดุ้นของอูซี่ไปอย่างนี้นี่แหละให้อภัยหลานไพรด้วยเถิด…
คุณอากลางที่เคารพ
“ ว่าแต่เมื่อตะกี้นายหยุดชะงักทำไมเหรอ
อาไม่เห็นมีอะไรสักหน่อย ”
อนุชาถามขึ้นมาอย่างสงสัยตะหงิดๆ เพราะไม่แน่ใจว่าเป็นมุขของเจ้าไพรวัลย์หรือเปล่า
ที่แกล้งเอาพานท้ายปืนมากระแทกคุณชายกลางน้อยของเขา
“ ต่อหลุมน่ะครับอา…ตะละตัวเกือบเท่าหัวแม่เท้า
” ไพรวัลย์ผู้เดินนำหน้าสวบๆ ไปตอบ
กลับมาโดยไม่หันมามอง อนุชากระโดดโหยงขึ้นอย่างไม่ไว้วางใจ
และจริงอย่างที่
ไพรวัลย์ว่า บนพื้นด่านอันเป็นใบไม้แห้งปกคลุมทับถมปกคลุมอยู่แน่นหนาชนิดที่หญ้า
ไม่งอกเงยนั้น พื้นบริเวณหนึ่งทางซ้ายมือใกล้กับเท้าซ้ายของเขาที่เหยียบลงไปเมื่อครู่นั้น
ราบเรียบและเกลี้ยงเกลาราวกับใครมาเกลี่ยเอาไว้เป็นวงกลมเส้นผ่านศูนย์กลางเกือบจะ
ครึ่งเมตร อนุชาส่งเสียงครางในลำคอด้วยความหวาดเสียว
หากเป็นเวลาปกติเขาคงจะ
สังเกตเห็นมันเข้าให้แล้วเหมือนกัน
ทว่าวันนี้เขาใจลอยป้ำๆ เป๋อๆ ยังไงชอบกล
จึงไม่ทันดูตาม้าตาเรือ เคราะห์ดีที่เจ้าไพรวัลย์เห็นเสียทัน
“ อาว่าหยุดพักเที่ยงกันเสียก่อนไม่ดีหรือ ”
อนุชาร้องถามเปรยๆ ท้องเริ่มหิวจ๊อกๆ
ตั้งแต่เช้าเขาซดกาแฟไปถ้วยเดียวและไข่นกอินทรีย์ลวกไปสี่ลูกเท่านั้น
จะหาอย่างอื่น
พอที่จะกินได้ก็ไม่มี เพราะเมื่อคืนทั้งสองพักแรมอยู่บนยอดของหน้าผาชัน
เจ้าไพรวัลย์
เพิ่งจะตอกทอยไต่ลงมาเมื่อตอนเช้าตรู่และตั้งหน้าตั้งตาเดินเต็มฝีเท้าเพื่อที่จะเร่งรุดให้
เข้าเขตทะเลสาปมรณะเสียแต่โดยไว เพื่อจะได้เดินเข้าสู่เส้นทางไปเคลมบัลลังค์ในมรกต
นครกับจักรราชแงซายจัดแจงขนเอาเพชรมาขายใช้หนี้เครดิตการ์ด
ที่ค้างชำระมาหลายเดือนเสียที
“ เอาไว้ให้ถึงริมธารน้ำข้างหน้าดีกว่าครับ ”
ไพรวัลย์หันมาตอบ เขาเองก็เหนื่อยเหงื่อท่วมตัว
เหมือนกัน แต่ยังย่ำต่อไปอย่างทรหด
“ ตรงนี้เป็นทางด่านก็จริง แต่มันร้างมาเป็นเดือนๆ แล้ว
หาอะไรพอที่จะกินได้ไม่มีเลย นอกจากใบไม้แห้ง..
หากคุณอาอยากหยุดพักตรงนี้จริงๆ
ผมจะได้ขุดดินปลวกมาย่างไฟเป็นอาหารเที่ยง ”
อนุชาค้อนขวับราวกับตุ๊ดแก่ๆ “ งั้นก็เร่งเดินเข้าสิ
อาหิวไส้จะขาดอยู่แล้ว ”
ไพรวัลย์อมยิ้ม เดินดุ่มๆ นำหน้าต่อไป
ทันใดเขาก็ชะงักกึก ทำเอาอนุชาผู้เดินย่ำทับรอยเท้า
มาข้างหลังต้องพลอยชะงักไปด้วย
“ มีอะไรหรือ…” อนุชาเบียดตัวเข้ามายืนเคียงข้างไพรวัลย์แล้วกระซิบ
อีกฝ่ายชี้ให้ดูต้นงิ้ว
ตายซากเกรียนโกร๋นต้นหนึ่งซึ่งขึ้นโดดเดี่ยวอยู่ไม่ห่างจากทางด่านออกไปนัก
บนกิ่งแห้งๆ
ตอนหนึ่งของมันนั้นเอง นกหัวขวานตัวเกือบเท่าไก่แจ้กำลังใช้ปากที่แข็งคมราวกับสิ่วของมัน
เจาะโพรงไม้หาตัวหนอนอยู่เป็นจังหวะเสียงดังโปกๆ
“ อาหารเที่ยงของเราครับ แต่ต้องอาศัยมือแม่นๆ
ของคุณอา ” ไพรวัลย์กระซิบตอบ
อนุชาเบิกตาโพลง
“ ฮ้า..อามีแต่ .450 ไนโตรเอ็กเปรสส์ กระบอกเดียว
ปืนสั้นก็ไม่ได้ติดตัวมา เอาปืนกลของ
นายดีกว่า นัดเดียวก็คงรู้ผลน่า..”
“ ไม่เหมาะหรอกครับ ” ไพรวัลย์ส่ายหน้า
“ กระสุนนัดหนึ่งตั้งเกือบสิบบาท เอามายิงนกเล่นได้ไง ”
พูดจบไพรวัลย์ก็ล้วงมือลงไปในย่ามหลัง หยิบหนังสะติ๊กอันหนึ่งพร้อมกล่องกระสุนดินเหนียว
ส่งให้อนุชาพลางหรี่ตาให้
“ กระสุนดินอัดแน่นความชื้นยี่สิบเปอร์เซนต์นะครับ
ผมปั้นแล้วเก็บใส่กล่องพลาสติกไว้อย่างดี
น้ำหนักลูกละประมาณห้าสิบกรัมขาดเหลือก็คงไม่เท่าไหร่
ระยะแค่นี้รับรองว่าอีเหยี่ยวยังร่วง ”
อนุชาเม้มริมฝีปาก เขาเข้าใจเจตนาลองเชิงของหลานชายดี
แต่ไม่ได้พูดอะไร วางไรเฟิลในมือลง
แล้วเอื้อมมือรับหนังสะติ๊กมาจากมือของอีกฝ่ายแล้วเหนี่ยวสายยางทดลองดู
ครั้นแล้วอนุชาก็
บอกตัวเองได้ทันทีว่าหลานไพรวัลย์ของเขานั้นเป็นจอมพรานฉมังหนังสะติ๊กขนาดไหน
ง่ามไม้
ที่ใช้ทำเป็นไม้มะขามขัดขึ้นเงาอีกทั้งยางที่รัดไว้ก็ใหม่เอี่ยมและได้ดุลย์อย่างดียิ่ง
แน่นอนว่าหาก
กระสุนกลมสม่ำเสมอน้ำหนักดี และมือคนยิงเที่ยงแล้ว
มันย่อมอำนวยผลชั้นเลิศให้แก่ผู้ใช้อย่าง
เต็มประสิทธิภาพ เขาหยิบกระสุนดินจากในกล่องพลาสติกขึ้นมาสองก้อน
กำไว้ในอุ้งมือก้อน
หนึ่ง แล้วป้อนอีกก้อนเข้าสู่แผ่นยางที่เปรียบเสมือนรังเพลิง
มือขวาที่กำปางไม้นั้นหักศอกเก้าสิบ
องศาขึ้นขนานกับลำตัว หันตรงไปยังเป้าหมาย
นิ้วโป้งทาบไปตามความยาวของง่ามไม้ ปลายนิ้ว
โป้งจดกับปลายไม้ที่แยกออกเป็นง่ามพอดี นิ้วโป้งกับนิ้วชี้ในมือซ้ายที่หนีบแผ่นยางรองก้อนกระสุน
ไว้นั้นค่อยๆเหนี่ยวสายยางกลับหลังมาช้าๆ จนตึงเป๋ง
หรี่นัยน์ตาซ้ายเล็งด้วยนัยน์ตาขวา กะระยะ
เผื่อกระสุนตกแบบโปรเจคไตล์นิดหนึ่งแล้วปล่อยออกไปอย่างปราณีต
พรึ่บ…ผลัวะ
เสียงดังฉาดถนัดถนี่ แล้วเจ้าของเงาดำๆ
บนกิ่งงิ้วนั้นก็สะบัดปีกกระพือขึ้นพรึ่บๆ จนดูแทบไม่ทัน
อนุชาส่งกระสุนนัดที่สองเข้าสู่แผ่นยางรองอย่างรวดเร็ว
ยกมือขึ้นเล็งอีกครึ้งแล้วน้าวสายยางปล่อย
ออกไปซ้ำที่หมายเดิม
พล็อก..
กระสุนนัดหลังตัดอาการเคลื่อนไหวทั้งมวลของมันลงอย่างเฉียบพลัน
ปีกที่สะบัดกระพือ
ลมอยู่วืดวาดนั้นพลันแข็งเกร็งชะงักค้าง
แล้วมันก็หุบปีกร่วงละลิ่วลงมาด้วยท่าควงสว่าน
หล่นสวบลงไปในกอเถาวัลย์
ไพรวัลย์รีบวิ่งตึ้กๆ ตะลุยเข้าไปไม่ถึงอึดใจก็ยิ้มร่าหิ้วนก
ห้อยร่องแร่งออกมาชูอวดพลางยกหัวแม่โป้งให้
“ โอ้โฮ เด็ดเลยครับคุณอา นัดแรกถูกเข้าอย่างจังกลางหน้าอก
ส่วนนัดที่สองเข้าก้านคอพอดี
ไม่ต้องซ้ำ แอนตาซิลแจกเห็นๆ ”
“ เหรอ ” อนุชายิ้มร่าออกมาด้วยความยินดี
ในขณะที่ปล่อยนัดที่สองออกไปนั้น เขาเองยังไม่แน่ใจ
ว่าจะเข้าเป้าหมายหรือไม่เพราะปล่อยไปด้วยความรวดเร็วจากสายตาที่เล็งเห็นชั่วแวบ
“ อานึกว่าจะฟาล์วเสียแล้ว ตอนที่ยิงนัดที่สองออกไป
เออดีๆ อามีผงขมิ้นติดมาในย่าม จัดการ
ปิ้งไฟลนขนแล้วคลุกขมิ้นปิ้งกินกันดีกว่า…
อาหิวจนตาลายแล้วล่ะ ”
และแล้ว สองอาหลาน ก็ช่วยกันก่อไฟหุงหา
ปิ้งนกหัวขวานคลุกขมิ้นแบ่งกันกินตรงริมธาร
ไพรวัลย์เดินดุ่มๆ ไปตามชายน้ำได้มันขี้นกมาได้สี่ห้าหัวกับกล้วยป่าอีกหนึ่งเครือ
โยนเข้าหมก
ในกองไฟชายป่ารอดอาหารเที่ยงไปอีกมื้อหนึ่ง
แล้วทั้งสองก็นั่งพักกินกาแฟเอาแรงปรึกษาแนวเส้นทางที่จะเดินในตอนบ่ายต่อไป
จากคุณ : ไพรวัลย์ อนันตรัย
- [วันพืชมงคล 07:59:20]