ความคิดเห็นที่
9
ผ่านจากทุ่งกว้างใหญ่มาได้สักระยะ
เส้นทางเบื้องหน้าควรจะเป็นป่าโปร่งแต่สิ่งที่ทุกคนมองเห็นกลับเป็นป่า
ดงดิบดูผิดวิสัยธรรมชาติไปมากราวกับมีใครยกป่าทั้งป่ามาตั้งขวางทางไว้
รพินทร์หยุดชะงักกึก หรี่ตามองป่า
ทึบเบื้องหน้า ไชยยันต์กับดารินรีบวิ่งเข้าไปหาจอมพราน
"มีอะไรให้คุณสงสัยอีกหรือรพินทร์"
ผู้ที่ถามคือไชยยันต์ อดีตนายทหารปืนใหญ่บัดนี้ก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อยเหมือนกันกับสภาพป่าที่มองเห็น
แต่ยังคงให้เกียรติพรานใหญ่ มิอาจเสนอความเห็นที่จะเป็นการหักหน้าชิงตำแหน่งผู้นำทีมมาจากรพินทร์ได้
จึงต้องทำเป็นไม่เข้าใจสถานการณ์
"ผมกะลังสงสัยอะไรบางอย่าง..." รพินทร์หยุดไปนิดนึง
แหงนหน้าขึ้นดูท้องฟ้าเหนือป่า
กลุ่มเมฆดำประหลาดปกคลุมเหนือป่าดงดิบ แสงฟ้าแลบแปลบปลาบออกมาเป็นระยะๆ
และสายลมก็ทวี
ความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เส้นผมของดารินปลิวสะบัด
เธอรวบมันเข้าด้วยกันก่อนจะใช้เชือกกล้วยมัดผมรวมกันไว้
สีหน้ากระด้างด้านของพรานใหญ่มิได้แสดงความรู้สึกใดๆให้ทราบได้
นัยน์ตาสีเหล็กชาเย็นไร้ความรู้สึก
มีเพียงท่าทางลังเลไม่แน่ใจอะไรบางอย่างเท่านั้น
แต่นั่นทุกคนก็ย่อมตระหนักดีว่ามันย่อมเป็นสัญญาณเตือนถึง
ภัยอันตรายที่กำลังคลืบคลานเข้ามา
รพินทร์ไม่กล่าวอะไรอีก เดินนำเข้าไปในป่าดิบชื้นนั้นทันที
ต้นไม้รอบด้านหนาทึบ กิ่งใบปกคลุมเบื้องบนแน่นขนัดไปหมดจนแสงแดดมิอาจลอดลงมาได้
บรรยากาศจึงดู
มืดมัวและเงียบวังเวงไม่มีเสียงแมลงสักตัว มีเพียงเสียงลมพัดใบไม้เบื้องบนปลิว
กิ่งไม้ถูกลมแรงพัดกระทบกัน
ดังแกรกกราก
"ท่ามันจะยังไงแล้วแฮะรพินทร์ เราตรงมาถูกทิศทางแน่นะ"
"แน่ยิ่งกว่ากินแห้วอีกครับคุณไชยยันต์ ถ้าการชี้ทิศทางของดอกทานตะวันไม่ผิด
เราก็ต้องมาถูกทางแหง๋ๆ
เพราะผมมุ่งทิศเหนือตลอด"
"อือ แต่ผมรู้สึกแปลกๆ หรือว่าเราจะคิดมากกันไปเอง"
ฉับพลันสองหนุ่มก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังลั่น
ต่างหันไปมองราชสกุลสาวซึ่งบัดนี้เต้นเร่าๆ ชี้มือไปที่ด้านบน
เหนือศีรษะจึงพากันแหงนหน้าดูตาม อะไรบางอย่างคล้ายงูแต่ว่ามีสีน้ำตาลอมเขียวขนาดเท่าขาอ่อนเป็น
เส้นยาวจำนวน 2-3 เส้นกำลังดิ้นขยุกขยุย ห้อยตัวลงมาจากกิ่งไม้เบื้องบนไม่เร็วนัก
แต่ว่ามันกำลังจะลงมาถึงตัว
ทุกคนที่ยืนแหงนหน้าดูด้วยความตื่นตระหนก
"เถาวัลย์กินคน!"
รพินทร์ได้สติก่อนเพื่อนก็ร้องตะโกนลั่นแล้วผลักไชยยันต์ล้มกลิ้งลงไป
ตัวเขาเองกระโจนพุ่งหลาวลงไป
ม้วนหน้าสองสามตลบเข้าหาโขดหินอย่างไม่กลัวหน้าตาแหก
ไชยยันต์เองก็ได้สติอย่างรวดเร็ว รีบคลานต่ำหลุนๆ
เข้าไปในพุ่มไม้
ดารินอีกตามเคยที่ถูกทอดทิ้ง เธอยืนตะลึงนึกไม่ถึงว่ารพินทร์จะเลือกช่วยไชยยันต์ก่อนช่วยเธอ
ราชสกุลสาวกำลังจะร้องด่าก็พอดีกับเถาวัลย์เส้นใหญ่ลงมารวบตัวเธอไว้ได้อย่างแม่นยำ
มันตวัดควับเดียวก็
พันร่างหญิงสาวแน่นราวกับงูเหลือมรัดเหยื่อ อีกสองเส้นลงมาแตะพื้นได้ก็คลืบคลานไปตามพื้นดินเหมือนกำลัง
ควานหาตัวอีกสองพระหน่อที่หลบไปได้ก่อน
"คุณหญิง!" รพินทร์ร้องเรียกเธอ
ดารินหลังจากหายจากตกตะลึงก็แผดเสียงร้องกรี๊ดๆ
พยายามดิ้นรนแต่ว่าไม่มีทางหลุดไปจากวงพันธนาการ
อันแน่นหนานั้นได้เลย สองหนุ่มต่างวิ่งปราดเข้ามาจะช่วยเหลือแต่แล้วก็ต้องรีบถอยหลบกันเป็นพัลวันเมื่อ
เถาวัลย์อีกหลายเส้นซึ่งได้รับแรงสั่นสะเทือนจากการดิ้นของดารินห้อยตัวตามลงมาอีกเป็นพรวน
พุ่งตรงไปยัง
สองหนุ่มอย่างรวดเร็วราวกับมีตามองเห็น
เถาวัลย์เส้นหนึ่งพุ่งตรงมาที่ไชยยันต์อย่างรวดเร็วเหลือเชื่อ
อดีตนายทหารปืนใหญ่คว้าได้ปืนไนโตรเอ็กซ์เพรส
ของเขาซึ่งสะพายหลังเฉียงไหล่ไว้ ยกขึ้นกดตูมทันทีโดยมิต้องเล็งเพราะไม่มีเวลา
กระสุนล่าสัตว์ขนาดใหญ่พุ่ง
กระทบเถาวัลย์เส้นนั้นแม่นราวกับจับวาง แต่ว่าทะลุผ่านไปเฉยๆ
เถาวัลย์เส้นนั้นเพียงแต่สะบัดไปตามแรง
ปะทะ แกว่งไปแกว่งมาครู่หนึ่งก็ดิ้นขยุกขยุยได้ต่อ
รพินทร์คว้าได้ปังตอเดินป่าประจำตัวที่เหน็บหลังเอาไว้ก็วิ่งเข้าใส่กลุ่มเถาวัลย์อย่างไม่กลัวตาย
เขาทะยานกาย
กระโดดสลับขาพรึ่บพรั่บโบกสะบัดปังตอพริ้วราวกับร่ายรำเพลงกระบี่
เสียงฉัวะๆดังไม่ขาดระยะ
เถาวัลย์เส้นแล้วเส้นเล่าที่พุ่งลงมาหาเขาขาดกระจุยปลิวสะบัด
แต่ว่ายิ่งเขาจู่โจมก็ดูเหมือนกับมันยิ่งเพิ่มจำนวน
ขึ้นมากมาย แรงสั่นสะเทือนจากการกระโดดร่ายรำเพลงปังตอบวกกับคลื่นเสียงร้องกรี๊ดๆของดารินที่กระโดดอยู่
เหยงๆก็เท่ากับเป็นการกระตุ้นให้เถาวัลย์กินคนบริเวณรอบๆเคลื่อนเข้ามาสมทบกันเต็มไปหมดและนี่เองคือ
ความน่ากลัวของป่าเถาวัลย์กินคน จำนวนที่มากมายของมันทำให้มิอาจกำจัดได้โดยง่าย
"รพินทร์ ผมว่าพวกเราจะต้านมันไม่ไหวแล้วนะ มันมีจำนวนมากเหลือเกิน...ทำอะไรซักอย่างเร็ว
น้อยจะแย่อยู่แล้ว นั่น! มันกำลังจะยกตัวน้อยขึ้นไปแล้ว"
ไชยยันต์ร้องเตือนมาด้วยนัยน์ตาเบิกกว้าง
ภาพที่เห็น ดารินกำลังถูกเถาวัลย์เส้นที่รัดอยู่ดึงตัวเธอลอยขึ้นจากพื้นเพื่อขึ้นไปยังส่วนปากของมันซึ่ง
รอคอยอยู่ข้างบน ราชสกุลสาวร้องกรี๊ดลั่นดิ้นกระแด่วๆน่าสงสาร
รพินทร์ตัดสินใจตะโกนบอกดารินทันที
"คุณหญิง!...ร้องกุ๊กๆเร็ว!"
"อะไรนะ! เธอพูดอะไรรพินทร์ ฟังไม่รู้เรื่อง...ช่วยฉันเร็วเข้า!...เร้ว!
จาแย่แยู่แล้วววว!!"
"ผมบอกให้คุณหญิงร้องกุ๊กๆ เร็วเข้าก่อนที่มันจะรับประทานคุณหญิง
กุ๊กๆ เร็วคุณหญิง! กุ๊กๆ"
"บ้า...ฉันไม่ใช่ไก่นี่จะได้ร้องกุ๊กๆ นี่เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานอย่ามามัวล้อเล่นได้มั้ย...ช่วยฉันด้วย!"
ดารินตะโกนลั่น ร่างของเธอลอยขึ้นสูงกว่าศีรษะชายหนุ่มที่ยืนเบื้องล่างแล้ว
"น้อย เชื่อรพินทร์...ร้องกุ๊กๆเร็วเข้า ตอนนี้เธอต้องทำตัวเป็นไก่ไปก่อน
อย่าลืมว่านี่มันเป็นเถาวัลย์กินคน
มันย่อมไม่กินไก่...น้อย เร็ว!" ไชยยันต์ตะโกนมาอีกคน
ไม่มีเวลาคิดแล้วเมื่อร่างของเธอเกือบจะถึงปากของมันด้านบน
ดารินตะโกนร้องกุ๊กๆทันที
เบื้องล่างสองหนุ่มก็ต่างช่วยกันเปล่งเสียงร้องกุ๊กไก่กันใหญ่ราวกับบทเพลงเฉลียง
โดยเฉพาะไชยยันต์ถึงกับ
ตีปีกร้องเอ้กอีเอ้กเอ้กดังลั่นป่าไปหมด
ความมหัศจรรย์บังเกิดขึ้นทันที เถาวัลย์ทุกเส้นหยุดชะงักราวกับจะรับรู้ได้ว่าที่พวกมันกำลังไขว่คว้าอยู่นั้น
เป็นเพียงไก่ป่าหาใช่มนุษย์ที่พวกมันต้องการไม่
ความมีระดับอย่างเถาวัลย์กินคนอย่างพวกมันมิอาจนำไป
เปรียบเทียบกับพืชชั้นต่ำอย่างกาบหอยแครงหรือต้นไม้กินสัตว์อื่นๆ
เพราะถือว่าคนละชั้นกันโดยสิ้นเชิง
ดังนั้นพวกมันจึงมิปรารถนาสักนิดที่จะลิ้มรสไก่
เถาวัลย์ทุกเส้นต่างรีบถอยกลับกันเป็นพัลวัน มีเสียงพึมพัมจากกลุ่มเถาวัลย์อย่างเสียอารมณ์เพราะเข้าใจว่า
พวกมันหลงผิดมาไล่คว้าไก่ป่าเข้า ต่างรีบถอยกลับต้นตัวเองอย่างรวดเร็วราวกับตลับเมตรดีดกลับ
ร่างของดารินถูกปล่อยร่วงผล็อยลงมาอยู่ในอ้อมแขนของรพินทร์ที่รอรับอยู่เบื้องล่าง
จากคุณ : ไชยยันต์ อนันตรัย
- [24 พ.ค. 10:10:22]