ความคิดเห็นที่
73
.....................
....................
เจ้าก็ไปตัวเปล่าเหมือนเจ้ามา"
.............................
หลังจากสิ้นเสียงที่ก้องสะท้อนกังวานไปทั้งถ้ำนั้น
ไชยยันต์ ไพรวัลย์ รพินทร์ และคะหยิ่น ต่างก็หันไปมองทางต้นเสียงด้วยความตกใจ
ฉับพลันก็ได้เห็นร่างของบุรุษหนุ่มผู้หนึ่ง ซึ่งมีรูปงาม คม เข้ม มาดขรึม
ใบหน้าและบุคลิกลักษณะท่าทางไม่ได้ผิดเพี้ยนไปจาก ธีรภัทร สัจจกุล เลยแม้แต่น้อย
บุรุษนี้ยืนอยู่ชิดผนังด้านในของถ้ำ ทั้ง 4 หนุ่ม ตะลึงงัน พลางถามเป็นเสียงเดียวกัน
"คุณคือใคร"
ชายหนุ่มในร่างของธีรภัทร หัวเราะเสียงนุ่มทุ้มกังวาน
กล่าวตอบ
"เราคือมันตรัยไงล่ะ จำกันไม่ได้แล้วหรือ"
"มันตรัย!! เจ้าคือมันตรัย"
ทั้ง 4 หนุ่มมีอาการช็อคอย่างคาดไม่ถึงว่ามันตรัยจะหล่อได้เกินหน้าขนาดนี้
ทันใดนั้น ควันสีขาวบาง ๆ ก็ลอยอ้อยอิ่งออกมาจากด้านในของถ้ำ ควันนั้นเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อย
ๆ จนหนาทึบ ไชยยันต์ได้สติรู้สึกตัวก่อน ตะโกนลั่น พร้อมทั้งกระชากร่างของไพรวัลย์ให้ออกวิ่ง
รพินทร์ผู้มีความว่องไวตามสัญชาตญานพรานอยู่แล้วก็รีบขยับตัวและดึงให้คะหยิ่นออกวิ่งตาม
" รีบหนีออกจากที่นี่เร็ว เรากำลังถูกรมด้วยแก๊สพิษ
ขืนชักช้า......"
ยังไม่ทันที่ไชยยันต์จะพูดจบ ร่างก็ร่วงผล็อยลงกับพื้นอย่างนุ่มนวล
ไพรวัลย์ รพินทร์ และคะหยิ่น ก็ซวนเซล้มลงตาม ๆ กัน ราวกับโดมิโนที่ถูกกระทบ
มันตรัยยังคงยืนมองดูอยู่ด้วยมาดเท่ ยิ้มน้อย ๆ
อยู่มุมถ้ำที่เดิม ควันที่หนาทึบค่อยเจือจางลงเรื่อย ๆ จนหายไปหมด
มันตรัยหันไปทางด้านในของถ้ำ
"แสงโสม เข้ามาได้แล้ว"
แสงโสมในชุดพราง (ที่เจ้าแม่วาชิกาให้ไว้เมื่อตอนแรก)
เดินยิ้มแย้มอย่างผู้ชนะเข้ามาภายในถ้ำ ตามด้วยขบวนผีดิบ 1 กองพัน (กองพันใหม่
ไม่ใช่กองพันเดิมที่เป็นผีดิบตากแห้งหย็องกรอด) ผีดิบกองพันนี้ได้รับการฝึกฝนจากเจ้าแม่วาชิกามาเป็นอย่างดี
มีสภาพความเก่งฉกาจและทรหดอดทน รวมทั้งอินเตอร์ ไม่แพ้ คนเหล็ก 2029 เลยแม้แต่น้อย
มันตรัยสั่งการให้ผีดิบเข้าไปมัดสี่หนุ่มที่นอนสลบไสลไม่ได้สติไว้รวมกัน
หลังจากมัดเรียบร้อยแล้ว มันตรัยก็หันมามองรอบ ๆ บริเวณ
ท่ามกลางประกายระยิบระยับของแสงสีรุ้งที่เปล่งออกมาจากเพชรพลอยจำนวนมหาศาลภายในถ้ำ
มันตรัยหันมาบอกกับแสงโสม
"แสงโสม เพชรพลอยของมีค่าในถ้ำนี้ เรายกให้เจ้าหมดเลย"
แสงโสมมีท่าทีอิดออดเล็กน้อย กล่าวตอบอย่างไว้เชิง
"ท่านขา สมบัติแสงก็เยอะอยู่แล้ว ขืนเอาที่นี่ไปอีก
จะเอาไปเก็บไว้ที่ไหนล่ะคะท่าน แสงกลุ้มใจเหลือเกิน แล้วจะใช้กันไปอีกกี่ชาติก็ไม่รู้ซิคะเนี่ย"
มันตรัยขมวดคิ้ว ท่าทางคิดหนัก จนแสงโสมเห็นท่าไม่ได้การรีบบอก
"เอาค่ะเอา ท่านขา ลืมไปว่าต้องแบ่งให้พ่อยกของแสงด้วย
ท่านสั่งผีดิบทั้งกองพันนี่ขนไปเลยแล้วกันนะคะ แล้วรีบไปกันเถอะค่ะ"
มันตรัยพยักหน้า หลังจากนั้นได้สั่งให้ผีดิบขนสมบัติทั้งหมดไปทางด้านในของถ้ำ
อา....คณะของพระเอกหารู้ไม่ว่า ถ้ำแห่งนี้เป็นอุโมงค์เชื่อมต่อไปยังชายแดนมรกตนคร
ใกล้ถ้ำมรกต มันตรัยและแสงโสมเข้ามาพบโดยบังเอิญ เมื่อตอนนำเหล่าผีดิบแอบแฝงเข้ามาในเมืองมรกตนคร
ระหว่างที่ขบวนผีดิบทั้งหมดกำลังขนสมบัติออกไปนอกถ้ำนั้น
แสงโสมมองไปทางเชลยที่ถูกมัดไว้ทั้ง 4 คน แล้วก็หันมาถามมันตรัย ผู้ซื่งกำลังสำรวจการทำงานของเหล่าผีดิบ
"ท่านขา แล้วทั้ง 4 คนนี่เป็นยังไงมั่งคะ ตายหรือเปล่าคะท่าน"
มันตรัยกล่าวตอบด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
"ไม่ตายหรอกแสงโสม เราทำให้เค้าสลบไป 2 วัน ก็พอดีกับเราขนสมบัติไปถึงถ้ำมรกตเรียบร้อยแล้วละ
หลังจากเราขนสมบัติไปเก็บเรียบร้อยแล้ว เราค่อยมาชิงเมืองให้ท่านมดวาชิกาใหม่"
"ท่านขา แต่ถ้า 4 คนนี่ฟื้นขึ้นมาเราจะแย่นะคะ"
"ฮ่า ๆ ๆ ไม่เป็นไรหรอกแสงโสม เดี๋ยวเราจะให้ผีดิบปิดปากถ้ำทั้ง
2 ทางซะ พวกนี้ก็จะตายอยู่ในนี้อย่างทรมาน ไม่มีใครรู้เห็น ไม่มีใครสนใจ
ถึงจะมีกลิ่นเน่าเหม็นก็ไม่มีใครสน เพราะนึกว่าเป็นกลิ่นจากกองขยะไง...เอ้า
ผีดิบขนสมบัติเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราไปกันเถอะแสงโสม"
แสงโสมและมันตรัยออกเดินปิดท้ายขบวนเหล่าผีดิบไป
แสงโสมอดไม่ได้หันมามองทั้ง 4 หนุ่มอีกครั้งอย่างเป็นห่วง
"ท่านขา แสงเป็นห่วงทั้ง 4 คนนี่เหลือเกินค่ะ...กลัวจะฟื้น..ขอให้ผีดิบมามัดเพิ่มแล้วกันนะคะท่าน
ทำให้แน่นหนาหน่อย"
มันตรัยพยักหน้าแล้วสั่งการให้ผีดิบนำเชือกมามัดแขนขาของทั้ง
4 หนุ่มอย่างแน่นหนาอีกครั้ง ผูกโยงทั้ง 4 คน ไว้ด้วยโซ่เหล็กล่ามช้าง 3 ทบ
และล็อกกุญแจโซเหล็กขนาดใหญ่สุดอีก 4 ชุด
แสงโสมเห็นแล้วยิ้มแย้มด้วยความมั่นใจในความปลอดภัยของตนเอง
รีบวิ่งตามมันตรัยและเหล่าผีดิบออกไปทันที
จากคุณ : แสงโสม
- [20 มิ.ย. 17:48:32]