ความคิดเห็นที่
26
"คุณหญิงและทุกท่านครับ
ผมยอมรับว่าผมรู้ความลับของเกาะดาหาชาดานี้จริง และบัดนี้ ก็ถึงเวลาอันควรแล้วที่ผมจะเปิดเผยความลับนั้นให้ทุกท่านได้ทราบพร้อม
ๆ กัน ทุกท่านกำลังสงสัยใช่ไหมครับ ว่าทำไมเรือถึงมาหยุดนิ่งอยู่ตรงนี้
ไม่ขยับไปไหน แต่ก่อนที่จะสงสัยตรงนี้ ผมขอให้ทุกท่านหวนกลับไปนึกทบทวนถึงสมุดบันทึกเก่า
ๆ ที่แงซายเป็นคนนำมาอ่านให้ทุกท่านฟังนะครับ ข้อความตรงที่ว่า ….บัดนี้
ท่านทั้งหลายได้เป็นเจ้าของเรืออาถรรพ์พิสดารลำนี้แล้ว…..คนที่มีบุญเท่านั้นที่ได้ขึ้นมา
และคนที่มีบุญกว่า จะได้ไปยังถิ่นที่เขาปรารถนา …..และข้อความไปขาดหายตรง
แต่ว่า…. ทุกท่านคงจำกันได้นะครับข้อความพวกนี้"
"จำได้ซิคะ ลุงรพินทร์ แล้วลุงจะมาเล่าซ้ำซากให้ฟังอยู่ทำไมอีกล่ะคะ"
พลับพลึงเอ่ยตอบเสียงใสออกมา ในขณะที่สวีทตี้ก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
"หนูพลับพลึง ลุงจะบอกต่อให้ฟังนะ คือว่าขณะนี้
ถิ่นที่พวกเราปรารถนาก็คือขุมสมบัติที่อยู่บนเกาะดาหาชาดานี้ใช่มั๊ยล่ะ
เพราะฉะนั้น เมื่อเราปรารถนาสมบัติเราก็ได้มาอยู่ ณ แหล่งที่สมบัติตั้งอยู่แล้วนะซิ
ทุกท่านโปรดทราบไว้ด้วยนะครับ บัดนี้ เรามาอยู่ในตำแหน่งที่มีสมบัติของหมู่เกาะดาหาชาดากันแล้ว"
"รพินทร์ ผมสงสัยนะว่า เรามาอยู่ตรงแหล่งที่สมบัติตั้งอยู่ได้ยังไง
ในเมื่อตรงนี้เป็นทะเล หรือจะให้พวกเราดำน้ำลงไปงมสมบัติกันหรือไง
ไม่น่าจะใช่นะ ทะเลลึกขนาดนี้ ดำลงไปเราคงตายก่อนที่จะได้สมบัติขึ้นมาแน่
ๆ แล้วอีกอย่างแม่มดวาชิกาบอกว่าสมบัติอยู่บนเกาะนี่นา แล้วตอนนี้เกาะที่ว่าเราก็ยังมองไม่เห็นกันเลยมีแต่ทะเลกับท้องฟ้าเท่านั้นที่เราเห็นอยู่ตอนนี้น่ะ"
เชษฐาเอ่ยถามอย่างคลางแคลงใจในคำตอบของรพินทร์
ทุกคนมองรพินทร์เป็นตาเดียวด้วยความฉงนว่ารพินทร์กำลังหลอกชาวคณะเล่นหรือเปล่า
รพินทร์หัวเราะพร้อมกับโคลงศีรษะไปมาด้วยมาดเท่
และเอ่ยคำยืนยันอย่างหนักแน่นออกมาเพื่อให้ทุกคนสบายใจ
"คุณชายใหญ่และทุกท่านครับ การเดินทางที่ผ่าน
ๆ มาโดยตลอดนั้น ผมอาจจะเดาผิดบ้าง มั่วถูกบ้าง ทุกท่านคงทราบว่าไม่มีครั้งไหนที่ผมจะเดินทางไปด้วยความมั่นใจเลยซักครั้ง
อาศัยการคาดเดาแล้วก็มีผู้ช่วยมาตลอด ยกเว้น…ยกเว้นก็แต่เพียงครั้งนี้เท่านั้นครับที่ผมมั่นใจพันเปอร์เซ็นต์ว่าไม่มีการผิดพลาดแน่นอน
ผมคือคนที่รู้ความลับของหมู่เกาะดาหาชาดาแต่เพียงผู้เดียวครับ"
"ลุงรพินทร์คร้าบ แล้วความลับของหมู่เกาะที่ว่าน่ะ
คืออะไรละครับลุง เฉลยซะทีซิครับ"
ไพรวัลย์ หนุ่มน้อยในอนาคต ผู้นิ่งเงียบมานานอดรนทนไม่ไหวถามแทรกขึ้นมาทันที
สวีทตี้ คะหยิ่น และหนานอิน
พากันตบมือเกรียวกราวช่วยลุ้นคำถามของไพรวัลย์ ในขณะที่ดารินที่ยืนมองด้วยความหมั่นไส้มานานทุบไหล่ของนายพรานอย่างแรง
จนรพินทร์ครางอู้ เชษฐาหันไปดุน้องสาวเบา ๆ
รพินทร์หลังจากโดนดารินทุบก็ค่อยลดมาดเท่ลง และหันมาอธิบายเรื่องให้ทุกคนฟังอย่างจริงจัง
"คือยังงี้ครับ ขณะนี้ เราได้มาอยู่ ณ บริเวณหมู่เกาะดาหาชาดากันแล้ว
แต่เนื่องจากสาเหตุที่พวกเรายังมองไม่เห็นหมู่เกาะนี้ ก็เป็นเพราะว่า ข้อความที่ขาดหายไปในสมุดบันทึกข้อความเก่า
ๆ ที่เจ้าแงซายเอามาอ่านให้พวกเราฟัง แล้วข้อความขาดหายไปตรงคำว่า
แต่ว่า…..นั่นน่ะครับ ข้อความตรงนั้นแหละครับคือคำตอบว่าหมู่เกาะนี้หายไปได้ยังไง
แต่ทุกท่านโปรดอย่าห่วง ผมจะเฉลยว่าผมรู้ความลับว่าข้อความที่ต่อจาก แต่ว่า..นั้นคืออะไรนะครับ
ทุกท่านโปรดฟังผม
…….แต่ว่า เรือลำนี้มีอาถรรพ์ สมบัติอยู่ที่ไหน
เรือลำนี้ไปที่นั่น คนมีบุญเท่านั้นที่ได้ขึ้นมา คนมีบุญกว่า
จะได้ไปยังถิ่นที่เขาปรารถนา และคนมีบุญที่สุดคือหญิงชายคู่หนึ่งที่มีใจตรงกัน
จะได้พบกับสมบัติของจริงที่ตนเองปรารถนา เพียงแต่จับมือประสานกันไว้และฝ่ายชายจุมพิตที่แก้มของฝ่ายหญิงเท่านั้น
สมบัติก็จะปรากฎให้เห็นทันที และหญิงชายคู่นั้นจะได้เป็นเจ้าของทรัพย์สมบัติทั้งหมด
โดยไม่มีผู้ใดมาแย่งไปได้ ยกเว้นทั้งคู่จะเป็นผู้มอบให้เอง และหลังจากนั้นหญิงชายคู่นั้นจะต้องแต่งงานกัน
มิเช่นนั้น สมบัติจะสูญสลายไปทันที….
ทุกท่านครับผมขอเฉลยว่า ขณะนี้ เราจะสามารถมองเห็นเกาะดาหาชาดาได้
ก็ต่อเมื่อ หญิงชายที่มีบุญที่สุดหนึ่งคู่บนเรือลำนี้ กระทำการดังข้อความที่ผมเฉลยไป
สมบัติก็จะปรากฎให้เห็นทันทีครับ และในขณะนี้ ผมคิดว่า ผมกับคุณหญิงน่าจะเป็นหญิงชายคู่ที่ว่านะครับ
ฮ่า ๆๆ"
ทุกคนเข้าใจถึงบางอ้อกันทันที ว่าทำไมรพินทร์ถึงได้วางท่าอยู่ตั้งนาน
และเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งว่ารพินทร์และดารินจะเป็นผู้ที่ทำให้ทุกคนได้สมบัติกันซะที
พลับพลึงร้องบอกออกมา
"ลุงรพินทร์ขา งั้นลุงกับป้าดารินก็รีบ ๆ
ทำพิธีเข้าซิคะ พวกเราจะได้เห็นสมบัติกันซะที"
รพินทร์ยิ้มอย่างพระเอกผู้ชนะ เดินไปด้านหน้าของเรือตำแหน่งที่ดารินยืนอยู่
ทุกคนรีบมายืนล้อมรอบ คอยดูปรากฎการณ์ที่จะบังเกิดขึ้น รพินทร์เดินเข้าไปใกล้ดาริน
ทั้งสองจับมือกันไว้ ดารินยิ้มแย้มให้รพินทร์อย่างอ่อนหวาน
ในขณะเดียวกันรพินทร์ก็ก้มหน้าลงไปจุมพิตที่แก้มของดารินอย่างแสนรัก…ทุกคนยืนปรบมือเกรียวกราว…นาน….
หลังจากปรบมือจนเจ็บแล้ว ทุกคนหันมองไปรอบ ๆ อย่างเลิ่กลั่ก ก็ได้เห็นว่า…..สภาพท้องทะเล
และ ท้องฟ้า….ไม่เปลี่ยนไปเลย….ทุกอย่างเป็นอยู่อย่างไรก่อนที่รพินทร์จุมพิตดาริน
ก็ยังคงสภาพเดิมอยู่อย่างนั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลง……เฮ้อ!!….หนานอินครางออกมาอย่างอ่อนใจที่อุตส่าห์ลุ้น
อยู่ตั้งนาน แสงโสมที่ยืนเงียบมองดูอยู่ก็เอ่ยแนะนำขึ้นมา
"รพินทร์คะ แสงว่าคุณทำผิดพลาดขั้นตอนไหนซักอย่างหรือเปล่าคะ
อย่างเช่น ตอนจับมือประสานกันเนี่ย น่าจะจับทั้งสองข้างนะคะ แต่คุณจับมือคุณหญิงดารินข้างเดียวเอง
อาจจะทำให้ผิดไปจากตำราก็ได้นะคะ แล้วอีกอย่าง จุมพิตที่แก้มนี่ข้างซ้ายหรือข้างขวากันแน่คะ
ยังไงคุณทดลองดูทั้งสองข้างเลยจะดีกว่าหรือเปล่า"
รพินทร์และดาริน รวมทั้งคนอื่น ๆ มีท่าทีเห็นด้วย
ว่าทั้งสองอาจจะทำผิดขั้นตอนตรงไหนซักอย่าง รพินทร์เลยเริ่มต้นจับมือและหอมแก้มดารินใหม่อีกครั้ง
หอมแก้มข้างซ้าย……..ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเงียบสงบ รพินทร์เปลี่ยนไปหอมแก้มข้างขวาของดารินแทน
อนิจจา เสียงคลื่นในทะเลก็ยังคงเหมือนเดิม
กองเชียร์ที่ลุ้นอยู่รอบ ๆ ชักจะหงุดหงิด
พลับพลึง ไพรวัลย์ และสวีทตี้ เริ่มฮือฮาด้วยความเบื่อหน่ายตามประสาวัยรุ่น
เชษฐายืนนิ่งเงียบมองดูสถานการณ์ ในขณะที่แสงโสมยังคงร้องบอก แนะนำให้รพินทร์และดารินสลับข้างหอมแก้มซ้ายขวาไปมา
ระหว่างนั้น พลับพลึงเห็นเป็นโอกาสเหมาะที่จะช่วยให้น้าสาวได้ใกล้ชิดกับคนที่หมายปองอยู่
รีบร้องบอกออกมาทันที
"น้าแสงโสมขา อย่ามัวแต่ไปบอกลุงรพินทร์อยู่เลยค่ะ
บอกยังไงลุงรพินทร์ก็ทำไม่ถูกหรอก เอาอย่างนี้แล้วกันนะคะ ลุงเชษฐาขา
ลุงช่วยมาตรงน้าแสงโสมแล้วทำตัวอย่างให้ลุงรพินทร์ดูหน่อยได้มั๊ยคะ
นะคะลุงเชษฐา เพราะถ้าลุงรพินทร์ได้เห็นตัวอย่างที่ถูกต้องแล้วทำตาม
พวกเราก็จะได้เห็นสมบัติกันซะทีน่ะค่ะ"
หลังจากพูดจบพลับพลึงก็หันไปลอบยิ้มหวานให้กับแสงโสม
ในขณะที่แสงโสมก็ทันเกมไม่แพ้กัน แอบยิ้มตอบขอบคุณพลับพลึงพร้อมกับนึกในใจตามประสานางร้ายที่ยังไม่ทิ้งลายว่าจะแกล้งทำให้ผิดท่าหลาย
ๆ ครั้งเลยเชียว
เชษฐายืนอมยิ้มมองดูแสงโสมอยู่อย่างขำ ๆ และรู้เท่าทัน
และแล้วเชษฐาก็เดินตรงเข้ามาหาแสงโสม ท่ามกลางเสียงกองเชียร์ที่หันมาลุ้นคู่ขวัญคู่ใหม่แทน
"ขอโทษนะ คุณแสงโสม ผมคงต้องขออนุญาตทำตัวอย่างให้รพินทร์กับน้อยดูแล้วละ
คุณคงไม่รังเกียจผมนะ"
แสงโสมยิ้มตอบโดยไม่มีความเก้อเขินเลยแม้แต่น้อย
แต่เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่านางเอกควรจะวางมาดบ้าง แสงโสมจึงมีท่าทีเอียงอายเล็กน้อย
พร้อมกับตอบด้วยสไตล์ของนางเอกทั่วไป
"คุณชายขา แสงไม่เคยรังเกียจคุณชายเลยนะคะ
ถ้าเพื่อประโยชน์ของส่วนรวมแล้ว แสงยินดีทำทุกอย่างค่ะคุณชาย…เอ้อ.. แต่ถ้าผิดพลาดยังไงเทคใหม่หลาย
ๆ รอบก็ได้นะคะ แสงไม่ถือค่ะ"
เชษฐาแทบจะหัวเราะก๊ากออกมาด้วยความขำในท่าทีของแสงโสม
แต่แล้วก็รีบสะกดใจไว้ พร้อมกับยกมือทั้งสองขึ้นมาจับมือประสานกับแสงโสม
ทั้งสองสบตากันนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ จนแสงโสมเกิดรู้สึกเขินอายขึ้นมาอย่างแท้จริง
ใบหน้าเริ่มเป็นสีชมพูระเรื่อ เชษฐามองเห็นใบหน้าของแสงโสมในขณะนั้นเป็นหญิงสาวที่สวยที่สุดในสายตาของเขา
อย่างอดใจไม่ไหว เชษฐาเอียงหน้าเข้าไปจุมพิตที่แก้มของแสงโสมอย่างแผ่วเบา
โดยไม่ได้สนใจว่าจะทำเป็นตัวอย่างให้ใครดู โดยไม่สนใจว่าขณะนี้จะมีใครดูอยู่บ้าง
กองเชียร์ที่ดูอยู่รอบ ๆ ตกตะลึงไปกับภาพที่งดงามโดยไม่ได้เจตนานี้ ทุกคนนิ่งเงียบสนิทมองดูอยู่โดยปราศจากเสียงตบมือเชียร์เหมือนคู่ของรพินทร์กับดารินที่บัดนี้ก็จ้องมองดูอยู่โดยลืมไปว่าจะต้องทำท่าตาม
ทันใดนั้น เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังขึ้นด้านขวาของเรือ
ทุกคนตกใจหันไปมองดู แล้วก็ได้เห็นความประหลาดมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า
เกาะขนาดย่อมแห่งหนึ่งค่อย ๆ โผล่พ้นน้ำขึ้นมาให้เห็น คล้าย ๆ กับเรือดำน้ำค่อย
ๆ โผล่ขึ้นมาจากท้องทะเล สภาพบนเกาะนั้นเหมือนเกาะทั่ว ๆ ไปทุกอย่างไม่มีผิด
จนทุกคนบนเรือแปลกใจว่าเกาะนั้นไปอยู่ใต้น้ำได้อย่างไร และเมื่ออยู่ใต้น้ำแล้วทำไมเวลาโผล่จากน้ำขึ้นมาไม่เห็นมีอะไรที่บ่งชี้ให้เห็นว่าเคยอยู่ใต้น้ำมาก่อนเลย
ขณะที่ทุกคนกำลังงุนงง รพินทร์ก็เอ่ยขึ้นมา
"ทุกท่านโปรดอย่าแปลกใจครับ นี่คือปาฎิหาริย์ที่เกิดขึ้นของเกาะแห่งนี้
และนี่คือความลับของเกาะที่ผมปิดบังทุกท่านมานาน ในที่สุดบัดนี้เราก็ได้รู้แล้วว่าบุคคลที่มีบุญที่สุดหนึ่งคู่นั่นก็คือ
คุณชายเชษฐาและคุณแสงโสมนี่เอง ผมขอแสดงความยินดีด้วยนะครับทั้งสองท่าน เอาละครับ
เดี๋ยวอีกสักพัก เจ้าแม่ดาหาชาดาก็คงจะส่งชาวเกาะออกมาต้อนรับเรา พร้อมกับมอบทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้กับคุณชายใหญ่และคุณแสงโสม
คืนนี้คงจะมีงานเลี้ยงฉลองใหญ่กันละครับ และฉลองแต่งงานให้กับคุณชายเชษฐาและคุณแสงโสมด้วย
เราจะพักอยู่บนเกาะสองคืน แล้วหลังจากนี้พวกเราจะเดินทางกลับบ้านกันซะทีละครับ"
แสงโสมและเชษฐาที่ยังคงจับมือกันอยู่ตกตะลึงไปด้วยกันทั้งคู่
ดาริน พลับพลึง ไพรวัลย์ สวีทตี้ หนานอิน และคะหยิ่น
ต่างตบมือโห่ร้องกันด้วยความยินดี แสงโสมยังตกตะลึงไม่หายที่เรื่องช่างสรุปได้อย่างง่ายดายเกินคาด
หันมาถามรพินทร์ตะกุกตะกัก
"รพินทร์ขา แสงต้องแต่งงานคืนนี้เลยเหรอคะเนี่ย
ไม่รอกลับไปกรุงเทพก่อนเหรอคะ"
"คุณแสง อย่าลืมซิว่าเจ้าของขุมทรัพย์มีเงื่อนไขว่า
ผู้มีบุญทั้งสองจะต้องแต่งงานกัน มิเช่นนั้น สมบัติจะสูญสลายไปทันที พวกเราอุตส่าห์ฝ่าฟันมาตั้งนานกว่าจะมาถึงที่นี่ได้
คุณจะมาทิ้งสมบัติพวกนี้ไปง่าย ๆ ได้ยังไง"
แสงโสมยังคงขัดเขิน เพราะเห็นว่าตัวเองออกจะรวบรัดกับคุณชายเชษฐามากไปหน่อย
เกรงว่าใจจริงของคุณชายใหญ่อาจจะไม่พอใจตนเองนักก็เป็นได้ แต่แล้วด้วยความฉลาดรู้เท่าทันคนของบุรุษผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะแต่ดั้งเดิม
เชษฐาเดินตรงเข้ามาหาแสงโสม
"คุณแสงโสมครับ คุณจะรังเกียจไหม ถ้าผมจะขอคุณแต่งงานด้วย
ผมแอบสนใจคุณมาตั้งนานแล้วแต่ไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดมาก่อน เพราะเราไม่ได้เดินทางมาด้วยกัน
มาถึงขณะนี้ ผมไม่อยากให้ตัวเองต้องพลาดโอกาสนี้ไป ผมขอยืนยันว่า ผมต้องการแต่งงานกับคุณจริง
ๆ โดยไม่ได้หวังสมบัติใด ๆ ทั้งสิ้น สมบัติที่เราได้มาทั้งหมด ผมคิดว่า
เราจะแบ่งออกเป็นเก้าส่วนเท่า ๆ กัน และแจกจ่ายให้กับพวกเราที่อยู่บนเรือในขณะนี้
เพื่อความสบายใจของคุณ ผมรู้ว่าคุณคงไม่สนใจสมบัติพวกนี้เท่าไหร่ เพราะตัวคุณเองก็มีสมบัติเดิมมากมายมหาศาลอยู่แล้ว
ในขณะที่ตัวผมเองขณะนี้ก็ไม่ได้สนใจกับสมบัติเป็นพิเศษอะไรเลย พวกที่สนใจสมบัติจริง
ๆ เค้าลงจากเรือกันไปหมดแล้ว คุณแสงโสมครับ ที่ผมพูดมาทั้งหมด พอจะเป็นข้อมูลให้คุณตัดสินใจแต่งงานกับผมได้ไหมครับ"
แสงโสมตาเป็นประกาย สบตากับเชษฐาอย่างซาบซึ้งใจ
พร้อมกับกล่าวตอบอย่างอ่อนโยน
"แสงตกลงแต่งงานกับคุณชายค่ะ"
พลับพลึง ไพรวัลย์ สวีทตี้ คะหยิ่น
หนานอิน พากันตบมือโห่ร้องอย่างยินดี ในขณะที่รพินทร์และดารินจับมือกัน ยืนยิ้มมองดูเชษฐาและแสงโสมด้วยความปลื้มปิติ
***********************************************
จากคุณ : แสงโสม
- [11 ก.ย. 18:46:12]