ความคิดเห็นที่ 85
ผมรู้แล้วล่ะว่าใครเป็นที่มาของกัมมันตภาพรังสีที่สมุทรปราการ
ที่แท้นาคเทวีไปโผล่แถวนั้นนี่เอง
ถ้าจะปรานีผมเหมือนอย่างที่เคยมา กรุณาพ่นไฟใส่ยายแม่มดที่คบคิดกะเจ้ามันตรัยทำโรงโม่หินเถื่อน
แถมหลอกใช้แรงงานพวกผมเหมือนพวกบริษัทแรงงานเถื่อนไม่มีผิด
ผมไม่เคยคิดหนีท่านนาคเทวีหรือผุ้หญิงคนไหนเลยพับผ่าเถอะ
ที่ไปเป็นพระรองก็เพราะอยากสมหวังในความรักบ้างเท่านั้นเอง ถ้าผมเป็นพระเอกอยู่อย่างนีก็จะเหี่ยวแห้งหัวโตไปจนตายอ่ะครับ
เพราะยังไงคุณพนมเทียนท่านก็ไม่ให้ผมได้แอ้มนางเอกหรอก อ้างว่าเป็นกรรมเก่าต้องพลัดพรากบ้างล่ะ
กรรมเก่าบังตาบ้างล่ะ หรือ เจ้ามันตรัยกลั่นแกล้งบ้างล่ะ หรือรอให้ถึงเวลาอันเหมาะสมบ้างล่ะ
โฮ้ย ผมละอยากจะลาออกจากการเป็นพระเอกวันละหลายร้อยหน
ที่หนีไปเป็นพระรอง จะได้มีโอกาสรบกับความรักแบบจรยุทธบ้างอ่ะคับ
ที่ผ่านมาเป็นเป้าเปิดเผยเกินไป ถูกมันถล่มทุกที
ต่อกันเลยนะคับ
"ท่ามกลางฝุ่นหินที่จางลง วาชิกาก็แลเห็นรพินทร์และคณะล้มพับกองกันอยู่เป็นก้อน
ปืนเลเซอร์ในมือตกอยุ่ข้างกาย
"ฮ่าฮ่าฮ่า มันตรัยดูพวกมัน คงจะสลบไปเพราะความเหนื่อยอ่อนผสมกับปวดอึ
ราชมัล....ไปเอาตัวมันมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ ก่อนเอาให้ข้า จัดแจงอาบน้ำให้สะอาด
โดยเฉพาะเจ้ารพนทร์กับอนุชาใส่ยาฆ่าเชื้อโรคด้วย ข้าจะคุยกับมันก่อนที่จะให้เจ้าเจาะเอาเลือดออกมาจากตัวมันใส่ในโถมาให้ข้าจิบเป็นอาหาร์ว่างยามบ่าย"
นางแม่มดในร่างสตรีผู้โสภิตสั่งด้วยเสียงอันแหลมสั่นเครือไม่เหมือนเสียง
เหล่าผีดิบราชมัลในชุดนักรบโบราณเคลื่อนกายไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อไปถึงก็จับทีมหาสมบัติซ้ำซากขึ้นแบกบ่าเข้ามาในปราสาท ทุกคนถูกนำไปเปลื้องผ้าฉีด
โรยด้วยผงซักฟอก ใช้แปรงขนาดยักษ์ถูทุกซอกทุกมุมอย่างรวดเร็ว
"เฮ้ย อะไรกันวะเนี่ย" รพินทร์ตกใจทะลึ่งพรวดขึ้นมา
แต่ก็ถูกแปรงยักษ์เคาะไปที่กระโหลกอย่างแรงทำให้ก้นกระแทก
"คุณชาย คุณอำพล บุญคำ จัน เกิด เส่ย และอื่น ๆ
ทุกขึ้นเร็ว พวกเรากำลังจะถูกส่งขึ้นเขียงแล้ว" รพินทร์ตะโกนแข่งกับเสียงน้ำ
"โว้ย อย่าเล่น จั๊กกะจี๋ ฮ่าฮ่าฮ่า" อนุชาดิ้นกระแด่ว
ๆ อยู่ใต้สายน้ำและแปรงยักษ์ "รพินทร์จะทำอะไรก็ทำเข้าเซ่ ผมจักกะจี๋ไปหมดแล้ว"
"จะให้ผมทำไงล่ะโว้ย ก็ตกอยู่ในสภาพเดียวกันแหละวะ"
รพินทร์ตอบ
"ผมว่าเราทำใจเถอะ เดี๋ยวมันคงเอาเราไปหายายแม่มด
ตอนนั้นผมจะต่อรองเอง มันเป็นหน้าที่เซลส์เก่าอย่างผม" อำพลพูดขณะที่แอ่นหน้าแอ่นหลังให้แปรงขัดถูก
"จับมันลุกขึ้น แต่งตัวแล้วพามาหาข้า " เสียงวาชิกากระหึ่มมาแต่ไกล
เหล่าราชมัลต่างก็หิ้วปีกเชลยแต่ละคนขึ้น ไปยังห้องห้องหนึ่ง
ชี้ที่กองเสื้อผ้า แล้วยืนคุมเชิงอยู่ ทุกคนหยิบเสื้อผ้าขึ้นมา
"อะฮุ้ เอ็งจะให้พวกข้าแต่งชุดยี่เกพรรณเนี้ยเหรอวะ"
อดีตพรานชดยกเสื้อยาวหนาหนักปักเลื่อมด้วยเพชรเม็ดเป้ง ๆให้ราชมัลตายซากดู"มีแบบทักซิโด้อาร์มานี่บ้างไหมวะ
ข้าว่ามันจะเวิร์คกว่านา"
อำพลเอื้อมมือมาโขกหัวอนุชาดังโป๊ก "จะตายห่...อยู่ร่อมร่ออยู่แล้ว
ยังจะเลือกชุดอีกเหรอครับคุณชาย ใส่ ๆไปเหอะ หนาวจะชัก ตะพ้านกินหรือเปล่าไม่รู้"
รพินทร์เลือกชุดกำมะหยี่ดำสนิทมาใส่ มีผ้าคลุมแถมมีหน้ากากสีดำมาใส่
ใส่เสร็จหันไปมองตัวเองในกระจก "อือ โผมนี่ก็หล่อไม่เลวแฮะ ว่าไงพวก"
"บุญคำว่านายสติสตังค์ไม่ค่อยปกตินาตั้งแต่ขึ้นภาคนี้เป็นต้นมา
บอกกรง ๆบางอยากถีบเหลือเกินให้ตาย" บุญคำโคลงหัวพูด ท่ามกลางการผงกหัวแสดงความเห็นด้วยของใครหลายคน
รพินทร์ไม่สนใจ หันไปถามราชมัลว่า "จะพาเราไปพบวาชิกากับมันตรัยได้หรือยัง"
โดยไม่เสียง ราชมัลหันหลังเดินดุ่มออกไป กลุ่มที่เหลือเริ่มผลักไสคนที่ยังโอ้เอ้ให้ตามรพินทร์ออกไปโดยเร็วที่สุด
"รพินทร์ คุณมีแผนอะไรหรือยัง มีก็รีบ ๆบอกมา ผมยังไม่อยากอุทิศเลือดให้ยายแม่มดนั่นนา"
อนุชาเอียงหน้าเข้ามากระซิบ
รพินทร์กระซิบตอบ "ยังนึกไม่ออกว่ะ นึกถึงพ่อแก้วแม่แก้วไปพลาง
ๆก่อนก็แล้วกัน"
ในท้องพระโรงเบื้องหน้า วาชิกาในร่างของแคธรีน ซีต้า
โจนส์นั่งคู่กับมันตรัยซึ่งอยู่ในร่างของซากศพหมื่นปีอย่างเดิม-ไม่ค่อยครีเอท-อยู่บนบัลลังก์ทองคำ
ข้าง ๆมีชายกลางคน นัยน์ตาชั้นเดียว ใส่สูทยืนคู่กับแสงโสมอยู่
""เคี้ยก ๆ มาแล้วหรืออาหารของข้า ก่อนอื่นต้องแนะนำให้รู้จักเสี่ยฮะ
ผู้จัดหาซัพพลายด์โรงปูนทั่วประเทศไทยเสียก่อน เขามาดูหน้าพวกที่ทำให้เขามีของขายไปอีกหลายปี"
ชายกลางคนผุ้นั้นก้มหัวลงให้กับกลุ่มเชลย
"ไหนมาใกล้ ๆหน่อยซิ ข้าจะได้ตัดสินใจถูกว่าควรจะกินใครก่อน
ข้าหิวแล้วววว" วาชิกาในชุดวาบหวามเปิดหน้าเว้าหลังลุกขึ้นนวยนาดลงไปเฉียด
ๆกลุ่มเชลย ที่ทำตาถลนออกมานอกเบ้า โดยเฉพาะอำพล
"ฮือ" อนุชาครางในลำคอ "เด็ดสะระตี่ไปเลยนิ"
"เจ้ารพินทร์ เคี้ยกเคี้ยก ข้าให้เกียรติเจ้า ตกเป็นอาหารคนแรกของข้า
เพราะพระเอกต้องมาก่อน" วาชิกาเอานิ้วเรียวงามจิ้มไปที่หน้าอกจอมพรานที่ยืนมองเฉยไม่สะทกสะท้าน
"ข้านับถือในตบะของเจ้ามาก จะตายอยู่แล้วยังไม่สะดุ้งสะเทือน
ราชมัลเอาตัวมันไป"
แต่ก่อนที่ราชมัลจะถึงตัวรพินทร์ พรานไพรก็ดีดตัวขึ้นตีลังกาสามตลบ
ตวาดก้อง "นาคเทวีโปรดประทานนาคบาศก์มาให้เรา" ร่างอ้วนหนาของเสี่ยฮะมีควันสีแดงพวยพุ่งขึ้นมา
มองเห็นเป็นเค้าของสตรีงามเลิศลักษณ์ผุ้หนึ่ง ควันยืดออกเป็นพญานาคตัวยาวใหญ่
จรดเพดานท้องพระโรง พริบตานั้นเพดานหนาหนักลั่นดังเปรี๊ยะแล้วเปิดออก เงางูใหญ่หายไป
มีสิ่งหนึ่งร่วงลง รพินทร์บิดเกลียวสามตลบกลางอากาศยื่นมือรับสิ่งนั้นไว้ได้
พร้อมทั้งเหวี่ยงเข้าหามันตรัยและวาชิกา
เสียงกรีดร้องแหลมก้องของยายแม่มดระคนกับเสียงหวนโหยของมันตรัย
ประกายสีทองวาบขึ้นแว่บหนึ่งแล้วแปรเปลี่ยนเป็นวงไฟร้อนแรงรัดทั้งวาชิกาและมันตรัยเข้าไว้ด้วยกัน
"จิตรางคนางค์ช่วยเราด้วย มันตรัยถูกนาคบาศก์อีกแล้ว
ร้อนเหลือเกิน" มันตรัยคร่ำครวญหวนโหยอยู่ในไฟลุกโพลง
"ช่วยน้องมดด้วยเจ้าค่ะ แล้วจะยกสมบัติให้หมดเลย
แก้วเพชรนิลจินดา ถนิมพิมพาภรณ์ กลับออกไปเป็นมหาเศรษฐี" วาชิกาอ้อนวอน กฤติยามนตร์เริ่มเสื่อมถอย
รอยเหี่ยวย่นเริ่มปรากฏบนใบหน้า
สองร่างดิ้นทุรนทุรายอยู่ในกองเพลิงร้อนแรง ในที่สุดก็นิ่งไม่ไหวติง
ดำเป็นตอตะโก
"สมบัติ เดี๋ยว ๆๆ อย่าพึ่งไปหา บอกที่ซ่อนสมบัติมาก่อน"
อำพลตะโกนก้องขยับจะตามเข้าไปในกองเพลิง
"อย่าเข้าไป ปล่อยให้มันลงนรกอย่างนั้นแหละดีแล้ว
ยังจะห่วงสมบัติอีกคนอะไร" อนุชาห้าม พลางหันไปทางแสงโสมซึ่งพยายามทำตัวเล็ก
ลีบ อย่างน่าสงสาร "ว่าไงล่ะแม่จารชน หนอยวิ่งหน้าเริ่ดเข้ามาประจ๋อประแจ๋
เป็นไงล่ะ บอกแล้วว่าให้อยู่ข้างพระเอกไม่เชื่อ เห็นเราจะเพลี่ยงพล้ำหนอย
วิ่งหนีมาเสียนี่...กะเอาค่าคอมมิชชั่นล่ะซิ จุ๊จุ๊ อาหลานไม่ต่างกันเลยว่ะ"
"นึกไม่ถึงใช่ไหมเล่า ว่าทางเราจะซ้อนกลให้นาคเทวีปลอมมาเป็นเสี่ยฮะ
ฮะฮฮะ ขอหัวเราะเสียหน่อย" อนุชาหัวเราะ
โปรดติดตามตอนต่อไป - ผมอยากรู้จริง ๆว่าวาชิกาจะแก้สถานการณ์อย่างไร
.....เอิ๊กเอิ๊ก ...
จากคุณ : รพินทร์ ไพรวัลย์
- [23 ก.พ. 19:11:44]