หัวข้อ : เชิญคุณพรานเก่าค่ะ
...
สงสัยอะไรเชิญถามได้นะคะ

จาก : แสงโสม - 02/11/2001 18:04

...
เราก็พรานเก่าเหมือนกันนา แถมเป็นพระเอกอีกต่างหาก มาได้เป่าคับ
ไม่เจอกันในกระทู้แบบนี้นานเชียว สบายดีหรือเปล่าครับ
ผม สบายดีเหมือนเคย
ยังรอคุณแสงอยู่ที่หนองน้ำแห้งซำเหมอ

จาก : รพินทร์ ไพรวัลย์ - 06/12/2001 17:47

...
คุณรพินทร์ ไพรวัลย์ ที่รัก

นี่เห็นแก่ความเป็นพระเอกของคุณนาเนี่ย เลยยอมให้เข้ามาได้ : )

ว่าแต่ว่าคุณหลอกแสงเหรอคะ
คุณนัดแสงไว้ที่ต้นตะเคียนต้นที่ 29.456 ทางด้านทิศเหนือของหนองน้ำแห้งนี่นา
เห็นคุณบอกว่าจะทดลองอาคมบทใหม่ ให้แสงดู
แสงก็รอ ร๊อ รอ อยู่ที่โคนต้นตะเคียนเนี่ย ไม่เห็นคุณมาซักที
อุตส่าห์แอบย่องหลบสายตาคุณอาอำพลเพื่อมาพบคุณตามนัด
แล้วตอนนี้คุณมาบอกว่ารอแสงอยู่ที่หนองน้ำแห้ง
ยังงี้เราจะเจอกันได้ยังไงล่ะคะเนี่ย?
ตกลงจะให้แสงไปหาคุณที่หนองน้ำแห้งหรือคุณจะมาหาแสงที่ต้นตะเคียน
บอกให้ชัด ๆ ด้วยนะคะ แสงจะได้ไม่ต้องรอเก้อ

จาก : แสงโสม - 07/12/2001 14:02

...
เฮ้อคุณพรานเก่ายังไม่มา แต่ยายเฒ่ามาแย้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ หลานแสงบายดีก่า ยายบายดี หายหน้าหายตาไปตั้งนานเฮ้อสงกะสัยคุณพรานเก่าคงไม่มาแล้วและเน้อหลานแสงโสม หลานเเสงเข้าไปต่อกระทู้บ้างนะเค้อ ยายจะตะโกนดังๆๆว่า.........................เอ็คโค้.....................เอ็คโค้........................(เอ็คโค้)

จาก : ยายเฒ่า - 08/12/2001 16:56

...
คุณแสงที่รัก

ใครกันหนอจะนัดพบใต้ต้นตะเคียน รสนิยมแปลก ๆอย่างนี้น่าจะเป็นคุณไชยยันต์ (ฮ่าฮ่า ขอเอาเปรียบไม่ได้เข้าไปเผาในกระทู้ มาเผาที่นี่ก็ได้) อย่างว่าแหละครับสาวสวยรวยเสน่ห์แถมเงินถุงเงินถังอีกต่างหาก ก็ต้องมีคนหมายปองเยอะอ่ะนะครับ ก็ต้องจำสับสนบ้างเป็นธรรมดา ผมเห็นใจคุณแสงจริงจริง

ผมยังรอที่กระท่อมข้างหนองน้ำแห้งนั่นแหละครับ คงรอไปเรื่อย ๆเพราะตอนนี้ท่านพนมเทียนยังไม่ให้งานใหม่ทำเลย ก็ต้องนั่งไปอย่างนี้แหละ

ผมยังรอคุณเสมอ


จาก : รพินทร์ ไพรวัลย์ - 10/12/2001 12:33

...
อ้าว ผมอุตส่าห์แอบเข้ามาอ่านเงียบๆ เล่นผมซะแล้วมั้ยล่ะ
ทำมายหรือครับ ทำไมจะต้องนัดพบกันแบบที่ชาวบ้านเขานัดกันนับแสนนับหมื่น นัดพบใต้ต้นตะเคียนสิครับไม่เหมือนใคร

คงยังจำกันได้ว่าสำนวนแบบสุภาพบุรุษสุดเท่ห์แบบที่รพินทร์ ไพรวัลย์ใช้นั้นเป็นสำนวนที่พี่แกใช้มาตั้งตะสมัยแรกๆ ปัจจุบันก็ยังคงใช้มาอย่างต่อเนื่อง และทำท่าว่าจะได้ผลตลอดซะด้วยสิ!
แต่ผมมั่นใจว่ามันจะใช้ไม่ได้กับคุณแสงโสม เพราะเนื่องจากคุณแสงโสมมิใช่คนที่จะหลงคารมใครง่ายๆ อีกทั้งย่อมดูคนออกว่าใครจริงใจหรือไก่แจ้
เพราะฉะนั้น ปล่อยรพินทร์รอลมรอแล้งเ***่ยวแห้งไปกับหนองน้ำบ้านเขาต่อไปเถอะครับคุณแสง
ย้ายมารอผมที่ใต้ต้นสนภูเขาดีกว่า ต้นตะเคียนมันเล็กไป อย่างเรามันต้องต้นสนภูเขาสิครับดูยิ่งใหญ่ดี

อุตส่าห์แวบมาเผากลับ ไปละ

จาก : ไชยยันต์ อนันตรัย - 10/12/2001 13:46

...
...ต้นตะเคียน ต้นสน แล้วต้นลั่นทมสีจมพูล่ะคะ ตอนนี้ไปยืนต้นอยู่ที่ไหนก็ม่ายรุ

คิดถึงทุกคนจังเล้ย ... :))


จาก : พลับพลึงสีชมพู - 10/12/2001 18:37

...
คุณรพินทร์ ไพรวัลย์ และคุณไชยยันต์ อนันตรัย

แหม…เจ้าประคุณเอ๋ย รู้ทั้งรู้ว่าแสงมานั่งตบยุงรออยู่ใต้ต้นตะเคียนเนี่ย
ใจคอจะมารับกลับไปกระท่อมข้างหนองน้ำแห้ง หรือที่ต้นสนภูเขาก็ไม่มีเล้ยซักนิดนะจ๊ะพ่อคุณ
รีบปฏิเสธนัดกันจ้าละหวั่นเชียว
ปล่อยให้แสงนั่งหง่าวอยู่คนเดียวเนี่ย เสือ สิงห์ กระทิง แรดจะมาเยี่ยมเมื่อไหร่ก็ไม่รู้

แสงเองก็รู้สึกตงิด ๆ ตั้งแต่ได้รับโน้ตนัดพบใต้ต้นตะเคียนแล้วละค่ะ
เพราะปกติรพินทร์มักจะนัดพบหน้าอำเภอ แต่ครั้งนี้ไม่รู้เป็นยังไงมานัดที่นี่
แสงเห็นว่ามันแปลกดีก็เลยยอมมา
อุตส่าห์ไม่ยอมไปต้นสนภูเขาตามที่คุณไชยยันต์นัด
ก้อ..แหม…คุณไชยยันต์ขา แสงคงไปที่ต้นสนภูเขาไม่ไหวนะคะ
ต้องข้ามภูเขาไปอีกตั้ง 15 ลูกกว่าจะไปถึงเขาที่มีต้นสนพบคุณไชยยันต์ได้
คุณไชยยันต์จะนัดพบที่ที่เราจะพบกันง่าย ๆ กว่านี้หน่อยไม่ได้เหรอคะ
แสงเกรงว่าข้ามเขาไปแค่สองลูกก็คงเป็นลมสลบเหมือดแล้ว
เลยเลือกไปพบรพินทร์ที่ต้นตะเคียนแทน….ที่ไหนได้
ตาพรานไพรใจฉกาจมาบอกว่าไม่ได้นัดที่นี่
แต่ก็เอาเถอะค่ะ ไม่เป็นไร แสงจะบุกบั่นไปหารพินทร์ที่กระท่อมหนองน้ำแห้งเองแล้วกัน
อุตส่าห์ขนสินสอดทองหมั้นมาเรียบร้อยแล้ว จะมาสู่ขอพระเอก
เปลืองแรงแบกสินสอดมาหนักจะแย่
อย่าหนีหายไปไหนซะล่ะ….แสงตามตื๊อไม่เลิกด้วย
อ้อ..แต่ลืมถามไปว่าคุณจะเรียกสินสอดเท่าไหร่ ขนมาให้เองเลย
คงไม่เป็นไรน่า..นะจ๊ะคนดี

จาก : แสงโสม - 11/12/2001 11:46

...
คุณยายเฒ่าขา แสงสบายดีค่ะ
ตอนนี้หมดมุขอย่างแรงค่ะ เลยไม่ได้เข้าไปต่อเรื่องในกระทู้เลย แต่ตามอ่านอยู่เรื่อย ๆ
เจ้าเกี้ยมอี๋ของยายเป็นยังไงบ้างคะ ต้องใส่เสื้อให้หรือเปล่า
แล้วก้อ…อะแฮ่ม…ตรงนี้ถามแทนคุณแม่หนูเองที่กำลังติดสอบนะคะว่า คุณอาทิตย์ณรงค์
สบายดีหรือเปล่าคะ ฝากความคิดถึงและห่วงใยจากใครคนหนึ่งที่กำลังติดสอบอยู่ไปให้ด้วยนะคะยาย :-P
(ฮ่าๆ จาโดนคุณแม่หนูเองเขวี้ยงมั๊ยเนี่ย)

หลานพลับพลึงจ๋า คิดถึงเช่นกันค่ะ @^_^@
เมื่อไหร่งานหายยุ่ง น้าจะไปกวนนะจ๊ะ

จาก : แสงโสม - 11/12/2001 11:56

...
ผมจะฟ้องหมิ่นประมาทคุณไชยยันต์ หนอยมาหาว่าผม รอจนเ**วแห้ง ลูกผู้ชายอย่างผมฆ่าได้หยามไม่ได้ ฮึ่ม.... อย่างนี้ต้องพิสูจน์

จาก : รพินทร์ ไพรวัลย์ - 11/12/2001 13:51

...
แฮ่ะๆ ผมบอกว่า รอจน เ ***่ ย ว แห้ง ครับ ไม่ได้หมายความเป็นอย่างอื่น เผอิญบอร์ดหนูพลับเธอเซ็นเซอร์คำเอง มันก็เลยหายไป 2-3 ตัว อาจจะทำให้เข้าใจผิดได้

ถ้ารพินทร์ฟ้องผม ผมก็จะฟ้องกลับ ที่รพินทร์กล่าวหาจงใจตั้งใจเจตนาให้คนอื่นเข้าใจผมผิด

ธ่อ คุณแสงยังคงเชื่อรพินทร์อีกหรือครับ หมอนั่นหมดส่วนประกอบขนมจีนไปตั้งนานแล้วใครๆก็รู้

จาก : ไชยยันต์ อนันตรัย - 11/12/2001 15:22

...
เอาใหม่ ห + สระเอี่ยว + แห้ง คราวนี้ต้องได้แน่ๆ

จาก : ไชยยันต์ อนันตรัย - 11/12/2001 15:26

...
ปกติผมชอบกินน้ำเงี้ยวนะ ว่าผมหมดน้ำเงี้ยวก็ไม่เท่าไรหรอก ใครก็คิดยังไงก็ช่าง แต่คุณแสงโสมยังจะตามติดผมก็พอใจแล้ว นี่คุณไชยยันต์ กลับไปหายัยเมย์ ดินระเบิดเสียเถอะ อิอิ

จาก : รพินทร์ ไพรวัลย์ - 11/12/2001 19:50

...
55555 คุณแสงคะ ขอบคุณมากๆที่แสดงความเป็นห่วงเป็นใยแทนนะคะ ใช่ค่ะ ติดสอบอยู่และจะติดไปอีกพัก........ใหญ่ๆ แต่ก็จะพยายามหาเวลามาแต่งเรื่องต่อนะคะ คุณแสงไม่ต้องกลัวแม่หนูเองเขวี้ยงหัวหรอกค่ะ แหม.. ถูกใจสิคะ อุตส่าห์คิดถึงพี่ทิตย์ให้เราด้วย... ช่างดีจริงๆ (มะได้ประชดนา...) ^_^

จาก : แม่หนูเอง - 11/12/2001 22:02

...
รพินทร์ขา

ถึงแม้น้ำเงี้ยวของคุณจะหมดไปแล้วก้อม่ายเป็นไรนะคะ ไม่ต้องห่วงค่ะที่รัก
แสงยังมี แกงเขียวหวานไก่ ซาวน้ำ แล้วก้อน้ำยา น้ำพริกพกมาด้วยเยอะแยะ
เดี๋ยวแสงเอาไปให้ค่ะ รอแป๊บนึงนะคะ แสงไปใกล้ถึงกระท่อมของคุณแล้ว

(ฮ่าๆ ร่วมด้วยช่วยกันยำคุณไชยยันต์)

จาก : แสงโสม - 12/12/2001 08:35

...
อ๊ะๆ ไม่ได้ครับคุณแสง อย่าเอาน้ำยาไปให้รพินทร์เด็ดขาดเชื่อผม รพินทร์น่ะเจ้าชู้เงียบมาตั้งตะสมัยเดินป่ากับพวกผมครั้งแรกแล้ว ยิ่งภาคต่อมายิ่งไปกันใหญ่จนคุณแสงเองยังบ่นน้อยใจ จำไม่ได้หรือครับ

แล้วก้อขอแก้ตัวเรื่องของเมย์ คุณแสงโปรดอย่าเข้าใจผมผิด ผมจะกลับไปหาเมย์ได้อย่างไรในเมื่อเธอเองก็ตัดเยื่อตัดใยทิ้งผมไปตั้งนานแล้ว และคุณแสงเองก็ตัดเยื่อตัดใยทิ้งรพินทร์ไปตั้งนานแล้วเช่นกัน เพราะฉะนั้นจึงอนุมานเอาได้ว่าคุณแสงควรจะมาหาผมซึ่งจะนับเป็นเหตุเป็นผลกันได้ดีที่สุด

คุณแสงจะรีบไปกระท่อมรพินทร์หรือ ระวังด้วยนะครับ ผมเห็นไฟติดลุกโชติช่วงชัชวาลย์กลางหลังคากระท่อมรพินทร์ซะแล้วหละ ไม่รู้โดนผู้หญิงที่ไหนแค้นตามเผากระท่อมแล้วกระมัง

จาก : ไชยยันต์ อนันตรัย - 12/12/2001 12:56

...
คุณแสงที่รัก

กรุณาอย่าลืมเอาเส้นขนมจีนมาด้วยนะครับ ชักจะหิวแล้ว

รักเสมอ

จาก : รพินทร์ ไพรวัลย์ - 12/12/2001 13:05

...
อันลมปากที่หวานหู คนเจ้าชู้มีล้นหลาม
ก่อเกิดทุกโมงยาม บ่มิเบื่อมิบ่นเลย

ภาษิตจากเรื่อง "มะกอกสามตะกร้า(จ้างให้ก็)ปาไม่ถูก"


จาก : ไชยยันต์ อนันตรัย - 12/12/2001 13:26

...

คุณไชยยันต์คะ อย่ามามัวเสียเวลาท่องภาษิตผิด ๆ ถูก ๆ อยู่เลยค่ะ แสงมีข่าวมาบอก
คุณเมย์ดินระเบิดฝากแสงมาบอกคุณว่า
ให้คุณไปพบกับเธอที่โคนต้นสนภูเขา ต้นเก่าเวลาเดิม
และสั่งย้ำนักย้ำหนามาด้วยว่า ถ้าคุณไปสายเกินกว่าเวลานัด 15 นาทีละก้อเธอจะยิงทิ้ง
ง่า…ตรงนี้แสงลืมถามคุณเมย์ไปว่าเธอจะยิงต้นสนทิ้ง หรือจะยิงอะไรของคุณทิ้ง
ถ้ายังไงคุณรีบไปเคลียร์กับเธอด่วนนะคะ เป็นห่วงค่ะ

จาก : แสงโสม - 17/12/2001 14:31

...
รพินทร์ขา

ข้อความที่คุณเมย์ดินระเบิดฝากมาไม่รู้ว่าแสงจำมาได้ครบถ้วนหรือเปล่า
ถ้าตกหล่นตรงไหนคุณบอกคุณไชยยันต์เพิ่มเติมไปด้วยนะคะที่รัก อิอิ

แสงมีเรื่องมาบอกคุณด้วยเหมือนกันค่ะ คือว่าแสงได้ข่าวเด็ดมา
คุณไชยยันต์เธอไปได้ลายแทงการเดินทางไปแอตแลนตีสเข้าค่ะ
โดยไม่ได้เจตนาเลย คือคุณไชยยันต์ไปเห็นชายแก่อายุประมาณ 250 ปีได้
ตกน้ำอยู่ที่กลางลำน้ำสาละวิน
ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษคุณไชยยันต์เลยโดดลงไปช่วย
แหม…แต่คุณก็รู้อยู่แล้วคุณไชยยันต์แกว่ายน้ำแข็งซะที่ไหน ว่ายไปได้แค่ 2 เมตรก็หมดแรงแล้ว
ผลสุดท้ายเลยกลายเป็นฝ่ายจมน้ำซะเอง เกือบเอาชีวิตไม่รอด
คนแก่ที่อยู่ในน้ำกลายเป็นคนช่วยพาขึ้นฝั่งแทน
สอบถามไปมาได้ความว่าชายแก่นั่นไม่ได้กำลังจะจมน้ำหรอกค่ะ
แต่แกกำลังงมหาแผนที่ลายแทงไปแอตแลนตีสตะหาก
แถมยังได้ลายแทงขึ้นมาจากใต้แม่น้ำก่อนจะช่วยคุณไชยยันต์ขึ้นฝั่งมาด้วย
คุณไชยยันต์พอเห็นอย่างนั้นเลยตาลุกวาว
เอามีดซามูไรจี้ชายแก่คนนั้นแล้วบังคับเอาแทงอันนั้นมาเก็บไว้เป็นของตัวเอง

ตอนนี้ลายแทงอยู่ที่คุณไชยยันต์ค่ะ รพินทร์ขา
แต่ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะที่รัก แสงตกลงเซ็นสัญญากับคุณไชยยันต์ไว้แล้ว
รอให้คุณไชยยันต์ไปรับคุณเมย์กลับมาจากต้นสนภูเขาก่อน
แล้วหลังจากนั้นพวกเราจะไปหาขุมทรัพย์ตามลายแทงนี้ด้วยกัน
ถ้าเจอขุมทรัพย์ เราจะเอาสมบัติทั้งหมดแบ่งเป็นสองส่วนเท่า ๆ กัน
ส่วนแรกเป็นของคุณกับแสง ส่วนที่สองเป็นของคุณไชยยันต์กับคุณเมย์
แต่ถ้ามีใครสมัครจะมาร่วมเดินทางไปด้วยกันกับเราเพิ่มเติม
เก๊าะให้เอาสมบัติส่วนที่สองมาหารเฉลี่ยเพิ่มเป็นส่วน ๆ ส่วนละเท่า ๆ กันตามจำนวนคนที่เพิ่ม
เห็นมั๊ยคะรพินทร์ แสงรอบคอบและเล็งการณ์ไกลขนาดไหน

คุณมีความเห็นยังไงบอกแสงด้วยนะคะ ที่รัก
การผจญภัยของเราในครั้งนี้จะตื่นเต้นเร้าใจโลดโผนโจนทะยาน
บู๊สะบั้นหั่นแหลก และมุ่งเน้นการยำคุณไชยยันต์โดยเฉพาะ
(ตรงนี้เป็นการคืนกำไรให้ทุก ๆ คนที่โดนคุณไชยยันต์ยำมาก่อน)
ระหว่างคุณตัดสินใจ จะทานขนมจีนน้ำยาที่แสงแบกมาให้ไปพลาง ๆ ก่อนก็ได้ค่ะ
รอคุณไชยยันต์เดินทางมาสมทบด้วย พร้อมกับลายแทง

แล้วให้คำตอบแสงด้วยนะคะที่รัก
แต่กระซิบบอกนิดนึงก่อนนา
ว่าไม่ว่าคุณจะตอบเยสหรือโน
แสงก็จะลากคุณไปด้วยกันให้ได้นั่นแหละ ฮ่า ๆ

ได้สมบัติกลับมาคราวนี้เราแต่งงานกันเลยนะคะ รพินทร์คนดี๊คนดี

จาก : แสงโสม - 17/12/2001 14:36

...
คุณแสงที่รัก
ผมน่ะกลัวว่าลายแทงอะไรนั่น แทนที่มันจะลงไปถึงแอตแลนตีสมันจะมาโผล่แถว ๆลิเจียน่ะซิ ใครเขาจะมางมลายแทงแอตแลนตีสในแม่น้ำสาละวิน มันคงไม่ฟลุ้คแบบเรื่องของเจ้าแงซายจอมกะล่อนนั่นหรอกครับ ที่ไปไปมามามีดินแดนหลงเวลาอยู่ แถมมันยังเป็นทายาทผู้ครองบัลลังก์เสียด้วย พูดก็พูดเถอะครับ ผมชอบที่คุณพนมเทียนเขียนทุกอย่างเกี่ยวกับเพชรพระอุมาเลย แต่ว่าเรื่องเจ้าแงซายนี่แหละที่ผมว่ามันตุตุไปหน่อย น่าจะเปลี่ยนจากมันมาเป็นผมนะ แต่ช่างเถอะครับ ถ้าเป็นอย่างนั้น เราก็ไม่ได้รักกันใช่ไหมครับคุณแสง

คุณไชยยันต์ ถึงจะท่องภาษิตผิด ๆ ถูก ๆแล้ว แกก็ยังหล่อเหลาเอาการอยู่นะครับ ผมคิดว่าคุณแสงควรจะออกมาห่าง ๆแกเสียหน่อยดีกว่า ผมยังไม่อยากเสียคุณแสงไปนะ

รัก

จาก : รพินทร์ ไพรวัลย์ - 18/12/2001 16:28

...
รพินทร์ขา

ด๊อนท์วอรี่ค่ะที่รัก
อันความหล่อของคุณไชยยันต์นั้น ถ้าจะเปรียบกับคุณชายอนุชาก็ยังไม่ได้ถึงครึ่ง
แล้วถ้าเปรียบกับคุณชายเชษฐา ก็ยังไม่ได้ถึงเศษหนึ่งส่วนสี่
ยิ่งถ้าจะเอาไปเปรียบกับองค์จักราชแงซาย คุณไชยยันต์ก็คงไม่เหลืออะไรให้เปรียบเทียบอีกแล้ว
นี่ขนาดแสงยังไม่ได้คิดจะเอามาเทียบกับคุณนะคะเนี่ย
เพราะถ้าเอามาเทียบกันจริง ๆ ก็คงจะทิ้งกันห่างไกลชนิดมองไม่เห็นฝุ่น (แค่คิดคุณไชยยันต์ก็คงหนาวแล้ว)
เพราะฉะนั้น สบายใจได้ค่ะรพินทร์ขา แสงยังรักคุณมั่นคงไม่เสื่อมคลาย

สำหรับเรื่องลายแทงแอตแลนตีสในแม่น้ำสาละวินนั่นน่ะ แสงก็ได้ข้อมูลมาจากคุณไชยยันต์นั่นแหละค่ะ
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าลายแทงนั่นจะพาไปโผล่แอตแลนตีสหรือลิเจียกันแน่
สายสืบของแสงเห็นเหตุการณ์ตอนคุณไชยยันต์กำลังใช้ดาบซามูไรจี้ชิงลายแทงจากชายแก่นั่นอยู่พอดี
มั่นใจว่าคุณไชยยันต์ได้ลายแทงมาแน่นอน แต่แสงไม่ได้ขอดูว่าลายแทงนั้นไปแอตแลนตีสจริงหรือเปล่า
รายละเอียดข้อมูลทั้งหมดคุณไชยยันต์รู้อยู่คนเดียวค่ะรพินทร์

หรือว่านายทหารปืนใหญ่จะโกหกเรารึเปล่าก็ไม่รู้นะคะ นิ่งเงียบไปเลย ป่านนี้ดอดเอาลายแทงหนีไป
พร้อมกับคุณเมย์ แล้วมั๊งเนี่ย ดูท่าทางไม่ค่อยน่าไว้ใจ อาจจะอยากฮุบสมบัติไว้คนเดียวก็ได้
นี่ขนาดยังไม่ทันเริ่มเรื่องคุณไชยยันต์ก็คิดเบี้ยวเราซะแล้ว ยังงี้เราคงต้องจัดการอะไรกันสักอย่างดีมั๊ยคะ
ส่งลูกหาบไปวางกับระเบิดแถว ๆ ต้นสนภูเขา รึว่าจะใช้จรวดโทมาฮอร์คยิงถล่มระยะไกลดี
เอาไงดีคะรพินทร์


จาก : แสงโสม - 19/12/2001 11:16

...
ผมแนะนำว่าลองอาร์พีจีก่อนแล้วกัน แบบที่เขาเอามาใช้ถล่มห้างสรรพสินค้าในบ้านเรานี่แหละ เด๋วส่งเจ้าเกิดกับจันไปจัดการ...

จาก : รพินทร์ ไพรวัลย์ - 19/12/2001 16:09

...
เกิดคอนอาร์พีจีที่เพิ่งขโมยมาจากแถว ๆ ห้างสรรพสินค้าบนถนนพระราม 4 ไว้บนไหล่อย่างมั่นคงไม่ให้กระทบกระเทือน
เนื่องจากขนาดอันใหญ่โตและน้ำหนักที่ไม่เบาเลย เดินก้าวย่างอย่างเร่งรีบไปในราวป่าด้านหน้า
ท่ามกลางทะเลหมอกที่ปกคลุมอยู่ทั่วผืนป่า โดยมีจันถือปืนลูกซองแฝดตามมาติด ๆ
ทั้งสองใช้สายตาสอดส่ายอย่างระแวดระวังไปรอบด้าน ด้วยความที่เป็นลูกป่าแต่กำเนิด
จึงใช้เวลาเพียงแค่ชั่วลัดนิ้วมือเดียว ทั้งสองคนก็มองเห็นป่าสนอยู่ลิบ ๆ เสียงจันถามออกมาเบา ๆ

"เฮ้ย เกิด เอ็งมองเห็นนายทหารมั่งแล้วยัง"

เกิดส่ายหน้า หอบเล็กน้อย ด้วยความเหน็ดเหนื่อยเนื่องจากต้องเร่งรีบที่จะตามไชยยันต์ อนันตรัย
ผู้ซึ่งเป็นบุคคลต้องสงสัยว่าจะฮุบลายแทงเพื่อไปค้นหาขุมทรัพย์เพียงสองคนกับมาเรีย

"นายทหารหนอ นายทหาร ขุมทรัพย์มีสมบัติตั้งเยอะตั้งแยะ จะแบ่ง ๆ กันใช้ก้อไม่ด๊าย
ถ้าไปเจอขุมทรัพย์จริง ๆ ขนมาคนเดียวก็ไม่หมดอยู่แล้ว ยังจะมาหวงสมบัติอีกแน่ะ
ต้องให้เราเหนื่อยตามมาเก็บตามคำสั่งพรานใหญ่รพินทร์อีกเนี่ย"

เกิดรำพึงรำพันออกมา ระหว่างเดิน ในขณะที่จันพยักหน้าหงึก ๆ

"เออ ข้าก็ว่างั้นแหละ ถ้าคิดแบ่งสมบัติกันดี ๆ หยั่งที่นายหญิงแสงโสมบอกก็หมดเรื่องไปแล้ว
ข้าไม่นึกเลยนะเนี่ย ว่านายทหารแกจะกลายเป็นคนหวงสมบัติไปได้ แต่ก่อนแกไม่ใช่คนยังงี้นี่นา…"

จันยังพูดไม่ทันจบคำ ก็ได้ยินเสียงเกิดจุ๊ปากเบา ๆ ห้ามไม่ให้พูดต่อ พร้อมกับทำท่าบุ้ยใบ้ให้มองตาม
เบื้องหน้าของทั้งสองคน ป่าสนยืนต้นเรียงรายแน่นขนัดมองดูทึบทะมึนราวกับแบล๊คฟอเรสท์
ท่ามกลางความดำทะมึนนั้น มีร่างชายหนุ่มผู้หนึ่งในชุดสูทสีขาวจั๊วะ เดินอยู่ในป่าสนเบื้องหน้า

"นายทหาร!!!! นั่นนายทหารนี่นา พิโธ่เอ๋ย ทำมั๊ยแกต้องใส่สูทสีขาวมาเดินป่าด้วยฟะเนี่ย"

จันร้องอุทานอย่างตกใจ ในขณะที่เกิดหัวเราะคิกคัก

"ฮ่า ๆ ฉันสงสัยว่าแกคงกำลังจะไปขอนายแหม่มแต่งงานโดยใช้ลายแทงอันนั้นเป็นสินสอดแน่ ๆ เลยลุงจัน"

"เกิด เอ็งอย่ามามัวหัวเราะอยู่เลย ข้าดูท่าทีนายทหารแกแปลก ๆ พิก๊ล ทำไมดูแกเดินเหิรแข็ง ๆ ทื่อ ๆ ยังงั้น
ยังก๊ะมัมมี่นั่นน่ะนา เอ…เกิดอะไรขึ้นกับนายทหาร เฮ้ยๆๆ นายทหารมองมาทางเราแล้ว
ไอ้เกิดทำไมนายทหารตาแดงก่ำยังกับเลือดยังงั้น"

ไชยยันต์ อนันตรัย ในสูทสีขาวราวกับซักด้วยโอโม ผู้ซึ่งบัดนี้มีดวงตาแดงก่ำวาวจ้าราวกับเลือด หันมองมา
ยังจันกับเกิดที่เดินตามมาใกล้ ๆ ร่างที่แข็งทื่อราวผีดิบนั้นเดินตรงเข้ามาหาทั้งสองคนอย่างช้า ๆ
ใบหน้า***มเกรียมนั้นแสยะยิ้มออกมา มองเห็นเขี้ยวขาววับมุมปากทั้งสองด้านตัดกับสีแดงสดราวกับเลือดภายในปาก

เกิดและจันผงะเมื่อมองเห็น ทั้งสองละล้าละลังทำอะไรไม่ถูก และแล้วเสียงจันผู้ซึ่งได้สติก่อนก็ตะโกนดังลั่นขึ้นมา

"นายทหารกลายเป็นผีดิบไปแล้ว ไอ้เกิด เตรียมอาร์พีจีเร็ว เราเล่นผีดิบนายทหารกันด้วยอาร์พีจีนี่ละวะ"


จาก : แสงโสม - 20/12/2001 11:47

...
ตกลงเราจะเปิดกระทู้ใหม่กันที่นี่เหรอครับเนี่ย
ผมรอคุณไชยยันต์มาแล้วกัน จะไปรุมยำแกรู้สึกไม่ยุติธรรม
(- _-') คุณธรรมแรงครับหมู่นี้

จาก : รพินทร์ ไพรวัลย์ - 20/12/2001 17:07

...
อันความหล่อของคุณไชยยันต์นั้น ถ้าจะเปรียบกับคุณชายอนุชาก็ยังไม่ได้ถึงครึ่ง
แล้วถ้าเปรียบกับคุณชายเชษฐา ก็ยังไม่ได้ถึงเศษหนึ่งส่วนสี่
ยิ่งถ้าจะเอาไปเปรียบกับองค์จักราชแงซาย คุณไชยยันต์ก็คงไม่เหลืออะไรให้เปรียบเทียบอีกแล้ว .....

เพียงประโยคเหล่านี้ดังขึ้น มิว่าจะไกลแสนไกล ห่างสุดหล้าฟ้าเขียว คนละซีกโลก หรือต่างกาแล็กซี่กันปานใด ไม่ไกลเกินกว่าความสามารถของดวงสมาธิจิตอันแกร่งกล้า ไม่แพ้รูปกายแกร่งกำยำราวรูปปั้นเทพบุตรขององค์เจ้าชีวิตของชาวดินแดนลี้ลับนี้จะหยั่งรู้ไปได้เลย

เฮ้อ... เขาต้องถอนใจออกมายาวเหยียด เมื่อได้รับรู้ความจริงเข้าอีกข้อหนึ่ง จากอกของผู้กอง ลูกพี่ ที่เขานับถือ ซึ่งเห็นผมเป็นเพียง
...เจ้าแงซายจอมกะล่อน...ที่ไปไปมามามีดินแดนหลงเวลาอยู่ แถมมันยังเป็นทายาทผู้ครองบัลลังก์เสียด้วย ....

พูดก็พูดเถอะครับ ผมเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าผู้กองอิจฉาผม อิ๊ อิ๊

อย่าเพิ่งเหงื่อตกครับผู้กอง ที่จะยำนายทหารละก็ ไม่ควรที่ความยุติธรรมในใจท่านถามหาเลยนะคะรับ อย่าลืมว่าที่ผ่านมานั้น ชาวเราถนัดในการลาบ(เลือด) และยำ(เละ) กันมาขนาดไหน

นายทหารรอดมาได้ถึงนี่ ทั่นไม่ครนาฝีมือผู้กองกับคุณแสงหรอกครับ ผมรับรองให้ได้ และขอจองที่นั่งหน้าจอรอชมด้วยความสำเริงสำราญใจยิ่ง อิอิ หึหึ

ว่าแล้วก็ไขว่ห้างจิบไวน์ที่สาวสรรกำนัลในหามาน้อมถวายไปพลางๆ



จาก : จักราชแงซาย (ของแท้และแน่นอน) - 20/12/2001 20:00

...
พี่แงซาย ลืมน้องแงเซยคนนี้ไปแล้วหรอ เด๋วน้องจะมานั่งดูกะพี่ด้วยคนนะ พี่บอกเองว่าเราเป็นพี่น้องที่รักกันมาก มีอะไรต้องแบ่งกันน่ะ เด๋วน้องจะขอมานั่งดูกะพี่ด้วย เพราะรู้สึกว่านายทหารของเรา จะเหงื่อตกแน่ๆ ...... ท่าทางจะมันส์กว่าในกระทู้เพชรฯอีกแฮะ

จาก : แงเซย - 20/12/2001 20:15

...
น่านซิคะ คุณแงซาย (ศรีจิตรา) แสงว่าปกติเราก็นิยมพวกลาบ ๆ ยำ ๆ กันอยู่แล้วนา
จะพลาดเรื่องนี้ไปได้ยังไง (สงสัยนายรพินทร์ของแสงคงเตรียมตัวเป็นพระเอกเต็มที่ค่ะ
หรือว่าจะสมัครเป็นกำนันสมัยหน้าก็ไม่รู้เลยต้องสร้างภาพพจน์หน่อย)
คุณแงซายอย่านั่งจิบไวน์อยู่คนเดียวซิคะ ลงมายำด้วยกันเถอะค่ะ แทรกเข้ามาได้ทุกตอนนะคะ
ตอนนี้เป็นโอกาสอันดีนา คุณไชยยันต์ยังไม่ปรากฎกายเราต้องฉกฉวยนาทีทองไว้
(เดี๋ยวแสงไปยำต่อค่ะ ฮ่า ๆ)

คุณแงเซย (แม่หนูเอง) ก็เหมือนกันนะคะ เข้ามาได้เลยค่ะ อย่านั่งดูอย่างเดียวนา
ถ้าไม่เข้ามาเดี๋ยวแสงใส่บทให้เองนะ (อะแฮ่ม ขู่ไว้ก่อน ^_^)


จาก : แสงโสม - 21/12/2001 12:14

...

เกิดประทับเครื่องยิงจรวจอาร์พีจีขึ้นบนบ่าทันทีที่ได้ยินเสียงร้องบอกจากจัน แต่เจ้าประคุณเอ๋ย ด้วยความเหนื่อยล้าที่แบกเดินทางมานาน ประกอบกับความตื่นตกใจและรีบร้อนฉุกละหุก เครื่องยิงจรวดอาร์พีจีตกโครมลงไปบนพื้น จันตาลีตาเหลือกวิ่งเข้ามาจะช่วยยกเครื่องยิงขึ้นบนบ่าของเกิดอีกครั้ง ขณะที่เกิดกำลังช่วยกันยกเครื่องยิงอาร์พีจีอยู่นั้น
ไชยยันต์ อนันตรัย ผู้ซึ่งบัดนี้มีสภาพเหมือนกับผีดิบแต่ว่องไวเหลือเชื่อก็เดินปราดเข้ามาถึงตัวของทั้งสองคน

นายทหารปืนใหญ่เอื้อมมือขึ้นคว้าเครื่องยิงอาร์พีจีมาจากบ่าของเกิด ด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลผิดปกติราวกับเครื่องยิงนั้นไร้น้ำหนัก เขาใช้มือทั้งสองข้างจับเครื่องยิงนั้นไปพาดไว้ที่เข่าพร้อมกับดึงปลายทั้งสองด้านของเครื่องยิงเข้าหาตัวจนเครื่องยิงนั้นโค้งงอราวตะขอ เมื่อเห็นว่าเครื่องยิงนั้นมีสภาพใช้งานไม่ได้แล้ว ชายหนุ่มแสยะยิ้มออกมาเห็นเขี้ยวขาววับ พร้อมกับขว้างเครื่องยิงนั้นทิ้งข้างทาง แล้วเขาก็หันหน้าเข้าหาจันกับเกิดที่ยังยืนนิ่งตะลึงมองดูอยู่

และแล้วอย่างรวดเร็วผีดิบสยองขวัญนามว่าไชยยันต์ก็เอื้อมมือไปคว้าร่างของเกิดที่อยู่ใกล้มือที่สุด เจ้าหนุ่มลูกป่าพลิกกายวูบขยับร่างหนี มืออันแข็งแกร่งราวคีบเหล็กของไชยยันต์จึงคว้าพลาดเป้าหมายจากก้านคอ กลายเป็นคว้าได้แค่ปกเสื้อเดินป่าของเด็กหนุ่มแทนและยกชูขึ้นสูงทำให้ร่างของเกิดลอยวูบขึ้นจากพื้นดิน เจ้าเด็กหนุ่มดิ้นกระแด่ว ๆ ร้องจ๊ากกดังลั่นออกมาด้วยความตกใจ

"อ๊ากกซ์ ….นายทหารคร๊าบบบ อย่าทำอะไรผมเลย โผมกลัวแล้วค๊าบบบบ"


จาก : แสงโสม - 21/12/2001 12:17

...
อุ๊ย... มีภาคพิเศษในนี้ก็ไม่บอก
ตามมาเกาะขอบจอ ^_^

จาก : คริสติน่า กรูบิล - 21/12/2001 13:01

...
คุณแสงครับ โอย เมื่อกี้ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น จู่ๆก็พบว่าผมยืนอยู่ตรงหน้าเจ้าเกิดที่ลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้า เจ้าเกิดนัยน์ตาเหลือกลานเชียวครับ จ้องมองผมเหมือนเกรงกลัวอะไรสักอย่าง แล้วรีบลุกพรวดพราดวิ่งออกห่าง ผมรู้สึกมึนๆจังแฮะ หันไปดูรอบๆตัวก็พบว่าออกมาพ้นดงต้นสนภูเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

หวนนึกถึงเมื่อครู่ในขณะที่ผมเดินขึ้นมาบนภูเขาลูกนี้ มองหาก็เห็นเมย์ยืนรออยู่ที่ต้นสน 1 ในจำนวนหลายพันต้น ผมก็รีบก้าวเข้าไปหา ทันทีที่ก้าวเข้าสู่ดงต้นสนภูเขา ผมสัมผัสได้ถึงอำนาจอาถรรพ์ประหลาด แผนที่ที่ผมเหน็บไว้ในเสื้อสูทร้อนฉ่าเชียวครับ แล้วจากนั้นผมก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย มันวูบไปเฉยๆ มารู้ตัวอีกทีก็ยืนอยู่ตรงหน้าเจ้าเกิดที่มันลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้า และเมย์ก็คงตกใจหนีไปไหนแล้ว

คุณแสงจำแผนที่ฉบับนี้ได้ใช่มั้ยครับ เป็นแผนที่ที่ผมไล่คว้าอยู่กลางแม่น้ำตอนลงไปช่วยลุงแก่ที่กำลังจะจมน้ำไงครับ เล่าให้ฟังอีกทีก็ได้หลังจากที่เล่าให้คุณแสงฟังหลายสิบรอบแล้ว คือตอนนั้นแผนที่มันลอยมาจากไหนไม่รู้ ห่อพลาสติกติดโฟมลอยน้ำมาอย่างดี พอผมคว้าแผนที่ได้ เท่านั้นเองลุงแก่คนนั้นที่กำลังจะจมน้ำก็เกิดว่ายน้ำเป็นขึ้นมาเฉย แถมยังว่ายปรี่เข้ามากดผมจมน้ำแล้วแย่งแผนที่ไป ทำอย่างนี้ได้อย่างไรก็ผมเจอก่อน ด้วยความโมโหพอขึ้นฝั่งมาได้ผมก็เลยแย่งดาบซามูไรของตาลุงนั่นแหละออกมาจี้ตัวแกเอง แล้วคว้าแผนที่มาได้ จำได้ไหมครับ แล้วคุณแสงเองไม่ทราบว่าซุ่มดูทำตัวเป็นสายสืบเองอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ จู่ๆก็โผล่ออกมาจากพงหญ้าเข้ามาคุยดีกับผมอย่างน่าแปลกใจจากที่หมางเมินไปนาน ผมก็เลยยื่นให้ดูแผนที่พอคุณแสงพิจารณาเห็นว่าเป็นลายแทงก็ไล่คว้ายกใหญ่ ขนาดผมแกล้งยกมือหลบไปหลบมาคุณแสงก็ยังไล่คว้าไม่ลดละท่าทางอยากได้มาก เมื่อยเข้าผมก็เลยต้องขอทำสัญญาแบ่งให้คุณแสงส่วนหนึ่ง นั่นเองคุณแสงจึงตกลงและยินยอมให้ผมถือครองลายแทงฉบับนั้นไว้
ผมไว้ใจคุณแสงที่สุดแล้วนะครับ ก็เลยบอกให้คุณแสงไปแจ้งข่าวกับพรรคพวกอีกที จำได้มั้ยครับ ผมฝากไปบอกว่าถ้าพวกเราช่วยกันไปหาทรัพย์สมบัติเจอ เราจะแบ่งสมบัติทั้งหมดออกเป็นส่วนๆเท่าจำนวนพวกเราทั้งหมด + 1 ส่วนที่เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งนั่นตั้งใจจะนำไปทำบุญสุนทานในนามพวกเราซะบ้าง จากการที่เดินป่าล่าสัตว์กันมานานไม่เคยทำบุญกันสักบาท แล้วคุณแสงไปบอกพรรคพวกของเราตามนั้นแล้วใช่มั้ยครับ

อ้อ ลืมบอกตอนสำคัญ ตอนที่คุณแสงหลบหายไปในพงหญ้าอย่างรวดเร็วเหมือนตอนมาแล้ว ผมก็กำลังจะเดินไปเช่นกัน พอดีตาลุงแก่นั่นพูดไล่หลังมาเป็นกลอนปริศนาอะไรบางอย่าง ผมจำได้ว่า

“หนึ่งลายแทงหนึ่งคู่ตุนาหงัน ทรัพย์สมบัติจักพลันแย้มเฉลย หากมิใช่คู่กันมิได้เชย ผีต้นสนจักเฉลยคำตอบแทน”

ผมละงงมากเลยครับตอนนั้น คู่ตุนาหงันหมายถึงใคร และผีต้นสนคืออะไร ผมรู้จักแต่ผีขนุน นอนคิดอยู่หลายวัน อีกอย่าง ภาพในลายแทงนี่ดูเผินๆอาจจะคล้ายกับทวีปแอตแลนติสอย่างที่คุณแสงบอก แต่ลองพลิกกลับด้านมันกลับเหมือนดงต้นสนภูเขาไม่มีผิด หรือว่าทรัพย์สมบัติมันจะอยู่บนภูเขานี่เอง
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ก็สรุปได้ว่า การเข้าไปค้นหาสมบัติที่ดงต้นสนจะต้องเข้าไปเป็นคู่ และต้องเป็นคู่สร้างคู่สมกันด้วยอีกต่างหาก ทรัพย์สมบัติจึงจะปรากฏออกมา และถ้าใครที่ไม่ใช่คู่กันแต่ถือลายแทงเข้าไปอยู่ในนั้นด้วยกันก็จะพบเหตุอาเพทต่างๆได้
อืม…ต้องใช่แน่ๆ
ผมก็เลยรีบนัดเมย์ซึ่งเป็นภรรยาสุดที่รักในทันที ก็เราสองคนเป็นคู่ตุนาหงันเข้าไปด้วยกันก็น่าจะเจอสมบัติสิ แต่การณ์กลับไม่ใช่ อย่างที่เล่าให้ฟังเมื่อกี้
เอ หรือว่าเราสองคนจะไม่ใช่…? ผมละงงจริงๆเลยครับคุณแสง เมย์กับผมจะไม่ใช่คู่กันได้ยังไง แล้วถ้าไม่ใช่ ใครกันล่ะที่คู่กับผม ช่วยคิดหน่อยสิครับ หรือคุณแสงจะมาทดสอบกับผมกันดีนะ



จาก : ไชยยันต์ อนันตรัย - 21/12/2001 14:18

...
ป.ล.ผมคุ้นหน้า จักราชแงซาย(ของแท้และแน่นอน) เหลือเกิน ถ้าไม่ลงชื่อผมต้องคิดว่าเป็นบุตรชายกำมะลอผมแน่ๆ

จาก : ไชยยันต์ อนันตรัย - 21/12/2001 14:25

...
ขอยื้มสุภาษิตของคุณไชยยันต์หน่อยเถอะ
"อันลมปากที่หวานหู คนเจ้าชู้มีล้นหลาม
ก่อเกิดทุกโมงยาม บ่มิเบื่อมิบ่นเลย"

อะไรจะโมเมขนาดน้านนนน ลายแทงต้องเข้าไปกันเป็นคู่
เฮ้ย เกิดยืนเฉยอยู่ทำไม ถล่มด้วยอาร์พีจีเลยแล้วกัน ผีออกจากนายทหารแล้ว หนอยแน่ มีเมียแล้วดันมาจีบแฟนคนอื่นเขาอีก

จาก : รพินทร์ ไพรวัลย์ - 21/12/2001 16:27

...
ฮึ่มเห็นจะใช้คุณธรรมอยู่ไม่ได้ รุกมากขนาดนี้เห็นจะต้องลาบเลือดยำเละตามสำนวนแงซายกันเสียแล้ว

เจ้าแงซาย ฉันไม่ได้อิจฉาแกหรอก แต่คิดว่าฉันถึงจะคู่ควรกว่าต่างหากเฟ้ย

จาก : รพินทร์ ไพรวัลย์ - 21/12/2001 16:31

...
ตอบ..น้องแงเซย พี่มิได้ลืมน้องดอก พี่ไม่รู้ต่างหาก(อ้าว) คือว่า ไม่ได้อ่านกระทู้เพชรฯ ในถนนมานานมากจนต่อไม่ติดแล้วครับ ตัวละครใหม่ใครเป็นใครไม่ค่อยรู้เลย เลยค่อนข้างเก็บเนื้อเก็บตัว อิอิ

คุณแสงโสม ผมคิดถึงคุณจังเลยครับ กำลังหาช่องทางเหมาะๆ จะแทรกอยู่ครับ (หมายความว่าอู้ตามฟอร์ม) เอ๊ย ไม่ใช่ กำลังใช้ความคิด(หนัก)ครับ ยังไงละก้อ ฟังคารมนายทหารแล้วอย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจนักล่ะครับ คิดถึงผู้กองของผมบ้าง หาทางให้ผู้กองไปพ้นๆ แล้วคุณแสงค่อยจับคู่ตุนาหงันเข้าดงต้นสนจะดีกว่า จะได้ไม่มีใครขัดคอ

อ้อ... นายทหารครับ แน่ใจแล้วหรือครับว่านายแหม่มตกใจหนีไปแล้วจริงๆ เอิ๊กๆ เด๋ว พาคุณแสงเข้าไปจ๊ะเอ๋กันเข้ายุ่งเลย
(ด้วยความปรารถนาดีจากผม แงซายของแท้ มิใช่บุตรกำมะลอของนายทหารหรอกครับ)

ผู้กองครับ... ผมมานึกดูถึงภาค 1 ที่เราผจญภัยกันมา อันว่าสมบัติกับบัลลังก์ของผมที่นั่งนุ่มๆ สบายๆ อยู่ทุกวันนี้มันก็ฝีมือผู้กองเข้าไปกว่าครึ่งเหมือนกัน แต่ ทำยังไงได้ละครับ ดวงผู้กองออกจะเป็นปฏิปักษ์ต่อเงินทอง สาวงามและความหรูเลิศศิวิไลซ์ในเมืองใหญ่ มันก็ต้องเป็นพรานไพรใจฉกาจ นั่งกระเป๋าแห้งอยู่หนองน้ำแห้งบ้านเก่าเหมียนเดิมเช่นนี้นั่นแหละครับ อิอิ ม่ายงั้นก็เสียภาพพจน์ รพินทร์ ไพรวัลย์ หมดเยย เอิ๊กๆ

สงสัยเริ่มเมาไวน์แล้วซิเรา


จาก : จักราชแงซาย (ศรีจิตรา) - 22/12/2001 12:07

...
เออว่ะ แงซาย แกพูดถูกเรื่องดวงของฉันเนี่ย หมอดูไหน ๆไม่ว่าจะเป็นดูลายมือ ดูดวง ดูไพ่ยิปซี ดูลายเท้า ดูลูกแก้วต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันเหมือนที่แกว่าอยู่นี่แหละ เห็นทีฉันจะต้องไปเกิดใหม่เสียแล้วเพื่อให้ได้สมหวังและสุขสบายเหมือนคนอื่นเขาบ้างน่ะนะ



จาก : รพินทร์ ไพรวัลย์ - 22/12/2001 13:30

...
ไม่ต้องห่วงหรอกน่าแงซาย นายแหม่มหายไปจากดงต้นสนแล้วจริงๆ ผมดูทางหนีทีไล่ดีแล้ว เอ๊ย ผมตามหาทั่วแล้วไม่เจอ
สำหรับคุณแสงโสม หาทางให้รพินทร์ไปให้พ้นๆก่อนอย่างที่แงซายแนะนำก็ดีเหมือนกันนะครับ ผมเห็นด้วยเต็มที่ เห็นรพินทร์บ่นๆอยากไปเกิดใหม่อยู่ ผมว่าเรามาช่วยกันสนับสนุนส่งเสริมพี่แกดีกว่า

จาก : ไชยยันต์ อนันตรัย - 23/12/2001 12:36

...
รพินทร์ขา

อย่าหวั่นไหวค่ะที่รัก
คำปรามาสทั้งหลายที่คุณได้รับมานั้น
เป็นเพียงบททดสอบความแข็งแกร่งในการเป็นพระเอกของคุณเท่านั้นเอง
ไม่ว่าคุณจะกระเป๋าแห้งตลอดกาล หรือต้องดักดานอยู่ที่หนองน้ำแห้งตลอดปี
ถึงแม้คุณจะเป็นผู้นำพาให้ทุกคนไปเจอขุมสมบัติทุกแห่งแต่ไม่เคยได้ครอบครอง
อะไรที่แย่ ๆ มักจะประดังมาเกิดขึ้นกับคุณ จนมีคนยุให้คุณฆ่าตัวตายก็ตาม
ขอให้คุณพึงระลึกไว้เสมอว่า…คุณคือพระเอก…พระเอกหนึ่งเดียวตลอดกาลด้วย
พระเอกก็ย่อมจะเป็นพระเอกอยู่วันยังค่ำค่ะ
คุณไม่ต้องไปหวั่นไหวกับคำเยาะเย้ยถากถางพวกนี้นะคะ
นี่คือกลเม็ดในการเขย่าเก้าอี้เพื่อชิงความเป็นพระเอกจากคุณเท่านั้นเองค่ะ
อย่าปล่อยเก้าอี้เด็ดขาดนะคะรพินทร์ ซีเรียสนา ^_^

แสงเห็นที่คุณไชยยันต์บอกใบ้ลายแทงแล้ว
"หนึ่งลายแทงหนึ่งคู่ตุนาหงัน ทรัพย์สมบัติจักพลันแย้มเฉลย หากมิใช่คู่กันมิได้เชย ผีต้นสนจักเฉลยคำตอบแทน”

รพินทร์ขา เห็นแค่นี้ก็ไม่ต้องเสียเวลาคิดอะไรมากมายแล้ว
ลายแทงบอกอยู่ชัด ๆ ว่าคู่เรานั่นเองแหละค่ะที่จะได้เป็นเจ้าของสมบัติ
ที่รักขา ต่อแต่นี้ไปคุณจะได้หลุดพ้นจากคำปรามาสถึงความยากจนซักที คุณจะลืมตาอ้าปากกับเขาได้คราวนี้
คือแสงคิดว่าคุณไชยยันต์ที่ถือลายแทงอยู่ขณะนี้น่ะ ต้องรู้แน่นอนว่าที่แท้เราคือเจ้าของสมบัติ
เลยพยายามสกัดกั้นและหาทางไม่ให้คุณได้สมบัติ แถมยุไล่ส่งให้ไปเกิดใหม่ซะอีกแน่ะ..โห…โหดเนอะ
การที่คุณไชยยันต์บอกว่าคุณเมย์หายไปและให้แสงไปคู่กับคุณไชยยันต์แทนนั้น
เป็นเพียงแผนของคุณไชยยันต์กับคุณเมย์ในการสกัดกั้นคู่ของเราไม่ให้เข้าไปเอาสมบัติด้วยกันเท่านั้นเองค่ะ
ก้อสมบัติจะปรากฎต่อเมื่อเราคือ "คุณและแสง" ซึ่งเป็นเนื้อคู่ที่แท้จริงเข้าไปเท่านั้นนี่คะ
คนอื่น ๆ ถึงจะพยายามช่วงชิงเข้าไปเอาสมบัติตัดหน้าเรายังไงก็ตาม ผลสุดท้ายก้ออดอยู่ดี ฮ่าๆ

องค์จักราชแงซายอีกองค์ แสงคิดว่าต้องรู้อะไรดี ๆ แน่นอน
ทรงหายเงียบไปตั้งนานแล้วกลับมาปรากฎองค์ใหม่ตอนที่เรากำลังจะได้สมบัติต้องมีอะไรพิเศษแน่ ๆ
แสงคิดว่าขุมสมบัติแห่งนี้คงจะมากมายมหาศาลกว่าทุกครั้งค่ะที่รัก ต้องมีอะไรเด็ด ๆ ชัวร์
เป็นขุมสมบัติที่ขนาดองค์จักราชยังต้องละเว้นการจิบไวน์กับเหล่าสาว ๆ นางกำนันลงมาค้นหากับเราด้วย
แถมทรงเมามาอีกต่างหาก ฉะนั้นเรื่องนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่นอนค่ะ

แม้แต่คุณคริสติน่าซีไอเอสาวก็ยังมาด้อม ๆ มอง ๆ คงกะว่าพอเราเผลอ จะดอดเข้าไปเอาสมบัติ
เอ๊ะ..หรือมาคิด ๆ ดูอีกที คุณคริสตั้งใจจะมาฟื้นความสัมพันธ์จับคู่กับคุณเพื่อหวังจะเอาสมบัติรึป่าวเนี่ย
ฮึ่มมม!!! อย่านะคะคุณคริส "รพินทร์ข้าใครอย่าแตะนา" อิอิ

ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนักค่ะรพินทร์ กว่าเราจะได้สมบัติครั้งนี้คงเลือดตาแทบกระเด็น
แต่ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะที่รัก แสงจะฝ่าฟันค้นหาสมบัติแห่งนี้มาให้คุณให้ได้
จะพยายามทุกวิถีทาง ทั้งลาบเลือดและยำเละอย่างคุณแงซายว่า เพื่อหาสมบัติให้คุณ
ขอเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ตอนนี้คุณอย่าเพิ่งไปเกิดใหม่นะคะคนดี

รออีกไม่นานค่ะรพินทร์ขา สมบัติต้องเป็นของเราแน่นอน
คุณเตรียมกระสอบไปด้วยเยอะ ๆ แล้วกัน

จาก : แสงโสม - 24/12/2001 11:13

...
กระสอบที่ลุงรพินทร์พกไปใช้แทนผ้าห่ม ยามที่โรคประจำตัวกำเริบนี่น้อยไปเหรอคะ
อืมม์ ...ถ้าไม่พอก็ลองไปติดต่อหยิบยืมจาก ลูกชายลุงไชยยันต์มาน่าจะได้นะคะ แกพกประจำตัวไว้ห้าใบนิ...:))

ลุงแงซายไม่ชวนน้าเมยานี เข้าไปในดงต้นสนบ้างเหรอคะ
ก็ลุงกับน้าเมก็เป็นคู่ตุนาหงันกันแท้ แน่นอน โดยที่ใครไม่ปฏิเสธอยูแร้วว
สมบัติที่ได้มา ถ้าลุงไม่ต้องการเด๋ว หนูพลับพลึงติดต่อบริจาคให้หน่วยงานการกุศลก็ได้นะค้าาาา
====
ส่งข่าวเรื่องเว็บคุณพนมเทียนค่ะ คุณผาด ภาสิกรณ์ ไปตอบในกระทู้ข้างล่าง
https://board.dserver.org/j/joinwriter/00000018.html
ว่าคงอีกแป็บค่ะ แต่ไม่รู้แป็บสั้น แป็บยาวซีคะ ... :))

จาก : อู้งานค่ะ - 24/12/2001 15:44

...
แหมได้กำลังใจจากคุณแสง ผมก็เริ่มมั่นใจในความเป็นพระเอกของตัวเองขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ใช่ สินะผมเป็นพระเอก ไม่ว่าจะลำบากเพียงไร อกหักซ้ำซ้อน ยากจน ผมจะเชิดหน้าสู้ชีวิตต่อไป.....(ปล่อยเพลงแด่คนช่างฝัน....)



จาก : รพินทร์ ไพรวัลย์ - 26/12/2001 10:47

...
ตามคำขอของพระเอก

รางวัลแด่คนช่างฝัน…จรัล มโนเพ็ชร

อย่ากลับคืนคำเมื่อเธอย้ำสัญญา
อย่าเปลี่ยนวาจาเมื่อเวลาแปรเปลี่ยนไป
ให้เธอหมายมั่นคง แล้วอย่าหลงไปเชื่อใคร
เดินทางไปอย่าหวั่นไหวใครขวางกั้น
มีดวงตะวันส่องเป็นแสงสีทอง
กระจ่างครรลองให้ใฝ่ปองและสร้างสรรค์
เมื่อดอกไม้แย้มบาน ให้เธอหาญสู้ไม่หวั่น
คือรางวัล แด่ความฝันอันยิ่งใหญ่…ให้เธอ

บนทางเดิน ที่มีขวากหนาม…ถ้าเธอคร้ามถอยไปฉันคงเก้อ…
ฉันยังพร้อมช่วยเธอเสมอ เพียงตัวเธอ ไม่หนีไปเสียก่อน
จะปลอบดวงใจให้เธอหายร้าวราญ
จะเป็นสะพานให้เธอเดินไปแน่นอน
จะเป็นสายน้ำเย็นดับกระหายยามโหยอ่อน
คอยอวยพร ให้เธอสมดังหวังได้ นิรันดร์

รพินทร์ขา เนื้อเพลงอาจจะมั่ว ๆ ไปบ้างเพราะเขียนจากความทรงจำ
ถ้าผิดตรงไหนคุณแก้ด้วยแล้วกันนะคะ
ว่าแต่ว่า คุณรู้มั๊ยเราสองคนนี่ช่างเป็นเนื้อคู่ หนังคู่ และกระดูกคู่กันโดยแท้
แสงชอบเพลงนี้มากกกกเลยนะเนี่ย
เมื่อสองวันก่อนแสงก็กำลังคิดถึงเพลงนี้มาก ๆ เลยละ (เรื่องจริงนะ)

ในเมื่อใจเราตรงกันขนาดนี้ ผีต้นสนจะไม่ยกขุมสมบัติให้ก้อให้รู้กันไปเลย
ฮ่า ๆ วกกลับมาเอาผลประโยชน์เข้าตัวเองอีกก้อยังได้เห็นมะ : P

ตอนนี้เราคงยังไม่ต้องรีบร้อนเข้าไปเอาสมบัติค่ะที่รัก
เพราะบรรดาพระเจ็ด พระแปด (คุณแงซาย กับคุณไชยยันต์) หายเงียบไปแล้ว
คงช็อคกับการกลับมาเป็นพระเอกของคุณ
เราเก๊าะเลยหมดคู่แข่งชิงขุมสมบัติ ไว้ว่าง ๆ หลังปีใหม่ค่อยเข้าไปที่ต้นสนกันนะคะ
ตอนนี้เราไปฉลองกันก่อนแล้วกัน : )))


จาก : แสงโสม - 27/12/2001 11:15

...
ก็เดี๋ยวนี้พระเอกไม่เข้ามามีบทบาทเลยนี่ครับ ได้แต่ใช้ความเจ้าชู้จีบคุณแสงไปวันๆ
แต่ผมว่ารพินทร์ไม่กล้ามาจริงจังกับคุณแสงหรอกครับ คุณแสงอย่าลืมสิว่าดารินอยู่ทั้งคน ป่านนี้เขาไปฉลองปีใหม่กันก่อนเราแล้วมั้ง เราก็พักการหาสมบัติไว้แค่นี้ก่อน แล้วคุณแสงไปเที่ยวปีใหม่กับผมตามที่ตกลงกันไว้ดีกว่า
ไปเจอผมตามที่นัดไว้นะครับ

สวัสดีปีใหม่ครับทุกท่าน

จาก : ไชยยันต์ อนันตรัย - 27/12/2001 16:10

...

อ้าว!!!…คุณไชยยันต์คะ คุณเมย์เดินมาข้างหลังโน่นแน่ะ
ไหน..คุณไชยยันต์ว่าอะไรนะคะ แสงได้ยินไม่ถนัด
อ๋อ…เรื่องที่นัดไปเที่ยวปีใหม่เมื่อกี้แค่พูดล้อแสงเล่น
จริง ๆ แล้วจะไปเที่ยวกับคุณเมย์
เฮ้อ!! คุณไชยยันต์ชอบหลอกแสงเรื่อยเลย เมื่อไหร่จะเลิกหลอกซะทีหนอ
เห็นแสงเป็นสาวบ้านป่าชาวหนองน้ำแห้งหน้าตาซื่อ ๆ เลยหลอกเล่นเหรอคะ

ดีที่แสงยังไม่ทันตกปากรับคำนะคะเนี่ย ไม่งั้นหลงดีใจเก้อแย่เลย
แต่ถึงจะยังไงก็ตาม แสงคงไปกับคุณไชยยันต์ไม่ได้แน่ ๆ ค่ะ
ตราบใดที่รพินทร์เค้ายังรักอยู่กับแสง แสงก็คงไปรับนัดใครอีกไม่ได้
ขอบคุณที่กรุณาให้โอกาสแสงนะคะ คุณไชยยันต์ @^_^@


จาก : แสงโสม - 28/12/2001 14:22

...

และเพื่อไม่ให้น้อยหน้าคุณไชยยันต์
ขอสวัสดีปีใหม่ชาวเพชรพระอุมาทุก ๆ ท่านด้วยนะคะ
คุณแงซาย (หายไปไหนอีกแล้วหนอ สงสัยเดินสายทั่วราชอาณาจักรอีกแน่ ๆ เลย อิอิ
รออยู่ด้วยความคิดถึงนะคะ)
คุณแม่หนูเอง คุณคริสติน่า คุณการเวกเมยานี หลานพลับพลึง คุณมันตั้ม
และท่านอื่น ๆ ที่เหลือทุกท่านค่ะ
และคนสำคัญที่ขาดไม่ได้ นายรพินทร์ ไพรวัลย์ ของแสงเอง :p
สวัสดีปีใหม่ค่ะ : )))


จาก : แสงโสม - 28/12/2001 14:30

...
ค่ะ มาสวัสดีปีใหม่(อีกคน) กับเพื่อนๆชาวเพชรพระอุมาทุกๆคนนะคะ
คุณแสงคะ แม่หนูเองคิดว่า จะคอยนั่งดูเฉยๆแล้วล่ะค่ะ ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก จะคอยดูพรานใหญ่ของเรา ว่าจะสมหวังอีกครั้งกับคุณแสงหรือเปล่า แต่รพินทร์ ระวังให้ดีนา .. เด๋ว"คุณหญิง"รู้เข้าล่ะ หืม ไม่อยากนึก หรือว่า"คุณหญิง"เค้าหมดเยื่อใยกับคุณไปแล้วคะ ?????

สนุกแน่ค่ะงานเนี้ยะ ^_^


จาก : แม่หนูเอง - 29/12/2001 12:17

...
คุณหญิงไม่เคยดูดำดูดีผมเลยตั้งกะตอนแรกของภาคอลเวงเนี่ย ผมเป็นโฉด เอ๊ย โสดแล้วล่ะครับ คุณแม่หนูเอง

จาก : รพินทร์ ไพรวัลย์ - 31/12/2001 15:20

...
สวัสดีปีใหม่ครับ...ทุกท่าน

แงซายไม่ค่อยว่างตามเคยครับ แหะๆ (คนไม่โสดก็เงี้ยะ อิอิ)

จาก : แงซาย - 02/01/2002 08:51

...
สวัสดีปีใหม่ค่ะ.. :))

หายไปไหนกันหมดเนี่ย...เงียบ เจง เจง

จาก : พลับพลึง - 05/01/2002 00:09

...
มาแล้วครับ มาถึงก็ต่อเรื่องเลยดีกว่า

ความตอนที่แล้ว: ไชยยันต์ได้ลายแทงขุมทรัพย์มาจากตาแก่คนหนึ่ง นัยว่าบุคคลที่เข้าไปค้นหาทรัพย์สมบัติจะต้องเข้าไปเป็นคู่ และต้องเป็นคู่รักตุนาหงันที่แท้จริงกันด้วย จึงจะพบสมบัติ หากมิใช่แล้วก็จะได้พบภัยวิบัติต่างๆแทน
เขามั่นใจว่าตนเองเป็นคู่กับมาเรียแน่นอนเพราะอยู่กินมีลูกด้วยกันแล้ว แต่ปรากฏว่ากลับมิใช่อย่างที่คิด เมื่อเข้ามายังดงต้นสน เขากลับถูกผีเข้าสิง ส่วนมาเรียวิ่งเตลิดหายไปซึ่งคาดว่าน่าจะเสียสติ รพินทร์และแสงโสมได้วางแผนตกลงให้เกิด เส่ยและจัน ตามมาหมายแย่งลายแทงไป แต่ปรากฏว่ากลุ่มพรานพื้นเมืองเหล่านั้นกลับต้องโกยอ้าวเมื่อเจอผีดิบไชยยันต์ออกอาละวาด แล้วไชยยันต์ก็ฟื้นคืนสติเมื่อแผ่นลายแทงปลิวออกไปพ้นตัว…


ไชยยันต์ อนันตรัย มองตามกลุ่มพรานพื้นเมืองลูกน้องรพินทร์ที่วิ่งโกยอ้าวไม่เหลียวหลังหายลับไปจากสายตาทางด้านหนึ่งของภูเขาลูกที่เขายืนอยู่ แล้วก็มีเสียงร้องโหวกเหวก ตุ้บๆๆ เหมือนวัตถุหลายอย่างกลิ้งตกเขาไป เขาจำได้ว่าทางด้านนั้นมันเป็นหน้าผาสูงชัน ท่าว่าเหล่าลูกน้องรพินทร์คงไม่รอดเป็นแน่แท้ ป่วยการที่จะตามไปดู คิดได้ดังนั้นไชยยันต์จึงไม่สนใจอะไรอีก หันกลับไปจะมองหาแผนที่ลายแทงขุมทรัพย์แห่งสนภูเขาก็ไม่เจอเสียแล้ว

“เอ…หรือว่าลมพัดไปแล้ว”

อดีตนายทหารปืนใหญ่บ่นกับตัวเองเบาๆ แล้วกวาดสายตามองหาทั่วบริเวณก็ไม่พบลายแทงแต่อย่างใด แต่กลับเห็นแสงโสมกำลังวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตตรงขึ้นไปบนดงต้นสน ในมือเธอกำเศษกระดาษลายแทงไว้แน่น เธอวิ่งตรงไปยังชายป่าต้นสนซึ่งมีบุคคลอีกผู้หนึ่งเอนหลังนั่งหลุบปีกหมวกบังหน้าอยู่ ซึ่งถึงแม้ให้เด็กเดาก็คงเดากันได้ว่าคนผู้นั้นต้องเป็นรพินทร์ ไพรวัลย์ แน่ๆ

“อ้าว คุณแสง, รพินทร์…สองคนนั่นต้องกำลังจะพิสูจน์คู่ตัวเองกับลายแทงแน่ๆ ตายละวา…ทำไมไม่เชื่อกันบ้างเลย เดี๋ยวก็กลายเป็นผีดิบไปทั้งสองคนหรอก”

แสงโสมวิ่งเข้าไปหารพินทร์อย่างดีใจหลังจากย่องเข้ามาขโมยลายแทงไปได้ พรานใหญ่แห่งหนองน้ำแห้งผู้กำลังจะพลิกผันชีวิตตนเองขึ้นมาก็รีบลุกขึ้นยืนทันที และก่อนที่ลายแทงฉบับนั้นจะถูกส่งถึงมือรพินทร์ผู้ยื่นมือออกมารอรับ ก็ปรากฏว่ามีเชือกเส้นหนึ่งตวัดมาเบาๆ เกี่ยวเอาลายแทงไปได้
รพินทร์ร้องเฮ้ย ส่วนแสงโสมผงะถอยหลังด้วยความตกใจ ลายแทงฉบับนั้นปลิวเข้าไปอยู่ในมือสาวสวยอีกผู้หนึ่งแทน

“เมยานี!”

ทั้งสองคนร้องเรียกชื่อเธอออกมา เมยานีแม่เสือสาวแห่งมรกตนครผู้เป็นชายาขององค์จักราชแงซายนั่นเองไม่ผิดเพี้ยน เธออยู่ในชุดสีดำสนิททั้งร่าง ยืนสงบนิ่งอยู่หลังก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่ง และยังมิทันที่แสงโสมกับรพินทร์จะทันตั้งตัวติด บุรุษร่างสง่างามอีกผู้หนึ่งก็ปรากฏกายออกมาเคียงข้างเมยานี เปลวแดดที่อาบผิวสีทองแดงเป็นมันระยับประกอบกับใบหน้าที่คล้ายรูปปั้นเทพบุตรกรีกนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากเจ้ากะเหรี่ยงโฉมงาม แงซาย!

“สวัสดีครับผู้กอง พบกันอีกครั้ง…” เสียงแงซายกล่าวพลางก้มศีรษะให้ “ไม่นึกไม่ฝันว่าผู้กองก็โลภกับเขาเป็นเหมือนกัน”
รพินทร์แยกเขี้ยว “เดี๋ยวฉันก็ถีบเข้าให้เท่านั้น แกจะมาว่าฉันได้ยังไงในเมื่อแกมาที่นี่ก็ย่อมหนีไม่พ้นจุดมุ่งหมายเดียวกัน”
แงซายเลิกคิ้วแล้วยิ้มมุมปากอย่างกวนโทโส
“ก็ผมเคยบอกใครไหมล่ะว่าผมเป็นสุภาพบุรุษไพร ผมถือสัจจะยิ่งชีวิต ผมไม่เคยอยากได้ทรัพย์สมบัติ ผม…”
“ก็แล้วสุภาพบุรุษไม่ต้องกินไม่ต้องใช้ตังค์หรือไงฟะ มา มาต่อยกันดีกว่าแงซาย ฉันขี้เกียจเถียงกับแก เถียงไปก็เข้าตัว”

แงซายกับเมยานีต่างหัวเราะหึๆ ส่วนแสงโสมหันมองไปมองมาอย่างงงๆ แต่ในใจกำลังคิดที่จะชิงแผนที่กลับคืนมา ด้วยเล่ห์เพทุบายของม่ายสาวยุคหลังปี 2000…


จาก : ไชยยันต์ อนันตรัย - 06/01/2002 11:49

...
ตายแล้ว ......ตายเหล่ว...........เล่นกันไปเยอะแล้วหรอเนี้ยตายตามไม่ทันเฮ้อยายก็นึกว่าคุณแสงหายปายหนายไม่กลับไปพันทิพ นึกว่าจะร้อง จะม่ไปพันทิพแน่เลย เอ่อร้องไม่ค่อยถูก แต่หนูแสงรู้ไม่เพลงรางวัลแด่คนช่างฝันยายกำลังหาเนื้ออยู่พอดีและขอบคุณมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆเยยยายเลยพอได้ส่วนบุญไปด้วย เอ่อ.... แหะ รู้จักเพลงน้ำตาฟ้ามั้ยเอ่ยหลานรักเอ่อคือ เอ่อคือ ตือ ถ้ามีขอเนื้อเพลงหน่อยนะเห็นแก่คนแก่ตาดำๆๆด้วยเถอะนะค่ะหานรัก...........
ป.ล. เกี๋ยมอี๋สบายดี หายห่วง แวะไปถนนนักเขียนบ้างเน้อ นายอาทิตย์ก็บายดี แต่เกี๋ยมอี๋บายกว่า ไปแล้วก่าเจ้า ขอให้สุขสบายณปีใหม่นี้เน้อ หลานทุกตั๋ว............ตั๋ว...........ยายเฒ่าขออู้เหนือ..........(เอ็คโค้)


จาก : ยายเฒ่า - 07/01/2002 21:07

...
โฮ่ โฮ่...นายทหาร

เสียดายวันนี้ผมไม่ว่างจริงๆ จะต้องไปเดี๋ยวนี้แล้ว ม่ายงั้น....

ต๊ะไว้ก่อนนะครับ หึหึ

จาก : แงซาย - 09/01/2002 09:23

...

ม่ายสาวเจ้าเล่ห์กระพริบตาปริบ ๆ มองดูลายแทงที่อยู่ในมือของแม่เสือสาวเมยานีพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
อย่างเสียดายสุดซึ้ง โธ่เอ๋ย..ลายแทงก็เพิ่งขโมยมาได้จากนายทหารปืนใหญ่ไม่ทันเกินอึดใจ อยู่ดีไม่ว่าดียังไม่ทัน
รู้เนื้อรู้ตัวก็มาโดนช่วงชิงต่อไปอีกทอดหนึ่งแล้ว อย่าว่าอย่างงี้อย่างงั้นเลย แม้แต่ตัวลายแทงเอง แสงโสมก็ยัง
ไม่ทันจะมีเวลาได้มองดูว่าหน้าตาเป็นยังไง มัวแต่รีบร้อนจะเอาไปให้พรานใหญ่แห่งหนองน้ำแห้งดู คิดไปก็เจ็บใจ
ตัวเองไปพลาง รู้งี้แอบดูลายแทงซะก่อนก็ดี ระหว่างที่กำลังนึกเสียดายอยู่นั้น จู่ ๆ ความคิดหนึ่งก็สว่างวาบขึ้นมา
ในห้วงคนึงของม่ายสาวเจ้าเล่ห์ทันควัน แสงโสมกวาดสายตาไปยังทุกคนที่ยืนอยู่ด้านหน้า พลันรอยยิ้มอย่าง
เจ้าเล่ห์ก็ผุดขึ้นชั่วแว่บโดยไม่มีใครทันสังเกตเห็น

แงซายยังคงยืนยิ้มพรายอย่างยั่วเย้าพรานใหญ่ ผู้ซึ่งกำลังมีสีหน้าหงุดหงิดเนื่องจากโดนกล่าวหาถึง
ความเป็นสุภาพบุรุษอยู่หยก ๆ ในขณะที่เกิดกับจันเดินกระย่องกระแย่งมาจากเชิงเขาด้านล่าง

"ว่ายังไงครับผู้กอง ใครนะเคยบอกไว้ว่าตัวเองเป็นสุภาพบุรุษผู้ยึดมั่นในสัจจะยิ่งกว่าชีวิต แล้วทำมั๊ย
ตอนนี้ถึงได้คิดจะมาหาสมบัติกันง่าย ๆ อย่างนี้ล่ะครับ"

ใบหน้ากร้านเกรียมของ รพินทร์ ไพรวัลย์ เชิดขึ้นเล็กน้อยอย่างที่บรรดาพระเอกชื่อดังทั้งหลายพึงปฏิบัติกัน
ชายหนุ่มมีสีหน้าเครียดขรึม ยกแขนขึ้นกอดอกไว้อย่างสุดเท่ห์ ดวงตาสีสนิมเหล็กคู่นั้นหรี่ซึมลง
พร้อมกับเสียงแผ่วต่ำดังออกมาจากปากของพรานใหญ่

"แงซาย แกก็รู้ดีนี่นาว่าฉันเป็นคนยังไง อดีต ปัจจุบัน ตลอดจนถึงอนาคต ฉั น ก็ยังคงเป็นฉัน
รพินทร์ ไพรวัลย์ แห่งหนองน้ำแห้ง ผู้ยากจนไม่เสื่อมคลาย แกรู้เท่า ๆ กับฉันนั่นแหละ ว่า
ให้ยังไงเสีย ฉันก็ไม่มีวันที่จะทรยศต่อความเป็นตัวฉันเอง สุภาพบุรุษไพรผู้ถือสัจจะยิ่งกว่าชีวิตไปได้
เพราะฉะนั้นต่อแต่นี้ไปแกอย่ามาใช้คำถามแบบนี้กับฉันอีกเด็ดขาด เข้าใจมั๊ย"

เจ้าจอมกะล่อนแงซายยิ้มละมัย ก้มหัวลงเป็นเชิงรับทราบข้อความที่ได้รับการบอกกล่าว แต่ยังไม่วาย
มีข้อสงสัยต่อ

"แล้วผู้กองกับคุณแสงจะเข้าไปทำไมในดงต้นสนภูเขาครับ และที่สำคัญผู้กองสนใจอะไรกับลายแทง
ที่อยู่กับนายทหารไชยยันต์นักหนา"

"แงซาย แกอย่ามาทำไขสือถามฉันหน่อยเลยน่ะ ตัวแกเองก็รู้อยู่เต็มอกว่าลายแทงนั่นน่ะมีอะไร
ไม่ชอบมาพากลอยู่แกถึงได้มาถึงนี่ได้ เช่นเดียวกัน ฉันกับคุณแสงเองก็ไม่อยากให้คุณไชยยันต์ต้องเดินทาง
ไปพบกับภัยพิบัติโดยลำพังถึงได้พากันตามมาถึงที่นี่ เพื่อที่จะสกัดกั้นไม่ให้คุณไชยยันต์เดินทางต่อ
แกรู้ไหม แค่ดงต้นสนนี่ คุณไชยยันต์เองก็เกือบจะเอาตัวไม่รอดกลายเป็นผีดิบตลอดกาลไปแล้ว
ดีที่ฉันส่งเจ้าเกิดกับจันมาช่วยไว้ได้ทันเวลานะ ไม่งั้นป่านนี้ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น สำหรับลายแทงก็ไม่ได้
มีความสำคัญอะไรสำหรับฉันเลยสักนิด ฉันรู้รายละเอียดในลายแทงนั่นทะลุปรุโปร่งอยู่แล้ว ไม่จำเป็น
ต้องขโมยมาจากคุณไชยยันต์ฉันก็สามารถไปได้ถูกอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นขอให้แกเข้าใจไว้ด้วยว่า
ที่ฉันมาในครั้งนี้ ฉันเจตนามาช่วยเหลือคุณไชยยันต์เท่านั้น"


จาก : แสงโสม - 09/01/2002 15:28

...

รพินทร์กล่าวประโยคท้าย ๆ ด้วยเสียงที่เข้มข้นเน้นหนัก ทำให้แงซายต้องรีบโค้งศีรษะให้ด้วยความนับถือ

"ครับๆๆๆ ผู้กอง ผมทราบดีว่าจริง ๆ แล้วผู้กองคิดอะไรอยู่ สิ่งนี้แหละครับที่ทำให้ผมยอมรับนับถือ
ผู้กองมาจนทุกวันนี้ เอาละครับงั้นเราก็มาเข้าประเด็นกันเลยดีกว่า"

แงซายพูดพร้อมกับพยักหน้าให้เมยานีนำลายแทงไปส่งคืนให้กับนายทหารปืนใหญ่ผู้ซึ่งช่วงชิงลายแทง
มาได้เป็นคนแรก ไชยยันต์ตาเป็นประกายด้วยความยินดีที่ได้ลายแทงคืนมา

"นายทหารครับ นายทหารรู้หรือเปล่า ว่าแผนที่ลายแทงขุมทรัพย์ที่นายทหารได้มาน่ะ เป็นลายแทงมรณะ
เส้นทางที่จะไปทุรกันดารและต้องผจญอะไรอีกหลาย ๆ อย่าง ไม่ใช่แค่ดงต้นสนภูเขาแค่นี้ก็จะเจอสมบัติแล้ว
นะครับนายทหาร สนภูเขานี่แค่เป็นปากทวารที่จะนำเข้าไปสู่ด่านต่าง ๆ อีกหลายด่านกว่าจะไปถึงขุมทรัพย์ได้
เท่าที่ผมและผู้กองรู้มันจะต้องผ่านด่านดงพญาเย็น ดงพญาไฟ ดงพญาลม แล้วก็ดงพญาน้ำอีก เฮ้อ…แค่
บอกชื่อด่านทั้งหลายผมก็เหนื่อยแล้ว ยังงี้นายทหารยังคิดจะไปหาสมบัติอีกหรือครับ เลิกล้มความคิดซะ
เชื่อผมเถอะครับ"

"ใช่ครับ เชื่อพวกเราเถอะครับคุณไชยยันต์ อย่าไปเลย"

รพินทร์พยักหน้าพร้อมกับกล่าวสนับสนุนคำพูดของแงซายมาด้วยอีกคน แต่ไชยยันต์กลับมีดวงตาวาวจ้า
ด้วยความมุ่งมั่น คลี่ลายแทงในมือออกมาดู ก่อนจะกล่าวออกมาชัดถ้อยชัดคำ

"สายไปแล้วละแงซาย ลำพังตัวฉันเองก็คงจะเลิกล้มความคิดที่จะเข้าไปเอาสมบัติแล้ว แต่
นายรู้ไหมว่าตอนที่ฉันเป็นผีดิบ..เมย์ …ภรรยาสุดที่รักของฉันวิ่งหนีเตลิดเข้าไปในดงต้นสนนี่แล้ว
จะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้ ฉันจะต้องไปตามเมย์กลับมาให้ได้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม"

ภาวะชะงักงันเกิดขึ้นกับทุกคนหลังจากไชยยันต์พูดจบ แงซายหันไปมองหน้าเมยานีด้วยความกังวล
รพินทร์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างหนักใจ ในขณะที่แสงโสมกลับลอบยิ้มด้วยความยินดี
ดวงตาเจ้าเล่ห์นั้นเปล่งประกายวาววาม ความคิดที่เกิดขึ้นชั่ววูบเมื่อกี้นี้นั้นกลับมาเข้าทางตนเอง
อย่างไม่น่าเชื่อ

"แสงเห็นด้วยค่ะว่าคุณไชยยันต์ควรจะต้องไปตามคุณเมย์กลับมาให้ได้ รพินทร์กับคุณแงซายคะ
ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว แสงว่าอย่าทักท้วงห้ามปรามคุณไชยยันต์เลย เราควรจะมาร่วมมือกัน ช่วยให้
คุณไชยยันต์ไปตามหาคุณเมย์ให้ได้พบกันโดยดีจะดีกว่านะคะ ถ้าเราไม่ช่วย ปล่อยคุณไชยยันต์
ไปคนเดียวคงจะลำบากมาก"



จาก : แสงโสม - 09/01/2002 15:30

...

ไชยยันต์มองหน้าแสงโสมอย่างไม่ค่อยเชื่อถือ กล่าวขัดขึ้นมาทันควัน

"ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณจะไปช่วยผมกับเมย์โดยบริสุทธิ์ใจไม่มีอะไรแอบแฝง คุณหวังสมบัติใช่ไหม"

"โถ…คุณไชยยันต์คะ สมบัติแสงมีตั้งเยอะตั้งแยะแล้วไม่ต้องไปเสียเวลาหาใหม่หรอกค่ะ
น่า อย่าซีเรียสค่ะ แสงจะไปช่วยคุณหาคุณเมย์จริง ๆ ส่วนถ้าเจอสมบัติทีหลังยังไงนั่นก็เป็นอีกเรื่อง"

ยังไม่ทันที่แสงโสมจะพูดจบคำ ทุกคนก็สะดุ้งเฮือกเนื่องจากเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมาจากดงต้นสนภูเขา
ไชยยันต์รวดเร็วเหลือเชื่อ พุ่งปราดเข้าไปยังดงต้นสนภูเขานั้นทันทีด้วยความเป็นห่วงมาเรีย
แต่โดนรพินทร์ใช้บ่วงเชือกตวัดคล้องร่างไว้ก่อนพร้อมกับร้องตะโกนห้าม

"อย่าครับคุณไชยยันต์ เสียงที่ได้ยินนั่นไม่ใช่คน"

ร่างของไชยยันต์ถูกกระตุกไว้ในขณะวิ่งจึงทำให้สะดุดพรวดล้มหน้าคะมำลงกับพื้นทันที เจ้าตัวพยายามดิ้น
ให้ตัวเองพ้นบ่วงเชือกพร้อมกับลุกขึ้นวิ่งมุ่งหน้าไปทางดงต้นสน แต่แงซายวิ่งไปดักสกัด
รวบขาของนายทหารปืนใหญ่ไว้ได้ ไชยยันต์ล้มหน้าคะมำลงปะทะกับพื้นอีกครั้งอย่างแรง (อิอิ) นายทหารหนุ่ม
สะบัดร่างไปมา

"ปล่อยฉัน แงซาย ฉันจะไปช่วยเมย์"

"นายทหาร อย่าเข้าไปครับ เสียงนั่นเป็นเสียงปีศาจ มันจะล่อให้นายทหารเข้าไปติดกับดัก"

"ฉันจะไป ปล่อยฉัน!!!"

ไชยยันต์ร้องออกมาอย่างโมโห หันมาชกแงซายสามครั้งซ้อน ด้วยเรี่ยวแรงที่มากผิดปกติ ก่อนจะดิ้นหลุด
จากการโดนล็อคตัวไว้ได้ ชายหนุ่มวิ่งตรงเข้าไปยังดงต้นสนนั้นทันที โดยมีแงซายวิ่งตามไปติด ๆ ท่ามกลาง
การตกตะลึงของทุกคน เสียงจันร้องขึ้นด้วยความเป็นห่วง

"อพิโถ..นายทหารครับ ไม่รอดแน่ ๆ เลย เมื่อกี้เพิ่งหายจากเป็นผีดิบไปหยก ๆ จะต้องกลับไปเป็นใหม่
อีกรอบแล้ว คราวนี้คงหนักกว่าเดิม…เฮ้อ..."


จาก : แสงโสม - 09/01/2002 15:31

...
ไชยยันต์วิ่งอย่างรวดเร็วเข้าสู่เขตดงต้นสนพร้อมด้วยลายแทงในกระเป๋าเสื้อ พลันสติเขาเริ่มเลือนลาง แต่ก่อนที่มันจะดับวูบลง จิตของอดีตนายทหารปืนใหญ่ผู้เคยพานพบประสบการณ์แบบนี้มาหมาดๆ ก็เริ่มดิ้นรนหาทางรอด จิตใต้สำนึกของเขาสั่งงานอะไรบางอย่าง มือของเขาดึงกระดาษลายแทงออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วหันกลับขว้างเข้าหาบุคคลที่ใกล้ที่สุดทันที บุคคลโชคดีจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเจ้ากะเหรี่ยงโฉมงามที่วิ่งไล่หลังเขามา

ลายแทงฉบับนั้นซึ่งถูกม้วนเป็นหลอดเล็กๆพุ่งเข้าทัดหูแงซายพอดิบพอดี เป็นจังหวะเดียวกับที่แงซายก้าวเข้าสู่เขตดงสนพอดีเช่นกัน และเมื่อนั้นเจ้ากะเหรี่ยงพเนจรก็ชะงักหยุดยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นราวกับถูกสาป

เมฆหมอกสีดำทะมึนเคลื่อนเข้าปกคลุมยอดเขาในทันที รอบด้านจึงค่อยๆมืดลง

กฏของลายแทงมีอยู่ว่า ใครถือลายแทงเข้ามาคนเดียวจะกลายเป็นผีดิบไป บุคคลที่เป็นคู่สร้างคู่สมกันและมาด้วยกันเท่านั้นจึงจะอยู่รอด และได้สิทธิ์เพียงคู่ที่ถือลายแทงคู่เดียวเท่านั้น ส่วนบุคคลอื่นๆหากเข้ามาร่วมด้วยช่วยกันในเขตดงสนแล้วจะกลายเป็นคนวิกลจริตไปในทันที

ไชยยันต์ตกอยู่ในเคสหลัง เขาจึงล้มลงกับพื้นเพราะทุกสิ่งทุกอย่างหมุนติ้วไปหมด เขาอุทานออกมาเบาๆ
“โอ๊ย แย่แล้วนายไชยยันต์”

ลืมบอกไปอีกอย่าง คนที่จะวิกลจริตจะคิดว่าตัวเองเป็นสิ่งที่พูดถึงสิ่งสุดท้ายก่อนที่เขาจะเสียสติ แต่ไชยยันต์อุทานเรียกตัวเอง เขาจึงกลายเป็นตัวเอง นั่นคือยังคงปกติดีทุกอย่าง หึๆๆ

ไชยยันต์นั่งอยู่กับพื้นสะบัดหัวไล่ความมึนงง เขาพลันนึกเป็นห่วงมาเรียขึ้นมาอีกครั้ง ก็หันไปมองทางทิศที่ได้ยินเสียงมาเรียร้องเมื่อสักครู่ หารู้ไม่ว่าเจ้ากะเหรี่ยงโฉมงามกลายเป็นผีดิบไปเสียแล้ว นัยน์ตาแดงวาวโรจน์จ้องมาที่เขา ผีดิบแงซายเดินทื่อเข้ามาหาไชยยันต์ทางด้านหลัง

“เฮ้ย คุณไชยยันต์แย่แล้ว แงซายกลายเป็นผีดิบไปแล้ว เอ๊ย ไม่ใช่ต้องเรียกชื่อตัวเอง…รพินทร์ๆๆๆ”
เสียงรพินทร์ร้องเตือนสติพลันเขาก็ร้องเรียกชื่อตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะรู้ทริกนี้มาเหมือนกัน จอมพรานวิ่งตรงเข้าไปหมายช่วยนายทหารปืนใหญ่ให้ทันการคุกคามของผีดิบแงซาย ส่วนฝ่ายแสงโสมนั้นไม่รู้เธอรีบวิ่งตามเข้าไปดึงรพินทร์ออกมาเพราะเกรงจอมพรานจะเป็นอันตรายจากอาถรรพ์แห่งดงต้นสน


จาก : ไชยยันต์ อนันตรัย - 10/01/2002 01:26

...
รพินทร์บริกรรมคาถาเปิดทางไปด้วยในขณะที่วิ่งไป ส่งผลให้เมฆหมอกสีดำทะมึนเริ่มมีแสงสว่างลอดลงมา แสงโสมวิ่งตามมาทันก็ฉุดดึงตัวรพินทร์ไว้

ทันใดนั้นเสียงไก่ขันมาแต่ไกลเพราะนึกว่าเช้าแล้ว
“เอ้ก อี๊ เอ้ก เอ้ก…”

แสงโสมตกใจหันไปมองรอบตัวเพราะงงว่าไก่ที่ไหนมาขันตอนเที่ยงวัน
“เอ๊ะ เสียงไก่…”
รพินทร์ไม่ได้ยินเสียงไก่ขันเพราะมุ่งมั่นจะช่วยไชยยันต์ เมื่อได้ยินแสงโสมอุทานอย่างนั้นเขาก็หันมาร้องถามอย่างงงๆ
“ไก่?”

“เมย์!” เสียงไชยยันต์ร้องลั่นก่อนจะกระโจนลุกขึ้น ทำให้ผีดิบแงซายที่กำลังจะคว้าคอของเขานั้นคว้าอากาศวืด
ด้วยความเป็นห่วงนายทหาร รพินทร์ก็ผลุนผลันวิ่งเข้าดงต้นสนในทันที สุดความสามารถที่แสงโสมจะเหนี่ยวรั้งไว้ได้ เธอจึงถูกดึงเข้าไปในดงต้นสนด้วย

แล้วทุกอย่างก็หมุนติ้วไปหมดในสายตาของแสงโสมกับรพินทร์ หูอื้อ นัยน์ตาลาย

เมฆหมอกที่เบิกกว้างเมื่อสักครู่จางหายไปหมดแล้ว แสงที่ส่องลงมาเผยให้เห็นชายหนุ่ม หญิงสาว ที่กระโดดโลดเต้นไปรอบๆ

“ไก่งามก็งามกันไป งามด้วยขนคือไก่…”
เสียงเจื้อยแจ้วเป็นเพลง “กุ๊กไก่” ของแสงโสมดังก้อง พลางคุณเธอก็วาดแขนทำท่ากระโดดๆ เหมือนจะบินแต่บินไม่ขึ้น
“กุกๆๆกุ๊ก กุกๆๆกุ๊ก…กะต๊าก”
เสียงไก่ประกอบเพลงช่วงท่อนดนตรีดังมาจากรพินทร์ จอมพรานทิ้งมาดเท่ชั่วคราว หันมาบินไปรอบๆกับแสงโสมนั่นเอง

ไชยยันต์วิ่งเข้าไปยังทิศทางที่ได้ยินเสียงของมาเรียด้วยจิตใจมุ่งมั่นที่จะช่วยภรรยาสุดที่รักให้ได้ ตอนนี้ไก่สองตัวที่ส่งเสียงดังเรียกร้องความสนใจทำให้ผีดิบเปลี่ยนเป้าหมายไปไล่ไก่ทั้งสองตัวแทน

เมยานีเป็นคนเดียวที่อยู่นอกเขตดงต้นสน เธอนั่งลงกับพื้นในทันที ไม่ใช่เพราะตกใจ แต่ว่าเธอฮาจนยืนไม่อยู่ ลงไปขำกลิ้งอยู่กับพื้น…


จาก : ไชยยันต์ อนันตรัย - 10/01/2002 01:27

...
เฮ้ย ไม่ได้มาดูนาน กลายเป็นไก่เป็นแล้วเรอะ
ขอเวลาในนึกมุขก่อนแล้วกัน


จาก : รพินทร์ ไพรวัลย์ - 10/01/2002 11:02

...
ฮ่าๆๆๆ รพินทร์ขอไปนึกมุขอีกตามเคย อันนี้เขาเรียกว่ามุขอู้มากกว่ามั้ง
คุณแสงก็อึ้งไปคนแล้ว คงอีกหลายวันกว่าจะแก้ทางกันได้
เฮ้อ ไปเที่ยวต่อดีกว่า

จาก : ไชยยันต์ อนันตรัย - 11/01/2002 08:14

...
ยังตามอ่านอยู่ค่ะ หนุกจิงๆ.... ง่า นึกไม่ถึง รพินทร์เราจะเป็นไก่...^__^

จาก : แม่หนูเอง - 11/01/2002 21:28

...
ผีดิบแงซายเดินย่างสามขุมเข้าไปหารพินทร์และแสงโสมที่ส่งเสียงร้องพร้อมกับทำท่าไก่ได้อย่างน่ารักน่าเอ็นดู โดยเฉพาะอย่างยิ่งแสงโสม เนื่องจากในอดีตเธอเคยเป็นตัวเอกในการเต้นระบำไก่ในงานแสดงของโรงเรียนวัดหนองน้ำแห้ง ดังนั้น ณ บัดนี้เธอจึงเต้นระบำไก่ได้อย่างไม่ขัดเขินและสวยงามไม่มีที่ติ ในขณะที่รพินทร์ผู้ซึ่งไม่มีใครทาบรัศมีได้ในด้านการเป็นพรานผู้ยิ่งใหญ่ ก็ร้องเลียนเสียงไก่ได้เหมือนเป๊ะอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งสองเปิดคอนเสิร์ตระบำไก่กันอย่างครื้นเครงกลางป่าสน

เจ้ากะเหรี่ยงพเนจรผู้ซึ่งเสียท่าโดนไชยยันต์ส่งลายแทงต่อให้จนกลายเป็นผีดิบไปแล้วแสยะยิ้มอย่างน่ากลัว มองเห็นเขี้ยวขาวโผล่ออกมาจากมุมปากทั้งสองด้าน ใบหน้าที่หล่อเหลาราวเทพบุตรกรีกนั้น บัดนี้กลับกลายเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโหด***มและดุร้ายสยองขวัญ ผีดิบแงซายเดินย่างสามขุมเข้าไปหารพินทร์และแสงโสมอย่างใจเย็น

“เมย์!!! คุณอยู่หนายยยย”

เสียงร้องดังลั่นของไชยยันต์ที่ดังขึ้นมาสะดุดความสนใจของแงซายที่มีต่อไก่ทั้งสอง ทำให้ผีดิบแงซายหันขวับไปตามเสียงนั้น
หลังจากนั้นเจ้ากะเหรี่ยงหนุ่มหันกลับมามองดูรพินทร์และแสงโสมที่เต้นท่าไก่กันอย่างทองไม่รู้ร้อนอีกครั้ง และเหลียวไปมองดูไชยยันต์ที่ร้องตะโกนเรียกมาเรียไปพลางวิ่งไปพลาง มองไปมองมาทั้งสองด้านแล้ว และแล้วผีดิบแงซายก็ตัดสินใจได้ เขาหันหลังออกวิ่งตามไชยยันต์ไปทันทีเนื่องจากเป้าหมายที่เห็นอยู่นั้นวิ่งไปมามองดูแล้วน่าสนุกในการตามล่ามากกว่าไก่สองตัวที่เต้นไม่รู้เหนือรู้ใต้อยู่กับที่กันอยู่ขณะนี้ แงซายแสยะยิ้มแยกเขี้ยวขาววาววับออกมาอีกครั้ง ดวงตาแดงก่ำวาวจ้า พร้อมกับวิ่งตามไชยยันต์เข้าไปกลางป่าสนอย่างรวดเร็ว

ผีดิบแงซายวิ่งตามไชยยันต์หายลับเข้าไปกลางป่าสนแล้ว ในขณะที่รพินทร์ ไพรวัลย์ และแสงโสม ยังคงเต้นท่าไก่พร้อมกับร้อง เอ๊กอี๊เอ้กเอ้ก กันอย่างครื้นเครง และแล้ว เหตุการณ์ประหลาดมหัศจรรย์ก็บังเกิดขึ้น ท้องฟ้าที่ใสสว่างจ้าเมื่อครู่กลับเริ่มอ่อนแสงลง แสงแดดสลัวมัวรางจนเกือบมืด แล้วทุกอย่างก็หมุนติ้วไปหมดในสายตาของแสงโสมกับรพินทร์ อีกครั้ง ทั้งสองหูอื้อ นัยน์ตาลาย แต่ยังคงได้ยินเสียงไก่ขัน “เอ๊ก อี๊ เอ้ก เอ้ก” ดังลั่นกังวานเสนาะเพราะจับใจขึ้นมาท่ามกลางความสลัวเรื่อราง โดยที่ทั้งสองคนไม่ได้ร้องเองแม้แต่น้อย รพินทร์และแสงโสมที่ยืนวิงเวียนอยู่นั้นยังคงรู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างตกลงมาจากยอดต้นสน ตรงเข้าปะทะร่างของทั้งคู่ ชายหนุ่มและหญิงสาวยกแขนขึ้นโอบรับสิ่งนั้นไว้อย่างอัตโนมัติ

ท้องฟ้าที่มืดสลัวเมื่อสักครู่จางหายไปหมดแล้ว แสงแดดอ่อน ๆ ทอประกายสีรุ้งที่ส่องลงมาเผยให้เห็นชายหนุ่ม หญิงสาว ยืนอยู่เคียงข้างกัน ทั้งสองคนรู้สึกตัวแล้วด้วยสติสัมปชัญญะที่ได้กลับคืนมาอย่างครบถ้วน เขาและเธอหันมองหน้ากันอย่างปิติยินดี และน่าประหลาดอะไรเช่นนั้น ในมือของรพินทร์มีแม่ไก่ขนาดเขื่องอุ้มอยู่ แม่ไก่ตัวนั้นมีสีขาวสะอาดบริสุทธิ์ จะงอยปากสีเหลืองสด มันคือแม่ไก่ที่สวยงามอย่างน่าประหลาด

ในขณะที่แสงโสมเองก็มีไก่แจ้อุ้มอยู่ในอ้อมอก ไก่แจ้ตัวนี้ช่างน่าประหลาดนักทั้งตัวเป็นสีทองอร่ามเรืองรอง ส่องประกายออกมาพราวพราย ม่ายสาวดวงตาเป็นประกายด้วยความดีใจกอดรัดไก่แจ้สีทองตัวนั้นไว้แน่น ชะรอยไก่แจ้ตัวนั้นจะอึดอัด มันจึงสะบัดตัวขยับไปมา ขนไก่เส้นหนึ่งหลุดร่วงปลิวลงสู่พื้น แสงโสมก้มลงเก็บด้วยความเสียดาย และแล้วก็ต้องตะลึงเมื่อได้พบว่าขนไก่เส้นนั้นกลายเป็นทองคำแท้ ๆ (99.99 เปอร์เซ็นต์ด้วยนะเนี่ย โกลด์มาสเตอร์มาติดต่อขอซื้อเลยละ)

แสงโสมร้องอุทานลั่นออกมาด้วยความดีใจ ในขณะที่รพินทร์ก็หัวเราะให้อย่างยินดีที่ได้เห็น แต่แล้วพรานใหญ่ก็ร้องอุทานออกมาเมื่อตนเองรู้สึกว่าแม่ไก่ออกไข่ออกมาในอ้อมแขนของตน

“คุณแสง ดูนี่ซิ”


จาก : แสงโสม - 12/01/2002 08:24

...
รพินทร์เอื้อมมือลงไปควานใต้ท้องแม่ไก่สีขาวสวยตัวนั้น ไข่ไก่ขนาดย่อม ๆ ใบหนึ่งติดมือของชายหนุ่มออกมาด้วย แต่เจ้าประคุณเอ๋ย ไข่ใบนั้นไม่ได้เป็นสีไข่ไก่หรือสีขาวเหมือนไข่ไก่ทั่ว ๆ ไป ไข่ใบนั้นเป็นสีทอง!!! รพินทร์ตกใจที่มองเห็น และโดยไม่เจตนาชายหนุ่มทำไข่ไก่สีทองใบนั้นหลุดมือตกลงบนพื้น อะโห….ไข่ไก่สีทองใบนั้นไม่แตก รพินทร์อุ้มแม่ไก่สีขาวนั้นไปวางไว้บนพื้นอย่างทะนุถนอม พลางก้มลงเก็บไข่สีทองที่ตกไม่แตกนั้นขึ้นมาพินิจพิจารณาอีกครั้ง

“ไข่ไก่ทองคำครับ คุณแสง ไม่น่าเชื่อเลย นึกว่าจะมีแต่ในนิทาน”

แสงโสมวางไก่แจ้สีทองนั้นลงกับพื้น พร้อมกับโผเข้ากอดรพินทร์ด้วยความดีใจสุดขีด ม่ายสาวระล่ำระลักอย่างยินดี

“ต๊าย!!! รพินทร์ขา แสงดีใจเหลือเกิน ในที่สุดเราก็ได้สมบัติจากต้นสนภูเขาแล้วจริง ๆ แสงไม่อยากจะเชื่อเลยนะคะเนี่ย ว่าปาฎิหาริย์จะมีจริง ตอนนี้คุณก็จะกลายเป็นเศรษฐีลืมตาอ้าปากกับเขาได้ล่ะค่ะคราวนี้…. โอยย..ยังงี้ถ้าแม่ไก่ไข่ออกมาทุกวันคุณก็รวยแย่ซิคะเนี่ย แล้วยังแถมขนไก่ร่วง ๆ จากไก่แจ้ที่แสงได้มาอีก เหมืองทองที่พิจิตรจะอายเราละนะคะคราวนี้”

“อืมม์…คุณแสงครับ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไมอยู่ดี ๆ ถึงเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมาได้ ไม่รู้จริง ๆ ว่าสมบัติจากป่าสนนี่คือขนไก่ทองคำ และไข่ทองคำนี่เอง ทำไมเราถึงได้กันมาง่าย ๆ อย่างนี้หนอ”

“โถ…รพินทร์ขา ก็คงเป็นเพราะว่าเราเป็นเนื้อคู่กันไงคะ อภินิหารไก่ทองคำเลยดลบันดาลให้เกิดสิ่งนี้ขึ้นมา คุณลองคิดดูซิคะ อยู่ดี ๆ ทำไมเราถึงได้ยินเสียงไก่ และเพราะเราได้ยินเสียงไก่ขัน เราเลยโดนอาถรรพ์ต้องตกบันไดพลอยโจนต้องเต้นรำระบำไก่ ร้องเลียนเสียงไก่ แบบว่าเหมือนกับพวกที่เค้ารำแก้บนกันไงคะ แล้วทีนี้พญาไก่ทองคำท่านคงพิจารณาเห็นแล้วชอบใจว่าเราเต้นได้สวยงาม ร้องเลียนเสียงไก่ได้เหมือน ท่านเก๊าะเลยยกสมบัติคือไก่ทองคำและไข่ทองคำให้เราน่ะค่ะ”

รพินทร์หัวเราะหึๆ พลางส่ายหน้าอย่างอ่อนใจในความคิดของแสงโสม เขาไม่พูดอะไรออกมาอีก แต่ก้มลงอุ้มไก่แจ้สีทองส่งให้แสงโสม น่าประหลาด…ก่อนที่รพินทร์จะส่งไก่แจ้สีทองถึงมือแสงโสม ไก่ตัวนั้นกลับลดขนาดวูบลงเหลือตัวเท่าฝ่ามือและแข็งเป็นหิน กลายเป็นไก่ทองคำตัวเล็ก ๆ ไม่มีชีวิตไปในทันที แสงโสมตกใจรีบรับจากมือของรพินทร์มาอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อไก่ตัวนั้นมาอยู่ในมือของแสงโสม เจ้าไก่ก็กลับคืนร่างกลายเป็นไก่แจ้สีทองเป็น ๆ ตัวใหญ่เหมือนเดิม ทั้งสองคนมีสีหน้างุนงง แสงโสมทดลองส่งไก่ตัวนั้นให้รพินทร์อีกครั้ง เหตุการณ์ก็กลับเป็นเหมือนเดิม ทั้งสองคนทดลองอยู่หลายครั้ง และเอาแม่ไก่สีขาวมาทดลองส่งให้กันไปมาด้วย จนในที่สุดก็จับเคล็ดได้ว่า ถ้าไก่แจ้สีทองอยู่ในมือแสงโสม ไก่ตัวนั้นก็จะกลายเป็นไก่เป็น ๆ แต่ถ้าอยู่ในมือของรพินทร์จะกลายเป็นไก่ทองคำตัวเล็กไม่มีชีวิต ในขณะที่แม่ไก่สีขาวก็เช่นเดียวกัน


จาก : แสงโสม - 12/01/2002 08:26

...
ทั้งสองยิ้มให้กันอย่างอิ่มเอม และตัดสินใจสลับตัวไก่กันเพื่อสะดวกในการเก็บรักษาระหว่างเดินทาง รพินทร์เก็บไก่แจ้ทองคำตัวเล็ก ๆ ไว้ในเป้ประจำตัว ในขณะที่แสงโสมเก็บแม่ไก่สีขาวตัวเล็กไว้ในเป้ส่วนตัวของเธอเช่นเดียวกัน

รพินทร์หันมองไปรอบ ๆ ตัว ก็เห็นเมยานี จัน และเกิด ยืนเมียง ๆ มอง ๆ อยู่รอบนอกของป่าสน ในขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงร้องโว้กเว้กของนายทหารปืนใหญ่ที่ดังออกมาจากกลางป่า เสียงฮึ่มแฮ่ของผีดิบแงซายดังประสานกันขึ้นมา ทั้งสองยังคงวิ่งไล่จับกันไม่เลิกประหนึ่งเล่นโปลิสจับขโมย แสงโสมขมวดคิ้วอย่างกังวล

“รพินทร์ขา เราจะโดนอาถรรพ์ป่าสนนี่อีกหรือเปล่าคะ ต้องระวังอะไรอีกหรือเปล่า”

“ไม่ต้องแล้ว เราจะไม่โดนอาถรรพ์ป่าสนเล่นงานอีก เพราะเรามีไก่ทองคำอยู่ในครอบครอง พญาไก่ทองคำท่านเบิกทางให้เราแล้วละครับคุณแสง ไม่ต้องกังวลว่าจะโดนอะไรอีก แต่สำหรับคนอื่น ๆ ยังคงโดนอาถรรพ์เล่นงานอยู่ ผมว่าตอนนี้เราไปรวมกลุ่มกับเมยานี เกิด จัน ดีกว่าครับ ระหว่างรอคุณไชยยันต์กับเจ้าแงซาย”

“แล้วเราต้องไปช่วยทั้งสองคนนั่นหรือเปล่าคะ รพินทร์”

“โฮ้ยยย…ไม่ต้องไปช่วยเค้าหรอกครับคุณแสง สองคนนั่นน่ะ…เขี้ยวจะตาย…ให้ตามล่ากันเองยังงั้นแหละ ดีแล้ว”

พูดจบ รพินทร์ ไพรวัลย์ ก็หัวเราะหึ หึ ประกายขำขันเปล่งออกมาจากแววตา พลางเดินจูงมือแสงโสมออกมาสมทบกับเมยานี เกิดและจัน ด้านนอกป่าสน…..


จาก : แสงโสม - 12/01/2002 08:27

...
อ้าว ตกลงเราได้ไก่ทองคำกันรึ อืมม์
เล่นมุขดำน้ำต่อไปดีกว่า
อิอิ นึกไม่ใคร่ออกอ่ะ
อย่าโกรธนะคุณแสงนะ

จาก : รพินทร์ ไพรวัลย์ - 14/01/2002 13:43

...
แรงของผีดิบตาแดงก่ำนั้นกำลังยิ่งกว่าช้างสาร ความรวดเร็วว่องไวผิดมนุษย์ธรรมดาเป็นอันมาก ฝีเท้าเปะปะของไชยยันต์ที่ล่วงหน้าไปในป่าโปร่งนั้นจึงเปรียบดังการคืบคลานของหอยทากตัวน้อยทิ้งรอยน้ำไว้เป็นทางตามหลัง กับแมวป่านัยน์ตาสีแดง โผนแผล็วอย่างเงียบกริบกระพริบตาครึ่งเดียวก็ถึงเบื้องหลัง

พุ่งตัวเข้าชาร์จอย่างชำนาญ อั้กเดียวเท่านั้นก็ลงไปกองกับพื้น ผีดิบจากผลของลายแทงมหาพิสดารพันลึกก็โจนเข้าคร่อมเอาเข่ากดแขนทั้งสองข้างของทหารหนุ่มไว้ได้ ด้วยน้ำหนักของร่างกำยำ ไชยยันต์หมดหนทางหลุดรอด ผีดิบแงซายใช้สองมือบีบคอสุดแรงกะให้ขาดใจตายพร้อมกับคอหักตายในเวลาใกล้ๆ กันแบบ ทู อิน วัน ซะเลย ไชยยันต์ดิ้นกระแด่วๆ ร้องเสียงไม่ออกจากลำคอมาได้

อ๊อก... ไอ แอ อาย แอ....

แลเห็นตาขาวของนายทหารพลิกผันขึ้นมาให้ชมมากกว่าตาดำกว่าครึ่ง ก่อนที่ออกซิเจนเฮือกสุดท้ายจะหมดไปจากปอดทั้งสองข้างของชายหนุ่มชะตาตก เสียงแผ่วเบาของบางสิ่งพุ่งแหวกอากาศมาจากในดงสน

ฟิ้วเบาๆ เขามาที่ข้างหูงามประดับม้วนกระดาษเก่าๆ เหลืองๆ เฉี่ยวม้วนกระดาษอัปมงคลนั้นออกไปปักไว้กับโคนต้นสนสองใบข้างหลัง

ทันใดนั้นกะเหรี่ยมโฉมงามก็ได้สติกลับคืนมา... หา นายทหาร !

เขาปล่อยมือทันที ไชยยันต์หายใจเข้าปอดเฮีอกใหญ่ สำลักกระอักกระไอ

แก.. อั้ยผีดิบ..

จอมจักราชงงไปหมด นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับนายทหาร ผมไงครับ ไม่ใช่ผีดิบ ผมแงซาย...

ด้วยความบังเอิญ (เป็นธรรมดาของผู้มีบุญ) แงซายก็พ้นสภาพวิกลจริตไปได้หวุดหวิด .....เอิ๊กๆ



จาก : แงซาย - 14/01/2002 21:08

...

สงสัยคุณไชยยันต์คงจะไปเที่ยวเพลินเลยยังไม่กลับมา
หรือว่าอึ้งที่เราได้ไก่ทองคำกันมาก็ไม่รู้นะคะรพินทร์ : D
เลยตอนนี้อาจจะช็อคสลบไปแล้วก้อได้ (อิอิ ล้อเล่นนะคะคุณไชยยันต์)

ช่วงนี้คิดเรื่องไม่ใคร่ออกเหมือนอีตารพินทร์เลยค่ะ (ตัวแพร่เชื้ออู้)
ขอเวลาหน่อยนึงนะคะคุณแงซาย แล้วแสงจะมาต่อ ตอนนี้เข้ามาคุยเฉย ๆ ก่อนแล้วกัน
แต่แสงว่าเราคงนโยบายเดิมตามที่คุณแงซายเคยบอกไว้เมื่อนานแล้ว แล้วกันนะคะ
ที่ว่าค่อย ๆ เล่นไม่ต้องรีบร้อน นึกสนุกหรือมีมุขก็เข้ามาต่อ ยังคิดไม่ออกก็ทิ้งไว้ก่อน
อยากคุยกันก็เข้ามา... เล่นกันสนุก ๆ ด้วยความคิดถึงดีกว่า
…เอาเป็นยังงั้นแล้วกันนะคะ ^_^


จาก : แสงโสม - 18/01/2002 10:13

...

ตรงนี้ฝากให้คุณยายเฒ่าเอ็คโค่ค่ะ …น้ำตาฟ้า..ตามที่ขอมานะคะยาย
(ว่าแต่ว่ายายกำลังอกหักอยู่ป่าวคะ : p)

เขาบอกว่าฟ้าร้องไห้ออกมาเป็นน้ำฝน
อยากรู้นักฟ้าที่เบื้องบน ต้องมาร้องไห้เพราะใคร
หรือฟ้าสงสารคนอย่างฉันถูกหลอกเรื่อยไป
ถูกเขาลวง เขาล้วงหัวใจ เอาไปต้มยำทำแกง

ฝนฟ้ากระหน่ำเสียงฟ้าคำรามดูน่ากลัว
น้ำตาฟ้าหลั่งมารดตัว รดหัวใจฉันจนชา
ฉันคงผิดหวัง มีเคราะห์กรรม ไร้วาสนา
เขาเลยไม่รัก ไม่ยอมพูดจา หลอกลวงให้ฉันต้องตรม

ฉันมันคนซื่อ ไม่เคยฝึกปรือ ในเรื่องความรัก
เพิ่งเคยได้รู้ เพิ่งเคยได้ลอง เพิ่งเคยรู้จัก
สุดท้ายต้องมาอกหัก ไม่รู้จะดามยังไง

เขาบอกว่าฟ้าร้องไห้ออกมาให้ฉัน
ฟ้าสงสารและคงผิดหวังที่ชักนำให้ฉันพบเธอ
น้ำตาที่ไหลจากความตั้งใจไม่ได้พลั้งเผลอ
ชาตินี้เข็ดแล้วนะเออ ไม่อยากเจอหน้าเธออีกเลย


จาก : แสงโสม - 18/01/2002 10:15

...
เย้............. ขอบคุณมากหลานรักของยาย หลาน แสงโสม ผู้สวย เลิศเลอ (น้อยกว่ายายนิดเดียว อิอิ) 5555555555ขอบคุณค่ะ อิอิ นึกว่าจะไม่ได้ซะแล้ว 55555555555
ป.ล. ไม่ได้อกหักนะเค้อ ขอบอก หนุ่มตรึมอย
ู่เหมือนเดิม 555555555555

จาก : ยายเฒ่า - 18/01/2002 21:03

...
ตรึมอยู่ พิมผิด

จาก : ยายเฒ่า - 18/01/2002 21:07

...
“แก ไอ้ผีดิบ”
ไชยยันต์หลุดออกมาได้ก็ปราดเข้าไปคว้าคอเสื้อแงซายมุ่งหมายจะอัดคืนให้หายแค้นที่ทำเขาหายใจไม่ออกเกือบแย่เมื่อตะกี้ ฉับพลัน ก็มีเสียงวี้ดวิ้วดังออกมาจากดงสน ไชยยันต์ซึ่งยังคงชะงักในท่าเงื้อกำปั้น กับแงซายซึ่งก็ชะงักในท่าเอียงคอเตรียมหลบ ทั้งคู่เหลือบมองในดงสนซึ่งเป็นต้นเสียง

ร่างในเงามืดตะคุ่มๆของใครอีก 2-3 คนเดินดุ่มๆออกมา เพียงเห็นเค้าหน้าเท่านั้น ไชยยันต์ก็อุทาน
“กลาง!”

อนุชา วราฤทธิ์ แบกปืนไรเฟิ่ลเดินพ้นเงาไม้เข้ามา ใครอีกคนด้านหลังนั่นก็ทำให้อดีตนายทหารปืนใหญ่ต้องชะงักไปอีก ดาริน วราฤทธิ์ ถือปืนไรเฟิ่ลเดินจี้เข้ามา
“ไชยยันต์ เธอเป็นยังไงบ้าง อ้าว ตายแล้ว นั่นแงซายหรอกหรือ โธ่ เป็นไงบ้าง”
แงซายยิ้มเห็นฟันขาว แต่ไม่พูดอะไร ไชยยันต์ยังคงตื่นเต้น
“น้อย…เอ๊ะ ไปไงมาไงกัน”

ยังไม่หมด ด้านหลังสุดมีใครอีกคนเดินถือปืนกลอูซี่ระวังหลังมาให้ นั่นทำให้ไชยยันต์ปลื้มปิติไม่น้อย
“เจ้าไพร!”
ไพรวัลย์ อนันตรัย บุตรชายของเขาหันมาแล้วโบกมือให้ ไชยยันต์รีบปราดเข้าไปหา
“ยายน้อยมาถึงนี่ได้ไง เจ้าไพรอีกคน เจ้ากลางก็หายไปนาน ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมาเจอพวกเราที่นี่”

ดารินทรุดตัวลงนั่งแล้วถอดหมวกออกมาโบกพัด อนุชานั่งลงที่ก้อนหินข้างๆ วางปืนไรเฟิ่ลพิงไว้ก่อนจะกล่าว
“ฉันกับเจ้าไพรรอนแรมมาไกลเหลือเกินไชยยันต์ นับจากเราแยกทางจากพวกแกที่ถนนนักเขียนพันทิพ ฉันก็พาเจ้าไพรเตร็ดเตร่ไปเรื่อย ล่าสุดก็ล่วงหน้าพวกแกเข้าไปเที่ยวในป่าเชิงเขาหิมาลัย แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้พบพวกแกสักทีเพราะไม่มีจังหวะ ไม่มีมุข ประกอบกับคนในคณะเยอะมาก นี่ยังไม่นับพวกชื่อแปลกๆที่มาจากเรื่องอื่นอีกเป็นกะตั้ก พวกฉันจะเข้ามาก็เข้าไม่ถูกไม่รู้จะต่อเรื่องจากคนไหน ฉันกับเจ้าไพรก็เลยตัดสินใจออกจากป่าหิมาลัยมาเที่ยวเล่นแถบหนองน้ำแห้ง พอดีเจอยายน้อยเข้าอย่างไม่คาดฝัน”

ม.ร.ว.สาวยิ้มเล็กน้อย “ฉันมาตามหารพินทร์ หลังจากรพินทร์หนีจากคณะเดินทางที่เชิงเขาหิมาลัยไป ฉันก็ออกตามค้นหา ได้ข่าวว่าหนีมานัดพบแม่ม่ายทรงเครื่องแถวๆหนองน้ำแห้ง ฉันก็เลยมาดักกะจะจับให้ได้คาหนังคาเขา นี่พอดีเจอพี่กลางกับหลานไพร ก็เลยชวนกันออกตามรพินทร์ เห็นคนที่หนองน้ำแห้งเขาว่าเห็นรพินทร์มาที่ดงสนนี่ ฉันก็เลยตามมา พอดีเห็นเงาตะคุ่มๆของแงซายกำลังจะทำร้ายเธอ ฉันก็เลยเข้าใจผิดนึกว่าเป็นโจรป่าก็เลยเป่าลูกดอกเข้าใส่กะทีเดียวทะลุคอ แต่ดันพลาดไปเฉี่ยวแค่ใบหูเท่านั้น ฉันนี่แย่จริงๆไม่ดูให้ดีก่อน โชคยังดีที่แงซายไม่เป็นอะไรไป…ว่าแต่เธอสองคนมีเรื่องอะไรกันหรือ ถึงได้มาต่อยกันกลางป่า หรือว่าแงซายแอบทำตาเจ้าชู้กับเมย์ หรือว่าเธอเองไปจีบเมยานี หรือว่า…”

ไชยยันต์ยกมือขึ้นโบก “พอๆๆๆกันทีแม่คุณ เลิกเดาเสียทีเถอะ เดี๋ยวฉันจะเล่ารายละเอียดให้ฟังก็แล้วกัน ว่าแต่พวกของน้อยเข้ามาที่นี่ได้ยังไง ไม่เจออาถรรพ์อะไรหรือ”

“เปล่าครับป๋า…” ไพรวัลย์ตอบ “อากลางแกรู้เคล็ดลับดี ให้พวกเราเรียกชื่อตัวเองก่อนเข้ามาในดงสน ก็เลยไม่มีใครเป็นอะไร”
“แล้วเจ้ากลางรู้เรื่องอาถรรพ์ผีต้นสน กับวิธีแก้ได้ยังไง”
อนุชายักไหล่ “ฉันก็ไม่ได้เชื่ออะไรนักหรอก ได้ยินชาวบ้านเขาเล่าให้ฟัง ยายน้อยขวัญอ่อนอยู่แล้วก็เลยกลัวจะไม่เข้ามาในนี้ ก็เลยต้องยอมๆ นี่ฉันเองก็ยังไม่เห็นว่าจะน่าเชื่อ มีอย่างหรือ เรียกชื่อตัวเองแล้วจะไม่บ้า”


จาก : ไชยยันต์ - 19/01/2002 20:08

...
“แล้วชาวบ้านเขาว่ายังไงอีก”
“เห็นเขาเล่าตำนานให้ฟังว่าผีต้นสนเป็นนายของบรรดาผีใหญ่น้อยที่หุบเขาแห่งนี้ ปกครองอาณาจักรขุนเขารอบด้านมานาน แหล่งพำนักของผีต้นสนอยู่ในป่าสนที่ยอดเขาลูกนี้แหละ ไม่เคยมีใครที่เข้ามาในป่าสนนี่แล้วจะมีชีวิตรอดกลับไปเล่าให้ใครฟังได้ ทุกคนที่ขึ้นมาแสวงโชคต่างหายสาบสูญไปอย่างลึกลับ ไม่ว่าจะคณะเล็กคณะใหญ่แค่ไหนก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย พวกชาวบ้านทุกคนต่างหวาดกลัวไม่มีใครกล้าแม้แต่จะออกติดตามค้นหา อ้อ…เขาเล่าให้ฟังอีกว่า บรรดาผีน้อยใหญ่ที่ปกครองอาณาจักรย่อยๆรอบๆดงต้นสนนี่น่ะมีมากมาย ผีนกบ้าง ผีไก่บ้าง มักชอบออกมาหลอกชาวบ้านอยู่เรื่อยๆ ใครขึ้นมาหาของป่าบนเขาลูกนี้ แม้จะไม่เข้ามาในดงสนก็มักได้รับอันตรายจากอาถรรพ์ทุกคนไป ส่วนใหญ่จะคุ้มดีคุ้มร้าย บางคนอยู่ดีๆแบกก้อนหินหนักเกือบร้อยกิโลกลับไปที่หมู่บ้านแล้วโหวกเหวกโวยวายว่าเป็นก้อนทอง ซึ่งดูยังไงมันก็ก้อนหินธรรมดา แต่คนที่แบกมาก็ยังยืนยันว่าทองชัดๆทำไมทุกคนไม่เห็น แล้วก็แบกก้อนหินที่คิดว่าเป็นทองนั้นออกวิ่งรอบๆหมู่บ้านจนเหนื่อยขาดใจตายไป เคยมีคนบ้าสมบัติลุยขึ้นมาถึงชายแดนของดงสน ไม่ได้อะไรนอกจากอุ้มไก่ป่าคู่หนึ่งกลับไปที่หมู่บ้าน แล้วบอกกับทุกคนว่าพญาไก่ทองคำประทานไก่มีขนเป็นทองกับออกไข่เป็นทองคำให้ ตกดึกคืนนั้นก็ตาย ชาวบ้านมาพบศพตอนเช้ามีรอยไก่จิกเต็มตัวไปหมด พวกชาวบ้านกลัวกันมากกับอาถรรพ์แปลกๆของภูเขาลูกนี้มาก ไม่เคยมีใครขึ้นมาที่นี่นานแล้ว นี่ขนาดฉันจ้างเป็นเงินหลายหมื่นก็ยังไม่มีใครกล้าขึ้นมา ฉันเลยต้องบุกขึ้นมากันเอง”

อนุชาพูดจบก็หันไปเหลือบมองเพราะเห็นอะไรแว้บๆด้านข้าง
“นั่นแกกำลังจะไปไหนแงซาย”

เจ้ากะเหรี่ยงโฉมงามซึ่งกำลังหาทางลัดเลี่ยงเดินออกไปจากกลุ่มก็ชะงัก
“ผมจะไปหาน้ำมาเพิ่ม เผื่อพวกเราจะอยากต้มน้ำชงกาแฟ”
อนุชาแยกเขี้ยว “ไม่ต้องว้อย จะต้มน้ำหาสวรรค์อะไรตอนนี้ อากาศร้อนจะตายชัก…ฉันรู้ว่าแกกำลังจะหาทางปลีกตัวเพื่อวัตถุประสงค์อะไรสักอย่าง”

ใบหน้าสีทองแดงสะท้อนแสงแดดเป็นมันปลาบหันมายิ้มเห็นฟันขาว
“นายกลางอย่าระแวงผมเหมือนผู้กองเลย ผมไม่ได้มีเจตนาร้าย”
“ฉันก็ไม่ได้ว่าแกมีเจตนาร้ายกับพวกเราสักหน่อย ฉันกำลังสงสัยว่าแกจะมีเจตนาดีต่อตัวเอง พูดตรงๆก็คือ ในขณะที่พวกเรากำลังดีใจที่ได้พบกัน แกกำลังจะฉวยโอกาสหาทางออกไปเอาสมบัติคนเดียวใช่ไหม เรื่องสมบัติผีต้นสนฉันเองก็รู้ดีไม่น้อยไปกว่าแกเหมือนกัน”

แงซายยิ้มด้วยมุมปาก
“นายกลางที่เคารพ…ผมอยากจะบอกว่าแค่เพียงทรัพย์สมบัติมากมายมหาศาลที่มรกตนคร ชาตินี้ผมก็ไม่มีวันใช้หมดอยู่แล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้นผมจะต้องหวังสมบัติอะไรที่ไหนอีก ก็มีแต่พวกของนายกลางเท่านั้นที่ยังจนต๊อกต๋อย ต้องใช้ความกล้าหาญและความอดทนออกมาขุดหาสมบัติกันเอาเป็นเอาตายไม่รู้กี่ปีแล้ว แต่ด้วยความรักและเคารพของผมที่มีให้ต่อชาวคณะมากมาย ผมจึงสามารถทิ้งจากความสุขสบายในมรกตนครเข้าป่ามาเพื่อช่วยเหลือชาวคณะอยู่เรื่อยๆ ถึงแม้ว่าผมจะหายหัวบ่อยก็ตาม”

“อืม…ตกลงนี่แกชมหรือด่าพวกฉันกันแน่วะ ได้ยินชาวบ้านที่หนองน้ำแห้งเขาลือกันว่าเห็นแกกับเมยานีออกมาเพ่นพ่านที่นี่หลายวันแล้ว ฉันถามหน่อยเหอะ ถ้าแกไม่หวังทรัพย์สมบัติพวกนั้นแล้วแกจะชวนเมยานีมาที่นี่ด้วยทำไม ถ้าไม่ใช่เพราะแกต้องการแก้อาถรรพ์ผีต้นสน”

แงซายอ้ำอึ้งไปนิดนึง เจ้ากะเหรี่ยงพเนจรผู้ละทิ้งจากเมืองของตัวเองมาชั่วคราวนึกไม่ถึงว่าอนุชาจะถามจี้จุดรวดเร็วอย่างนี้
“ง่า…ผม ผมไม่สามารถขัดเมยานีได้ เธอเองก็รักและเคารพคณะของนายกลางไม่ผิดอะไรจากผม เธอมีความต้องการจะช่วยเหลือพวกเราเช่นเดียวกับผม”

คุณชายกลางหัวเราะหึๆ “ก็ยังดีที่แกยังมีคำตอบให้ฉันพอใจ…เอาละๆ แกไม่ต้องไปไหนหรอก น้ำในกระติกฉันมีเพียงพอ แกอยู่เป็นเพื่อนพวกเราที่นี่แหละ ป่าที่นี่มันดูมีอาถรรพ์น่ากลัวอย่างไรพิกล”

ขาดคำของอนุชา ปรากฏเสียงกรี๊ดโหยหวนดังมาจากชายป่าสนด้านหนึ่ง นั่นทำให้ทุกคนทะลึ่งพรวดขึ้นยืน
“เมย์!…นั่นเสียงเมย์!”


จาก : ไชยยันต์ - 19/01/2002 20:09

...
ไม่ได้ช็อคสลบครับคุณแสง พอดีติดงานเลยเข้ามาเดินเรื่องไม่ได้ เพิ่งจะมีเวลานี่แหละ
หึๆๆๆ แน่ใจนะครับว่าที่ไก่ที่อุ้มไปอย่างละตัวกับรพินทร์น่ะให้ทองจริงๆ นั่นน่ะไก่ปิศาจแหง๋ๆ

จาก : ไชยยันต์ - 19/01/2002 20:13

...
ฮืมมม์.....ฝากไว้ก่อนเถอะ..คุณไชยยันต์
(อาฆาตอย่างแรงเลยนะเนี่ย : P)

....แค้นนี้ต้องได้รับการสะสาง....

ลงชื่อ..นางร้ายแห่งปี....ผู้ประกาศ

จาก : แสงโสม - 23/01/2002 08:29

...
เด๋ว... เดือนหน้ามาเล่นมั่ง ... :))

น้าแสงที่รัก ... รบกวนหน่อยค่าา
มีกระทู้ถามถึงตอนต่าง ๆ ของเพชรพระอุมายุคแรกค่ะ
https://board.dserver.org/j/joinwriter/00000052.html


จาก : พลับพลึง - 24/01/2002 10:58

...
อ้าว ทำไมพอพูดถึงเพชรพระอุมายุคแรกๆ ต้องนึกถึงคุณแสงล่ะ อย่างนี้หนูพลับพลึงก็ว่าคุณแสงทางอ้อมน่ะสิ
ผมถามมั่ง เกี่ยวกับเนื้อเรื่องในนี้ ตกลงว่าฝ่ายรพินทร์กับคุณแสงจะใช้เวลาแก้เกมกันกี่วันล่ะครับ ยังไงอย่าให้เกินเดือนนี้นะครับ หึๆๆ


จาก : ไชยยันต์ - 24/01/2002 11:18

...
หึหึ...

เยี่ยมไปเลยครับนายทหาร

ผมก็คิดถึงนายกลางกับเจ้าไพรและนายหญิงเหมือนกัน...

จาก : แงซาย - 24/01/2002 14:30

...
ขาดคำของอนุชา ปรากฏเสียงกรี๊ดโหยหวนดังมาจากชายป่าสนด้านหนึ่ง นั่นทำให้ทุกคนทะลึ่งพรวดขึ้นยืน
“เมย์!…นั่นเสียงเมย์!”

“เสียงร้องของนายแหม่มอยู่ทางทิศเหนือของป่าสน”

แงซายตะโกนบอกขึ้นมา และอย่างพร้อมเพรียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย ทุกคนต่างวิ่งตรงไปยังตำแหน่งที่เสียงร้องของมาเรียดังขึ้น โดยมีไชยยันต์วิ่งนำหน้าไปเป็นคนแรก ตามด้วยไพรวัลย์ ดาริน อนุชา และรั้งท้ายด้วยแงซาย เสียงร้องของมาเรียยังคงกรีดก้องเป็นระยะ ๆ ทำให้ทุกคนยิ่งทวีความเร็วในการติดตามขึ้น

ไชยยันต์วิ่งบุกป่าฝ่าดงนำหน้าคณะพรรคชนิดทิ้งห่างไม่เห็นฝุ่นไปอย่างรวดเร็ว ด้วยจิตใจที่มุ่งมั่นจะไปช่วยภรรยาสุดที่รัก ระยะเวลาที่ผ่านไปช่างเนิ่นนานในความรู้สึกจนเขาร้อนรนแทบทนไม่ได้ แต่แล้วเสียงร้องของมาเรียก็ดังชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ แสดงว่าใกล้จะได้พบ และแล้วชายหนุ่มก็ได้เห็นภาพที่ปรากฎเบื้องหน้า

ภรรยาสาวของเขาถูกมัดติดอยู่กับโคนต้นสนใหญ่ ใบหน้าที่สดสวยนั้นมองดูหมองคล้ำไปมาก อาจเนื่องจากถูกพันธนาการไว้ ไชยยันต์ร้องตะโกนเรียกมาเรียด้วยความดีใจ ในขณะที่ภรรยาสาวของเขาก็ตื่นเต้นยินดีไม่แพ้กัน

“เดียร์ไชยยันต์ ฉันดีใจมากที่คุณมาช่วยฉัน”

แหม่มสาวตาเป็นประกาย ขยับร่างไปมาด้วยความยินดี แต่ไชยยันต์ร้องห้ามไว้พร้อมกับวิ่งตรงเข้าไปที่ร่างของเธอ ชายหนุ่มคว้ามีดเดินป่าที่คาดไว้ที่เอวออกมาตัดเชือกที่มัดร่างนั้นอยู่ เมื่อเชือกคลายออกหมดทุกเปลาะแล้ว มาเรียก็สะบัดเชือกออกทิ้งอย่างรวดเร็วพร้อมกับโผเข้ากอดนายทหารหนุ่มอย่างดีใจสุดขีด

ไพรวัลย์ ดาริน อนุชา และแงซายวิ่งตามมาถึงพอดี ทุกคนถอนใจอย่างโล่งอกที่ได้เห็นมาเรียปลอดภัยแล้วในอ้อมกอดของไชยยันต์

“เมย์ คุณบอกผมมาก่อนซิว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมคุณถึงถูกมัดอยู่อย่างนี้ ใครจับคุณมา”

ไชยยันต์ร้องถาม แต่มาเรียสะบัดหน้าไม่ตอบ แหม่มสาวมีท่าทีเหนื่อยอ่อนขวัญเสีย หล่อนกอดเขาไว้แน่น พร้อมกับซบหน้าลงบนไหล่ของนายทหารหนุ่ม และซุกใบหน้านั้นไว้นิ่งที่ซอกคอของเขา นายทหารหนุ่มกอดเธอตอบอย่างปลอบขวัญ

“คุณไชยยันต์!!!!”

เสียงตะโกนดังขึ้นจากหมู่ต้นสนด้านในพร้อมกับใครคนหนึ่งก้าวเดินสวบสาบฝ่าดงพุ่มไม้เตี้ย ๆ เข้ามา ดารินมองไปยังตำแหน่งของเสียงนั้น และแล้วก็ได้เห็นว่าเจ้าของเสียงคือบุคคลที่เธอกำลังตามหาตัวอยู่ในขณะนี้เอง ราชนิกูลสาววิ่งเข้าไปหาพร้อมกับเหลียวซ้ายแลขวามองไปรอบ ๆ

“นี่ ว่าไงจ๊ะนายรพินทร์พ่อตัวดี คุณหายไปไหนมา แล้วฉันได้ข่าวว่าคุณนัดยัยแม่ม่ายทรงเครื่องนั่นไว้ แล้วตอนนี้เธอไปไหนซะละ ทำไมคุณมาคนเดียว”

“เดี๋ยวๆๆๆ ครับคุณหญิง ตอนนี้กำลังมีเรื่องด่วนเกี่ยวกับคุณไชยยันต์ เดี๋ยวผมค่อยตอบคำถามคุณหญิงนะครับ”

รพินทร์จับมือดารินขึ้นมากุมไว้อย่างคิดถึง ก่อนจะผละออกและรีบเดินตรงเข้าไปหาไชยยันต์ที่ยังคงมีมาเรียยืนอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันด้วยท่าทีอันอบอุ่น

“คุณไชยยันต์ ระวังครับ อย่า…”


จาก : แสงโสม - 28/01/2002 08:37

...
รพินทร์ยังพูดไม่ทันจบคำ มาเรียก็ขยับร่างออกจากร่างของไชยยันต์ เจ้าหล่อนเงยหน้าขึ้น ใบหน้าสะสวยที่หมองคล้ำอยู่เมื่อครู่บัดนี้กลับสดใสขึ้นอย่างประหลาด แหม่มสาวแย้มยิ้มออกมา รอยยิ้มนั้นทำให้ทุกคนตกตะลึง ยืนนิ่งตัวแข็ง ริมฝีปากของแหม่มสาวมีรอยหยดเลือดสด ๆ เป็นทางออกมาจากสองมุมปาก เมื่อมองไปที่นายทหารปืนใหญ่ ทุกคนก็ได้เห็นรอยเขี้ยวที่ลำคอของเขาอย่างชัดเจน ชั่วอึดใจที่ทุก ๆ คนยังไม่ทันตั้งสติ ร่างของไชยยันต์ค่อย ๆ ทรุดฮวบลงกับพื้นอย่างช้า ๆ ในขณะที่มาเรียขยับร่างวิ่งลับหายไปในดงสนเบื้องหน้าอย่างรวดเร็วเกินมนุษย์ปกติ

เสียงดารินกรีดร้องดังขึ้นทำให้ทุกคนได้สติ ไพรวัลย์วิ่งนำทุกคนเข้าไปประคองร่างบิดาของเขาขึ้นมา พร้อมกับเขย่าปลุกเรียกอย่างแรงด้วยความตกใจของเด็กหนุ่ม

“ป๊ะป๋าโดนดูดเลือดไปแล้ว!!!! ป๋าคร๊าบเป็นไงมั่งครับ…..ลุงรพินทร์ป๋าผมเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นกับพ่อแม่ผม”

“เจ้าไพร แกใจเย็นๆ ไว้ก่อนซิว้อย เขย่าแรงยังงั้นเด๋วป๋าแกก็ตายก่อนพอดี”

อนุชาร้องห้ามเมื่อเห็นหลานชายหัวโปรดเขย่าร่างของไชยยันต์อย่างรุนแรงราวกับเพื่อนรักของเขาเป็นกระบอกเซียมซีในศาลเจ้าอย่างนั้นแหละ

“ก้อป๋ากับหม่ามี้เป็นอะไรไปล่ะครับ”

เด็กหนุ่มจากอนาคตเอ่ยปากถาม โดยที่สองมือยังคงเขย่าร่างบิดาของเขาอยู่อย่างเมามันจนศีรษะของไชยยันต์เหวี่ยงคล็อกแคล็กไปมา รพินทร์โอบประคองราชนิกูลสาวเดินเข้ามาสมทบกับทุกคนที่กำลังมุงดูไชยยันต์กันอยู่ แงซายมองดูไชยยันต์ด้วยสีหน้าหนักใจก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับพรานใหญ่รพินทร์ ในขณะที่อนุชาพยักเพยิดให้รพินทร์ช่วยชี้แจงเรื่องให้กระจ่าง

“รพินทร์ คุณช่วยอธิบายเรื่องนี้ให้เจ้าไพรกับพวกเราฟังหน่อยเถอะ ว่าเกิดอะไรกันขึ้น”

รพินทร์มีสีหน้าเครียดขรึม ก่อนจะกล่าวตอบไพรวัลย์ออกมา

“ไพรวัลย์ ตอนนี้พ่อกับแม่ของหลานกำลังแย่ เมย์แม่ของหลานที่วิ่งเตลิดเข้ามาในดงต้นสนตั้งแต่แรกน่ะ ตอนนี้กลายเป็นสาวกของปีศาจนกไปแล้ว ปีศาจนกเป็นปีศาจฝ่ายอธรรมที่ร้ายกาจและโหด***มมาก เป็นฝ่ายตรงข้ามกับปีศาจไก่ ปีศาจไก่ต้องการหญิงชายที่เป็นเนื้อคู่ที่แท้จริงเพื่อมารับมรดกไก่ทองคำ ส่วนปีศาจนกเนี่ยต้องการหญิงชายที่เป็นเนื้อคู่ไม่จริงเพื่อมารับมรกดสืบทอดความเป็นปีศาจในทำนองเดียวกับเรื่องทายาทอสูรน่ะหลาน และเจ้าปีศาจนี่คงจะสะกดให้เมย์มาเล่นงานพ่อของหลานต่อเพื่อหาคู่สาวกไปเป็นทายาท ลุงเสียใจจริง ๆ ที่มาช่วยไม่ทัน”

“แล้วตอนนี้ป๊ะป๋าผมจะเป็นยังไงบ้าง”

“แงซาย แกก็รู้รายละเอียดเรื่องนี้ดี บอกทุกคนไปซิ”

รพินทร์หันไปพยักหน้าให้เจ้ากระเหรี่ยงโฉมงามอธิบายต่อ แงซายถอนใจเฮือกใหญ่ เอ่ยกับทุกคนด้วยน้ำเสียงอันแหบพร่าอย่างคนที่ล่วงรู้อนาคตอันมืดมน

“ตอนนี้ปีศาจนกกำลังบริกรรมคาถา นายทหารจะค่อย ๆ เริ่มประพฤติปฏิบัติตัวเลียนแบบนกไปเรื่อย ๆ นับตั้งแต่นี้ไปจนถึงกลายร่างเป็นปีศาจนกทีละน้อย ๆ ภายในเจ็ดวันร่างของนายทหารจะมีปีก มีหาง และมีจะงอยปากสีแดงแปร๊ด ลำตัวสีเขียวสดแบบนกแก้ว และกลายเป็นปีศาจนกสมบูรณ์แบบ”

ระหว่างที่กำลังฟังคำบอกเล่าของแงซาย จู่ ๆ ทุกคนก็ผงะ เมื่อเห็นไชยยันต์ที่นอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่เมื่อครู่กลับลุกขึ้นมาด้วยท่าทีเหม่อลอย ในขณะที่ทุกคนกำลังมองดูด้วยความงงงวย นายทหารหนุ่มก็เดินไปที่ต้นสนใหญ่ แล้วปีนขึ้นไปอย่างคล่องแคล่ว เมื่อขึ้นไปถึงยอดต้นสน ชายหนุ่มก็กางแขนออกทั้งสองด้านตั้งฉากกับลำตัวพร้อมกับโบกสะบัดไปมาด้วยท่วงท่าเดียวกันกับแร้งกระพือปีก และแล้วชั่วเสี้ยววินาที เขาก็กระโดดแผล็วออกจากยอดสน ด้วยท่าร่อนแบบนกบิน ร่างของเขาพ้นต้นสนออกมาได้หน่อยเดียวก็ร่วงผล็อยลงปะทะกิ่งสนไล่ละเรื่อยลงมาตั้งแต่กิ่งบนสุดลงมาจนถึงกิ่งสุดท้ายโคนต้นก่อนจะหล่นพลั่กลงไปที่พื้น


จาก : แสงโสม - 28/01/2002 08:39

...
ชาวคณะที่ยืนอยู่เบื้องล่างต่างอุทานฮือฮาออกมากันด้วยความทึ่งราวกับดูกายกรรมเปียงยาง แงซายวิ่งไปช่วยบีบนวดนายทหารปืนใหญ่ที่นอนจุกอยู่ด้วยความเป็นห่วง พักใหญ่พอหายไชยยันต์ก็ขยับลุกด้วยท่าทีเหม่อลอยเหมือนเดิม เดินตรงไปยังต้นสนและทำท่าจะปีนขึ้นไปบินอีก ก่อนที่เขาจะปีนขึ้นไป อนุชาก็ร้องโวยวายให้ทุกคนมาช่วยกันจับตัวนายทหารหนุ่มไว้

“เฮ้ยๆๆๆ ไชยยันต์แกอย่าขึ้นไปอีกเลยนะฉันขอร้อง พวกเรามาช่วยกันจับตัวไว้เร็ว สงสัยคงต้องมัดไว้แล้วมั๊ง ไม่งั้นไชยยันต์คงจะปีนขึ้นไปบินบนยอดสนอีกแน่ ๆ เลย”

ไพรวัลย์วิ่งเข้าไปจับตัวบิดาของเขาไว้อย่างแน่นหนา รพินทร์พยักหน้าเห็นด้วยกับอนุชา ก่อนจะล้วงเชือกออกมาจากย่ามและช่วยกันกับแงซายมัดร่างของไชยยันต์ไว้โคนต้นสนนั้น ไชยยันต์ยังมีท่าทีเหม่อลอย แต่ยังขยับตัวฟึดฟัดไปมาพยายามตะเกียกตะกายจะปีนต้นสนขึ้นไปอีก ไพรวัลย์ยืนมองดูบิดาของเขาด้วยสีหน้าเศร้าสลด

“ลุงแงซาย แล้วเราจะทำยังไงกันดีครับเนี่ย จะช่วยป๋าผมไม่ให้เป็นปีศาจนกได้ยังไงบ้าง”

“ทางแก้มีอยู่วิธีเดียวคืออันดับแรกต้องกำจัดปีศาจนกที่กำลังบริกรรมคาถาอยู่ตอนนี้ให้ได้ก่อน หลังจากนั้นนายทหารกับนายแหม่มจะต้องเข้าพิธีล้างอาถรรพ์ เราต้องเอาไก่ทองคำมาเดินวนรอบตัวนายทหารสามสิบสามรอบ โดยนายทหารกับนายแหม่มจะต้องมีไข่ไก่ทองคำถืออยู่ในมือทั้งสอง ต้องใช้เวลาสามชั่วยามจึงจะพ้นจากอาถรรพ์การกลายร่างเป็นทายาทของปีศาจนกได้ครับ”

“เรื่องปีศาจนกเราคงหาตัวได้ไม่ยาก เพราะแกะรอยตามเมย์ไปก็คงเจอตัวเจ้าปีศาจ … แต่ว่า…แย่ละซิ!! แล้วเราจะไปหาไก่ทองคำกับไข่ทองคำนี้ได้ที่ไหน ก็พี่กลางบอกอยู่หยก ๆ นี่นาว่าเรื่องไก่ทองคำเป็นเรื่องเหลวไหลของคนบ้าสมบัติเพ้อเจ้อน่ะ”

ดารินร้องถามขึ้นมา แงซายยืนนิ่งเฉยมองหน้ารพินทร์อยู่ครู่ใหญ่ ทั้งสองคนอ้ำอึ้งอยู่นานจนดารินอดรนทนไม่ได้เริ่มจะมีท่าทีโมโห รพินทร์จึงเอ่ยปากตอบ

“ไก่และไข่ทองคำมีจริงครับคุณหญิง และตอนนี้ไก่ทองคำอยู่ที่คุณแสงโสมครับ”

“มีจริงและอยู่กับคุณแสง!!!!! รพินทร์…คุณรู้ว่าไก่ทองคำอยู่ที่คุณแสง งั้นก็แปลว่าที่ฉันได้ข่าวว่าคุณนัดกับยัยแม่ม่ายนั่นก็เป็นเรื่องจริงน่ะซิ คุณทำยังงี้ได้ไง ฉันไม่ยอมนะรพินทร์ ไหนคุณว่าคุณรักฉันคนเดียวไง แล้วทำไมคุณถึงไปยุ่งเกี่ยวกับคุณแสงอีก คุณกลายเป็นคนเจ้าชู้เหลวไหลอย่างนี้ไปได้ยังไง ฉันเกลียดคุณแล้ว”

ดารินแทบจะร้องกรี๊ดแต่พยายามสะกดกลั้นไว้ หลังจากนั้นหญิงสาวก็ร้องไห้ออกมาด้วยความคับแค้นใจ รพินทร์ตรงเข้าไปกอดร่างนั้นไว้อย่างปลอบประโลม แต่ราชนิกูลสาวสะบัดร่างหนี รพินทร์ยังคงตามติด ชายหนุ่มรั้งร่างของหญิงสาวไว้ไม่ให้หนี พร้อมกับรวบมือทั้งสองของดารินเข้ามาไว้ในมือของตนเอง จ้องหน้าหญิงสาวแน่วแน่ ก่อนจะกล่าวออกมาอย่างหนักแน่นชัดถ้อยชัดคำ

“คุณหญิงครับ ฟังผมนะ ผมนายรพินทร์ ยังคงรักคุณหญิงดารินอยู่เสมอ…คนเดียว..ไม่เคยเปลี่ยนใจไปรักใครอื่น ขอให้คุณหญิงเชื่อใจผมนะครับ”

ดารินยังคงสะอื้น ดวงตาที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำมองตอบสายตาของรพินทร์ที่มองมา

“แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าไก่ทองคำอยู่ที่คุณแสง”

รพินทร์ยิ้มอย่างอ่อนโยนให้หญิงสาวในดวงใจของเขา ชายหนุ่มบีบมือของเธอเบา ๆ ก่อนจะกล่าวตอบช้า ๆ ชัดเจน


จาก : แสงโสม - 28/01/2002 08:39

...
“พี่รพินทร์ ไพรวัลย์ กับคุณแสงโสม เป็นคนเอาให้ผมดูเองครับ ผมได้เห็นไก่ทองคำมากับตาตัวเอง”

“เอ๊ะๆๆ รพินทร์ คุณพูดอะไรนะคะ ฉันชักงง ๆ แล้วละซิ …พี่รพินทร์ ไพรวัลย์…หมายความว่าอะไร คือใครกัน”

“อ้าว คุณหญิงครับ คุณหญิงก็รู้อยู่แล้วนี่นา ในภาคอลเวงเนี่ย ผมก็คือรพินทร์หน้าใส เฟรชชี่ มช. เมื่อปีก่อน ตอนนี้อยู่ปีสองแล้วกำลังจะขึ้นปีสาม เป็นคนละคนกับพี่รพินทร์ ไพรวัลย์ ในภาคนี้เรามีรพินทร์สองคนไงครับ และผมคือรพินทร์คนที่รักคุณหญิงคนเดียวอยู่ขณะนี้ ส่วนพี่รพินทร์ ไพรวัลย์ แกโดนคุณแสงโสมตามตื๊อมาตั้งแต่กระทู้แรก ๆ แล้วในภาคอลเวง ก็ปล่อยพี่รพินทร์ ไพรวัลย์ให้แกเป็นพระเอกคู่กับคุณแสงในภาคอลเวงไปแล้วกันครับ ส่วนเราคือผมและคุณหญิงก็เป็นอีกคู่นึงในภาคนี้เหมือนกัน และผมก็ยังรักคุณหญิงคนเดียวเหมือนเดิมด้วย คุณหญิงพอจะเข้าใจแล้วยังครับ”

ดารินยิ้มออกมาอย่างดีใจและเอื้อมแขนเข้ากอดแขนของรพินทร์ไว้แน่นอย่างปิติยินดี ในขณะเดียวกันอนุชาก็ร้องถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วงไชยยันต์และมาเรีย

“ว่าแต่ว่า แล้วเราจะไปเอาไก่ทองคำจากคุณแสงได้ยังไงล่ะรพินทร์”

“ฮืมม์..ท่าทางจะยากลำบากมากเลยครับคุณชาย ไม่น่าจะเป็นไปได้เลยที่เราจะไปเอาไก่ทองคำมาจากคุณแสง เพราะก่อนที่จะจากกันมา เห็นคุณแสงบอกว่าจะพาพี่รพินทร์กลับเข้ากรุงเทพ ไปเปิดกิจการร้านขายทองแถว ๆ เยาวราชอะไรทำนองเนี้ยน่ะครับ แล้วตอนนี้ทั้งสองคนก็เดินทางกลับเข้าเมืองกันไปแล้วด้วย ผมว่าเราคงตามไปขอยืมไก่ทองคำมาไม่ทันการณ์ที่จะมาช่วยคุณไชยยันต์แน่ ๆ เลย”

“แต่เราจะปล่อยให้ป๊ะป๋าผมกลายเป็นปีศาจนกอย่างนี้ไปไม่ได้นะครับ”

ไพรวัลย์ร้องอุทธรณ์ออกมาด้วยความกังวล อนุชาที่ยืนครุ่นคิดอยู่ข้าง ๆ พยักหน้าอย่างเห็นด้วย รพินทร์เหลือบตาไปมองแงซาย ก็ได้เห็นกะเหรี่ยงโฉมงามนั่นมองตนเองอยู่ก่อนแล้ว ด้วยสายตาที่วิตกกังวล ท่าทีแงซายเหมือนมีอะไรจะเอ่ยปากบอก เขาขยับคิ้วเป็นเชิงถาม แต่ยังไม่ทันที่กะเหรี่ยงหนุ่มจะได้พูดอะไร ทุกคนก็ได้ยินเสียงร้องเจื้อยแจ้วออกมาจากปากของไชยยันต์ดังก้องขึ้นจากโคนต้นสนตำแหน่งที่เขาโดนมัดอยู่

“จู้ฮุกกรู จู้ฮุกกรู…....กาเว๊า…กาเว๊า…….…จิ๊บๆๆๆๆ ….….แกร๊ก แกร๊ก แกร๊ก…….กาๆๆๆๆ……”


จาก : แสงโสม - 28/01/2002 08:41

...
เพิ่งได้รับเมล์เมื่อตะกี้นี้เองครับ จึงจะได้รู้ว่ามีมุมเล็กๆ ซ่อนไว้ให้ชาวเพชรพระอุมา
ตรงนี้ด้วย แหม.. กำลังว่างๆ และคิดถึงทุกๆ คนอยู่พอดีทีเดียว จะโผล่ไป
ที่วิกถนนนักเขียนหรือตัวละครใหม่ๆ ก็เข้ามามากจนจับต้นชนปลายไม่ถูก
มาเจอพรรคพวกเก่าๆ เข้าก็เลยถือโอกาสวาดลวดลายบ้างสักเล็กน้อย อาจจะ
เรื้อเวทีจนสนิมเขรอะไปบ้าง ก็ขออภัยนะครับผม


ด้วยความระลึกถึงทุกท่านอยู่เสมอ

ไพรวัลย์ อนันตรัย


….

ตะวันชิงพลบกำลังจะลบเหลี่ยมภูเขาไปในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ทว่าด้วยสภาพรอบด้าน
ที่เป็นป่าสนสองใบนั้นไม่อับทึบอะไรเกินไปนักยังคงเอื้ออำนวยให้ทำอะไรต่อมิอะไรได้บ้าง
ก่อนที่ความมืดมิดจะเดินทางเข้ามาถึง ชาวคณะเดินทางที่เผชิญกับเหตุการณ์ต่างๆ
นานาตั้งแต่เพชรพระอุมาภาคดั้งเดิมจนทะลุมาภาคมะหัสสะจอรอหันการันต์ยอนั้น
ต่างเคยชินเสียแล้วกับเรื่องพิลึกพิลั่นที่เกิดขึ้นไม่ได้หยุดหย่อน และต่างคนต่างสามารถ
ปรับอารมณ์ตื่นเต้นต่อเหตุการณ์ลงได้จนราบคาบอย่างรวดเร็ว และช่วยกันหาจัดที่หลับ
ปรับที่นอนเพื่อเผชิญราตรีกันคนละไม้ละมืออย่างไม่มีใครเสียเวลาเงอะงะกันอยู่
แงซายและเมยานีนั้นแยกตัวออกไปหาไม้ฟืน รพินทร์กับดารินช่วยกันตั้งก้อนเส้าก่อไฟ
หุงหา ส่วนสองอาหลานอนุชาและไพรวัลย์นำเต้นท์แบบแค้มปิ้งสามสี่หลังจากกอง
สัมภาระออกมากางออกใช้เวลาไม่กี่ินาทีก็เรียบร้อย หลังจากนั้นก็เดินหายกันเข้าไปในป่า

อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก่อนที่ข้าวจะเดือดด้วยซ้ำ ทั้งสองก็ช่วยกันลากกองไม้ไผ่ที่มัดด้วย
เถาหวายถูลู่ถูกังเข้ามา เป็นเวลาเดียวกับที่จอมพเนจรแงซายและแม่เสือสาวแห่งมรกตนคร
ตามเข้ามาช่วยลากสมทบ เมื่อรพินทร์และดารินเหลียวไปแลเห็นเข้าก็รีบกระโดด
เข้ามาร่วมวงอย่างฉับพลันต่อเหตุการณ์


“ นี่พวกเธอสองอาหลานใครจะบอกไอเดียฉันได้ไหมนี่ ว่าพากันไปตัดไม้ไผ่กันมาทำไม
ตั้งมากมายก่ายกอง ? ”

ดารินร้องถามออกมาลอยๆ ขณะใช้เท้าเขี่ยกองไม้ไผ่ดูอย่างสำรวจ หล่อนมองหน้า
อนุชาและไพรวัลย์สลับกันไปมา อดีตพรานชดควักบุหรี่ออกมาคาบไว้ที่ริมฝีปากตีหน้า
เก๊กทำเฉยเสีย ไพรวัลย์จึงเป็นคนตอบแทนอย่างนอบน้อม

“ คืออย่างนี้ครับอาดาริน ตามที่พวกเราหารือกันว่าจะต้องกำจัดปิศาจนกให้ได้ก่อนนั้น
ผมกับอากลางมีความเห็นตรงกันว่าหากแกะรอยตามมามี๊มาเรียไปให้พบตัวเจ้าปิศาจนก
อาจจะไม่ทันต่อเหตุการณ์ เพราะตอนนี้เรายังรู้ไม่ได้ว่ามามี๊เตลิดเปิดเปิงไปทางไหน
ขืนรอให้รุ่งเช้าเสียก่อน มามี๊อาจเตลิดไปไกลลิบ เราต้องไม่ลืมด้วยว่าขณะนี้มามี๊
มีพลังปิศาจสิงสู่ย่อมจะมีเรี่ยวแรงมากกว่าคนธรรมดาหลายเท่า เราก็เลยต้องใช้วิธี
ล่อให้เจ้าปิศาจนกเข้ามาหาเราแทน ”

“ ฮืมม์ ” ดารินคราง “ แล้วไง ? ฉันยังมองไม่เห็นทางเลยว่ามันจะเกี่ยวกับไม้ไผ่ตรงไหน ”


“ ฮี้ ยายน้อยละก็.. มัวแต่งุ่มง่ามคิดไม่ออกอยู่นั่นแหละ อย่าลืมสิว่าเราเข้าป่ามาพร้อมๆ
กับยอดพรานอย่างรพินทร์และแงซาย อีกทั้งอดีตแม่ทัพกองโจรอย่างเมยานีอีกด้วย
สามคนนี่ไม่ต้องซักไซ้อะไรมากมายแค่เห็นไม้ไผ่เขาก็เข้าใจแล้ว แทนที่จะได้ช่วยกัน
ลงมือกลับต้องมาตอบคำถามเธออยู่นั่นแหละ โง่ไม่เข้าเรื่อง ”

อนุชาร้องโพล่งออกมาอย่างรำคาญ แล้วบุ้ยปากไปทางรพินทร์ แงซายและเมยานีที่
ยืนยิ้มๆ กันอยู่ ดารินค้อนขวับ

“ ทำปากดีไปเถอะ อ้อๆ นี่พี่กลางน่ะนับตัวเองเป็นยอดพรานกับเขาด้วยเหมือนกันหรือ ”

อนุชายักไหล่

“ จะใช่หรือไม่ใช่ ฉันก็เดินป่าเข้าไปตามหาฝาละมีให้เธอจนเจอเอาตัวมาแต่งงานได้
ก็แล้วกัน ไม่งั้นป่านนี้เธอคงจะกลายเป็นชะนีไปแล้ว ”

“ ต๊ายย หยาบคายเหลือเกินพี่กลางเนี่ย คอยดูนะ น้อยจะเก็บไปฟ้องพี่ใหญ่ ”

ดารินร้องออกมาอย่างโมโห และซัดหลังมือตุ้บเข้าไปอย่างพาโลที่กลางหลังของ
รพินทร์ผู้หัวเราะหึๆ ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่จนเจ้าตัวร้องโอ๊ย หม่อมราชวงศ์สาว
ผู้กลายเป็นนางไปแล้วทำท่าจะแถมฟ้อนเล็บให้อีกหนึ่งระลอก จนพรานใหญ่
ที่เป็นพรานเล็กในเงื้อมมือของเรียบร้อยไปเรียบร้อยโรงเรียนวราฤทธิ์
ต้องปัดป้องเป็นพัลวัน และรีบพูดเอาอกเอาใจยอดพธูของเขาทันใดเพื่อ
ไกล่เกลี่ยศึกสายเลือด

“ คุณหญิงอย่าเพิ่งโมโหโทโสสิครับ ผมเองก็เพิ่งคิดออกตอนเห็นไม้ไผ่นี่เหมือนกัน
และเห็นด้วยกับคุณชายกลางว่าเราต้องใช้วิธีนี้ เพราะศัตรูของเรามันมีปีก จะไปใช้
วิธีแกะรอยนั้นคงจะสูญเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์ หากผมคิดไม่ผิด คุณชายกลาง
และหลานไพรวัลย์ คงจะใช้วิธี ‘นกต่อ’ ใช่หรือเปล่าครับ ”

ท้ายประโยค จอมพรานผู้ยิ่งยงหันไปมองหน้าอดีตพรานชดอย่างยืนยันความแน่ใจ
คุณชายกลางก้มศีรษะลงเล็กน้อย

“ ถูกแล้วครับคุณรพินทร์ เราจะต่อกรงดักขึ้น แบบเดียวกับที่เราดักนกนั่นแหละ
นั่นคือในกรงนกเราจะกั้นฝาไม้ไผ่แบ่งกรงออกเป็นสองส่วนหรือสองซีก ซีกหนึ่ง
เป็นที่สำหรับนกต่อของเรา มีประตูเล็กให้มุดรอดเข้าออกไปพอดีตัวและเป็น
อิสระแยกออกจากอีกซีกหนึ่ง ซึ่งเป็นด้านกับดัก ด้านนี้เราจะทำเป็นประตูกลเปิดคา
เอาไว้ เมื่อเจ้าปิศาจนกมุดเข้ากรงไปหานกต่อ ประตูกลก็จะเลื่อนปิดขังมันไว้ข้างในทันที
วิธีนี้ทำให้เราจับเจ้าปิศาจนกได้อย่างละมุนละม่อม และนกต่อของเราก็ปลอดภัยด้วย ”


ดารินฟังแล้วพอจะเข้าใจในหลักการได้บ้าง แต่หล่อนก็ยังคงมีปัญหาอยู่เช่นเคย

“ ฟังจากไอเดียมันก็พอเข้าท่านั่นแหละค่ะพี่กลาง แต่เราจะมั่นใจได้แค่ไหนในความ
แข็งแรงของกรงดัก กะอีแค่ไม้ไผ่ไม่กี่ลำคงจะไม่คณาแรงปิศาจหรอก อีกอย่าง
แล้วนกต่อที่ว่านั่นน่ะ เราจะไปหามาจากไหน ”


“ เรื่องความแข็งแรงของกรงไม่ต้องเป็นห่วงหรอก นายหญิง แงซายจะเสกอาคม
เข้ากำกับและขอพรฤาษีโกฑัญญะเข้ามาช่วยเป็นแรงเสริม รับรองว่ากรงไม้ไผ่
ธรรมดาจะกลายเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กชนิดที่แม้มันจะแปลงร่างเป็นแมงหวี่
แมงวันตัวเล็กๆ ก็มิอาจบินหลุดรอดได้พ้น ”

จอมพเนจรแงซาย หรือปัจจุบันรั้งตำแหน่งกษัตราธิราชแห่งดิ เอมเมอรัลด์ ซิตี้ (มรกตนคร)
เสริมมาด้วยเสียงห้าวต่ำเจือสำนวนนิยายกำลังภายใน หม่อมราชวงศ์สาวผู้ไม่โสด
อีกต่อไป หันไปพยักหน้าอย่างพึงใจกับอดีต ทส. ประจำตัวของหล่อน แล้วหันมา
ทางพี่ชายกลางอีกอย่างไม่วายกังขา

“ โอเค ค่ะ เรื่องความแข็งแรงของกรงน้อยเคลียร์แล้ว ยังเหลืออยู่อีกอย่างเดียว.. ”

“ เรื่องนี้น้อยต้องถามเจ้าไพรมันดู เพราะมันคือตัวต้นคิด ”

อนุชาโบ้ยปากไปทางหลานชายตัวแสบของเขาเสียดื้อๆ เพราะเสียดายบุหรี่ที่กำลัง
ใกล้จะหมดมวน ทุกสายตาหันขวับเป็นตาเดียวไปทางหนุ่มลูกครึ่งไทย-เยอรมันผสม
ฝรั่งเศสทายาทของไชยยันต์และมาเรีย

“ นั่นน่ะสิ หลานไพร น้าเองก็คิดไม่ตกถึงปัญหาข้อนี้เหมือนกัน ”

เมยานี ซึ่งยืนรอบทอยู่เกือบชั่วโมงแล้วร้องเสียงใสออกมาอย่างสบโอกาสพรีเซ็นต์ตัวเอง
ให้เข้ากล้องเสียที ไพรวัลย์ หรือเจ้าไพรของอดีตพรานชด ยิ้มละไมและย้อนถามกลับมา
โดยไม่ยอมตอบข้อสงสัย

“ เอางี้ดีกว่าครับ ทุกคนยอมรับใช่ไหม ว่าในการต่อนกนั้น เราจะต้องใช้นกต่อที่เสียงดีๆ
เข้าล่อ หากเป็นการต่อนกเขา ก็ต้องเลือกนกต่อตัวที่ลูกคอดีๆ ขันคูจู้ฮุกกรู้สามจังหวะ
นั่นทีเดียว..”


หนุ่มหล่อลูกครึ่งหยุดกลืนน้ำลาย ขณะที่บรรดาอาๆ น้าๆ และลุงของเขาพยักหน้ากันหงึกหงัก


“ แล้วอีทีนี้ เจ้าปิศาจนกเนี่ย มันก็คงหนีสัญชาตญาณนกไปไม่พ้น นั่นคือจะต้องแถเข้ามา
ติดร่างแห เมื่อได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วที่ฟังแล้วเพราะหูสำหรับมัน หากจะใช้นกเขา เราก็ต้อง
เอานกเขามาร้องล่อ แต่หากจะล่อปิศาจนก มันก็เป็นปัญหาอยู่เหมือนกันว่าเราจะร้อง
เสียงนกชนิดไหน แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ต้องลองเสี่ยงกันดูแหละครับ และในความคิดเห็น
ของผมเอง เราทั้งหกคนนี่แหละ จะต้องผลัดเข้าไปอยู่ในกรงนก และร้องเลียนแบบเสียงนก
ทุกชนิดที่เรารู้จัก ซึ่งในข้อนี้ถึงผมจะหนักใจเพียงไร แต่ก็ยังอุ่นใจอยู่บ้างว่าคุณอาแงซาย
และคุณอารพินทร์ อีกทั้งคุณอากลางเองก็ชำนาญในวิถีไพร จนถึงขนาดร้องเลียนเสียง
นกกระทาดง นกระวังไพร นกเขา นกแต้วแร้วท้องดำ และนกอะไรต่อมิอะไรได้นับไม่ถ้วน
สปีชีร์ ส่วนคุณอาเมยานี ก็คงจะเคยร้องเสียงนกกลางคืนส่งสัญญาณกับกองโจรมาบ้างแล้ว
เช่นกัน ตัวผมเองก็พอจะถูๆ ไถๆ ร้องเสียงนกเพนกวิน เสียงนกกีวี และนกอีมูได้พอควร ”

แล้วเจ้าหนุ่มตัวแสบประจำคณะ ก็หยุดสายตาไปที่หน้าของอาหม่อมหญิงของเขา
ดารินพยักหน้าแล้วหัวเราะออกมาอย่างแค่นๆ

“ งั้นก็โอเค ในเมื่อทุกคนร้องเสียงนกกันได้ ฉันก็ต้องร้องได้เหมือนกัน เอาเถอะ หากผิดท่า
ผิดทางนัก ฉันก็จะร้องเพลงเรียกนกแทนเสียงนก ให้มันรู้ไปสิว่าเจ้าปิศาจมันจะไม่หลงเสน่ห์
เสียงของฉันจนโผล่มาเป็นเหยื่อ ฮึๆ มือชั้นนี้ขนาดเจ้ามันตรัยยังเป็นผุยผงมาแล้ว ไหนๆ
ลองลูกคอดูหน่อยซิ …โน่นแหละนกเขาคู จุ๊ก จุ๊กกรู นกมันเฝ้าคูหาชู้มันนนนน ”


ครืนนนนนนนน แก๊กกกกกกกกก ก๊ากซซซซซซซซซซซซ


สิ้นเสียงครวญเพลงของดาริน ป่าทั้งป่าก็ลั่นครืนครั่นจนแผ่นดินไหวยะเยือก เสียงกรีดแหลม
เยือกเย็นของสัตว์จำพวกนกดังแว่วแหวกอากาศเสียงโหยหวนอย่างสะเทือนขวัญและสะท้อน
ก้องไปมาราวกับเสียงขู่คำรามของปิศาจร้ายในคืนสยองขวัญวันศุกร์สิบสามหรือฮาโลวีน
พร้อมๆ กันนั้นลมพายุขนาดมหาวาตะน้องๆ ไต้ฝุ่นเกย์ที่ถล่มจังหวัดชุมพรก็พัดฮือมาอย่าง
ไม่มีปี่ขลุ่ยฉาบแตรกลองแต๊กและนิ้งหน่องแต่อย่างใด เสียงไม้ไร่หักเปรี๊ยะปร๊ะโผงผาง
ที่ยังยืนต้นอยู่ก็โอนเอนโยกไหวสั่นดอกช่อใบและกิ่งก้านไปมาอย่างน่าหวาดเสียว ที่ยืนต้น
ทานแรงลมไม่ไหวก็หักโค่นครืนลงมาเสียงดังสนั่น

“ คุณหญิง..หลบเร็ว ”

รพินทร์ ไพรวัลย์ ร้องตะโกนออกมาอย่างสุดเสียงกรอกช่องหู มรว. ดาริน ที่ยืนตะลึงตัวแข็ง
อยู่ตามบุคลิกเดิมๆ พร้อมกับดีดตัวอย่างไม่คิดชีวิตตามสัญชาตญาณเจนภัยในชีวิตนักเดินป่า
ที่คุ้นชินกับภยันตรายและภัยพิบัติต่างๆ ในเสี้ยวเวลาเพียงเศษหนึ่งส่วนพันวินาที มือที่แข็งแกร่ง
ของเขาคล้องมับเข้าที่เอว(ไม่ค่อยจะ)คอดกิ่ว(สักเท่าไหร่แล้ว)ของหญิง(ที่ไม่ค่อยจะ)สาว
(สักเท่าไหร่อีกเหมือนกัน) และกลิ้งตัวขลุกๆ เป็นลูกขนุนหลบต้นตะคร้อต้นใหญ่ที่มักจะ
ขึ้นตรงตำแหน่งที่หม่อมราชวงศ์หญิงยืนเสมอๆ ในยามเกิดวาตภัย การเคลื่อนไหว
ที่รวดเร็วฉับพลันช่วยให้เขาและหล่อนพ้นการถูกทับไปได้อย่างหวุดหวิด ทว่าในขณะเดียวกันนั้น
ม.ร.ว. อนุชา วราฤทธิ์ ก็กลิ้งตัวขลุกๆ หลบต้นตะคร้ออีกต้นหนึ่งมาจากอีกทางเหมือนกัน


> โป๊ก < โอ๊ยยยย !!


จาก : ไพรวัลย์ อนันตรัย - 05/02/2002 17:19

...

ฮ่าๆๆ นึกว่าจะต้องรอคุณไชยยันต์กับคุณแงซายจนถึงปีหน้าแล้วนะเนี่ย (อุตส่าห์เตรียมใจไว้แล้วเชียวนะ)
ดีที่คุณไพรวัลย์มาต่อเรื่องซะก่อน ยินดีมากที่คุณไพรวัลย์เข้ามานะคะ

ว่าแต่ว่าตอนนี้พ่อรพินทร์ ไพรวัลย์ของดิฉันหายเงียบไปเลย อารายกัน พอคุณหญิงปรากฏกายเข้าหน่อย
คุณก็หายไปเลยนะเนี่ย ยังงี้ถือว่าส่อแววจะนอกใจนา แสงไม่ยอมเด็ดขาด อุตส่าห์ฝ่าฟันแทบตายกว่าจะได้เป็นนางเอกคู่กับคุณ จะมาทิ้งแสงหายไปดื้อ ๆ ยังงี้ไม่ได้นะคะ แสงตามตื๊อไม่เลิกจริง ๆ ด้วย @^_^@
….รออยู่ด้วยความคิดถึงอย่างยิ่งค่ะ….

ทักทายคุณแม่หนูเอง และคุณยายเฒ่าด้วยนะคะ : )))

แล้วก้อตรงนี้ขอต่อว่าหลานพลับพลึงหน่อยเหอะ ไหนว่าเดือนนี้จะมาเล่นด้วย ยังไม่เห็นมาซักทีเลย
น้ารออยู่นานแล้วจ้าา : )))


จาก : แสงโสม - 07/02/2002 09:01

...
ในป่านี้มีต้นตะคร้ออยู่หนาแน่นเหมือนกันนะครับ และสงสัยมันจะเป็นโรคต้นเปราะระบาดเสียแล้ว แงซายรำพึงอย่างนักวิชาการเกษตร แล้วกระโดดหลบต้นตะคร้ออีกต้นที่เผอิญขึ้นอยู่ข้างหลังของเขาพอดีอย่างแคล่วคล่อง ม้วนตัวสองตลบกลางอากาศก่อนแลนดิ้งมาทิ้งย่ออย่างงดงามข้างๆ กายหนุ่มหล่อลูกครึ่งเจ้าความคิด

ป้องปากพูดฝ่าเสียงลมพายุอื้ออึงรอบข้างไปว่า
"นายน้อยไพรวัลย์ หลานพอจะเดาได้ไหมว่าเจ้านกพลังพายุที่ร้อง
ครืนนนนนนนน แก๊กกกกกกกกก ก๊ากซซซซซซซซซซซซ
กระพือลมอยู่นี่น่ะ มันจะเป็นตัวเดียวกับปีศาจนกที่กำลังบริกรรมคาถาอยู่รึเปล่า อาคิดว่า เอ่อ อาคมและพรของฤาษีโกฑัญญะท่าจะเอาไม่อยู่เสียแล้ว ที่สำคัญกรงไม้ไผ่ที่เราทำนี่มันอาจจะใหญ่ไม่พอที่จะกลายเป็น ผนังทองแดงกำแพงเหล็กหรอกนะ หลานพอมีคาถาแปลงร่างให้เจ้านกนี่มันกลับกลายเป็นแมงวันตัวเล็กๆ บ้างไหม เพราะว่าอามีไบกอนติดเป้หลังมาพอดี"

หนุ่มน้อยลูกครึ่งหันมามองจอมพเนจรอย่างงงๆ ว่าเขาพูดจริงหรือเล่นมุขกันแน่ แต่มองไม่ได้นานเพราะต้องรีบก้มหัวหลบต้นตะคร้ออีกต้นที่ปลิวเฉียดศีรษะเข้ามา พร้อมๆ กับร่างอีกร่างหนึ่งกระโจนหลบผ่านมาทางนี้พอดีเหมือนกัน

ทั้งสองต่างรู้สึกว่าคุ้นๆ ตาร่างหญิงสาวที่แวบผ่านสายตาอย่างรวดเร็วไปนี้อยู่บ้าง แต่ยังนึกไม่ทันแสงแวววาวสีเหลืองที่เจ้าหล่อนอุ้มอยู่กับอกที่ส่องประกายเรืองรองออกมาเป็นรูปไก่ ทำให้นึกออกได้ทันใดพร้อมๆ กับความสงสัย

คุณแสงโสม เอ๊ะ ก็ไหนรพินทร์บอกว่าพากันเข้ากรุงเทพฯ ไปกับพรานใหญ่แล้วไง...


จาก : แงซาย - 09/02/2002 10:51

...
เข้ามาทักทายครับ พอดีช่วงนี้ยังยุ่งๆอยู่ เลยต้องปล่อยให้คนอื่นแสดงฝีมือกันไปก่อน ไว้มีเวลาว่างเมื่อไหร่ผมไม่พลาดแน่

เมื่อครั้งที่คุณแสงโสมตั้งกระทู้ ผมไม่คิดว่าจะกลายเป็นกระทู้เนื้อเรื่องไปได้ แต่พอคุณรพินทร์เข้ามาทักทาย ก็เท่ากับทำพิธีเปิดป่าเสกให้กระทู้นี้เป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวไปในทันที นับว่าสองคนนี่เปิดเรื่องได้เก่งมาก(ถึงแม้ว่าจะอู้บ่อยก็ตาม) และพอแงซายกลับมาก็ทำให้ผมนึกถึงความสนุกเมื่อครั้งเดินป่าช่วงแรกๆขึ้นมาในทันทีครับ ยิ่งได้เห็นไพรวัลย์กลับมาด้วยอีกคนแล้วยิ่งทำให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นทุกขณะ (แต่ว่าช่วยกันภาวนาให้พี่ท่านมาต่อเรื่องให้ตลอดรอดฝั่งด้วยเถอะ) ผมยินดีครับถ้าเราจะได้กลับมาพบปะกันอีกครั้งที่นี่ตามประสาเพื่อนเก่า และจะยิ่งยินดีมากหากจะได้ร่วมเดินป่าด้วยกันอีกสักครั้ง

แล้วพบกันครับ

จาก : ไชยยันต์ - 13/02/2002 01:14

...
เหมือนคุณไชยยันต์เลย ผมก็ยังอู้ ๆอยู่ เอ๊ย ยุ่ง ๆ ตะหาก ดีใจที่เห็นคุณไพรวัลย์กลับมาอีก เวลาคุณเขียนล่ะขำกลิ้งเจงเจง ผมยังนึกถึงตอนที่คุณปรากฏตัวครั้งแรกไม่ได้ ผมประทับใจวิธีการเปิดตัวของคุณมาก พับผ่าเถอะ



จาก : รพินทร์ ไพรวัลย์ - 15/02/2002 19:29

...
แระดารินหายไปหนาย

จาก : ... - 16/02/2002 15:57

...
แวะมาอ่าน มาดูเป็นระยะ ๆค่ะ ... :))

คุณ ... ป้าดารินไปเที่ยวค่ะ แต่ไม่รู้อีกเมื่อไหร่จะกลับ ไปตามให้หน่อยได้ไหม?

จาก : พลับพลึง - 16/02/2002 16:34

...
ชวนไปดูสำนวนคุณส. สัตยา ที่ให้ดารินเขียนจดหมายถึงรพินทร์เกี่ยวกับการนำเพชรพระอุมาไปสร้างเป็นภาพยนต์
https://board.dserver.org/j/joinwriter/00000070.html


จาก : พลับพลึง - 17/02/2002 10:32

...
ขอบคุณครับ! คุณพลับพลึง ไม่ค่อยได้เล่นเน็ตเลยเพิ่งเห็นชาวเพชรพระอุมา ขอสมัครเป็นสมาชิกด้วยคน ว่าจะมาแจมด้วยสักหน่อย
(รพินทร์ เฟรชชี่ พี่ก็อยู่เชิงดอยเหมือนกัน ว่างๆเอาเดินขึ้นไปอ่านที่หลังวัดฝายหินสิ หาทำเลใกล้ๆสวนสัตว์ ได้บรรยากาศพิลึก)

จาก : ส.สัตยา - 18/02/2002 04:31

...
มาเล่นด้วยกันไหมล่ะ คุณส. สัตยา ตัวละครป้าดาริน ยังว่างนะคะ ... คนก่อนก็หายไปนานเนกาเลแล้วอ่ะ

นางเอกหายไปจนมีคนถามหาแล้วนะนั่น .. :))


จาก : พลับพลึง - 18/02/2002 18:57

...
จำได้ว่าตอนที่ถูกน้ำป่าพัดจนพลัดหลงกับคณะ ดิฉันมีแค่ปืนสั้นกระบอกเดียว
ตอนนั้นมีกำลังใจอย่างประหลาดไม่ได้นึกกลัวแต่อย่างใด
แม้จะได้แค่กล้วยป่ามาประทังหิวก็ยังไม่ย่อท้อ
แต่ติดตามคณะเดินทางในครั้งนี้กลัวจะเตลิดเปิดเปิงค่ะ
ต้องหาไรเฟิลเหมาะๆสักหน่อย

จาก : ดาริน วราฤทธิ์ (สัตยา) - 19/02/2002 02:38

...
ลงชื่อผิดค่ะ ที่จริงดิฉันต้องลงชื่อแบบนี้

จาก : ดาริน (วราฤทธิ์) ไพรวัลย์ - 19/02/2002 15:09

...
ตะวันลับเหลี่ยมเขาไปแล้ว อากาศในป่าเย็นลงอย่างฮวบฮาบ แสงสลัวยังพอให้เห็นบรรยากาศรอบด้านได้อีกชั่วครู่ คนอื่นๆกำลังจัดเตรียมอาหารมื้อเย็นกระจายอยู่ตามบริเวณที่พัก
เดินห่างจากคณะมาริมลำห้วยลึก สิ้นแสงตะวันสภาพภายในป่าชวนให้อ้างว้างใจ เสียงชะนีโหยหวนอยู่ไกลในป่าลึก ชวนคิดถึงใครคนหนึ่งที่สร้างความอบอุ่นใจได้ทุกขณะที่อยู่ใกล้
เสียงเฮฮาดังมาจากรอบกองไฟ ทุกคนล้วนแต่เป็นเพื่อนสนิท แต่เมื่อขาดเขาไปก็เสมือนอยู่คนเดียวท่ามกลางไพรลึก
แสงไฟพุ่งวาบจากก้นบุหรี่ที่ดีดลงลำห้วย ยกแขนขึ้นกอดอกกระชับเสื้อเพื่อไล่ความหนาว
เสียงรพินทร์ตะโกนเรียกให้ร่วมวงอาหาร ..ฮึ ! ดูปราดเดียวก็รู้แล้วว่าไม่ใช่เขาคนนั้น ลักษณะท่าทางยังเป็นเด็กนัก ถึงจะอยู่กลางป่าก็เป็นป่าเชิงดอยสุเทพ จะได้ยินเสียงเสือบ้างก็เมื่อคำรามมาจากสวนสัตว์ที่อยู่ใกล้ๆ หากจะได้ล่าสัตว์ก็คงเป็นพวกเก้งที่ร้อง “เอ๋ง” แถวๆ ตึก อ.มช. หรือไม่ก็แค่เก็บแมงมัน แมงกินูนแถวคณะเกษตรมาคั่วกินยามปลายเดือน
ส่วนอีกคนหนึ่งเล่า….ที่อยู่กับผู้หญิงคนนั้น “แสงโสม”…
นั่นก็ไม่ใช่เขาเด็ดขาด !
เขาไม่เคยสนใจในสมบัติพัสถานใดๆ มีแต่ความเจียมตัวเจียมใจในความสุขตามอัตภาพ
ปืนสักกระบอกก็ไม่เห็นถือขณะเดินป่า … มีรึเขาจะให้เป็นอย่างนั้น ?
ที่แน่ๆ..ทราบดีว่าความรักของเขาที่มีต่อ “แสงโสม” ได้แห้งเหือดและกลายเป็นอดีตที่ถูกกลบฝังไว้อย่างมิดชิด
….รพินทร์ขา..น้อยเชื่อมั่นในตัวคุณค่ะ
เสียงสะอื้นดังขึ้นมาจากหัวใจ…ทำไมชีวิตเราต้องพลัดพรากกันอย่างไม่รู้จบคะ…
คุณอยู่ไหน…สุภาพบุรุษไพร !





จาก : ดาริน (วราฤทธิ์) ไพรวัลย์ - 19/02/2002 16:51

...
(ลืมขึ้นไปทวนเรื่องข้างบน พอมาจอยก็เลยเปิดตัวไม่ค่อยเข้าแก๊ป ..ขอโทษที อย่าเพิ่งไล่ออกจากคณะนะครับ ขอแก้ตัวโดยการต่อเรื่องให้เข้าที่เดิม แต่แปลกๆแฮะที่มาเล่นเป็นดาริน คุณพลับพลึงว่าไงครับ)
…….นอกจากเสียงน้ำจากลำห้วยไหลริน….รู้สึกว่ากำลังตัดขาดจากสภาพแวดล้อมโดยรอบ
ในห้วงภวังค์..เสมือนมีเสียงลำนำยั่วเย้าล่องลอยจากคนรับใช้ชาวดงมาจากสถานที่ไกลแสนไกล
…..every time in my dream I see you …I feel you….
……………………………………………………………..
……………………………………………………………..
my heart will go on and on………………………..
(จำเนื้อบ่ได้ ถนัดแต่ลูกทุ่ง แค่นี้ก็ไม่รู้ว่าจะถูกหรือเปล่า)
เสียงเรียกดังใกล้ๆหูทำให้หลุดออกจากภวังค์ สบัดหัวไล่ความมึนงงหันมองทางด้านข้างเห็นแงซายยิ้มฟันขาวอยู่ใกล้ๆ ดูซิ ! คิดถึงตาพรานไพรจนหูแว่วเสียงของแงซายสมัยเป็นคนใช้ชาวดงลอยมาจากที่ไกลแสนไกล…..ในขณะที่แงซายตัวจริงยืนอยู่แค่เอื้อม
“เชิญกลับเข้าวงไปทานอาหารเย็นเถิดครับ…ทางคณะกำลังจะปรึกษากันเรื่องปีศาจนกกันอยู่ว่าจะทำอย่างไรดี”
สูดลมหายใจลึกแล้วก็กลับมาเป็นดาริน วราฤทธิ์คนเดิมที่เข้มแข็งอีกครั้ง เอาเถอะคุณจะเป็นอย่างไรหรืออยู่แห่งหนไหน..น้อยต้องพบคุณจนได้…
เดินตามอดีตคนรับใช้ชาวดงกลับไปที่คณะเพื่อร่วมปรึกษางาน พลางซ้อมฮัมเพลง”นกเขาคู”ต่ออย่างอารมณ์ดี
ในวงอาหารทุกคนกำลังปรึกษาเรื่องปีศาจนกกันอย่างครื้นเครง(ใช่ไหมเอ่ย)..เพราะเพิ่งเจอฤทธิ์เดชพายุของปีศาจร้ายในไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา
ต่างคนต่างงุนงงกับสถานการณ์และกำลังสรุปเหตุการณ์ว่ารอดจากพายุร้ายมาได้อย่างไร……..


จาก : ดาริน (วราฤทธิ์) ไพรวัลย์ - 19/02/2002 19:38

...
คุญหญิงดารินครับผม อย่าไปเสียเวลากับคุณรพินทร์อยู่เลย บินมาหาผมที่ยุโรปเถอะครับ ผมรอคุณหญิงอยู่เสมอ

Prince C.

จาก : เจ้าชายจากยุโรป - 20/02/2002 19:46

...
มีเจ้าชายจากยุโรปมาจากไหนนี่ เป็นพวกบาวาเรียหรือเปล่าก็ไม่รู้ พวกนี้ได้ยินข่าวว่านอนกลางวัน ออกมาตอนกลางคืน กินเลือดเป็นอาหารนะครับ

ผมน่ะไม่ใช่น้องรพินทร์หน้าอ่อน หรืออีกคำที่ตรงกว่าหรือหน้าแหยแฝ่นหรอกครับ ผมเป็น"รพินทร์ ไพรวัลย์" พรานไพรใจฉกาจที่ไม่ได้เคยเรียนมช. ครับ ไม่ทราบว่าคุณหญิงจะรับผมไว้ในอ้อมใจได้หรือเปล่า...

จาก : รพินทร์ ไพรวัลย์ - 21/02/2002 17:01

...
คุณหญิงครับผม จำได้ไหมครับ ผมเคยขอคุณหญิงแต่งงานบนยอดหอไอเฟล และคุณหญิงบอกว่าจะให้คำตอบภายหลังน่ะ ตอนนี้ผมรอคำตอบอยู่นะ
ยังจำได้ไหม ถึงใครคนหนึ่ง ซึ่งคุณหญิงเคยบอกว่ารัก รัก รัก ยิ่งนัก....

ตอบคุณรพินทร์ ผมมิใช่พวกบาวาเรียนะครับ ถ้าคุณสงสัยถามรายละเอียดจากคุณหญิงดารินเธอได้ เธอรู้จักผมดี

Prince C.


จาก : เจ้าชายจากยุโรป - 21/02/2002 20:44

...
ภาคนี้เป็นภาคอลเวงค่ะป้าดาริน ไพรวัลย์ แต่ละคนในเรื่อง ก็แปลก ๆ กันจนดูเป็นธรรมดาที่ไม่ธรรมดาไปหมดแล้ว เพิ่มป้าดารินมาแบบแปลกๆ อีกซักคนก็ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ ... อิอิ

ป้าดารินมาแป๊บเดียว Prince C ตามมาทวงสัญญารักซะแล้ว เลือกใครดีคะป้า Prince C เค้าน์แดร็กคิวล่า หรือจะรับลุงรพินทร์คืนสู่อ้อมใจดีค้า ... :))


จาก : พลับพลึง - 22/02/2002 16:09

...
ยูงทองล่องฟ้าเมฆิน ถวิลหวังไอดิน
โบยบินผินสู่พสุธา
ดอกฟ้าโน้มกิ่งลงมา จากสวรรค์อาภา
ให้ดินปรีดาอาวรณ์
เจ้าคนรับใช้ชาวดงได้ลำนำบทเพลงนี้ให้รพินทร์ฟังในครั้งเมื่อยังระหกระเหินตามหาพี่กลางอยู่ด้วยกัน
ขณะนั้นพรานไพรของดิฉันได้แต่เก็บความหมายอันกินใจนี้ไว้เพียงลำพัง..ไม่กล้าหวังโน้มกิ่งฟ้า
เป็นเกียรติยิ่งองค์ชายที่หยิบยื่นไมตรีให้
…แต่ชาตินี้ดาริน วราฤทธิ์คนนี้ขออยู่ในอ้อมอกของสุภาพบุรุษไพรคนนี้เพียงผู้เดียวเท่านั้น….


จาก : ดาริน (วราฤทธิ์) ไพรวัลย์ - 23/02/2002 04:58

...
โอ้โห พี่สัตยา สำนวนเฉียบดีจังค่ะ ยังกะอ่านฉบับคุณพนมเทียนจริงๆเลย สำนวนดีอย่างนี้ร่วมคณะเดินทางกะรพินทร์เลยดีแล้วค่ะ ไม่ต้องไปหาเจ้าชายที่ไหนอีกแล้ว ดารินต้องคู่กะรพินทร์ถึงจะถูกค่ะ

จาก : แม่หนูเอง - 24/02/2002 18:51

...
มายเดียร์ดาริน ผมไม่นึกเลยว่าคุณจะตัดรอนผมอย่างไม่มีเยื่อใยเช่นนี้
สวีทฮาร์ท แม้แต่เพลงที่ผมร้องให้คุณฟังอยู่ทุกวี่ทุกวันตอนที่เราตระเวณท่องยุโรปด้วยกัน
คุณก็ยังลืมเลือนไปแล้ว จำได้เพียงแต่ท่อนแรกและท่อนท้ายเท่านั้น โธ่!!!

คุณรู้ไหมว่าผมเจ็บปวดรวดร้าวใจถึงเพียงไหนยามที่ได้ยินคำพูดของคุณ
“…จำเนื้อบ่ได้ ถนัดแต่ลูกทุ่ง แค่นี้ก็ไม่รู้ว่าจะถูกหรือเปล่า…“
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอาถรรพ์ของป่าดงพงไพร หรือมนต์เสน่ห์เสียงเพลงนิ้งหน่องของ
พรานป่าหน้าตาดูไม่ได้คนนั้นที่ทำให้คุณเปลี่ยนแปลงรสนิยมจากเพลงคลาสสิค
ที่เราเคยร่วมฟังร่วมร้องด้วยกันแล้วหันไปนิยมเพลงลูกทุ่งแทน
พรานป่าคนนั้นพกวิทยุทรานซิสเตอร์เข้าป่าไปด้วยใช่ไหมครับ?? ถึงเปลี่ยนคุณไปได้ถึงเพียงนี้!!!

แต่เอาเถอะครับมายเดียร์ แค่คำพูดที่คุณพูดออกมา มันก็บ่งชัดเพียงพออยู่แล้วว่า
ขณะนี้คุณลืมเลือนผมไปแล้ว และมีแต่พรานป่าลูกทุ่งคนนั้นอยู่เต็มหัวใจดวงน้อย ๆ ของคุณ
ผมไม่เข้าใจเลยว่าเจ้าพรานป่าคนนี้มีดีอะไร แม้แต่คุณแม่หนูเองก็ยังมาเป็นกองเชียร์ให้คุณด้วยอีกคน
โอเคๆ ผมจะไม่หักหาญจิตใจคุณละนะ แต่จะบอกว่า
“ขอให้คิดถึงผมบ้างนะครับสวีทฮาร์ท คิดถึงผมน้อย ๆ แต่คิดถึงนาน ๆ”

Prince C.


จาก : เจ้าชายจากยุโรป - 24/02/2002 20:29

...
Prince C นี่เซี๊ยวจริง ! ผู้หญิงในยุโรปออกจะเยอะแยะ
จะมาฝังใจอะไรกับคนที่ชาตินี้ไม่มีวันเปลี่ยนใจจากสุภาพบุรุษไพรที่ชื่อรพินทร์ ไพรวัลย์
เรื่องบทเพลงก็เช่นกัน….
เคยหยิบเอา BLUE DANUBE มาเปิดฟังยามเย็นริมห้วยในหนองน้ำแห้ง
ไม่เห็นจะเข้ากันสักนิด ฟัง”นิ๊งหน่อง”เพราะกว่าเป็นไหนๆ
แต่….ว่าก็ว่าเถอะ Prince C นี่เป็นอีตาไชยยันต์หรือเปล่า
เห็นขึ้นต้นด้วยตัวอักษร C เหมือนกัน
อย่าให้รู้เชียวนะ ! จะให้เมย์ลงโทษซะให้เข็ด…!!!
แล้วไม่มีใครต่อเรื่องเชียวหรือ..
มีแต่เจ้าชายพลัดถิ่นจากยุโรปเขียนมาเกี้ยวพาราสีด้วยสำนวนเจ้าชู้ประตูดิน



จาก : ดาริน (สัตยา) ไพรวัลย์ - 28/02/2002 20:18

...
เดินมาถึงบริเวณกองไฟที่ทุกคนกำลังล้อมวงทานอาหารอยู่นั้น หญิงสาวทรุดกายนั่งลงบนขอนไม้เอื้อมมือรับเนื้อย่างที่แงซายส่งมาให้..พึมพำเสียงขอบใจแผ่วเบา ยกเนื้อขึ้นแทะเล่นฟังอนุชากล่าวถึงสถานการณ์ร้ายที่เพิ่งผ่านพ้นไปไม่นาน
“ พายุที่กรรโชกมานั้นก่อตัวขึ้นเร็วมากอย่างคาดไม่ถึง ทำเอาวุ่นกันไปหมด ยังดีที่ไม่มีใครถึงกับบาดเจ็บสาหัส แต่ถ้าพายุพัดนานกว่านั้นก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะมีใครอาการหนักกว่านี้บ้าง น้อยตรวจดูอย่างละเอียดแล้วใช่ไหมว่าไม่มีใครบาดเจ็บไปมากกว่าที่เห็น โดยเฉพาะไชยยันต์..พี่เห็นพายุพัดล้มกลิ้งไปกระแทกกับหินก้อนใหญ่เสียงดังมาก..ถ้าเป็นภาวะปกติคงได้นอนหยอดน้ำข้าวต้มเป็นเดือน..นี่ขนาดมีปีศาจสิงอยู่ยังถึงแก่สลบเหมือด”
ประโยคสุดท้ายอดีตพรานชดหันมาถามน้องสาวด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงอดีตนายทหารปืนใหญ่
ดารินยิ้มปลอบใจพี่ชายพลางเอ่ยขึ้นเบาๆ
“คงไม่มีอะไรน่าห่วงกังวลหรอกค่ะพี่กลาง..น้อยตรวจดูแล้วทุกคนก็แค่ถลอกหรือมีแผลเล็กน้อยจากการกระทบกับแง่หินคม..ไม่ถึงกับกระดูกหักหรือแตกส่วนไชยยันต์นั้นหนักกว่าทุกคนเพราะไม่มีสติเป็นของตนเองที่จะป้องกันตัวได้…แต่เท่าที่น้อยตรวจอย่างละเอียดไม่เห็นมีกระดูกส่วนไหนแตกหัก ที่สลบไปนานคงเป็นเพราะศีรษะกระทบกับโขดหิน แต่ดูอาการแล้วคงไม่กระเทือนถึงสมอง….โชคยังดีที่ไม่มีใครเป็นอะไรมาก ..ว่าแต่ว่าทำไมอยู่ๆพายุก็หยุดไปเฉยๆซะอย่างนั้นแหล่ะ”
ประโยคสุดท้ายเหมือนหญิงสาวจะถามขึ้นลอยๆ..แต่สายตาจับนิ่งไปที่พรานใหญ่ซึ่งกำลังก้มมวนใบยาสูบอยู่เงียบๆตามนิสัย
รพินทร์เงยหน้าขึ้นช้าๆเหมือนรู้ตัวว่าเป็นเป้าหมายของคำถามนั้น..คลึงมวนบุหรี่ในมือเอ่ยอย่างเคร่งขรึมจริงจัง..ขณะที่ดวงตามีประกายยิ้ม
“จำได้ว่าก่อนหน้ากำลังคุยเรื่องเลียนเสียงนกเพื่อล่อปีศาจนกกันอยู่..แล้วคุณหญิงก็ร้องเสียงนกขึ้นจากนั้นจู่ๆพายุก็พัดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว …อาจเป็นเพราะว่า..พอคุณหญิงหยุดร้องพายุก็เลยหยุด”
ท่อนไม้ขนาดเขื่องๆกระทบหน้าอกนายพรานอย่างถนัดถนี่ พร้อมกับชี้หน้าตอบกลับมา
“เดี๋ยวเหอะจะแช่งให้ F ทุกวิชา ..ถามดีๆทำมาเป็นวิเคราะห์ออกนอกลู่นอกทาง วิเคราะห์เก่งอย่างนี้ ไซโคฯ 101 ผ่านหรือยัง”
พรานใหญ่แถบตีนดอยสุเทพสะดุ้งโหยงเมื่อถูกพูดถึงจุดอ่อน..เสก้มลงป้องปากจุดบุหรี่แล้วก็ไม่ต่อปากต่อคำอะไรอีก
“แงซายจำว่าพายุพัดแรงขึ้นเรื่อยๆไม่มีทีท่าว่าจะหยุด..จากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนดังมาจากเขาลูกโน้นพอสิ้นเสียงปืนพายุก็หยุดทันทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน”
อดีตคนรับใช้ชาวดงตอบมาเหมือนจะช่วยสถานการณ์ของพรานใหญ่
อนุชาขมวดคิ้วย้อนความทรงจำแล้วก็เอ่ยเสริมมาช้าๆอย่างไตร่ตรอง
“อืมม !..ใช่..จำได้ว่าขณะที่พายุกำลังพัดแรงก็มีเสียงปืนดังขึ้นแว่วๆแล้วจู่ๆพายุก็หยุดเอาเสียดื้อๆอย่างนั้นแหละ ทุกคนมีความคิดว่าจะเกี่ยวกันไหม”
ยังไม่มีใครจะทันตอบก็เห็นแงซายลุกขึ้นพรวดมองไปทางริมลำห้วยที่ดารินเพิ่งจากมามื่อครู่
ท่ามกลางความสลัวๆที่พอมองเห็นจากแสงของกองไฟที่สาดส่อง ท่อนบนของร่างหนึ่งกำลังตะกายไต่ขึ้นมาบนตลิ่งจากลำห้วยเบื้องล่าง…โผล่ขึ้นมาได้ไม่พ้นทั้งตัวร่างนั้นก็หายวับไปอีกเหมือนกับจะลื่นไถลกลับลงไปในลำห้วย
พรานใหญ่สปริงตัวขึ้นอย่างรวดเร็วพอๆกับแงซายพุ่งไปที่ลำห้วยตามติดๆด้วยอนุชาที่ยังคล่องแคล่วว่องไวเหมือนเดิม..คนอื่นๆกรูตามกันมาอย่างใกล้ชิดเมื่อตั้งสติได้
เมื่อถึงริมห้วยร่างที่เห็นเมื่อครู่กำลังตะกายขึ้นมาอีกอย่างเหนื่อยแรง รพินทร์เอื้อมมือส่งให้จับพลางลากขึ้นมานอนแผ่หราอยู่ริมตลิ่ง
“ตาคำ ! ไปไงมาไงนี่”
รพินทร์เอ่ยออกมาแทบจะตะโกนเมื่อเห็นร่างนั้นอย่างถนัด
เป็นบุญคำตาเฒ่าสัปโดกจริงๆ…ทั้งคณะกรูเข้าไปรายล้อมสมุนเอกของรพินทร์ซึ่งตอนนี้นอนแผ่หราอยู่กลางวงเสื้อผ้าขาดวิ่นเลือดออกซิบๆไปทั้งร่างทำท่าผงาบๆจะตายไม่ตายแหล่ เสียงถามเหตุการณ์ประสานกันอย่างเซ็งแซ่
ตาเฒ่าจอมแก่นนอนครางแผ่วๆ..ดารินผลักรพินทร์และอนุชาที่นั่งขวางอยู่ให้ห่างออกแล้วคุกเข่าทรุดตัวลงตรวจดูอาการของบุญคำด้วยความเป็นห่วง..
พินิจอย่างละเอียดได้สักครู่ดารินก็เป่าหายใจยาวอย่างโล่งอก..บุญคำเพียงแค่ถลอกปอกเปิกจากการล้มลุกคลุกคลานเท่านั้น..ที่เห็นทำท่าเหมือนจะตายนั้นเป็นเพราะความเหนื่อยอ่อนและตกใจอย่างสุดขีดมากกว่า
ไม่ทราบว่าใครยื่นขวด VSOP ที่เหลืออยู่เกือบทั้งขวดเข้าไปใกล้ๆ .บุญคำชันตัวขึ้นพรวดพราดเหมือนได้ยาโด๊ป คว้าขวดบรั่นดีได้ก็เทอั่กๆเข้าปากไปเกือบครึ่ง ปิดฝาขวดกอดไว้แน่น แล้วก็พริ้มตาเอนตัวลงไปผงาบๆต่อ
คราวนี้เหมือนจะบังเอิญที่หัวดันผ่าแปะไปที่ต้นขาของเมยานีที่นั่งพินิจดูอาการอยู่ด้วยและดูเหมือนว่าสมุนเอกของรพินทร์จะยิ่งอาการหนักขึ้นอีกเท่าตัว
รพินทร์หัวเราะหึๆ ..โล่งใจจากสภาพอาการของตาเฒ่าจอมแก่นพลางเขี่ยเท้าเข้าไปที่สีข้างของเฒ่าสัปโดกอย่างหมั่นใส้
บุญคำสะดุ้งโหยง เปิดตาขึ้นข้างเดียวชำเลืองแลลูกพี่ด้วยท่าทางเหมือนคนไข้อาการหนักที่ถูกรบกวน
ดารินหันขวับมองเขม็งไปยังพรานใหญ่อย่างไม่พอใจที่ทำทารุณต่อคนเจ็บพลางเอ่ยปากตวาดไล่
รพินทร์ยังหัวเราะหึๆอยู่ในลำคอชี้หน้าด่ามายังมือขวาจอมแก่น
“ลุกขึ้นบุญคำ.!!.แก่แล้วยังมาทำลูกไม้..เดี๋ยวเป็นได้เจอไฟเย็นจากแงซายแล้วจะไม่ช่วยเลย”




จาก : ดาริน (สัตยา) ไพรวัลย์ - 28/02/2002 20:25

...
มายเดียร์ อันที่จริงผมกลับยุโรปไปแล้วนะ แต่ไม่อยากให้คุณไชยยันต์เดือดร้อนเลยต้องนั่งคองคอร์ดกลับมาอีกครั้ง
ผมม่ายช่ายคุณไชยยันต์ครับ คุณเข้าใจว่าผมคือคุณไชยยันต์นี่ถือว่าดูหมิ่นผมมากเลยนะ เพราะผมหล่อกว่าเยอะ ฮ่า ฮ่า
เห็นคุณเขียนเรื่องได้ฝีมือเฉียบขาดมากเลยแวะเข้ามาแซวเล็กน้อย

เอาละครับ คราวนี้ผมกลับยุโรปจริง ๆ ละนะ เชิญเดินป่ากันต่อเถอะครับ ผมก็รอคนอื่น ๆ มาต่อเรื่องอยู่เหมือนกัน

จาก : เจ้าชายจากยุโรป - 02/03/2002 18:22

...
..........................
หล่อกว่าอีตาไชยยันต์ !!
แล้วชอบยิงผิดๆพลาดๆยิ่งกว่าตานั่นอีกหรือเปล่า ?
แล้วบุคคลอื่นๆสาบสูญไปไหนกันหมด..
ช่างเงียบเหงาเหมือนครั้งหลงป่าคนเดียวเลย..

จาก : ดาริน (วราฤทธิ์) ไพรวัลย์ - 04/03/2002 17:34

...
ยังอยู่ครับคุณหญิง อย่าพึ่งเหงา เดี๋ยวผมจะร้องเพลงกล่อมเอาไหมครับ


จาก : รพินทร์ ไพรวัลย์ - 05/03/2002 15:15

...
ต้องการรับสมัครงาน
ตำแหน่ง มือปืนรับจ้าง

คุณสมบัติ
ข้อ 1 เพศชาย ไม่จำกัดอายุ และวุฒิการศึกษา
ข้อ 2 โหดร้าย เลือดเย็น พร้อมที่จะฆ่าคนได้ตลอดเวลา
ข้อ 3 กำลังอกหัก หรืออย่างน้อยจะต้องเคยอกหักมาก่อนและมีความเข้าใจผู้ที่อกหักเหมือนกันเป็นอย่างดี
ข้อ 4 ทนเห็นความหวานแหววของพระเอกและนางเอกไม่ได้ (ประเภทร้องเพลงกล่อมกันอะไรทำนองนี้)
ข้อ 5 เกลียดเสียงเพลงนิ้งหน่อง และทนฟังไม่ได้ชนิดที่ต้องฆ่าคนร้องทันทีที่ได้ยินเสียง (ตรงนี้สำคัญมากหากใครมีคุณสมบัติข้อนี้จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ)

ผู้สนใจติดต่อสมัครโดยด่วน และหากปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายได้ผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ
จะได้รับไก่ทองคำเป็นรางวัลตอบแทน

ลงชื่อ…..แสงโสม……ผู้ประกาศ


จาก : แสงโสม - 06/03/2002 15:59

...
โฮ๊ะๆๆ โผมมาเยี่ยมคร้าบ
คิดถึงคริสกับเบลจริงๆ

จาก : คี๊ธ - 06/03/2002 19:28

...
............................
เสียงคุณน่ะไม่เพราะหรอกย่ะ..นายพราน !
เคยบอกไปแล้วว่าเสียงเหมือนโอ่งถังกาละมังแตก
แต่แปลกจริง..ที่น้อยเริ่มรักคุณตอนร้องเพลงนิ๊งหน่อง รู้ไหม ?
….ไม่ใช่จากน้ำเสียง…แต่เพราะจับใจในความรู้สึก..
แต่เอ๊ะ ! เหมือนมีใครขอบตาร้อนผะผ่าวอยู่ใกล้ๆ…
น้อยไม่ได้คิดไปเองนะรพินทร์…
คุณก็รู้นี่คะว่าน้อยมีสัมผัสพิเศษอยู่…โดยเฉพาะเรื่องร้ายๆ
ความรู้สึกของแรงอิจฉาอาฆาตยิ่งกว่าครั้งมันตรัยหลายเท่า
บอกไม่ถูก….
มันคล้ายทั้งรักทั้งแค้น…อิจฉา..น้อยใจ..อาฆาต..รันทดหดหู่..สับสนปนเป
ยังมีใครเป็นเช่นนี้ยิ่งกว่ามันตรัยอีกหรือ ?…


จาก : ดาริน วราฤทธิ์ (สัตยา) ไพรวัลย์ - 06/03/2002 22:28

...
คุณแสงโสม...
(อันที่จริงไอต้องเรียกคุณแสงโสมแบบฝาหรั่งนะคือ..โสม..ยาวๆแบบมีตัว "ม"เยอะๆ แต่พิมพ์แล้วมันอ่านทะแม่งๆ)
ได้มือปูน เอ๊ย ! มือปืนหรือยังครับ..
ไอเป็นให้อาวไหม...แต่ไอขาดคุณสมบัติข้อสามน่ะ
คุณแสงทิพย์ เอ๊ย ! แสงโสมช่วยทำให้ไอ..อกหักหน่อยสิ..
รักคี๊ธน้อยๆและรักนานๆ..แล้วคี๊ธจะอกหัก

จาก : คี๊ธ - 09/03/2002 01:01

...
ไม่มีใครต่อเราต่อเอง...........................
.......................
.........ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ค่อยๆยกร่างขึ้นมานั่งขัดสมาธิทำพลางทำเสียงครางอ่อยๆ..ค้อนปะหลับปะเหลือกไปยังลูกพี่ที่เป็นก้างขวางคอรบกวนความสุข..แล้วก็หันมาเหมือนจะฟ้องกับดาริน
“นายรพินทร์ใจดำ..นายหญิง ! บุญคำเกือบตายจะดูดำดูดีสักหน่อยก็ไม่มี”
หญิงสาวหัวเราะออกมาได้เมื่อเห็นบุญคำไม่เป็นอะไรมาก
“ช่างเถอะ ! แต่ไหนแต่ไรเจ้านายของบุญคำก็ใจดำอย่างนี้อยู่แล้วไม่ใช่หรือ “
อนุชาที่นั่งอยู่ใกล้ๆซึ่งได้นิ่งดูอาการของบุญคำอยู่เงียบๆ ..เอ่ยปากถามขึ้นเมื่อเห็นสภาพร่างกายและจิตใจของเฒ่าสัปโดกอยู่ในขั้นเกือบปกติพอที่จะให้ซักถามได้แล้ว
“แล้วไปมาอย่างไรบุญคำถึงได้มาโผล่เอาที่นี่ในสภาพอย่างนี้”
บุญคำหันไปทางอนุชา..พูดอย่างตื่นๆเหมือนยังไม่หายจากเหตุการณ์อันน่าสยดสยอง
“บุญคำเจอปีศาจนาย..ปีศาจนกตัวเบ้อเร้อเฮิ่ม ..โอ้ย ! เกิดมายังไม่เคยเจออะไรที่มันน่ากลัวอย่างนี้”
“ปีศาจนก ! ” เสียงอุทานดังรอบทิศ
“ใช่นาย ! เหมือนอีกาตัวใหญ่ๆแต่แทนที่ขนมันจะเป็นสีดำ..มันกลับเป็นสีทองๆแดงๆแบบขนฟารั้ง”
อนุชายกมือขึ้นคลึงคางที่เขียวครึ้มใช้ความคิด..หันไปมองทางแงซายกับรพินทร์ทีละคน
บุคคลทั้งสองมีสีหน้าเรียบเฉยอ่านไม่ออกเป็นปกติวิสัย แต่ในแววตาบอกว่าเข้าใจเหมือนกับตนเอง
ทั้งคู่นิ่งเงียบไม่มีปฏิกริยาใดๆเหมือนจะให้อนุชาเป็นคนซักถามเหตุการณ์เพียงผู้เดียว
อดีตพรานชดจึงหันมากล่าวกับบุญคำต่อ
“แล้วทำอย่างไรบุญคำถึงได้ไปเจอปีศาจตัวนี้เข้า เราไม่ใช่อยู่ที่หนองน้ำแห้งหรือ ไหนเล่ามาซิ”
“บุญคำไม่ได้อยู่หนองน้ำแห้งนายชด ”
มือขวาของรพินทร์หยิบยาสูบขึ้นมามวนพลางเล่าย้อนเหตุการณ์ช้าๆ
“บุญคำพาอีหนูไปดูหนังเรื่องอินทรีทองที่อำเภอ..พอกลับหนองน้ำแห้งก็เจอเมสเสจ เอ๊ย ! จดหมายของนายรพิทร์ทิ้งไว้ว่าจะเข้าป่า..ไอ้เกิด ไอ้เส่ย ไอ้จันมากันโม้ด ..แต่คุณแสงโสมใจร้ายไม่เห็นแต่งให้บุญคำมาด้วย บุญคำก็เลยงมตามมาเอง ” อัดบุหรี่สองจึ๊กแล้วเล่าต่อ
“ ตามมาถึงเนินลูกโน้น ..ที่เห็นอยู่นั่น..ก็เห็นปีศาจนกบินมาจับที่ยอดเนินแล้วก็สะบัดปีก..เท่านั้นแหล่ะพายุก็พัดยังกะป่าจะแตก ..บุญคำเห็นมันถนัดก่อนกลิ้งลงมาตกลงตีนเนิน พายุมันพัดแรงขึ้นเรื่อยๆบุญคำไม่รู้ทำอย่างไรพอดีนึกขึ้นได้ว่ามีลูกปืนลงอาคมสมัยฟัดกับพวกเจ้าผีดิบมันตรัยเหลือไว้อยู่ลูกสองลูก..เลยหยิบขึ้นมาบรรจุปืนแล้วก็ยิงโป้งขึ้นฟ้า ..แล้วพายุก็หายไปทันที”
ทุกคนครางในลำคอ..เพราะพบสาเหตุที่พายุเงียบหายไปเหมือนปลิดทิ้ง
“เยี่ยม ! ไม่เสียที่ที่เป็นมือขวาของรพินทร์ ”
อนุชาตบไหล่เหี่ยวๆของบุญคำอย่างชมเชย..เฒ่าสัปโดกยืดอก
“โธ่ ! นายชด..บุญคำก็ศิษย์มีครูเหมือนกันนา ..ถึงจะไม่เท่าพรานใหญ่ก็เหอะ”
“แล้วไปทำอีท่าไหนถึงโผล่มาที่ลำห้วยนี้ได้” อนุชาซักต่อ
“ก็เพราะปีศาจนกตัวนั้นแหล่ะ ! อยู่ๆพายุที่มันพัดหยุดเอาดื้อๆมันเลยหาสาเหตุ..พอเห็นบุญคำกลิ้งโค่โร่นอนอยู่ตีนเนินมันก็เลยวิ่งไล่..โอ้ย…น่าเกลียดน่ากลัว พอดีเจอลำห้วยบุญคำเลยโดดลงน้ำดำซุ่มไว้..จนมันขี้เกียจเฝ้าผละไปเลยหนีมาได้..แต่บุญคำก็ไม่กล้าขึ้นจากลำห้วย..ว่ายมาฝั่งนี้แล้วก็เลาะมาเรื่อยๆทั้งเหนื่อยทั้งหิว..พอดีเห็นแสงไฟก็เลยปีนจากลำห้วยขึ้นมาจนพบพวกนายนี่แหล่ะ..แล้วพวกนายชดทำไมถึงมาอยู่กันตรงนี้”
บุญคำเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดแล้วย้อนถามในตอนท้าย
“เดินกลับไปที่แคมป์กันก่อน..กินข้าวกินปลาแล้วจะเล่าให้ฟัง”
อนุชาบอกพลางตบหลังให้มือขวาของรพินทร์ลุกขึ้น
หลังอาหาร…แล้วเรื่องราวทั้งหมดก็ถูกถ่ายทอดให้บุญคำฟัง…
เฒ่าสัปโดกลุกเดินไปนั่งยองๆข้างไชยยันต์..เอามือจับหัวแม่เท้าอันเย็นเฉียบดูอาการพลางร้องครางในลำคออย่างสงสารอดีตนายทหารปืนใหญ่
“อย่างอื่นน่ะไม่เท่าไร.. ทั้งนายรพินทร์ทั้งเจ้าแงซายอยู่กันทั้งคู่ ..บุญคำว่าพอแก้กันได้..”
แล้วเฒ่าลามกก็อมยิ้มอย่างมีเลศนัย
“นายทหารน่ะเหมือนตายแล้ว..เป็นผีดิบ..อะไรๆก็ตายไปด้วย..แต่จะปลุกให้ฟื้นคงพอมีวิธี..บุญคำกลัวแต่ว่าพอฟื้นขึ้นมาแล้วอย่างอื่นที่มันตายมันจะไม่ฟื้นตามน่ะสิ”
แล้วเฒ่าสัปโดกก็รำพันกับตัวเองเบาๆ
“ยาดองยี่ห้อ “โด่ไม่รู้ล้ม” สักสิบไหไม่รู้จะฟื้นรึเปล่า..ฮี่..ฮี่..”
...................................
เฮ้อ ! ทะลึ่งไปต่อเรื่องของเขาโดยไม่ดูให้ดีๆ
พายุกำลังพัด..เรามาต่อโช๊ะ..พายุหาย
เลยต้องตามมาเก็บให้เข้าที่...
ตอนแรกรอว่าผู้อาวุโสทั้งหลายจะมาช่วย..แต่ก็เงียบฉี่...ถ้าจะติดภารกิจกัน
ย้อนมาถึงจุดเดิมแล้ว...แต่แต่พายุหายแถมโผล่บุญคำมาอีกหนึ่ง.
.คงไม่ว่ากัน...เฮ้อ..เหนื่อย..

จาก : ดาริน วราฤทธิ์ (สัตยา) ไพรวัลย์ - 09/03/2002 03:39

...
ว่าไง Mrs.แสงโสม ไอรออยู่นะ !

จาก : คี๊ธ - 10/03/2002 02:02

...
โอ๊ะโอว..เยี่ยมมากค่ะที่ผู้พันคี๊ธ (จำยศผิดป่าวคะเนี่ย) จะสมัครเป็นมือปืนให้กับแสง
ระดับผู้พันแสงมั่นใจว่าต้องมีชัยเหนือข้าศึกแน่นอน
แต่…แต่ว่า…เอ่อ…เสียอย่างเดียวคือ ผู้พันไม่น่าขาดคุณสมบัติข้อ 3 เลยค่ะ
เนื่องจากภาระกิจของแสงเร่งด่วนมากจนไม่อาจจะรอให้ผู้พันมานั่งศึกษาเรื่องการอกหักได้
เพราะกว่าผู้พันจะศึกษาจบคอร์สอกหัก ศัตรูเราก็คงหายเข้ากลีบเมฆไปพอดีซีคะ
เราเสียเวลาไปไม่ได้อีกแล้วค่ะผู้พัน!!! ลงมือไวมีชัยไปกว่าครึ่งค่ะ
งั้น เอางี้แล้วกันนะคะ แสงจะยอมหยวน ๆ โมเม อุ๊บอิ๊บ ทำเป็นลืม ๆ คุณสมบัติข้อ 3 ไปแล้วกัน
(แต่ผู้พันอย่าไปบอกใครนา ไม่งั้นแสงโดนตรวจสอบหาว่ารับสมัครคนไม่ตรงคุณสมบัติจะยุ่ง ดีไม่ดีโดนตรวจสอบทรัพย์สินเข้าไปโน่นอีก สมบัติแสงยิ่งมีเยอะ ๆ อยู่ด้วย อิอิ)

เอาเป็นว่าแสงตกลงรับผู้พันเป็นมือปืนนะคะ เงื่อนไขรางวัลตามที่ประกาศไว้ทุกอย่าง
สำหรับการปฏิบัติงาน แสงอยากจะขอให้ผู้พันดำเนินการดังนี้ค่ะ
ขั้นแรกผู้พันจะต้องเข้าไปสมทบกับคณะเดินป่าชุดโจทก์เราซะก่อน (ที่มีอีตารพินทร์ ไพรวัลย์ คุณหญิงดาริน คุณไชยยันต์ คุณแงซาย หลานไพรวัลย์ แล้วก้อบรรดาบุญคำจันเกิดเส่ยทั้งหลายกำลังผจญปีศาจนกกันอยู่)

แสงคิดว่าผู้พันคงเข้าไปรวมกลุ่มได้ไม่มีปัญหาเพราะทุกคนก็รู้จักผู้พันดี (ยกเว้นหลานไพรวัลย์ที่คงไม่รู้จัก)
แล้วหลังจากนั้น ถ้าผู้พันได้ยินเสียงร้องเพลงนิ้งหน่องจากพระเอกของเรื่องเมื่อไหร่ ผู้พันก็เอาปืนกลยิงถล่มได้ทันทีนะคะ แต่ถ้านายตัวแสบไม่ได้ร้องเพลง ก็มีอีกช่วงเวลาหนึ่งที่ผู้พันจะสามารถจัดการได้คือถ้าเห็นพระเอกนางเอกสวีทกันเมื่อไหร่ น่านแหละค่ะ ผู้พันก็เอาระเบิดมือหรือระเบิดน้อยหน่าที่พกมาด้วยโยนโครมใส่ไปเลย
เนี่ยะ…เห็นมั๊ยคะ แผนของแสงง่ายนี๊ดเดียว

ระหว่างที่ผู้พันเข้าไปสมทบกับคณะเดินป่า แสงจะหลบว้อบแว๊บ อยู่แถว ๆ ชายป่านะคะ ถ้าผู้พันทำสำเร็จเมื่อไหร่ขอให้ปีนขึ้นไปบนยอดสนภูเขา เอาผ้าสีแดงผูกปลายไม้ไว้ โบกไปมาเป็นสัญญาณให้แสงได้เห็น ก็เป็นอันรู้กันว่าแผนของเราสำเร็จ แล้วแสงจะส่งไก่ทองคำไปให้ค่ะ

คำเตือน…ผู้พันอย่าลืมว่าการที่ผู้พันสมัครเป็นมือปืนของแสงเนี่ย เท่ากับประกาศตัวเป็นศัตรูกับฝ่ายคณะเดินป่าเต็มตัว เพราะฉะนั้น ผู้พันต้องระวังตัวให้มาก ๆ นะคะ อันตรายสุด ๆ เลย ทางที่ดีแสงแนะนำให้ผู้พันรีบเข้ามาต่อเรื่องโดยด่วนถึงด่วนที่สุดค่ะ เพราะถ้าขืนคุณหญิงดารินหรือคนอื่น ๆ มาต่อเรื่องก่อนละก้อ ผู้พันอาจจะโดนยำเละ ก่อนที่จะไปปาระเบิดเค้านา อ้อ…อีกนี๊ดนึง เผื่อเหตุการณ์พลาดพลั้งขึ้นมา รหัสสุดท้ายของเราคือ "...ตัวใครตัวมัน..." ห้ามซัดทอดกันโดยเด็ดขาดนะคะ : P

ลุยโลดค่ะผู้พัน ; D


จาก : แสงโสม - 11/03/2002 09:53

...
ลืมตาขึ้นมาหลังจากหลุบต่ำคล้ายหลับไปชั่วครู่เดียว สีหน้าเรียบเฉยปกติวิสัยของเทพบุตรกรีกก็มีแววตารับรู้เปลี่ยนไป เขาได้ยินเสียงแผนการร้ายของหัวใจริษยาอยู่แว่วๆ ในช่วงสมาธิไม่นานนั้น
นั่นน่าจะหมายความว่าเจ้าของบทสนทนาอยู่ห่างไปไม่มากนักจากที่นี่

เหลือบตามองดูพรานใหญ่แล้วรอยยิ้มก็ปรากฏที่มุมปากอย่างอดไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรผู้กองของเขายังไม่น่าเป็นห่วงเท่านายทหารที่นอนสลบไสลไม่ได้สติอยู่ตรงหน้านี่เลย

นายทหารสลบทีไร กว่าจะฟื้นชาวคณะทั้งหลายก็มักจะรุมกันช่วยเหลือจนอาการหนักหนาสาหัสกว่าเดิมจนแทบเยียวยาไม่ไหวอยู่ทุกครั้งไป แงซายเองก็อยากจะช่วยเหลืออยู่หรอกนะครับนายทหาร
แต่ว่าในป่าสนอย่างนี้ จะไปหายาดองยี่ห้อ “โด่ไม่รู้ล้ม” มาจากไหนกัน...

....................................................
ยินดีต้อนรับครับนายหญิง แงซายคนรับใช้ชาวดงคนนี้ พร้อมรับใช้เป็นฝ่ายนายหญิงเสมอ....


จาก : แงซาย - 12/03/2002 10:58

...
ซ้อมยิงปืนจนลูกกระสุนหมดไปหลายกระบุงแล้ว

จาก : คี๊ธ - 12/03/2002 15:00

...
ซ้อมยิงปืนจนลูกกาสุนหมดไปหลายกระบุงแล้ว

จาก : คี๊ธ - 12/03/2002 15:03

...
………………………………..
Dear Mrs. Sangsom

ยูเรียกยศไอผิดแน่ๆ ..ยศไอคือเคอเนลหรือพันเอก..
โดยปกติแล้วเขาไม่เรียกพันเอกว่าผู้พันหรอกเพราะตำแหน่งมักจะเกินนั้นไปแล้ว..
แผนยูนี่ช่างชั่วร้าย แนบเนียน และวางตัวเป็นตัวบงการได้เจ๋งจริงๆ
ไม่เสียทีที่เป็นหัวหน้าตัวร้ายบวกนางอิจฉาริษยา
ไอนึกว่าแค่มาสมัครเป็นมือปืนให้แล้วก็แล้วไป…ไม่คิดว่าจะต้องเป็นคนต่อเรื่อง
ยูจะอู้รึเปล่า ?..ถึงได้โยนให้ไอเป็นคนต่อ..แถมยังขู่อีกว่าอาจจะโดนยำเละถ้าชักช้า
ต่อดีก็ดีด้วยกัน..ต่อไม่ดีไอโดนยำเละ..
แต่มิเป็นไร..ไม่ต้องซอรี่..ไอก็ชาติเชื้อทหาร..ยอมตายไม่ยอมเห็นสุภาพสตรีผิดหวัง
ว่าแต่ว่าหากไม่มีคอร์สอกหัก..เราเข้าคอร์สพิเศษแบบรวบรัดเลยไม่ได้เหรอ..ไอจะได้มีกำลังใจ..แฮ่ ๆ
รหัสนั้นไอจำได้แม่นแน่ๆ ..ส่วนสัญลักษณ์ผ้าแดงถ้าไอหาไม่ได้..ไอใช้อันเดอร์แวร์แทนได้ไหม
เพราะทหารหากจะปฏิบัติการจะต้องมีการวางแผนหนึ่ง แผนสอง สำรองไว้เผื่อพลาด
ขอเทสต์ให้ยูดูลีลาซะก่อน....แล้วก็ช่วยวิจารณ์มาด้วยก่อนลงมือจริง

….ปี่เชิด…

เห็นคู่ปรับ ขยับรี่ ปรี่เข้าใส่ คลุกวงใน ศอกสั้น ฟันเข้าหน้า
เห็นโยคี ขึ่รุ้ง พุ่งออกมา ยกบาทา ถีบสกัด ตัดกำลัง
ไม่เมาเหล้า แล้วเรา ยังเมารัก ฟาดให้หนัก ด้วยหมัด อัดตามสั่ง
ตามด้วยเข่า ฉมวกเพชร ห้าพลัง อย่าได้หวัง มันจะฟื้น ตื่นอีกเลย..
…………….
เป็นไงใช้ได้ไหม..ฮ่าๆๆๆ
.....ไอเลิฟยู.....

จาก : คึ๊ธ - 12/03/2002 18:59

...
อิส..อิส...อิส...
ซ้อมมวยไว้ก่อน....


จาก : คี๊ธ - 13/03/2002 02:30

...
ฟารั้งประสาอะไร..ทำไมรำมวยไทยฟะ

จาก : คำ หนองน้ำแห้ง - 13/03/2002 14:17

...
ขอบใจมากนะแงซาย
คงมีแต่เธอเท่านั้น ที่เชื่อและไม่เห็นเป็นเรื่องไร้สาระ
เล่าให้พี่รองฟัง ก็หาว่าคิดฟุ้งซ่านไปเอง…….
ส่วนอีตานายพรานนั่นหรือ ?
รายนั้นเอาแต่เก๊ก ทำหน้ากระด้างราวหินบนหลุมฝังศพ
คงคิดว่าในไพรกว้างนี้ ตัวเองคือจ้าวอาณาจักรกระมัง
ถึงทำเป็นไม่สนใจใยดีอะไร…


จาก : ดาริน วราฤทธิ์ (สัตยา) ไพรวัลย์ - 13/03/2002 15:48

...
ทู เดียร์ โคโลเนล คีธ

ไอ ว้อนท์ ทู วาร์น ยู นะเฟ้ย
อย่าเลย อย่าสครูว์ ซัมวัน เอลส์' เกิร์ล รู้ไหม
หากคงทำ ชีวันอาจจะบรรลัย
เหมือนดั่งชาละวันตักษัยด้วยไกรทอง

จะปืนจะหมัดจะเข่า เราบ่ยั่น
ยืนซดกันสามวันยังไม่หมอง
ราศีพระเอกยังจับ ส่องประกายเรืองรอง
ไม่มีวันม่อง ยืนยงคงกระพัน

ซินเซียร์ลี่ ยัวร์ ลงชื่อรพินทร์ไว้
อ้อ ลืมไป พี เอส ไอ ด๊อนท์ อะ เฟรด ฝรั่งอย่างยูนั้น
หากจะประลอง ขอเชิญเลยจงนัดวัน
จะส่งเส่ยเกิดจันและบุญคำ ไปล่วงหน้าเอย





จาก : ีรพินทร์ ไพรวัลย์ - 13/03/2002 17:19

...
ไอ้คำก็สาๆนะนายหญิง...
ได้กลิ่นเหมือนมีแสงโสมบ่มค้างปีอยู่แถวๆนี้...

จาก : คำ หนองน้ำแห้ง - 14/03/2002 00:10

...
คุณแสงโสม..ขอปรึกษาหน่อย
ถ้าเขาไม่ร้องเพลงนิ้งหน่องแต่ร้องเพลงอื่นจะให้ลงมือหรือไม่
อาทิ จูบเย้ยจันทร์ บทเรียนก่อนวิวาห์

จาก : คี๊ธ - 14/03/2002 00:17

...

แสงโสมจ๋า...ปรึกษาอีกที
ตอนที่เขาสวีทกันไม่มีลูกน้อยหน่าโยนใส่..
เอาลูกตาขบแทนได้ไหม ?

จาก : คี๊ธ - 14/03/2002 13:14

...
มาช่วยนายหญิง

จาก : ด้วน - 14/03/2002 22:16

...
เฮ้อ!!!…เหนื่อยใจอย่างบอกไม่ถูก ทำไม๊ ไม่เดินเรื่องซักทีน๊อ….(สงสัยจ้างคนผิดแหง ๆ)

ผู้พัน เอ๊ย ผู้การคี๊ธคะ มัวแต่ลีลาอยู่นั่นแหละ!! ฝ่ายพระเอกเค้ารู้ตัวกันหมดแล้วนะ
ก้อบอกแล้วไม่เชื่อให้รีบเข้ามาต่อเรื่อง เป็นไงล่ะ โดนท้าดวลแล้วเห็นมั๊ยนั่น
ผู้การจะทำอะไรก็รีบทำเข้าซักอย่างเถอะค่ะ จะโยนลูกน้อยหน่าหรือลูกตะขบ
หรือจะให้เด็ดกว่านั้นจะเอามะกอก มะยม มะดันดองปาใส่พวกผู้ร้าย (ฝ่ายตรงข้ามเราเรียกผู้ร้ายนะคะผู้การอย่าลืม)
ก็ตามใจผู้การเหอะ ระวังอย่างเดียวเท่านั้นแหละว่าถ้าเค้าเขวี้ยงลูกมะพร้าวหรือเปลือกทุเรียนกลับมา ก็หลบให้ดี ๆ ละกัน
สำหรับเรื่องร้องเพลงถ้าไม่ใช่เพลงนิ้งหน่องแล้วไซร้ ให้ถือว่าเข้าข่ายหวานแหวว..ก็ดำเนินการได้ตามความเหมาะสมค่ะ
แต่ถ้ายังหาจังหวะกำจัดไม่ได้ก็ช่วยเค้าปราบปีศาจนกไปก่อนแล้วกันค่ะ

ลีลาปี่เชิดของผู้การเยี่ยมมากค่ะ แต่เตือนอย่างเดียว เรื่องประชิดวงใน..ผู้การเคยแพ้อีตารพินทร์ ไพรวัลย์พระเอกของเรื่องเค้ามาแล้วนะคะ จำไม่ได้เหรอ??

มัวแต่รำมวยอยู่อย่างนี้จะไปสู้กับเค้าไหวรื้อออ ห่วงใยค่ะ ห่วงใย


จาก : แสงโสม - 15/03/2002 12:14

...
มารอฟังคำชี้แนะจากคุณแสงโสม

จาก : คี๊ธ - 15/03/2002 19:42

...
……………………………………….
กลางไพรอันเงียบสงัด คณะเดินทางนอนรวมกันข้างกองไฟ ทุกชีวิตหลับสนิทด้วยความเหนื่อยอ่อนจากการผจญภัยในกลางวันที่ผ่านมา
ฉับพลันทุกคนยกเว้นนายทหารปืนใหญ่ก็ต้องลุกขึ้นด้วยความแตกตื่น เมื่อมีเสียงครืนๆแว่วเข้ามาพร้อมด้วยลมพัดอู้จนป่าแตกโผงผาง
“เฮ้ย ! เกิดอะไรขึ้น” อนุชาตะโกนขึ้นดังๆ
ทุกคนละล้าละลังกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน ขณะจะค้นหาที่มาของพายุนั้น ก็พลันปรากฏเงาทะมึนทาบทับขอบฟ้ามาจากทางด้านเหนือของลำห้วย
สุภาพบุรุษไพรหรี่ตาพินิจเงาดำนั้น แต่เมื่อหันได้ชัดก็อุทานอย่างแปลกใจ เพราะนั่นกลับไม่ใช่ปีศาจนกบินมาแผลงฤทธิ์ดั่งเมื่อกลางวันที่ผ่านมา
ไม่ทราบว่าทุกสายตาที่เฝ้ามองเห็นเหตุการณ์ในขณะนั้นจะเห็นเหมือนกันหรือไม่
แต่ที่รพินทร์เห็นคือเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงขนาดยักษ์ของกองทัพอเมริกันกำลังบินนิ่งอยู่บนอากาศ เหนือศรีษะของคณะเดินทาง
กำลังจะตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไรดี ก็เห็นร่างหนึ่งกำลังโรยตัวลงมาจากนกเหล็กปีกหมุนเครื่องนั้น
(ซาวด์ในตอนนี้คือเพลงประกอบภาพยนต์เรื่อง Black Hawk Down…)
“คี๊ธ !!!”
ทุกคนอุทานออกมาดังลั่นเมื่อเห็นร่างนั้นชัดเจน เมื่อปลดเชือกที่โรยตัวลงมาได้แล้วก็ทำสัญญานโบกให้นกยักษ์ลำนั้นบินกลับไป
นายทหารอเมริกันร่างยักษ์หล่อ ล่ำ บึก ถูกใจบางคนยืนกางขาเท้าสะเอวอยู่กลางลาน
…………………………………………..
………………………………………….
มาแล้วครับ มาแล้ว ตามคำเรียกร้องของคุณแสงโสม
หากคุณไม่มาโพสต์ให้กำลังใจ ผมก็จะปรึกษามันไปเรื่อยๆแหล่ะ…..
ห่วงใยจริงหรือ ?…ถ้าห่วงจริงๆ คี๊ธน้อย ลูกสัตยา สู้สุดใจขาดดิ้น
เรื่องคลุกวงในไม่ต้องห่วง… แค่คุณแสงโสมติวให้ผมนิดเดียวรับรองชัวร์ป้าบ…..ฮี่..ฮี่..ฮี่..
……………………………………………..
….ว่าแต่ว่าช่วงนี้ทำไมเงียบจัง คุณไชยยันต์ เมยานี คุณไพรวัลย์ คุณแม่หนูเอง คุณยายเฒ่า
คุณพลับพลึง คุณคริสติน่า หายไปหนายกันหมด…..


จาก : สุภาพบุรุษที่ชื่อ คี๊ธ - 15/03/2002 22:48

...
จอมพรานหรี่ตามอง เขาไม่ค่อยแน่ใจนักว่านั่นคีธหรือว่าเป็นอาร์โนลด์กันแน่ เพราะแสงอาทิตย์แยงตา แต่จะเป็นใครก็ตามที เขาก็ไม่กังวล เมื่อมาอยู่ในเรื่องเพชรพระอุมาแล้วไซร้ ย่อมเป็นรองเขากันทุกคนแหละ

รพินทร์ล้มตัวลงนอนต่อ เอาหมวกปิดหน้า แล้วเริ่มครวญเพลงที่สัญญาว่าจะร้องให้คุณหญิงฟัง (ซึ่งความจริงควรจะร้องมาตั้งแต่สามสี่คำตอบที่แล้ว แต่เนื่องจากลืมเนื้อก็เลยพยายามนึกมาเรื่อย)


ถึงอย่างไร พี่ยังรักเธอไม่คลาย
ตราบชีพนี้ วอดวายเป็นเถ้าถ่าน
ก็จะขอรัก จะขอรักด้วยวิญญาณ
แทรกสายลมโชยผ่าน
เคล้าเคลียนงคราญไม่ห่างไกล

สายลมพริ้ว จูบเธอมิใช่อื่นไกล
โปรดจำไว้ นั่นคือลมจูบจากพี่
เป็นสัญญาว่ารัก ด้วยจิตใจภักดิ์ยิ่งชีวี
พี่ขอเพียงไมตรี แม้เพียงธุลีก็ชื่นใจ

...............
ทุกคนหยุดชะงักฟังเพลงที่จอมพรานร้องอย่างตกตะลึง ไม่น่าเชื่อเลยว่าพรานใหญ่จะมีเสียงนุ่มน่าฟัง ลงลูกคอได้เหมือนไมค์ ภิรมย์พรเช่นนี้ ดังนั้นเขาก็เลยแถมอีกเพลงหนึ่ง

เป็นแฟนคนจนต้องทนหน่อยน้อง
พี่ไม่มีเงินทอง..มาร้องรับความลำบาก.....

ปัง..ปัง...ปัง....
ทุกคนโวยวายด้วยความตกใจ คีธยกปืนเอ็ม 76 ประทับบ่าเล็งไปที่ร่างพรานไพรที่กำลังร้องเพลงแล้วก็ลั่นไกสามทีซ้อน ๆ
ดารินหน้าซีดวิ่งเข้ามาดูรพินทร์ "รพินทร์เป็นอะไรหรือเปล่า"
พรานใหญ่เปิดหมวก ลืมตาดูยอดดวงใจของเขา ปากก็เคี้ยวตุ้ย ๆ"อร่อยดีครับ คีธมาส่งลูกตะขบให้ผมตามออร์เดอร์ของคนบางคนครับ...."





จาก : รพินทร์ ไพรวัลย์ - 16/03/2002 12:41

...
มาเกาะสถานการณ์

จาก : ด้วน - 16/03/2002 14:11

...
………………………
ดูมันซิ ! ลูกตาขบใส่สลอดกะว่าจะเอามาล่อปีศาจนกเสียหน่อย..ดันยัดไปเสียหมดถุง
หึๆ …. ดี ! ให้ขี้แตกต่อหน้านางเอกเสียบ้าง….
ขนาดยังไม่ได้ลงมือถล่มนะนี่…ฮ่าๆๆๆ
………………………………..
แถมยังร้องเพลงที่เราชอบเสียด้วย….Love me forever… กะให้เราอิจฉาบทพระเอก-นางเอก
นึกว่า Miss Darin เจ๋งกว่า Mrs Sangsom รึไง..
สิบตำรา หรือจะสู้ ประสบการณ์ ฮี่..ฮี่..ฮี่..
เรานี่แหละพระเอกตัวจริง….นางเอกคือแสงโสมที่รัก
…………………………….
ดรุณี บริสุทธิ์ ไร้เดียงสา
ไหนจะมา เทียบเท่า แสงโสมได้
เย้ายวนดั่ง กระดังงา ที่ลนไฟ
ช่างเร้าใจ ยั่วจิต คี๊ธเสียจริง
ชีวีนี้ ยอมตาย ถวายให้
แล้วแต่ใช้ ให้ทำ ในทุกสิ่ง
เพราะคี๊ธรัก แน่นหนัก รักจริงจริง
ฟันแล้วทิ้ง ไม่ใช่คี๊ธ พลีส มาย เดียร์
………………………………………
ยังอยูในแอคชั่น ยืนกางขา เท้าสะเอว
แต่ซาวด์เปลี่ยนเป็นเพลง I am a tiger………..


จาก : สุภาพบุรุษที่ชื่อ คี๊ธ - 16/03/2002 17:02

...
กระทู้ยาวมากแล้ว ผมไปขึ้นตอนใหม่ให้แล้วนะครับ
ตามไปต่อกันได้ที่

เพชรพระอุมาภาคอลเวง ตอน เพลิงแค้นที่เผาผลาญ
https://board.dserver.org/j/joinwriter/00000138.html

ทำ link ไม่ได้แฮะ หนูพลับมาช่วยทำให้ทีสิครับ

จาก : ไชยยันต์ - 16/03/2002 18:35

...
เดินทางต่อแล้วเหรอ

จาก : คี๊ธ - 16/03/2002 23:59

มีข้อคิดเห็นเพิ่มเติม ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ที่นี่
ชื่อ :
Email :
ข้อความ :


This Free service hosted by D'Server
1