หัวข้อ : เพชรพระอุมาภาคอลเวงตอน เพลิงแค้นที่เผาผลาญ
กลับมาแล้วครับ กับเพชรพระอุมาเวอร์ชั่นอลเวง ต่อจากตอนที่แล้วคือ

เชิญคุณพรานเก่าค่ะ
https://board.dserver.org/j/joinwriter/00000033.html

ขอเชิญร่วมเดินทางต่อกันได้แล้วครับ

จาก : ไชยยันต์ - 16/03/2002 18:28


เฮลิคอปเตอร์บินจากไปแล้ว ก่อนไปยังได้หย่อนกล่องเหล็กมหึมาทิ้งไว้ให้ด้วย คี๊ธยังคงยืนจังก้าอยู่กลางลาน มองดู
กลุ่มของชาวคณะเดินทางซึ่งยังคงยืนเก้ๆกังๆ ยกเว้นรพินทร์ที่นอนเคี้ยวลูกตะขบอย่างไม่รู้สึกตื่นเต้นกับการมาพร้อมกับลูกปืน
ของอเมริกันร่างยักษ์

"บิทซ์! แธ๊ท บัสเติร์ด!" เสียงคี๊ธโวยวายชี้มือมาทางรพินทร์
บุญคำฟังไม่ออกก็เอียงหน้าเข้ามากระซิบถามจอมพราน
"นายๆ เจ้ายักษ์นั่นมันว่าอะไรอ่ะ มันชี้โบ๊ชี้เบ๊มาทางนายด้วยละ มันต้องพูดกับนายแน่ๆ ไม่งั้นก็ตั้งใจจะหมายถึงนาย"
รพินทร์จุ๊ปากจึ๊กจั๊กอย่างรำคาญ
"มันคงสรรเสริญฉันกระมัง...นี่ตาคำอย่ามายืนขวางมือขวางเท้า ไปดูแลนายทหารโน่นไป๊"
บุญคำบ่นอุบอิบ เดินเลี่ยงๆกลุ่มของนายจ้างซึ่งยังคงยืนต้อนรับคี๊ธออกมาทางด้านที่ไชยยันต์นอนอยู่ ตาเฒ่าลงนั่งข้างๆ
ร่างอดีตนายทหารปืนใหญ่ซึ่งยังนอนแน่นิ่งหมดสติ ลมหายใจรวยรินเหมือนจะขาดเป็นช่วงๆ อยู่

"พิโถ่พิถัง...ไม่นึกว่านายทหารจะต้องมาอยู่ในสภาพย่ำแย่อย่างนี้ เป็นฝีมือใครที่ใจร้ายทำกันได้ลงคอ"
บุญคำนั่งชันเข่ายกมือเกาศีรษะแกรกๆ มองดูไชยยันต์อย่างนึกสมเพชพลางพูดไปเรื่อยเหมือนจะชวนคุย
"ถ้าเป็นเมื่อก่อน นายหญิงของไอ้คำจะต้องมาดูแลพยาบาลนายทหารจนหายป่วยก่อนที่คิดไปทำอย่างอื่น พวกนายๆ
ก็จะต้องเดือดร้อนกันไปหมดทั่วหน้าไม่เว้นแม้กระทั่งนายรพินทร์ แต่เดี๋ยวนี้บุญคำเห็นตัวใครตัวมัน ส่วนใหญ่จะถนัด
ยำลาบเลือดกันเสียละมากกว่า...นายทหารว่าปะ เดี๋ยวนี้อะไรๆมันก็เปลี่ยนไปเยอะ หรือว่ามันจะเป็นการปั๊ดตะนาอย่างที่
นายรพินทร์ชอบพูดถึง"

ไชยยันต์ยังคงนอนแน่นิ่งไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการบ่นไปเรื่อยของตาเฒ่า
บุญคำพูดไปพลางมวนบุหรี่ยาสูบของแกไปด้วย

"แต่บุญคำสงสัยอยู่อย่าง ทำไมนายหญิงแสงโสมถึงได้เนื้อหอมเป็นนักหนา นายรพินทร์เอย นายกลางเอย นายทหารเอย
แม้กระทั่งเจ้าคี๊ธยังต้องบินตรงมาจากอเมริกาเพื่อสมัครเป็นบอร์ดี้การ์ดประจำตัวโดยเฉพาะ แต่ทั้งหมดนี่บุญคำยังไม่เคย
เห็นนายหญิงแสงโสมมีน้ำใจให้กับใครเลยนอกจาก..."

บุญคำพูดได้แค่นั้นก็ต้องหยุดเว้นช่วงนิดนึงเพราะสังเกตเห็นว่าไชยยันต์กำลังเอียงหน้าเข้ามาเหมือนจะฟังให้ถนัด ต่อเมื่อ
เสียงตาเฒ่าขาดหายไป ไชยยันต์จึงหันไปทางอื่นทั้งๆที่ยังคงหลับตา ลมหายใจแผ่วต่ำสม่ำเสมอเหมือนหลับลึก ตาเฒ่าก้มๆเงยๆ
ดูสีหน้ากับทดลองเขย่าแขนดู เมื่อเห็นนายทหารยังคงหลับไม่รู้เรื่องก็เลิกสนใจ หันไปพูดต่อ

"แต่ก่อนอื่นบุญคำว่าก่อนที่เรื่องราวมันจะไปกันใหญ่ นายทหารต้องฟื้นขึ้นมาก่อน มิเช่นนั้นเวลาเกิดเรื่องอะไรใครจะยำใครขึ้นมา
นายทหารนั่นแหละจะเป็นฝ่ายที่เละเป็นโจ๊กเพราะไม่สามารถหนีไปไหนได้ ตกเป็นเป้านิ่งให้ทุกคนรุมสกรัมด้วยความรักความแค้น
เท่าๆกัน พิษจากปิศาจนกนี้มิใช่เรื่องยากเลยที่จะถอน บุญคำก็ศิษย์มีครูเหมือนกันนี่นา..."

ว่าแล้วตาเฒ่าก็ล้วงมือลงไปในย่ามแล้วหยิบเอาขวดแก้วขนาดเล็กออกมา ภายในบรรจุน้ำสีแดงเข้มเอาไว้
"พิษก็ต้องแก้ด้วยพิษ นายทหารถูกพิษจากปิศาจนกก็ต้องใช้ยาแก้พิษจากปิศาจนกนั่นเอง เมื่อตอนที่บุญคำยิงกระสุนลงอาคม
ขึ้นฟ้าตอนเกิดพายุนั่น กระสุนถูกเจ้านกปิศาจนั่นทำให้มันเลือดตกเหมือนกัน มันก็เลยแค้นมาโฉบไล่บุญคำ เลือดของมันหยด
อยู่เต็มริมฝั่งที่บุญคำลงไปแช่ พอมันไปแล้วบุญคำจึงขึ้นมาค่อยๆรินเลือดที่ติดตามสุมทุมพุ่มไม้นั้นใส่ขวด เพราะรู้สึกสังหรณ์ใจ
ว่าต้องได้ใช้มันแน่ๆ...แต่ก่อนอื่นต้องคลายมนตร์สะกดของเจ้าปิศาจนกก่อน นายทหารจะได้พอรู้สึกตัว"

ตาเฒ่าพูดพลางยกนิ้วแตะหน้าผากนายทหารพลางบริกรรมคาถาของตน ครู่เดียวไชยยันต์ก็ค่อยๆได้สติขึ้นมาทีละน้อย แต่ยังคง
ขยับตัวไม่ได้ รู้สึกเส้นสายมันยึดไปหมด ตาเฒ่าจัดแจงผสมบรั่นดีกับเลือดนกในขวดแล้วเขย่าให้เข้ากัน ก่อนจะกรอกใส่ปาก
นายทหารปืนใหญ่

ไชยยันต์ครึ่งหลับครึ่งตื่นพอเลือดนกผสมบรั่นดีตกถึงท้อง เขาก็รู้สึกร้อนวาบขึ้นมาในทันที ความร้อนแผ่ซ่านไปทั่วร่างอย่างรวดเร็ว
ตั้งแต่ศีรษะลงไปจรดปลายเท้าก่อนที่จะค่อยๆเย็นลงจนแปรเปลี่ยนเป็นความเย็นสดชื่น แขนขาเขาเริ่มขยับได้ นายทหารปืนใหญ่
ค่อยๆเปิดเปลือกตาหันไปดูรอบๆ

พระอาทิตย์ทอแสงที่หลังเนินเขาพอดี แสงสีทองอาบไล้อยู่ทั่วบริเวณแค้มป์พักแรมซึ่งทุกคนยังคงยืนจับกลุ่มพูดคุยกับคี๊ธอยู่ทางด้าน
ตีนเนินปากทางเข้าที่พัก ในขณะที่ไชยยันต์ค่อยๆดึงกายลุกขึ้นนั่งด้วยการช่วยพยุงของบุญคำ

"บุญคำ...เอ๊ะ!...นี่มันเกิดอะไรกันขึ้น แล้วฉันเป็นอะไร"
"นายทหารไม่รู้สึกตัวไปหลายวัน"
อดีตนายทหารปืนใหญ่ทำตาโต "ฮ้า...ฉันเนี่ยนะสลบไป มันเกิดอะไรกันขึ้น โอย เมื่อยไปหมด แล้วนี่รอยอะไรล่ะนี่ ทำไมตัวฉันถึง
ถลอกปอกเปิกไปหมด ยังกับตกมาจากต้นไม้สูงๆอย่างนั้นแหละ"
เขาพูดพลางแกะกิ่งไม้ที่เสียบอยู่ที่หลังเสื้อแจ๊คเก็ตจนขาดวิ่นออก โชคดีที่เสื้อชั้นนอกของเขาหนาพอ กิ่งไม้แหลมๆจึงเสียบติดอยู่
แค่ชั้นนอกเท่านั้น ไม่ทะลุมาถึงผิวเนื้อ แต่นี่ก็เป็นสิ่งยืนยันได้ถึงความดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีของชาวคณะที่ยังคงปล่อยกิ่งไม้เสียบ
คาเสื้อของเขาไว้

"นายทหารถูกพิษของปิศาจนก เกือบจะกลายเป็นนกจริงๆไปแล้ว ช่วงนี้กำลังหัดบินอยู่ ก็ต้องตกลงมาบ้างเป็นของธรรมดา"
"ฉันนี่นะถูกพิษปิศาจนก ปิศาจนกที่ไหนกัน...แล้ว..." ไชยยันต์หยุดไปนิดนึง "แล้วเมย์ล่ะ ฉันจำได้ว่าได้เจอเมย์แล้วนี่นา
แล้วตอนนี้เธอหายไปไหน ใครใจร้ายทำให้เราต้องพลัดพรากกันอีก"
ไชยยันต์โหวกเหวกโวยวายตามนิสัย เขาผุดลุกขึ้นจะยืน บุญคำรีบกดไหล่เอาไว้ แต่เนื่องจากตัวแกผอมแห้งเล็กนิดเดียวจึง
กดไม่อยู่ถูกเหวี่ยงหงายหลังกระแทกก้นจ้ำเบ้า ไชยยันต์ลุกขึ้นมายืนได้เต็มตัวก็รีบปราดเข้าไปดึงบุญคำขึ้นมา
"ขอโทษๆ บุญคำ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ไม่รู้เป็นไงรู้สึกแข็งแรงมากกว่าเดิมซะอีก"

ตาเฒ่าทำหน้านิ่วคิ้วขมวด แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากค้อนปะหลับปะเหลือก
"ฟื้นขึ้นมาก็กระฉับกระเฉงเลยเรอะ...บุญคำรู้...รู้ว่านายทหารน่ะมีดีเยอะ ม่ายงั้นสาวๆจะตามกันเป็นพรวนอย่างทุกวันนี้เหรอ
แม้กระทั่งนายแหม่มมาเรียก็ยังตัดสินใจทิ้งฝรั่งตัวโตๆมาอยู่กินกับนายทหาร อย่างนี้จะไม่เรียกว่ามีดีได้ไง ฮี่ ฮี่...ต่อหน้าพวกนายๆ
ทั้งหลาย บุญคำก็พูดไปอย่างนั้นเองว่าต้องใช้ยาดองยี่ห้อ "โด่ไม่รู้ล้ม" สักสิบไหก็ยากที่จะทำให้นายทหารฟื้นขึ้นมาปกติเหมือนเดิมได้
จริงๆแล้วบุญคำรู้ว่านายทหารน่ะไม่ได้จอดง่ายๆแค่นี้แน่ ออกทะเลแล้วก็ต้องแล่นใบเรือจนถึงเกาะนั่นแหละนายทหารตัวจริง เพราะ
งั้นตามความเห็นบุญคำ นอกจากช่วยให้นายทหารฟื้นแล้วก็ไม่ต้องหายาดองที่ไหนมาช่วยให้นายทหารหายจากพิษของปิศาจนกหรอก
เพราะคนอย่างนายทหารน่ะมีภูมิต้านทานพิษที่ว่าสูงมาก"

ไชยยันต์ขมวดคิ้ว "บุญคำพูดอะไรน่ะฟังไม่รู้เรื่อง ตอนนี้ฉันรู้สึกปกติดีอย่างที่สุดแล้ว...ว่าแต่พวกเราไปยืนมุงอะไรกันอยู่ที่ตีนเนินนั่น"
เขาพูดพลางขยับตัวจะเดินออกไปดูบ้าง แต่บุญคำกระโดดเข้าคว้าขาไว้ได้ทัน แต่คว้าอะไรไม่คว้าดันไปคว้าขาที่กำลังจะก้าวออกวิ่ง
นั่นทำให้ร่างอันบอบบางของตาเฒ่าถูกเหวี่ยงกระแทกก้อนหินจนจุกแอ้ก
"อ้าว บุญคำ ว้า ทำไมมาพันแข้งพันขาอย่างนี้ล่ะแฮะ...ขอโทษทีฉันไม่ได้ตั้งใจ มา ลุกขึ้นมา ไม่เอาน่าโตแล้วอย่าขี้แย น่าเกลียดพึลึก"

ตาเฒ่ายกหลังมือเช็ดน้ำตา
"ฮือๆๆ นายทหารแกล้งบุญคำ อุตส่าห์ช่วยให้ฟื้นขึ้นมาได้แล้ว"
ไชยยันต์เปลี่ยนใจเดินกลับมานั่งข้างๆบุญคำ ยกมือตบหลังเบาๆเป็นเชิงปลอบโยน
"น่า ไม่เอาน่า เดี๋ยวฉันจะให้เหล้าเป็นค่าทำขวัญก็แล้วกัน"

บุญคำแลบลิ้นเลียริมฝีปากแผล็บหายมารยาทันที หันไปเอาอกเอาใจบีบนวดขาให้นายทหาร
"นายทหารสลบไปหลายวันทีเดียว ไอ้คำนึกว่านายทหารจะแย่ซะแล้ว พวกเราทุกคนก็ต่างเป็นห่วง คอยหาจังหวะซ้ำกันทุกคน"
"แล้วเมียฉันล่ะ ฉันจำได้ว่าเราได้พบกันแล้วนี่นา"
"อ๋อ นายแหม่มมาเรีย...ที่นายทหารเข้าไปกอดน่ะไม่ใช่นายแหม่มมาเรียหรอก นั่นมันเป็นปิศาจนกจำแลงแปลงตัวมา มันได้โอกาสก็เลย
ดูดเลือดนายทหาร จนนายทหารต้องกลายเป็นครึ่งคนครึ่งนก เกือบจะหัดบินสำเร็จแล้ว โชคดีที่บุญคำมาถึงที่นี่และแก้ไขช่วยเหลือ
นายทหารได้ทันเวลาจนหายเป็นปกติ"

ไชยยันต์ยกมือป้องหน้าผากมองย้อนแสงอาทิตย์ไปยังกลุ่มพรรคพวกที่กำลังยืนรวมกลุ่มกันอยู่
"แล้วพวกเราไปยืนทำอะไรกันที่นั่นล่ะบุญคำ มีอะไรน่าสนใจหรือ"
"ฟารั้งมา...รู้สึกว่านายหญิงแสงโสมจะสั่งตรงมาจากนอก มาเป็นบอร์ดี้การ์ดส่วนตัว"
"หา!...ใครกัน...ถ้าฉันจำไม่ผิด นั่นมันเจ้าคี๊ธไม่ใช่หรือ"
"ใช่แล้วนายทหาร...นายหญิงแสงโสมเคยกระซิบบอกบุญคำว่าช่วงนี้ต้องหาบอร์ดี้การ์ดมาคุ้มครอง แต่เห็นนายนั่นจ้องนายรพินทร์ตาเขม็ง
บุญคำว่านายหญิงแสงโสมรับมาเป็นมือปืนซะละมากกว่า เห็นท่านายรพินทร์จะแย่ก็คราวนี้เอง สมน้ำหน้าเจ้าชู้ดีนัก"

ไชยยันต์หัวเราะหึๆ
"บุญคำพูดยังกับแค้นเคืองรพินทร์เป็นนักหนา เหมือนคนอัดอั้นตันใจมานานแล้วยังงั้นแหละ"
"ก็มันจริงนี่นา นายรพินทร์น่ะเจ้าชู้เงียบนะจะบอกให้ แถมยังชอบเจ้าชู้คนเดียวไม่ยอมให้บุญคำเลียนแบบแกอีก เป็นต้องขัดขวางบุญคำ
ในทุกทางไม่ยอมให้บุญคำมีโอกาสมั่ง"
"แสงโสมแค้นใจขนาดนั้นเชียวหรือ..." ไชยยันต์พูดพลางนิ่งคิด

ทั้งสองหันไปมองดูทางด้านกลุ่มของชาวคณะที่กำลังยืนสนทนาอยู่กับคี๊ธ


จาก : ไชยยันต์ อนันตรัย - 16/03/2002 18:32

"ฉันว่าเราเข้าไปดูใกล้ๆกันดีกว่าบุญคำ ระยะขนาดนี้ไม่รู้เรื่องว่าเขาพูดอะไรกัน"
"แต่บุญคำว่าระยะขนาดนี้น่าจะปลอดภัยกว่านะนายทหาร เผื่อเจ้าคี๊ธทำระเบิดหล่นตูมตามขึ้นมา อย่างน้อยเราก็รอด"

"วู้...บุญคำก็กลัวไม่เข้าเรื่อง ไม่มีใครทำอะไรอย่างนั้นหรอกน่า อย่างน้อยๆคี๊ธก็คุ้นเคยกับพวกเรามาเป็นอย่างดีแล้ว...เอางี้ บุญคำเดินเป็นยามอยู่รอบนอกนี่แหละ คอยสังเกตการณ์ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลจะได้ช่วยเหลือกันได้ทันเวลา"

พูดจบไชยยันต์ก็วิ่งเหยาะๆเข้าไปรวมกลุ่มกับพรรคพวก ส่วนบุญคำเลี่ยงไปเดินเตร็ดเตร่สำรวจอยู่รอบๆปางพัก

ทุกคนหันมาเห็นไชยยันต์ฟื้นขึ้นมาก็ร้องทักกันเซ็งแซ่ ไพรวัลย์รีบปราดเข้ามาคว้าแขนเขาไว้
"ป๋า นี่ป๋าฟื้นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไรกัน แล้วรู้สึกเป็นยังไงบ้าง"
"ฉันฟื้นเมื่อสักครู่นี้เอง ตอนนี้ปกติดีอย่างที่สุดแล้ว...แล้วนี่มีเรื่องราวอะไรกันหรือเจ้าไพร"
"เปล่าหรอก เพียงแต่เจ้าคี๊ธจะมาร่วมขบวนเดินทางกับพวกเราด้วย ก็เลยออกมาต้อนรับกัน เดี๋ยวๆ บอกมาก่อนว่าตอนนี้ป๋ายังรู้สึกอยากเป็นนกอยู่หรือเปล่า"
"ฉันรู้สึกอยากกินนกมากกว่าว่ะ"
ไพรวัลย์พยักหน้า "อ้อ ถ้างั้นก็แสดงว่าหายแล้วจริงๆ จะได้โล่งใจ ไม่งั้นเดี๋ยวเผลอๆป๋าแอบปีนต้นไม้ขึ้นไปบินอีกจะยุ่ง"
"แกไม่ต้องทำมาเป็นห่วงฉันหรอกเจ้าไพร ว่าแต่ว่าทำไมเจ้าคี๊ธไม่ยอมเข้ามาในนี้ล่ะ ไปยืนกางขาจังก้าอยู่ที่กลางลานอยู่นั่น"

ทั้งสองหันไปดูคี๊ธซึ่งยังคงยืนมาดเท่ห์ ถือปืนติดเครื่องยิงลูกระเบิดยกขึ้นชูขึ้นฟ้า แล้วชี้หน้ามาที่รพินทร์ ก่อนจะคำรามเสียงก้องซ้ำๆกันว่า
"บัสเติร์ด! ยูดาย!"
เสียงวี้ดว้ายกระตู้วู้ดังขึ้นเมื่ออยู่ไม่อยู่คี๊ธก็หันปากกระบอกปืนมาทางรพินทร์ นั่นหมายความว่าหากเกิดพลาดพลั้งปืนลั่นขึ้นมา ทั้งกลุ่มจะต้องพลอยเละไปด้วย แสงโสมรีบยกมือห้ามแล้ววิ่งออกไปที่คี๊ธ กระซิบกระซาบกันอยู่ 2-3 ประโยค คี๊ธก็ลดปืนลงแล้วเปลี่ยนสีหน้าจากดุเดือดแบบแรมโบ้มาเป็นยิ้มแย้มแบบทอมครู๊ซอย่างทันควัน แล้วเดินตามแสงโสมเข้ามารวมกลุ่ม


"บอร์ดี้การ์ดประจำตัวแม่เจ้าประคุณเขาละ" อนุชากล่าวพลางบุ้ยหน้าไปทางคี๊ธซึ่งนั่งร่วมวงสนทนาอยู่กับแสงโสม ดาริน และเมยานี หลังจากที่ทุกคนได้ต้อนรับการมาของอเมริกันร่างยักษ์ผู้นั้นและได้แยกย้ายกันนั่งพักผ่อนตามอัธยาศัย
คุณชายกลางแห่งตระกูลวราฤทธิ์นั่งดื่มกาแฟสนทนาอยู่กับไพรวัลย์และไชยยันต์ที่ริมด้านหนึ่งของที่พัก ส่วนรพินทร์ไม่เข้ามารวมกลุ่มตามเคย จอมพรานออกไปสำรวจรอบๆที่พักตามปกติวิสัยโดยสั่งกำชับให้พรานพื้นเมืองของเขาคอยดูแลความปลอดภัยของคณะนายจ้างอยู่รอบๆที่พัก ส่วนเจ้ากะเหรี่ยงโฉมงามแงซายนั้นไม่มีใครรู้ว่าหายไปไหน แต่ไม่มีใครใส่ใจเพราะถือเป็นเรื่องปกติ

"แกคิดอย่างฉันไหมไชยยันต์...ฉันว่าแม่แสงโสมไม่ได้ตั้งใจให้เจ้าคี๊ธมาเป็นบอร์ดี้การ์ดอะไรหรอก เดินป่ามาตั้งนาน เจอะภัยอันตรายมาก็ตั้งหลายรูปแบบ ฉันไม่คิดว่าแสงโสมจะเพิ่งมานึกกลัวจนต้องหาบอร์ดี้การ์ดมาคุ้มกันในตอนนี้"
อนุชาพูดแล้วยกกาแฟขึ้นดื่ม ไชยยันต์หยิบฟืนโยนเข้ากองไฟซึ่งมีหม้อกาแฟต้มเดือดอยู่
"ฉันก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน ไม่ใครก็ใครในกลุ่มเราต้องตกเป็นเป้าหมายการทำลายล้างอย่างไม่ต้องสงสัย"
"ป๋ากำลังหมายถึงอากลางน่ะเหรอ" เสียงไพรวัลย์แทรกมา
อนุชาสำลักกาแฟพรวด หันไปยกเท้าทำท่าจะถีบหลานชายสุดที่รัก
"เดี๋ยวฉันก็ถีบเข้าให้เท่านั้น เจ้าไพร ขอร้องละ แกจะคิดอะไรที่ห่างๆตัวฉันหน่อยไม่ได้หรือวะ"
"อ๊าว..." ไพรวัลย์ทำหน้าแบบว่าช่วยไม่ได้ "ก็อากลางมักจะตกเป็นเป้าหมายให้คนรุมยำเป็นประจำ ผมก็ต้องสงสัยไว้ก่อน"

ไชยยันต์หันไปมองทางด้านจอมพราน
"แต่ฉันคิดว่าคนที่น่าจะเป็นเป้าหมายที่สุดน่าจะไม่พ้นรพินทร์"
"แกคิดเหมือนฉันเปี๊ยบเลย...รพินทร์เจ้าชู้มาตั้งแต่สมัยไหนๆ คาดว่าน่าจะถึงเวลาชดใช้กรรมก็คราวนี้ละวะ"
อดีตนายทหารปืนใหญ่หันมาทางอนุชา
"แกคิดว่าแสงโสมจะเอาจริงยังงั้นเหรอ"
อนุชายักไหล่ "ใครจะไปรู้ได้ ก็สุดแล้วแต่เวรแต่กรรม"

จาก : ไชยยันต์ อนันตรัย - 17/03/2002 10:42

ไชยยันต์ถอนหายใจเบาๆ แหงนหน้าดูยอดไม้สูงอันรกครึ้ม แสงแดดยามสายส่องลอดเข้ามาเป็นระยะๆ
"ป่านนี้เมย์จะเป็นยังไงบ้าง"
อนุชาตบไหล่เพื่อนสนิทเป็นเชิงปลอบใจ
"ฉันว่าเมย์ต้องปลอดภัยน่า แกอย่าเพิ่งเป็นกังวลไปเลย ในไม่ช้าพวกเราจะต้องตามตัวเธอพบจนได้ ขนาดฉันที่ไปติดคุกมรกตนครในแดนสนธยาอยู่ตั้งนาน พวกแกยังตามไปช่วยจนได้นี่หว่า นับประสาอะไรกับเมย์ ฉันว่าเธออาจจะยังอยู่ในบริเวณดงสนบนยอดเขาลูกนี้ก็ได้"

ไชยยันต์ผุดลุกขึ้นยืน
"ถ้างั้นฉันต้องรีบไปตามหา เรายังมีหวังจะได้พบ"
อนุชากับไพรวัลย์รีบลุกขึ้นช่วยกันยื้อยุดตัวไว้ ไชยยันต์ดิ้นรนฮึดฮัดจะไปให้ได้
"เดี๋ยวๆๆๆ ฟังก่อนเว้ยไชยยันต์ แกอย่าวู่วามเกินไป อย่าลืมสิว่าปิศาจนกน่ะมันร้ายกาจขนาดไหน แกเองยังเคยพลาดพลั้งจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดมาแล้ว"
"แต่ฉันเป็นห่วงเมย์..."
"เออ อันนั้นฉันรู้ และทุกคนก็เป็นห่วงเมย์ไม่น้อยไปกว่าแกกันทั้งนั้น...แต่แกต้องจำไว้อย่างนึงว่าความวู่วามไม่เคยให้คุณประโยชน์กับใคร พวกเราต้องวางแผนกันให้รอบคอบรัดกุมกันซะก่อน ไม่เช่นนั้นก็เท่ากับว่าเดินเข้าไปในกับดักของมัน...ฉันเคยคิดแต่จะวางกับดักจับนก ไม่คิดเหมือนกันว่าตอนนี้พวกเราต้องมาเผชิญกับนกที่มันจะวางกับดักจับเรา"

"นี่หมายความว่าเป้าหมายของพวกเราก็คือตามหาเมย์ยังงั้นหรือ" ไชยยันต์กล่าวเลื่อนลอยด้วยสายตาที่เหม่อมองไปยังยอดเขาเบื้องหน้า
"ใช่แล้ว...อย่าลืมว่าศัตรูของเราคราวนี้ไม่ใช่กระจอก แต่มันคือเหยี่ยว และที่สำคัญเป็นปิศาจนกเหยี่ยวซะด้วย ปกติเหยี่ยวก็เป็นนักล่าอยู่แล้ว ยิ่งมันเป็นปิศาจตัวมหึมา แถมฉลาดเป็นกรด ฉันว่าเรากำลังเผชิญกับมหันตภัยที่ร้ายแรงไม่แพ้ไดโนเสาร์เมื่อภาคแรกเสียแล้ว"
"แกกำลังจะบอกกับฉันว่า เราอาจจะต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะได้เจอเมย์ยังงั้นหรือ"
อนุชาส่ายหน้า "สวรรค์เท่านั้นที่จะบอกได้...ฉันว่าแกอย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ดีกว่าไชยยันต์ ไม่ช้าก็เร็วเราต้องตามเมย์เจอจนได้นั่นแหละน่า เชื่อมือคณะเราเถอะ"
"ช่วงนี้หม่ามี้ไม่อยู่ ป๋าก็เลยฟรีเดย์เลยน่ะสิ" เสียงไพรวัลย์กล่าวขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
ไชยยันต์หันถลึงตา "อย่าเอะอะไปเจ้าไพร...ง่า ฉันหมายถึงว่า แกอย่าเสียงดัง ปิศาจนกมันอาจจะซุ่มอยู่แถวๆนี้ก็ได้"

ไชยยันต์ยังกล่าวไม่ทันจบประโยคก็มีเสียงใครตะโกนโหวกเหวกดังมาจากราวป่าด้านหนึ่ง

"นาย...แย่แล้ว มาช่วยกันหน่อยเร้ว"

จาก : ไชยยันต์ อนันตรัย - 17/03/2002 10:43

เป็นเสียงของบุญคำ ทุกคนต่างลุกพรวดขึ้นมาพร้อมกันหมด แล้วคว้าปืนวิ่งกรูกันไปทางด้านที่บุญคำร้องเรียก

ภาพที่ทุกคนเห็นคือ บุญคำ เกิดและจันกำลังช่วยกันดึงร่างของเส่ยออกมาจากการทับของอะไรบางอย่าง รูปร่างลักษณะของมันคล้ายคลึงกับนกเหยี่ยว แต่ทว่ามีขนาดสัดส่วนตัวที่ใหญ่โตกว่ากันมากหลายสิบเท่า

"เกิดอะไรกันขึ้น บุญคำ" เสียงรพินทร์กล่าวถามเร็วปรื๋อ
"นกยักษ์ นาย...สารรูปมันเหมือนกับนกเหยี่ยว แต่ว่าทำไมตัวใหญ่ขนาดนี้ก็ไม่รู้ อยู่ๆมันก็ร่วงลงมาจากฟ้า ทับไอ้เส่ยแบนไปแล้วมั้ง"

ทุกคนกรูกันเข้าไปช่วยเส่ย ต่างช่วยกันดึงร่างของเจ้าเด็กหนุ่มพรานพื้นเมืองซึ่งคงจะหมดสติไปจากการหล่นลงมาทับของนกขนาดยักษ์ตัวนั้น แล้วช่วยกันอุ้มร่างออกมาช่วยกันปฐมพยาบาลโดยมีดารินเข้าไปดูแลอาการอย่างใกล้ชิด ส่วนทางด้านนกยักษ์พวกพรานพื้นเมืองช่วยกันลากออกมาที่กลางลาน

"มันร่วงลงมาได้ยังไง ไหน จันตรวจดูซิ มีบาดแผลอะไรหรือเปล่า"
จันลงนั่งยองๆ ตรวจดูตามร่างของเจ้านกเคราะห์ร้ายตัวนั้นอย่างละเอียดก่อนจะรายงาน
"ไม่มีรอยกระสุนเลยนาย เอ๊ะ แต่ว่ามีรอยเหมือนรอยจิกอยู่นี่"
รพินทร์นั่งลงพิจารณารอยเหมือนรอยนกจิกที่ลำตัวของนกยักษ์ตัวนั้น บุญคำหันมามองหน้าจอมพราน
"นาย...นายคิดอย่างบุญคำไหม..."
พรานใหญ่หันมาสบตากับสมุนคู่ใจมือขวา แต่ก็ไม่กล่าวอะไร หันไปร้องสั่งให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องกลับที่พัก แล้วสั่งให้พรานพื้นเมืองลากนกประหลาดตัวนี้กลับที่พักด้วย

บุญคำยังคงตามมากระซิบ "นาย...บุญคำรู้ว่านายก็คิดเหมือนบุญคำ...เจ้านกเหยี่ยวนี่อยู่ๆมันจะร่วงลงมาทับเจ้าเส่ยได้ยังไงถ้าไม่มีเหตุผิดปกติวิสัย"
"แล้วบุญคำคิดว่ายังไง"
"บุญคำว่ามันต้องโดนนกที่ใหญ่กว่าไล่จิกมาแน่ เจ้าตัวนี้ก็ขนาดไม่ได้เล็กๆเลย ปกติเหยี่ยวก็เป็นนกนักล่าอยู่แล้ว นี่ยังมีนักล่าที่เหนือกว่ามันอีกหรือ หรือว่า..."

"เฮ้ย!..." เสียงอุทานดังมาจากกลุ่มพรานพื้นเมืองที่ลากนกยักษ์มา
รพินทร์กับบุญคำหันขวับกลับไปดู ณ เวลานั้น เกิดกับจันก็ได้กลิ้งโค่โร่เหมือนถูกแรงเหวี่ยงมหาศาลเหวี่ยงกระเด็นไปคนละทิศละทาง นกยักษ์ที่ดูเหมือนตายไปแล้วตัวนั้นกลับกระพือปีกขึ้นมาได้อย่างปัจจุบันทันด่วน แถมยังส่งเสียงแกร๊กลั่นจนแสบแก้วหู นัยน์ตาสีแดงคมวาวของมันจับจ้องอยู่ที่จอมพราน และก่อนที่ใครจะทันได้คิดทำอะไร เหยี่ยวยักษ์ตัวนั้นก็กระพือปีกพึ่บพั่บบินขึ้น ลมหมุนที่เกิดจากพละกำลังมหาศาลกับปีกอันใหญ่โตทำให้ชาวคณะต่างกระเด็นไปคนละทิศละทาง

"หลบเข้าที่กำบังเร็ว" เสียงรพินทร์ตะโกนออกคำสั่งอย่างรวดเร็ว

ช้าไปแล้ว นกยักษ์โฉบลงมาที่กลุ่มสุภาพสตรีหลายนางที่ยืนจับกลุ่มออกันอยู่อย่างตะลึงลาน ก่อนที่ใครจะทันได้ลั่นกระสุนปืนขึ้นมันก็ได้โฉบเอาร่างของแสงโสมไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับกระพือปีกส่งลมพายุขนาดลมบ้าหมูซัดเอากลุ่มคนที่อยู่บริเวณนั้นกลิ้งโค่โร่กันระเนระนาด เสียงรพินทร์ตะโกนลั่นห้ามไม่ให้ทุกคนยิงปืน เนื่องจากอาจพลาดพลั้งไปถูกแสงโสมเข้าได้ เหยี่ยวยักษ์กระพือปีกขึ้นสูงแต่แล้วก็หล่นฮวบลงมา มันกระพือปีกขึ้นไปอีก ไปได้ไม่กี่สิบเมตรก็ทำท่าจะถลาลงมาเหมือนจะหิ้วน้ำหนักไม่อยู่ มันพยายามหิ้วแสงโสมขึ้นๆลงๆลัดเลาะไปตามสุมทุมพุ่มไม้ก่อนจะใช้ความพยายามเฮือกสุดท้าย ขึ้นไปเหนือยอดไม้ และติดลมบนพาเธอลอยไปไกลแสนไกล แลเห็นเป็นเพียงจุดเล็กๆจากสายตาของทุกคนที่ตะลึงลานมองกันอยู่ในขณะนี้

จาก : ไชยยันต์ อนันตรัย - 17/03/2002 10:43

เฮ้..เฮ้..เอาคนอื่นไปแทนไม่ได้เหรอ
ไอยังไม่ได้กุ๊กกิ๊กกันเลย.....
โอ ! major อนันตรัย...ยูฟื้นมาก็หาเรื่องให้ไอเหนื่อยเลยนะ..


จาก : คี๊ธ - 17/03/2002 12:34

รพินทร์เดินเข้ามาตบไหล่หนาปานแร่ดสองนอของอเมริกันร่างยักษ์ "เฮ้ โคโลเนล คีธ ยูมี เฮลิค้อปเตอร์ไม่ใช่เหรอ
ว.เรียกมาหน่อยเด่ะ เราจะไปล่านกยักษ์กัน
ประเดี๋ยวนายจ้างยูถูกนกยักษ์ เขมือบแล้วไม่มีใครจ่ายเงินนะเฟ้ย..."

ไชยยันต์ยืนดูเหตุการณ์ต่าง ๆอยู่อย่างสงบ ความจริงที่ไม่มีใครรู้ก็คือว่า ไชยยันต์ยังไม่หายจากการเป็นนกผี เขาได้กลายเป็นพวกมันไปแล้ว การที่เจ้านกตัวนั้นมันโฉบแสงโสมไป ก็เพราะเขาได้สั่งการมันทางโทรจิตนั่นเอง เพื่อไม่ให้คีธได้แอ้มแสงโสมที่เขาหมายปองมานาน ทั้ง ๆที่แม่ม่ายพันล้านนั้นมีใจให้รพินทร์คนเดียว....


จาก : รพินทร์ ไพรวัลย์ - 17/03/2002 13:15

( เอิ๊กๆ...

ผมคิดไว้แล้วว่าคราวนี้นายทหารต้องหาเวลาว่างมาแบบยาวๆ จนได้สิน่า หึหึ
ผู้กองก็ช่างรู้ใจนายทหารเหมือนผมเลย แล้วคราวนี้เอาไงกันดีล่ะครับ ส่งสัยต้องการ ฮ. มากกว่าหนึ่ง และอาวุธอีกไม่น้อยเลยนะเนี่ย)

........................................................................................
จอมพเนจรมองดูนกยักษ์ที่บินไปบนฟ้า ค่อยๆ ลดขนาดในสายตาจากใหญ่กว่าคนลงไปเท่าปลายเข็มจนกลืนหายไปกับแสงทองที่ขอบเขา ค่อยๆ ลดไรเฟิลลงอย่างเสียดาย
การเคลื่อนไหวของนกวูบวาบเกินไป อันตรายที่จะลั่นไก อย่างไรเสียเขาหวังว่าคุณแสงโสมคงจะปลอดภัย
รีบกวาดสายตามองหาทั้งเมยานีและคุณหญิงดารินที่ถูกลมปีกพายุปัดล้มกันไปคนละทาง พลางวิ่งเหยาะๆ เข้าไปช่วยเหลือ ทั้งสองคนดูท่าจะไม่เป็นอะไรมาก แต่ความแน่ใจนั่นก็ต้องในนายหญิงเป็นผู้ตัดสิน ซึ่งหลังจากตรวจสอบตนเองว่าไม่เป็นไรแล้วก็กำลังจะถามเมยานีว่าเป็นอะไรบ้างไหม แต่แล้วดารินจู่ๆ ก็มีอาการผิดปรกติไป
ร่างงามซวดเซลงราวกับมืดหน้าขึ้นมากระทันหันวูบหนึ่ง
แงซายกับเมยานีที่อยู่ใกล้ๆ จึงช่วยประคองไว้


จาก : แงซาย - 17/03/2002 14:48

“นายหญิงเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
หม่อมราชวงศ์สาวลงนั่งบนก้อนหินพักสักครู่ก็ค่อยมีสีหน้าดีขึ้น
“ไม่เป็นไรหรอกแงซาย ขอบใจเธอมากนะ...”
หากยังไม่ทันจะพูดจบสายตาของดารินก็เผอิญไปหยุดอยู่ที่เพื่อนหนุ่มซึ่งยังยืนตะลึงลานมองดูฟ้าที่ว่างเปล่าอยู่อย่างนั้น เสียงรำพึงเบาๆ ราวจะสับสนระหว่างมโนภาพกับความจริงหลุดจากริมฝีปากบาง
“ไชยยันต์...”
“อะไรหรือครับนายหญิง”
ขณะนั้นจอมพรานเพิ่งเดินเข้ามาหาอย่างเป็นห่วงทักขึ้น
“คุณหญิงไม่เป็นไรใช่ไหมครับ”
ด้วยหน้าตากระด้างดังหินผาไม่เปลี่ยนแปลง แต่ว่าดวงตามีแววห่วงใยมากมายจนจาระไนไม่หมด
ผู้พันคีธหายตกตะลึงกับคำขอใช้ ฮ. อย่างขู่แกมบังคับหันมองตามพรานใหญ่มาตาวาว
แต่ดารินเท่านั้นที่ยังคงมองดูไชยยันต์อย่างแคลงใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ รพินทร์ น้อย ...เอ่อ น้อย....”


จาก : แงซาย - 17/03/2002 14:57

"นายหญิง เห็นอะไรงั้นหรือครับ"
แงซายถามเบาๆ ขณะที่ไชยยันต์หันขวับมาร้องถามคีธขัดขึ้นเสียงดัง
"ตกลงเราจะใช้เฮลิคอปเตอร์ตามไปใช่ไหม จะเรียกมาได้เดี๋ยวนี้เลยมั้ย"
โคโลเนล คีธ หันกลับไปอย่างเสียจังหวะเล็กน้อย แล้วก็แทบผงะเพราะว่าร่างของไชยยันต์ที่ห่างไปหลายวาเมื่อครู่มาปรากฏที่ข้างหลังเขาเพียงวินาทีเดียวได้ไง เร็วยังกับหายตัวมาแน่ะ
"เอ่อ ไอ ไอขอไอคิดก่อนนะ"
แล้วเขาก็กระแอมขึ้นเรียกสติตัวเองสองสามที เพราะรู้สึกว่าสองสามวันมานี้สถานการณ์รอบตัวเปลี่ยนแปลงไปเร็วเหลือเกิน นับแต่เขาตัดสินใจตกกระได พลอยกระโจนเฮลิคอปเตอร์ออกมาในฐานะบอดี้การ์ดของม่ายสาวสวยแสงโสม

จาก : แงซาย - 17/03/2002 15:10

…………….เลดี้ แอนด์ เยนตะละแมน ก่อนอื่นไอต้องขอแก้ข่าว……………
จำได้ว่าไอมาแบบพระเอก แล้วทำไมพอมาดูตอนต่อมา..
มันเหมือนกับว่าไอมีอาการของโรคกลัวน้ำฟะ…
ขอย้อนกลับไปยังฉากที่ไอมา…ให้ท่านผู้ชมได้ดูก่อนนะ….

………………..ย้อนกลับ……………………………
ฉับพลันทุกคนยกเว้นนายทหารปืนใหญ่ก็ต้องลุกขึ้นด้วยความแตกตื่น เมื่อมีเสียงครืนๆแว่วเข้ามาพร้อมด้วยลมพัดอู้จนป่าแตกโผงผาง
“เฮ้ย ! เกิดอะไรขึ้น” อนุชาตะโกนขึ้นดังๆ
ทุกคนละล้าละลังกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน ขณะจะค้นหาที่มาของพายุนั้น ก็พลันปรากฏเงาทะมึนทาบทับขอบฟ้ามาจากทางด้านเหนือของลำห้วย
สุภาพบุรุษไพรหรี่ตาพินิจเงาดำนั้น แต่เมื่อหันได้ชัดก็อุทานอย่างแปลกใจ เพราะนั่นกลับไม่ใช่ปีศาจนกบินมาแผลงฤทธิ์ดั่งเมื่อกลางวันที่ผ่านมา
ไม่ทราบว่าทุกสายตาที่เฝ้ามองเห็นเหตุการณ์ในขณะนั้นจะเห็นเหมือนกันหรือไม่
แต่ที่รพินทร์เห็นคือเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงขนาดยักษ์ของกองทัพอเมริกันกำลังบินนิ่งอยู่บนอากาศ เหนือศรีษะของคณะเดินทาง
กำลังจะตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไรดี ก็เห็นร่างหนึ่งกำลังโรยตัวลงมาจากนกเหล็กปีกหมุนเครื่องนั้น
(ซาวด์ในตอนนี้คือเพลงประกอบภาพยนต์เรื่อง Black Hawk Down…)
“คี๊ธ !!!”
ทุกคนอุทานออกมาดังลั่นเมื่อเห็นร่างนั้นชัดเจน เมื่อปลดเชือกที่โรยตัวลงมาได้แล้วก็ทำสัญญานโบกให้นกยักษ์ลำนั้นบินกลับไป
นายทหารอเมริกันร่างยักษ์หล่อ ล่ำ บึก ถูกใจบางคนยืนกางขาเท้าสะเอวอยู่กลางลาน

……………………เห็นไหมว่าไอมาแบบพระเอก ฮ่า ฮ่า…………………………

เข้าเรื่องต่อ..........
สถานการณ์ร้ายเกิดขึ้นกับคณะเดินทางอีกแล้ว…ถึงแม้จะหมั่นใส้เพียงไหนแต่ทุกคนก็มีความห่วงใยในตัวของแสงโสมที่ถูกปีศาจนกจับไป โดยเฉพาะเคอเนลคี๊ธในตามีแววเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด
พันเอกหนุ่มสุดหล่อหุ่นดี..ที่กำลังลุ้นยศพลตรีจากสงครามอัฟกาฯ..เข้ามาร่วมวงปรึกษากับทุกคน
พลางเรียกเกิดและเส่ยไปหิ้วหีบใบใหญ่ที่ถูกโยนลงมาจากเครื่องบินมายังวงสนทนา
เมื่อหีบมาถึงและถูกเปิดออก คณะเดินทางก็พากันชะโงกดูพลางอุทานอย่างยินดี
“แอปเปิ้ลชั้นดีจากอเมริกา ผมนำมาฝากทุกคนครับ”
คี๊ธบอกพลางพยักหน้าเชิญชวนและหยิบส่งในบุคคลในคณะ
รพินทร์ทำปากขมุบขมิบด่าเพราะล่อลูกตาขบไปจนอิ่มแปร้
คี๊ธเอื้อมมืออันใหญ่โตมาตบขาทักทายนายทหารปืนใหญ่ด้วยความเป็นห่วง
“ฮัลโล…เมเจอร์อนันตรัย..ผมดูข่าวทาง CNN แล้วเป็นห่วงคุณมากเลยนะ..ถึงแม้เราจะเจอกันแค่ระยะเวลาอันสั้นแต่ผมก็รู้สึกว่าคุณเป็นเพื่อนคนหนึ่งของผม…ดีใจจริงๆที่เห็นคุณฟื้นแล้ว”
แล้วว่าที่นายพลมาดเท่ห์ก็ตะแคงร่างเข้าไปกระซิบกับนายทหารปืนใหญ่
“ผมมีของดีมาฝาก…..คุณเป็นนายทหารปืนใหญ่ชีวิตต้องผูกพันกับปืน..คุณฟื้นตัวใหม่ๆแบบนี้ผมไม่แน่ใจว่าปืนใหญ่ของคุณมันจะใช้การได้ไหม…ถึงคุณจะยืนยันว่าได้..แต่จะรู้ได้อย่างไรในเมื่อยังไม่ได้ทดลองใช้….”
คี๊ธหยิบขวดเล็กๆในกระเป๋ากางเกงออกมา ส่งให้ไชยยันต์
“เอ้า ! นี่ไงยาไวอะกร้า…รับรองได้ผลร้อยเปอร์เซ็น”
....................................
นายทหารที่หล่อที่สุดในกองทัพสหรัฐฯหันไปทางพรานใหญ่บ้าง….
“ไม่ว่าไอนะที่ไอด่ายูไปเมื่อกี้รพินทร์ ไอโมโหที่ยูกินลูกตาขบที่จะเอามาล่อปีศาจนกเสียหมด”
นายพรานยักไหล่ จุดบุหรี่สูบแล้วหรี่ตามองดูคี๊ธอย่างพินิจ
“ไม่เป็นไรหว่ะ..ฉันมันคนป่าคนดอย ฟังภาษาฝรั่งไม่ออกหรอก ว่าแต่แกมาทำไม หือ ?”
“ไอเสร็จจากสงครามที่อัฟกาฯก็เลยแวะมาเยี่ยม..ได้ข่าวว่าอยู่นี่กันเลยให้ฮอฯมาส่งที่นี่ ว่าแต่ว่า…”
คี๊ธถูมือไปมาเค้าหน้ามีแววกังวลอึดอัด
“เมื่อกี้ฮอฯมันโยนมาแต่หีบลูกแอปเปิ้ล ไอไม่มีอาวุธติดตัวมาเลย ไอเห็นปีศาจนกแล้วน่ากลัวมาก ยูมีลูกระเบิดแบบน้อยหน่าให้ไอสักสองสามลูกไหม”
จอมพรานนิ่งมองคี๊ธที่หล่อขึ้นผิดตาอย่างเคร่งขรึม พยายามใช้ความคิดค้นหาสาเหตุ
เขารู้สึกอึดอัดใจอย่างบอกไม่ถูก สัญชาตญาณบอกว่าต้องมีอะไรสักอย่างแน่ๆคี๊ธถึงมาที่นี่
…สักครู่ก็พยักหน้า…
“ได้ ! เดี๋ยวจะให้สามลูก แล้วจะเอาอะไรอีก”
คี๊ธเอามือวาดปาก เอียงคอมองไปทางบุญคำ
“ขอผ้าขาวม้าสีแดงของบุญคำนั่นด้วยได้ไหม “
ทุกคนไม่เว้นแต่อนุชา ไชยยันต์ หรือ แงซาย รู้สึกฉงนในคำขอแปลกๆ
“ได้ !! ” จอมพรานรับปากพลางบอกบุญคำให้ปลดผ้าขาวม้าส่งให้คี๊ธ
เฒ่าสัปโดกบ่นอุบแต่ก็ส่งให้โดยดี
“มีอะไรอีกไหม ? “ รพินทร์ถามมาอีก
ข้อสุดท้าย คี๊ธบอกอย่างจริงจัง….
“ อยากรู้ว่า Ruki อายุ 12 ขวบ จริงหรือ และคุณแสงโสมเป็นใครในถนนนักเขียน “
เห็นมันขอแต่ละอย่างแล้วรพินทร์ต้องคิดหนัก บา…มันจะมาไม้ไหนกัน…
….ช่างเถอะ !!! ตอนนี้ต้องหาวิธีช่วยแสงโสมกันก่อน……
แต่…ก็น่าคิดนะ Ruki อายุ 12 จรึงรึเปล่าหว่า..วุ้ยยย..ปวดหัว…


จาก : สุภาพบุรุษสุดหล่อที่ชื่อ ..คี๊ธ.. - 17/03/2002 16:37

ถามคุณวัยฉะกันสิ เราส่งรูปไปให้เค้าดูแล้วล่ะ หึหึหึ ไปเล้ย บลูอายส์ เบิร์ทสตรีม
ป.ล.โทษทีกำลังบ้าอยู่กับยูกิเล่มใหม่

จาก : Ruki - 17/03/2002 16:39

โอ ! คอมพิวเตอร์รุ่น 486 อันล้ำยุคของเพนตากอนที่ไอใช้อยู่ถูกอาถรรพณ์เสียแล้ว
ไอเห็นมันขึ้นเลขความเห็นแค่ 4 เหมือนเดิมนึกว่ายังไม่มีใครมาต่อ
แปะไปปุ๊บ...ปรากฏว่าโผล่อันใหม่มาเพียบ
ยังดีที่อ่านดูแล้วยังพอกล้อมแกล้มต่อกันไปได้..เพราะยังไม่ไปถึงไหน
เอาเป็นว่าไอให้ยาไวอะกร้ากับปีศาจไปหรือนี่..เสียดายจัง..
นายพราน..นายบอกมา
1. มิสซิสแสงโสมเป็นใครในถนนฯ
2.Ruki อายุเท่าไหร่
แล้วไอจะเรียกเฮลิคอปเตอร์มาให้..ฮี่..อี่..ฮี่..

จาก : สุภาพบุรุษสุดหล่อที่ชื่อ ..คี๊ธ.. - 17/03/2002 16:50

นู๋อายุ12ไงจะให้สาบาญต่ออะไรมั๊ยบอกมาเลย เฮอะ
เดี๋ยวลองเล่นเป็นตัวฉันเองอีกคนดีกว่า หึหึหึ

จาก : Ruki - 17/03/2002 19:44

เอาเด่ะ...
ถ้า 12 ขวบจริง เล่นเป็นลูกป๋าก็ได้...

จาก : คี๊ธ - 18/03/2002 16:10

แสงโสมเป็นใครในถนนนักเขียน
ม่ายบอกเฟ้ย.....
เรื่องนี้เป็นความลับระหว่างคุณแสงโสมกับรพินทร์ ไพรวัลย์เท่านั้น
หากให้พูดใหม่ ง่ายกว่าเดิมคือ รพินทร์ ไพรวัลย์ไม่รู้ง่ะ เพราะมันเป็นความลับระหว่างแสงโสมกับรพินทร์ ในขณะที่คนอื่นเขารู้กันหมดแล้ว (เพราะมันไม่เป็นความลับกับคนอื่นอ่ะเด่ะ)....

อันเดอร์สะแต๊นท์ มิสเตอร์ เคอเนล

ิอีกข้อ ก็Rukiบอกว่าอายุ 12 แล้วไง ตอบแล้วทั้งสองข้อ ดังนั้นเรียก ฮ. มาเสียดี ๆ เด๋วให้บุญคำเสกหนังควาย 12 ตัวเข้าท้องเลยพับผ่า




จาก : รพินทร์ ไพรวัลย์ - 19/03/2002 15:03

………………………………………………………………
…ถึงม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร ไม่สิ้นสุดความรักสมัครสมาน…
……………………..
คุณยังจำคำนี้ได้ไหมคะรพินทร์…ส่วนน้อยนั้นยังจำได้ทุกลมหายใจ
คุณเป็นคนเอ่ยคำนี้ออกมาเองต่อหน้าพี่ใหญ่ พี่กลาง และไชยยันต์ ที่มรกตนคร
พี่กลางกับไชยยันต์ยังพูดเล่นกับคุณไว้ว่าให้จำคำนี้ให้ดี ถ้าลืมจะถูกรุมเหยียบถึงสามเท้า
.........................................
คุณรู้นี่นายพราน ! ว่าน้อยใจกว้างและมีเหตุผลพอ
แต่ที่คุณห่วงแสงโสมมากมายขนาดนี้เป็นเพราะเหตุใด..มันชวนให้ฉงนใจ..
ตอนที่ไชยยันต์และแงซายมาต่อเรื่อง ....ทุกคนเข้าข้างคุณ
ชี้ให้เห็นว่าคุณไม่ได้สนใจเธอ ....
แงซายเข้าข้างพี่ชาย ถึงกับอธิบายให้ดูว่า..สายตาคุณนั้นห่วงใยแต่พี่สาวของเขาเพียงไหน
แต่ตอนที่คุณแต่งเรื่องสิ….มันแสดงให้เห็นชัดเจนว่าคุณเป็นห่วงแต่ ”ผู้หญิงคนนั้น”
คุณบีบบังคับผู้การคี๊ธตลอดเวลา … ข่มขู่โดยจะให้บุญคำเสกหนังควายเข้าท้อง…….
หรือแม้แต่กระทั่งใช้เล่ห์เหลี่ยมในวาจาเพื่อเอาชนะในการตอบปัญหาที่คี๊ธถาม
แล้วที่สุดก็หลุดคำพูดออกมาเอง ว่ามีลับลมคมในกับเธอ……
………………………
ตอบมาดีๆนะนายพราน…..ม่ายงั้นหมวกคุณอาจจะมีรูเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งรู..


จาก : ดาริน (สัตยา) วราฤทธิ์ - 20/03/2002 05:13

รพินทร์ขา ไม่ต้องเสียดายหมวกค่ะ
คุณท้าคุณหญิงให้เพิ่มอีกหลาย ๆ รูก็ได้ แต่ให้วิถีกระสุนกินต่ำลงมาอีกหน่อยนึง จะได้โพสิชั่นที่สวยมาก
แล้วแสงจะซื้อให้ใหม่อีก 20 ใบเลยนะจ๊ะ


จาก : ผู้หญิงคนนั้น - 20/03/2002 10:10

ว้าคุณหญิงก็
อยากรู้ว่ามีอะไรกันก็ไปอ่านอลเวงภาคเก่า ๆ ดูซิจ๊ะ
วิ่งกันตับแลบตลอดเรื่อง จะมีอะไรกันทันที่ไหน
คุณหญิงไม่ค่อยอยู่ ไปเที่ยวยุโรปมั่ง ขั้วโลกเหนือมั่ง
มาถึงจะมาหาเรื่องผมได้ไงอ่ะ
คุณแสงโสมเขาเป็นแควนสวีทกับคุณชายกลางโน่นแน่ะ
ผมเพียงแต่อธิบายกับตาคีธว่าเขาไม่สนใจใคร
เขาฝังใจผมก็เท่านั้นเอง
ผู้หญิงนี่น้า ยุ่งเจงเจงพับผ่าเถอะ เอะอะอะไรก็จะยิงจะยิง
มิน่าโบราณเขาถึงว่า ผู้หญิงยิงเรือ
ที่บอกว่าเป็นความลับระหว่างผมกับแสงโสมก็เพราะว่าผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยน่ะจิ ถ้าผมรู้เรื่องเขาหมดเหมือนรู้เรื่องคุณหญิง ค่อยน่าสงสัยผมหน่อย ใช่ไหมล่ะจ๊ะ ยอดดวงใจของรพินทร์
ไม่เอาน่าอย่าทำหน้างอ นะนะ แต่ช้าแต่.....
เดี๋ยวซื้อลูกอมให้กิน

จาก : รพินทร์ ไพรวัลย์ - 20/03/2002 12:21

…………………………………….
โฮะ..โฮะ..โฮะ..
เป็นไงล่ะนายพรานใหญ่… ไหลไปได้เรื่อยๆเลยนะ
..ไอรู้ว่ายูตอบไอไม่ได้สักข้อหรอก..
ตกลงทั้ง รูกิ ทั้ง Mrs แสงโสม มาบอกไอเองหมดเลย
แต่ไม่เป็นไรไอจะเรียก ฮอฯ มาให้ ..หยวนๆ !!
ไม่ใช่เพราะยูนะ... แต่เป็นเพราะ แสงโสมสุดที่รักของไอ…
ถึงแม้ว่าข้างบนยังจะมาเจ๊าะแจ๊ะกับยูอยู่ก็ตาม .. แต่ไอก็ยังรัก..
…………………………….
แสงโสมจ๋า .. ไอไปเที่ยวเลยเอามาเล่าให้ฟังในถนนฯ ..ยูไปอ่านนะ.. ใช้ชื่อ “คนเสเพล”
…………………………..
เพื่อคนที่เขารัก…. คี๊ธวิทยุกลับฐานเรียกเฮลิคอปเตอร์ให้กลับมาอีกครั้ง……
………………………….ต่อเอาเอง…………………………..


จาก : สุดหล่อใจเดียวที่ชื่อ ..คี๊ธ.. - 20/03/2002 15:37

ไอก็กินชวนป๋วยปี่แป่กอเสียสิ



จาก : รพินทร์ ไพรวัลย์ - 20/03/2002 16:33

ไม่กินเฟ้ย..ยาแก้ไอ .. จะกินเหล้า ..เหล้าแสงโสม

จาก : คี๊ธ - 21/03/2002 20:39

…………………………..
แสงจันทร์ข้างแรมส่งแสงอ่อนละมุนลูบไล้ไปทั่วผืนพสุธา….
เสียงน้ำในลำห้วยไหลระริก แมลงส่งเสียงร้องประสานเซ็งแซ่
บรรยากาศในราวไพรของค่ำคืนนี้ช่างงดงามตา และวางใจได้ว่าจะไม่มีภยันตรายใดๆ
นายทหารรูปหล่อนิสัยดีจากกองทัพอเมริกันติดต่อเรียกไปยังฐานอีกครั้งเพื่อกำหนดเป้าหมายร่อนลงของเฮลิคอปเตอร์ให้แน่นอน
ทุกคนนั่งอยู่ใกล้ๆฟังผลการติดต่อ .. เว้นแต่นายทหารปืนใหญ่ที่แยกออกเป็นนั่งอยู่บนหินก้อนใหญ่ริมลำห้วย ห่างออกจากรัศมีกองไฟลิบลับ
คี๊ธเรียกย้ำคำสั่งไปยังฐานอย่างกระวนกระวายด้วยความเป็นห่วงนายจ้างสาว
เสียงวิทยุดังโครกครากอยู่ตลอดเวลา จนบุญคำที่นั่งอยู่ข้างหลังทนไม่ได้สะกิดสีข้างมาเบาๆ
“นายห้างคี๊ธไม่ต้องรีบ .. เดี๋ยวมันก็มาเองไอ้นกเหล็กนั่นน่ะ มันเคยมาทีนึงแล้วคงจะจำได้อยู่หรอก”
“ฉันร้อนใจเป็นห่วงคุณแสงโสมบุญคำ ไม่รู้ว่าเธอจะเป็นอย่างไรบ้าง”
เฒ่าสัปโดกเอามือจับน่องอเมริกันหนุ่มบีบเบาๆอย่าเห็นใจ พยักเพยิดหน้าไปที่กระติกบรั่นดี
“ใจเย็นๆ ค่อยๆคุยกัน เอาค็อกแน็คนั่นมาแก้หนาวสักกะหน่อยดีกว่า เดี๋ยวบุญคำช่วยหาวิธีให้”
คี๊ธหน้าตาแช่มชื่นขึ้น รินบรั่นดีส่งให้ศิษย์เอกจอมวางแผนของรพินทร์ พลางพยักหน้าให้บุญคำเอ่ยแผนออกมา

ทุกคนที่รายล้อมอยู่ก็พากันฟังอย่างตั้งใจ เฒ่าสัปโดกยกบรั่นดีขึ้นซดเกลี้ยงฉาด หลับตาพริ้มอย่างบรมสุข
“ อ่าาา !!! ชื่นใจ .. “ ชำเลืองไปทางลูกพี่เมื่อเห็นทำตาขวางๆขยับเท้ามาเฒ่าลามกก็รีบขยายความ
“ นายห้างไม่ต้องห่วงรับรองภายในสองวันนี้คุณแสงโสมยังปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็น”
“บุญคำรู้ได้อย่างไร “ อนุชาเอ่ยสอดขึ้นเบาๆ
“ ดูลักษณะก็รู้แล้ว..หุ่นอวบๆแบบคุณแสงโสมขนาดนกยักษ์นั่นยังแทบยกไม่ขึ้น โหงวเฮ้งแบบนี้เขาเรียกว่า ..ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่เหลือ เอ๊ย ! ตกไปไม่ไหม้ “
ทุกคนครางฮือ .. บุญคำพูดครอกต่อ
“ นายลองคิดดูกันสิ ถูกนกยักษ์จับไปแบบนั้นยังแจ๋วๆยุให้นายหญิงยิงหัวนายรพินทร์มาได้แสดงว่า ส.บ.ม.ย.ห. เมื่อตะกี้บุญคำใช้ไอ้พวกกุมารทอง โหงพรายไปดู ปรากฏว่า นกยักษ์มันเอาคุณแสงโสมไปที่รังของมันบนภูเขาลูกโน้น ไม่ไกลเท่าไหร่ …. พอมันบินไปถึงรังก็หมดแรงเพราะบรรทุกหนัก .. ไอ้พวกกุมารทองบอกว่ากว่ามันจะฟื้นก็สองวันโน่นล่ะ บุญคำถึงบอกว่าไม่ต้องห่วง”
“งั้นก็ค่อยสบายใจหน่อย เพราะเฮลิคอปเตอร์จะมาถึงพรุ่งนี้เช้า “ คี๊ธเอ่ย
“ถ้าอีลอปคอปเตอร์ลำนั้นมันใหญ่พอที่จะแบกเอ๊ย ! บรรทุกคุณแสงโสมได้ก็หายห่วง แต่บุญคำว่าปัญหาน่าจะอยู่โน่นมากกว่า”
พูดจบเฒ่าจอมแก่นก็เอียงคอบุ้ยปากไปยังก้อนหินใหญ่ริมลำห้วยที่ไชยยันต์นั่งเงียบอยู่คนเดียว
“เห็นพรานใหญ่กับเจ้าแงซายบอกว่าอาการของนายทหารแปลกๆ ตอนแรกบุญคำก็ไม่เชื่อ แต่เมื่อเห็นอาการอย่างนี้แล้วก็สงกะสัยอยู่เหมือนกัน”
“บุญคำมั่นใจในยาของบุญคำที่ให้นายทหารกินไหม”
พรานใหญ่ถามอย่างขรึมๆ ขณะเอื้อมหยิบเอาดุ้นฟืนมาจ่อเข้ากับบุหรี่ที่คาบอยู่
“ก็ไม่รู้สิมันเป็นตำหรับผีบอก .. ให้เอาเลือดปีศาจนกเป็นกระสาย ผสมด้วย .. ขี้ค้างคาว .. ตัวเดียวอันเดียวของงูเขียว .. สังคัง เอ๊ย ! สังคะตังของหมาป่าขี้เรื้อน .. ขนจั๊กแร้แม่ม่าย บุญคำเห็นคุณแสงโสมเอาแหนบถอนอยู่เลยขอมา .. ทั้งหมดเอามาผสมกัน แล้วก็กรอกให้นายทหารกิน “
“ แล้วผีมันบอกหรือเปล่าว่าไชยยันต์จะหายไหม”
อนุชาถามมาพลางทำหน้าแบบรากจะแตกเมื่อทราบสูตรยาของบุญคำ
“ไม่รู้สิ ! ..ก็ต้องรอดูกันไป .. บุญคำว่าจะพิสูจน์อยู่ ..ผีมันกลัวไฟ ..กะว่าถ้าแกเข้านอนแล้วบุญคำจะลองใช้ไฟเย็นไปลนหัวแม่เท้านายทหารดู ถ้าเป็นผีก็จะร้อนและแสดงตัวออกมา”
“ ผลั่ก !!! “
รพินทร์ยันเข้ามาที่สีข้างอย่างหมั่นใส้เล่นเอาเฒ่าเจ้าเล่ห์เอียงไปกระเท่เร่
“พูดออกมาได้ผีมันกลัวไฟ .. ใช้ไฟเย็นลนหัวแม่เท้า .. คนก็ร้อนโว้ย .. ไม่ใช่แค่ผี ตาบ้านี่ “
บุญคำลูบชายโครงป้อยๆสูดปาก ..
“อู๊ยยย.. นายกูนี่ตีนหนักจริงจริ๊ง .. บุญคำพูดเล่นหรอก .. เปลี่ยนแผนก็ได้ .. แผนสองของบุญคำเป็นอย่างนี้” แล้วเฒ่าสัปโดกก็ป้องปากทำกระซิบกระซาบเพื่อไม่ให้เมยานีและดารินที่นั่งอยู่ห่างๆได้ยิน
“บุญคำกะว่าพวกเราไปช่วยคุณแสงโสมมาก่อน .. พอช่วยมาแล้วจังหวะเหมาะๆ พวกเราก็ชวนนายทหารพากันไปแอบดูคุณแสงโสมอาบน้ำ .. ฮี่..ฮี่ ..ถ้าเป็นคนปกติอาการก็จะต่างกับตอนถูกปีศาจสิง รับประกันแผนนี้พิสูจน์ได้แน่นอน ฮิ..ฮิ..”
พูดจบเฒ่าสัปโดกก็เตรียมหลบแข้งที่จะกวาดมาจากรอบด้าน แต่กลับกลายเป็นว่า .. ทุกคนกำลังนิ่งคิดอย่างสนใจ ..


จาก : ไม่กล้าลงชื่อ แต่สงสัยว่าเป็นบุญคำ - 21/03/2002 20:43

......คำสั่งด่วน…สายฟ้าแลบ....

ป ล ด พันเอกคี๊ธแห่งยูเอสอาร์มี่ อ อ ก จากการเป็นลูกจ้างตำแหน่งมือปืนรับจ้างของแสงโสม ทั น ที ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป (โดยไม่ต้องทบทวนอีกและไม่มีเหตุผล)

ให้ระงับการจ่ายเงินเดือน เบี้ยเลี้ยง โบนัส สวัสดิการและรายได้ทุกประเภทให้โดยสิ้นเชิง รวมทั้งจะริบเงินค่าโอทีที่เบิกล่วงหน้าไปคืนมาด้วย



จาก : แสงโสม - 22/03/2002 09:49

อ้าว ถูกปลดกลางอากาศเสียแล้ว พับผ่าสิ เคอเนลคีธ ยูยังไม่ทันได้กินเหล้าแก้ไอเลยนะนี่ ใครช่วยไปดามอกให้ผู้พันทีเถอะ
บุญคำ ฉันขอเตือนว่าอย่าสวิงสวายให้มากนัก กินคอกแนกไม่แบ่งกันได้ไง

จาก : ีรพินทร์ ไพรวัลย์ - 22/03/2002 12:20


Oh..God !!!!!
ืNo..No..No..No...
คุณแสงโสมปลดผมด้วยเรื่องอันใด....

........หันรีหันขวาง........

เห็นไหมบุญคำ..บอกแล้วว่าคุณแสงโสมเขาพลังจิตแรง..บุญคำคิดแผนอย่างนี้ออกมาได้ไง..
โถ ! เดี๋ยวไอเตะบุญคำให้นะ หายโกรธนะคนดี... Please ..

จาก : สุภาพบุรุษสุดหล่อที่ชื่อ ..คี๊ธ.. - 22/03/2002 14:45

แผนแอบดูเขาอาบน้ำ นี่คิดเองแล้วป้ายสีบุญคำหรือเปล่า...ผู้พัน
คุณแสงเขารู้ทันเลยปลดกลางอากาศเสียเลย...
ง้อให้ดี ๆนา เขาขี้งอนมากเลย ผมรู้ดี เอ๊ย ผมเตือนไว้ก่อน

จาก : รพินทร์ ไพรวัลย์ - 22/03/2002 15:16

นี่นายพรานไพรใจฉกาจ … ถ้าน้อยเรียกคุณอย่างนี้แสดงว่าหมั่นไส้เต็มทีแล้วนะ..
ไปยุแยงอะไรเขา .. คุณแสงโสมเค้าจะใจอ่อนอยู่แล้ว .. เพราะคุณเลยเชียว ยุ่งไม่เข้าเรื่อง
มีหน้ามาพูดอีกว่า “ผมรู้ดี” รู้ขนาดไหนเชียว ..ฮึ !



จาก : ดาริน วราฤทธิ์ - 22/03/2002 21:46


วันทาคุณหญิงดาริน …
ที่ว่าผมถูกใส่ร้ายนั้นถูกแล้วครับ .. ผมรักคุณแสงโสมปานจะกลืนกินไฉนจะคิดอะไรพรรค์นั้นได้
บุญคำแน่ๆครับ … ขอยืนยัน ..
ขอคุณหญิงกรุณาช่วยบิดหูให้หน่อยทั้งลูกพี่และลูกน้อง .. คิกๆ (เบือนหน้าปิดปากหัวเราะ)


จาก : คี๊ธ .. คนดีที่สุดเลย - 22/03/2002 21:51

อ๊าว คุณหญิง คุณแสงน่ะเป็นแควนเก่าผมนา เลิกกันเพราะเขาถีบหัวผมส่งไปแต่งงานกับอาเสี่ยหมื่นล้านไง ผมยังเจ็บตรงรอยที่เขาถีบอยู่จนได้คุณหญิงมาเยียวยานี่แหละ เฮ้อ คอยจับผิดซะรุ่ม...

จาก : รพินทร์ ไพรวัลย์ - 23/03/2002 11:10

ขณะที่ทุกคนกำลังนิ่งคิดกันอยู่นั้น เสียงหัวเราะแผ่วทุ้มของกะเหรี่ยงโฉมงามก็ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ อนุชาและไพรวัลย์ผู้ซึ่งกำลังช่วยกันเติมไฟในกองที่เริ่มมอดลงเรื่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย ในขณะที่ตาเฒ่าบุญคำมองทุกคนล่อกแล่กไปมาด้วยไม่แน่ใจในสถานการณ์

“แกหัวเราะอะไร แงซาย”

รพินทร์ร้องถามเสียงขุ่น ทุกคนต่างจ้องมองแงซายอย่างสนใจใคร่รู้ เจ้ากะเหรี่ยงหนุ่มยังคงยิ้มละไม ลมยามค่ำพัดโชยมาแผ่วเบา เส้นผมหยักศกของกะเหรี่ยงโฉมงามพลิ้วสะบัดไปตามแรงลม แสงจันทร์สีอ่อนเรืองที่ส่องลงมาต้องใบหน้าคมสันสีทองแดงนั้นทำให้ชายหนุ่มดูหล่อเหลางดงามจับตายิ่งกว่าพระเอกฮอลลีวู้ดสามคนมารวมกัน รพินทร์เขม้นมองใบหน้านั้นอยู่นิ่งนานอย่างตื่นตะลึงก่อนจะถอนใจเฮือก พร้อมกับนึกน้อยใจคุณพนมเทียนขึ้นมาในใจอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ว่าเหตุไฉนจึงสร้างให้ตนเองเป็นพระเอกที่หล่อน้อยกว่าพระรองได้เกินครึ่งถึงขนาดนี้ …..พระเอกของเรื่องพยายามกล้ำกลืนความรู้สึกน้อยใจเข้าไปในอกพักใหญ่ก่อนจะพยักหน้าถามสาเหตุการหัวเราะของแงซายอีกครั้ง แงซายหัวเราะหึหึก่อนจะเอ่ยถามกลับ

“ผู้กอง และทุก ๆ ท่าน ไม่นึกแปลกใจลุงคำบ้างหรือครับ ว่าทำไมแกถึงได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรมากมายขนาดนี้ “

“อ้าวๆๆ ก็ตาบุญคำแกก็มีความรู้ไสยศาสตร์ดีอยู่แล้วนี่นา ไอว่าไม่น่าจะแปลกที่แกรู้เรื่องพวกนี้ดีนะ”

คี๊ธผู้ซึ่งเพิ่งถูกปลดออกจากงานหมาด ๆ กล่าวโต้ออกมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเอื้อมมือไปตบไหล่ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์อย่างให้กำลังใจ ในขณะที่บุญคำเองกลับนั่งนิ่งเงียบหน้าจ๋อย หัวเราะแหะ ๆ

“ใช่ครับ ปกติลุงคำแกรู้เรื่องไสยศาสตร์ดี แต่แกไม่เคยพูดจ้อวิเคราะห์วิจารณ์อะไรเพ้อเจ้อได้ขนาดนี้ ที่แกพูดอย่างนี้ได้เป็นตุเป็นตะน่ะเป็นเพราะ…แกเมา..ครับ”

“อะไรกัน บุญคำกินคอนแนกของเจ้าคี๊ธไปแค่ไม่กี่แก้วเองนี่นา จะเมาได้ยังไง” อนุชาถามอย่างฉงนก่อนจะยกแก้วกาแฟในมือขึ้นซดเฮือกใหญ่

“คอนแนกไม่กี่แก้วน่ะจริงครับ แต่ก่อนที่จะเข้ามาที่นี่น่ะ ลุงคำแกไปตั้งวงก๊งเหล้ากับพรรคพวกตั้งแต่เย็นแล้ว ก่อนเข้ามานี่ก็คงหมดไปหลายขวด มิหนำซ้ำยังแถมอัพข้าวเหนียวน้ำพริกหนุ่มแกงอ่อมกันเข้าไปด้วยเลยไปเสริมฤทธิ์เหล้าให้แรงหนักขึ้น ไม่สังเกตหรือครับว่าแกพูดจ้อเป็นนกแก้วผิดปกติ”

“อาแงซายหมายความว่าที่ตาบุญคำพูดมาทั้งหมดน่ะเชื่อถือไม่ได้ใช่มั๊ย”

เจ้าหนุ่มไพรวัลย์ถามพลางมองไปที่ตาเฒ่าบุญคำที่กระมิดกระเมี้ยนเดินเซโอนเอนกลับไปเข้ากลุ่มพรานพื้นเมืองพร้อมกับโคลงศีรษะอย่างอ่อนใจ แงซายยักไหล่ก่อนจะหัวเราะออกมาอีกครั้ง อนุชายกมือขึ้นแปะหน้าผาก แหงนหน้ามองท้องฟ้าทอดถอนใจออกมายืนยาว


จาก : แสงโสม - 23/03/2002 17:00

“เฮ้อ..พวกเราโดนตาเฒ่าเจ้าเล่ห์มาหลอกเล่านิทานให้ฟังอีกแล้ว ฉันก็ว่าแล้วว่าดูตาบุญคำพูดจาทะแม่ง ๆ ยังไงพิกล เอาละแงซาย ว่าแต่ว่าแล้วเราจะทำยังไงกันดี แล้วนายคิดว่าคุณแสงโสมเป็นยังไงมั่งตอนนี้”

เทพบุตรกรีกยิ้มยิงฟันขาว ทำให้ใบหน้านั้นดูหล่อเหลาสว่างไสวขึ้นมาอีก ชายหนุ่มยืนกอดอกไว้หลวม ๆ เงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ที่ทอแสงประกายสว่างไสวด้วยมาดเท่นิ่งอยู่ครู่ใหญ่ จนรพินทร์อดรนทนไม่ได้เกือบจะคว้าด้ามฟืนจากกองไฟขึ้นมาสะกิดเรียก เจ้ากะเหรี่ยงหนุ่มก็ตอบคำถามทันควัน

“ผมว่าพวกเราคงไม่ต้องเป็นห่วงคุณแสงโสมหรอกครับ อย่าลืมนะครับว่าปกติเธอมักจะ..ง่า…เป็นที่เอ็นดูของพวกตัวร้ายในภาคอลเวงอยู่เสมอ เพราะฉะนั้น ผมว่าการที่เธอถูกนกยักษ์โฉบไปนี่น่ะ ดีไม่ดีเธออาจจะได้รับสิทธิพิเศษจากปีศาจนกให้ไปนอนพักสบาย ๆ ในคฤหาสน์หรู ๆ ชายทะเลที่ไหนสักแห่ง ไม่ต้องมาเดินป่าลำบากลำบนอย่างพวกเรา สบายกว่าพวกเราตอนนี้ซะด้วยซ้ำ หรือถ้าจะคิดในแง่ร้าย ถึงเธอโดนจับไปจริง ๆ เธอก็คงเอาตัวรอดได้ครับ ไม่ต้องเป็นห่วง พวกเราไม่ต้องไปตามหาเธอให้เสียเวลากันหรอก ผมเองซะอีกที่กลับคิดว่าพวกเราเองนี่แหละน่าเป็นห่วงมากกว่า”

“คุณหมายความว่ายังไงแงซาย”

คี๊ธโพล่งออกมา แงซายหันมาตอบทุกคนด้วยใบหน้าเครียดขรึม

“ผมมีความรู้สึกว่า บรรยากาศคืนนี้ดูอับข้นหนักประหลาด ๆ ยังไงก็ไม่รู้ครับ เป็นความรู้สึกส่วนตัวของผมเองนะ เหมือนกับว่าจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลยังงั้นแหละ”

ทุกสายตามองตรงไปยังร่างของไชยยันต์ที่ยังคงนั่งอยู่ตำแหน่งเดิมบนก้อนหินใหญ่ริมลำห้วย ห่างออกจากรัศมีกองไฟ
อนุชาเปรยออกมาเบา ๆ

“เกี่ยวกับไชยยันต์หรือเปล่า แงซาย”

“บอกไม่ถูกครับนายกลาง ไม่แน่ใจว่าจะเกี่ยวกับนายทหารหรือเปล่า แต่ผมรู้สึกว่าคงจะเกิดเรื่องใหญ่กับเราแน่ ๆ ในคืนนี้”

แงซายกล่าวตอบพร้อมกับมองไปยังจอมพรานที่ยืนหรี่ตามองราวป่าทึบทะมึนอยู่รอบด้านอย่างวิตกกังวล………..


จาก : แสงโสม - 23/03/2002 17:02

...........................................

บุญคำเดินกระย่องกระแย่งเข้าไปรวมกลุ่มกับพรรคพวกเหล่าจอมเซียนทั้งหลายที่นั่งล้อมวงโจ้เหล้าขาวกับต้มเปรตงูสิงกันอยู่
เกิดขยับที่นั่งให้พลางหัวเราะถามเฒ่าสัปโดก

“ อ้าว ! ลุงคำไหงออกมาที่นี่ล่ะกินค็อกแนคหอมๆมันไม่สะใจรึไง ถึงได้ออกมาหาเหล้าขาว ..ฮึ ! ”

เฒ่าเจ้าเล่ห์ทำตัวสั่นสยิว เมื่อเส่ยส่งแก้วบรรจุเหล้าขาวมาให้ ยื่นจมูกไปดมกลิ่นต้มเปรตฟุดฟิด

“ บะรีดั่น .. บรั่นดี ..มันหอมก็จริงไหนจะสู้เหล้าขาวกับต้มเปรตงูสิง ..ฮิ..ฮิ..”

จันหัวเราะ

“ เห็นเจ้าแงซายมันพูดอะไรออกมาสักอย่างแล้วพวกเจ้านายก็พากันรุมมองหน้าพี่คำ ..พี่คำถึงได้นั่งไม่ติดไม่ใช่เหรอ”

จอมเจ้าเล่ห์เอามือลูบท้ายทอย อ้าปากหัวเราะแบบไม่มีเสียง …. ทำตายิบหยี พลางยันเท้าเหน็บไปที่สะโพกของจันอย่างหยอกๆ

“มึงนี่ช่างสังเกตจริงๆไอ้จัน .. กูว่าจะหลอกพานายห้างคี๊ธไปแอบดูคุณแสงโสมอาบน้ำสักกะหน่อย ..ไอ้แงซายดันรู้ทันเสียได้ ..ฮิ..ฮิ.. ชิชะยังรู้อีกว่ากูกินข้าวเหนียวกับแกงอ่อม น้ำพริกหนุ่ม .. มันไปแอบดูตอนไหนหว่าทำไมตูถึงไม่รู้ …”
“ ก็ลุงคิดลามกเสียอย่างนี้นี่นา .. ดีนะที่นายรพินทร์ไม่ถีบเอา “
“ นายรพินทร์นั่นแหล่ะตัวดี ไอ้เส่ย .. กูเห็นเอามือลูบคางพยักหน้าหงึกๆอยู่ สนใจหมดทุกคนแหล่ะ คุณชายอนุชาด้วย แม้กระทั่งนายทหารขนาดเป็นกึ่งผีกึ่งคนยังเงี่ยหูฟังเสียคอแทบเคล็ด ฮี่..ฮี่.. เว้นแต่นายห้างคี๊ธนั่นแหล่ะ แกคงจะรักคุณแสงโสมจริงๆ โถ ! น่าสงสารเสียจริ่งจริ้ง ..”

เฒ่าลามกตบท้ายเสียงเหน่อๆแบบสุพรรณ แล้วก็โก่งคอร้องลิเกเสียงแจ๋ว

….อนิจจา แสงโสม แม่ยาจิต …
สงสารคี๊ธ สักกะหน่อย จะได้ไหม
พี่รอนแรม ข้ามฟ้า มาตั้งไกล
เหตุไฉน ตัวเจ้า จึงทำงอน
อยู่ดีดี เธอก็มี คำสั่งปลด
ให้พี่งด รับจ้าง สายสมร
ขออภัย เถอะแม่ พี่ขอวอน
แล้วจะถอน ขนจั๊กแร้ ให้ทั้งคืลลลล…….

วงเหล้าฮาครืนทั้งวง จนบรรดานายห้างหันมาดู บุญคำหาวหวอดๆเอามือตบปาก เอาผ้าผวยปูพื้นแล้วก็เอียงตัวลงนอน เคี้ยวปากแจ๊บๆพูด

“ คืนนี้สาๆว่ามันจะมีอะไรสักอย่าง … ตัวใครตัวมันโว้ย กูนอนก่อนล่ะ … เหตุการณ์มันจะเกิดอะไรขึ้นก็ช่างมัน .. เดี๋ยวคนตั้งเรื่องก็มาต่อเอาเอง …ฮิ..ฮิ..”

...............................................................

จาก : .....คราวนี้บุญคำแน่ๆ ...... - 23/03/2002 23:57

"โฮกกกก.."

เสียงพูดของเฒ่าลามกยังไม่ทันขาดหาย เสียงกระหึ่มคำรามของเสือก็ดังก้องสะท้อนสะท้านไปทั้งป่า และแล้วโดยที่ทุกคนยังไม่ทันตั้งตัว เสือดำขนาดมหึมาก็กระโจนแผล็วลงตะปบร่างของบุญคำที่นอนเอกเขนกร้องลิเกอยู่บนพื้นในลานกว้างริมลำธารห่างวงเหล้าออกไปเล็กน้อยโดยปราศจากสิ่งกำบังใด ๆ เพียงคนเดียว บุญคำร้องตะโกนโว้กเว้กพร้อมกับดิ้นรนไปมาโดยที่เสือดำตัวนั้นกำลังกัดขย้ำร่างของแกอยู่อย่างน่าเวทนา

จันเกิดเส่ยตกตะลึงละล้าละลัง ทำอะไรไม่ถูกกันอยู่กลางวงเหล้า และเมื่อตั้งสติได้ทั้งสามคนก็ลุกขึ้นวิ่งเพื่อที่จะตรงเข้าไปช่วยเหลือ ..แต่แล้วโดยไม่ได้นัดหมายทั้งสามคนลุกขึ้นพร้อมกันมากเกินไปในภาวะฉุกเฉินประกอบกับความมึนเมา เลยกลับกลายเป็นว่าวิ่งชนกันเองล้มระเนระนาดลงไปนอนกลิ้งกันอยู่ที่พื้นลุกไม่ขึ้นไปอีกทั้งสามคน

รพินทร์ ไพรวัลย์ วิ่งอย่างคล่องแคล่วด้วยมาดเท่ไปยืนบนก้อนหินใหญ่ใกล้ ๆ กับนายทหารปืนใหญ่ไชยยันต์ผู้ซึ่งยังคงนั่งเฉยมองดูสถานการณ์อยู่เงียบ ๆ พรานไพรใจฉกาจยืนอยู่ในตำแหน่งที่เห็นเสือดำได้ถนัดชัดเจนที่สุด เขาคว้าปืนสั้นขึ้นมาจากเอวควงปืนสามรอบด้วยท่วงท่าเดียวกันกับโคบาลเวลาจะท้าดวลปืนกัน จอมพรานกระชับปืนสั้นไว้ในมืออย่างมั่นคงก่อนจะเล็งปากกระบอกปืนสั้นไปที่หน้าผากของเสือดำตัวนั้นด้วยความประณีตบรรจง

"แชะ"

อนิจจา ทำมั๊ยลูกปืนของพระเอกจะต้องมาด้านในภาวะคับขันอย่างนี้หนอ รพินทร์โคลงศีรษะไปมาด้วยความไม่พอใจ ในขณะที่บุญคำยังคงต่อสู้กับเสือดำอยู่ด้วยความทรหดอดทนสมกับเป็นลูกป่ามาแต่กำเนิด ร่างของเฒ่าเจ้าเล่ห์มีเลือดไหลโทรมกาย เสียงร้องลิเกแจ้ว ๆ เมื่อสักพักใหญ่กลับกลายเป็นเสียงร้องโอดโอยแทน

เคอเนลคี๊ธผู้ซึ่งมีความสนิทสนมกับบุญคำมากเป็นพิเศษในการเดินป่าเที่ยวนี้ วิ่งวุ่นไปมาด้วยความร้อนใจ

"ปืนของไออยู่ไหน จะเอาไปยิงไอ้เสือตัวนั้น บุญคำกำลังจะแย่แล้ว"

แงซายวิ่งเข้าไปในเต้นท์หยิบปืนออกมาโยนให้คี๊ธ อนุชา และไพรวัลย์ ท่ามกลางความสับสนชุลมุน เคอเนลคี๊ธรับปืนได้ก็วิ่งซิกแซกสลับฟันปลาตรงเข้าไปยังบริเวณกลางลานกว้างด้านหน้า ใกล้ตำแหน่งที่บุญคำโดนเสือกัด ชายหนุ่มประทับปืนไว้บนบ่าและเล็งตรงไปที่เสือดำ นิ้วมือสอดเข้าไปในไกปืนแผ่วเบา

"ปังงง..!!!! "

"………โอ๊ยยยย!!"



จาก : แสงโสม - 25/03/2002 15:50

ร่างของคี๊ธหมุนคว้างอยู่กลางลาน มือกุมใบหูไว้แน่น ปืนประจำกายตกลงไปกลิ้งอยู่บนพื้น พันเอกหนุ่มหันมาร้องแว๊กกก ชี้หน้าพรรคพวกที่อยู่ด้านหลัง

"ใคร๊….. ใครฟะ….ใครยิงหูไอ…โอ๊ยยย…เจ็บว๊อย"

คี๊ธร้องครวญครางลั่นก่อนจะเอามือทั้งสองไปประคองใบหูด้านขวาของตนเองไว้ มีรอยเลือดหยดออกมาตามฝ่ามือเป็นทางยาว ราชนิกูลสาววิ่งเข้าไปประคองร่างของพันเอกหนุ่มก่อนจะร้องบอกอ่อย ๆ

"ตายแล้วคี๊ธ ขอโทษๆๆๆ จ้ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจเลยนะ มือมันไวเหมือนเคย เธอก็รู้นี่นาฉันเป็นแม่เสือปืนไวอยู่แล้ว เธอไม่น่าวิ่งทะเล่อทะล่าออกไปกลางลานเลย ตายละนี่หูเธอหลุดหายไปเลยหรือเปล่าเนี่ย พวกเรามาช่วยกันดูหน่อยเร๊ว ถ้าหูหลุดไปต้องรีบเอามาเย็บภายในครึ่งชั่วโมงช้ากว่านี้จะไม่ทันการณ์นะ เดี๋ยวกลายเป็นหกเขยละยุ่งเลย"

ดารินประคองร่างของคี๊ธเข้าไปยังเต้นท์ที่พักพร้อมกับร้องเรียกจันให้จุดไต้ไปส่องหาหูของเคอเนลคี๊ธเผื่อจะมีตกหล่นอยู่กลางลาน นายทหารจากกองทัพสหรัฐแยกเขี้ยวครางลั่นออกมา พร้อมกับทรุดกายลงนั่งบนเตียงสนามในเต้นท์ยินยอมให้คุณหมอดารินดูแผลให้แต่โดยดี โดยที่คนอื่น ๆ ยังคงวิ่งวุ่นเพื่อไปช่วยบุญคำ

สถานการณ์บริเวณวงเหล้ายังคงสับสนจ้าละหวั่น ร่างของบุญคำโดนเสือดำขย้ำอยู่ไปมา ขณะนี้ปืนทุกกระบอกเตรียมพร้อมเต็มอัตราศึก แต่ช่างน่าประหลาดอะไรเช่นนั้น ทุกครั้งที่ลั่นไกไปยังเสือดำกระสุนปืนทุกกระบอกกลับด้านขึ้นมาเฉย ๆ อย่างนั้นแหละ รพินทร์ขบริมฝีปากนิ่งคิดอยู่ครู่ใหญ่ แล้วก็ตัดสินใจล้วงมือลงไปในอกเสื้อเดินป่าหยิบไถ้เล็ก ๆ ออกมา เทผงดินในไถ้นั้นลงในปากกระบอกปืน

เสือดำมหึมาเหลือบดวงตาสีเขียวปัดวาวจ้าขึ้นมองตรงไปยังรพินทร์ ราวกับล่วงรู้ถึงภยันตราย เจ้าเสือดำขย้ำร่างของบุญคำเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะลากร่างผอมกะหร่องเลือดโทรมเต็มกายนั้นไปตามพื้น และสุดท้ายก็คาบขึ้นมาในปากพร้อมกับแผ่นแผล็วหายลับไปในป่าทึบด้านหน้าโดยปราศจากร่องรอยเหมือนตอนขามา….เส่ยร้องตะโกนเสียงหลง

"นาย…เสือดำมันลากลุงคำไปแล้ว ทำไงดี …โธ่..ลุงคำของพวกเรา..จะรอดป่ะเนี่ย"


จาก : แสงโสม - 25/03/2002 15:55


ร้องเพลงของโลโซแว่วๆมา ......

ไม่ต้องห่วงฉัน .... ไม่ต้องห่วงฉัน.....

จาก : บุญคำ(หนุ่ม) - 25/03/2002 18:44


เฮ้อ ! สงสารตาเฒ่านั่นเสียจริง ... นายทหารอเมริกันรูปหล่อนั่นอีก ....

ไม่น่าเอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาพูดเล่น ..... อย่างเธอคนนั้นเขาต้องเอาขึ้นหิ้งกราบไหว้บูชา ....

แล้วนี่พรานใหญ่กับคนอื่นๆตั้งเยอะแยะไม่มีใครมาช่วยเชียวหรือ ....

จาก : เจ้าป่าเจ้าเขา - 26/03/2002 17:41

เป็นเจ้าป่าเจ้าเขาพูดจาเงี๊ยะเรอะ มิน่า...ป่าเขาถึงได้วอดวายหมด 55555



จาก : เจ้าป่าหรือซาตาน - 26/03/2002 19:48


ใครมาแซว....ใครมาแซว...

เดี๋ยวเสกข้าวเหนียวเข้าท้องเสียนี่ ตามด้วยแกงอ่อม น้ำพริกอ่อง ผักกาดจอ ห่อนึ่งไก่ .....เอื้อกกกก..(หิวข้าว)

เปลี่ยนใจแล้ว ....เอามากินเองดีฝ่า ...ฮิ..ฮิ...



จาก : เจ้าป่าทาร์ซาน - 26/03/2002 21:03

เจ้าป่าครับ เสกเข้าท้องผมก็ได้นะ ของพวกนั้นน่ะ ผมขอขนมจีนน้ำเงี้ยวเพิ่มอีกอย่างก็แล้วกัน ปล่อยให้เคอเนลคีธเขาก้อร่อก้อติกไปคนเดียวเถอะ

จาก : รพินทร์ ไพรวัลย์ - 27/03/2002 12:14


รพินทร์ผลักเจ้าเส่ยที่ขวางทางอยู่โดยแรง..วิ่งเข้าไปในป่าทึบที่เสือตัวนั้นลากบุญคำเข้าไป

แงซายและอนุชากระโจนตามเข้าไปบ้าง อดีตพรานชดหันกลับมาสั่งคนอื่นๆไม่ให้ตามเข้าไปและเฝ้าบริเวณแคมป์ไว้อย่างมั่นคง

บุกพงรกเข้าไปไม่ไกล รพินทร์ก็หยุดนิ่งคิดเพราะรอยที่ตามนั้นหายไปเอาดื้อๆ ..

พรานใหญ่จับคางตรองอย่างใคร่ครวญ พลันก็นึกถึงสัญชาตญาณของเสือดำที่มักอยู่บนที่สูง

"ระวัง นาย ! " เสียงบุญคำตะโกนมาดังลั่น

ไม่ทันได้ขยับตัวจอมพรานก็ได้ยินเสียงคำรามสนั่นจากเจ้าป่าตัวนั้น พร้อมกับพุ่งเข้าปะทะกับร่างของเขา ล้มกลิ้งไปบนพื้น ....


(คิดมุขไม่ออก ขอเอาตัวรอดก่อน ... ให้พรานใหญ่มาโดนมั่ง คนอะไรช่วยก็ไม่ช่วย จ้องแต่จะกิน)


จาก : คำ เก้าชีวิต - 28/03/2002 03:28

รพินทร์กับเสือตัวนั้นลงไปนอนคลุกฝุ่น จอมพรานรู้สึกถึงลมหายใจร้อนและเหม็นเหมือนศพเน่าร้อยศพจากปากที่มีเขี้ยวแหลมของเจ้าเสือดำมาจ่ออยู่ที่หน้าเขา

พรานใหญ่ใช้ท่าบอสตันแครปที่เขาจำมาจากมวยปล้ำในยูบีซี ใช้ขารัดคอของเจ้าเสือดำแน่น จนเจ้าเสือใช้ขาหน้าตบพื้นด้วยความเจ็บปวด แต่ยังไม่ยอมแพ้เมื่อกรรมการถาม และในระหว่างนั้นเองพรานก็ล้วงลงไปในกระเป๋าเสื้อดึงเอากล่องพลาสติกขนาดเล็กออกมา เทเข้าไปในปากของพยัคฆ์ร้าย แล้วก็ปล่อยขา ดีดตัวออกมาอย่างรวดเร็ว

เสือดำกลืนสิ่งนั้นลงอย่างเร่งรีบ พลางร้องไห้โฮ อุทานอย่างสำนึกพระคุณของรพินทร์ว่า "โอ้ เดนทีน..."

รพินทร์กล่าวสำทับลงไปอีกว่า "ทีหลังก็หัดแปรงฟันเสียมั่งซิ อย่าปล่อยให้มีกลิ่นปาก ที่แกคลุ้มคลั่งอย่างนี้เป็นเพราะน้องแหม่มปฏิเสธไม่ยอมเดทด้วย เพราะว่าแกมีกลิ่นปากใช่ไหมเล่า..."

เสือดำสำนึกในบุญคุณจนน้ำตาไหลพราก มันพลางคุกเข่า หัวโขกพื้นสามสิบห้าหนแล้วบอกว่า "ข้าจะไม่ลืมพระคุณท่านเลย มีอะไรเรียกใช้ได้ตลอดเวลา แต่ตอนนี้ต้องไปหาน้องแหม่มเสียก่อน" ว่าแล้วก็กระโดดแผลวหายไป

พรานใหญ่เงยหน้ามองร่างโชกเลือดของบุญคำบนต้นไม้ กวักมือให้ตาแก่สัปดนที่กำลังอ้าปากหวออย่างไม่เชื่อสายตาไต่ลงมา

รพินทร์ยิ้มนิดหนึ่งที่มุมปาก "สมัยนี้มันสมัยอนุรักษ์เฟ้ย ขืนไปยิงเสือดำก็ตางตะหริด ติดตะรางน่ะซิ มันเป็นสัตว์สงวนนา ความเข้าใจในพฤติกรรมสัตว์นั้นสำคัญยิ่งกว่า....แกไม่เคยดูน้องมิเชลล์ โหยวมาบอกให้พวกเราอนุรักษ์เสือกันเหรอ...."

เสียงดนตรีประกอบแสดงความยิ่งใหญ่ของฉากนี้ไม่รู้มาจากไหน ดอกไม้ร่วงพราวพรายรอบตัวรพินทร์ ที่ยืนหน้าเชิดทำมุมกับแสงไฟตกกระทบกับเหลี่ยมสันของใบหน้าทรนงนั้น อา.....รพินทร์เขาช่างเว่ออย่างแท้จริง....

จาก : รพินทร์ ไพรวัลย์ - 28/03/2002 11:52

โห ทุกคนทนความหล่อของเราไม่ได้ ไม่มีใครเข้ามาเลยวุ้ย

จาก : รพินทร์ ไพรวัลย์ - 30/03/2002 17:05

จอมพเนจรยืนยิ้มยิงฟันขาวอยู่ข้างๆ พรานใหญ่ รูปร่างหล่อเหลาปานเทพบุตรกรีกพลอยต้องแสงไฟส่งประกายน่ามองมาชักจูงสายตาไปจากจอมพรานในทันที

"ผมไม่คิดเลยว่าผู้กองจะคิดวิธีนี้ออกมาได้ นี่ถ้าหากไม่ร่วมผจญป่าเขากันมาจนมีภูมิคุ้มกันมุขแล้วอาจหัวเราะจนเสียสติได้นะครับเนี่ย"

เขาหันไปมองดูบุญคำที่ยังมีสภาพเละเทะ เลือดโทรมเต็มกายแถมยังเหม็นสาบปากเสืออย่างกับศพเหยื่อที่มันคาบไปแทะไว้สักสามวันอย่างเห็นใจ

"ยังไงผมว่าอาการบุญคำคงสาหัสอยู่ ผู้กองครับ เรารีบกลับไปให้นายหญิงดูแผลให้บุญคำก่อนดีกว่า ไม่งั้นแกอาจเหม็นตายเสียก่อน"

ว่าแล้วเขาก็อุดจมูก ดุ่มเดินนำกลับไปยังที่พักของชาวคณะ ทิ้งให้อนุชา และจอมพรานตามมาภายหลัง ส่วนบุญคำเก้าชีวิตลุกขึ้นเดินตามท้ายลมมาท้ายสุดบ่นพึมพำตลอดทาง

"เกิดเป็นไอ้คำมันก็เงี้ย ยามดีก็ใช้ไอ้คำสารพัด ยามไข้จะดัดจริตสักหน่อยก็ไม่ได้ นายไม่คิดจะห้ามเลือด หาไม้มาทำเฝือก หรือต่อเปลหามไอ้คำไปมั่งเหรอไง นี่ถ้าไอ้คำเจ็บหนักฝ่านี่ พวกนายจะเดินกลับไม่ดูดำดูดีกันขนาด..."

ยังไม่ทันจะบ่นซักเท่าไร ก็ต้องหุบปากรับซองสีฟ้าใสห่อเล็กที่ปลิวมาจากลูกพี่ข้างหน้าแทบไม่ทัน เสียงเย็นชาปานหินผาสำทับลอยลมมา

"กินซะ บุญคำ กลิ่นปากไม่แพ้เสือดำเท่าไหร่เลยนะ"

จาก : แงซาย - 30/03/2002 17:57

เปลี่ยนเป็นคอกแนคไม่ได้เหรอ ....
บรีดั่น .... บรั่นดีน่ะ

ฝรั่งมันเอาไว้ล้างปากให้ปากหอมหลังอาหารมิใช่หรือ คิก..คิก..

ไปล่ะ ...ช่วงนี้ยุ่งกับตอบกระทู้ และแต่งนิยายจีบสาวๆในถนนฯ
ไม่ค่อยได้มาต่อเรื่องนะ...คิดถึงคุณแสงโสมจัง ..ฮิ..ฮิ..

จาก : คำ เก้าชีวิต - 30/03/2002 19:53

เอ้า ! ลืมทักแงซาย ..

แล้วคนอื่นไปไหนล่ะ...เรียกมาเล่นด้วยกันสิ..หายไปหมดเลย..
บางทีต้องแต่งคุยกับตัวเอง..เหงาพิลึก

คิดถึงคุณแสงโสมอีกที ..ฮิ..ฮิ..

จาก : คำ - 30/03/2002 19:56

อันนี้เป็นคนละบอร์ดกับที่พันทิบช่ายปะ

จาก : พันธุมวดี - 31/03/2002 08:35

คนละเรื่องเลยด้วย

จาก : แม่หนูเอง - 01/04/2002 14:24

ยังไม่ทันจะบ่นซักเท่าไร ก็ต้องหุบปากรับซองสีฟ้าใสห่อเล็กที่ปลิวมาจากลูกพี่ข้างหน้าแทบไม่ทัน เสียงเย็นชาปานหินผาสำทับลอยลมมา

"กินซะ บุญคำ กลิ่นปากไม่แพ้เสือดำเท่าไหร่เลยนะ"

"เปลี่ยนเป็นคอกแนคไม่ได้เหรอ .... บรีดั่น .... บรั่นดีน่ะ ฝรั่งมันเอาไว้ล้างปากให้ปากหอมหลังอาหารมิใช่หรือ คิก..คิก.. "

ตาเฒ่าจอมลามกยังไม่วายเดินบ่นพึมพำเป็นหมีกินผึ้งก่อนจะหัวเราะคิกคักออกมาในตอนท้ายพร้อมกับฉีกซองสีฟ้าใสหยิบเดนทีนเข้าปากแต่โดยดี และเมื่อเดินตามบรรดานายจ้างผ่านธารน้ำตกขนาดย่อมแห่งหนึ่ง จู่ ๆ บุญคำก็กระโจนพรวดลงแอ่งน้ำตกเบื้องหน้าโดยที่ทุกคนไม่ทันตั้งตัว

"เฮ้ยๆๆ..บุญคำ โดดลงไปทำไมน่ะ"

อนุชาร้องเอะอะอย่างตกใจ เพราะไม่แน่ใจว่าเสือดำเมื่อกี้เป็นเสือสมิงสะกดผีเข้าสิงบุญคำให้มีอาการแปลก ๆ ไปด้วยหรือเปล่า ท่ามกลางแสงจันทร์วันเพ็ญที่ส่องสว่างนวลไปทั่ว บุญคำเก้าชีวิตหารู้ตัวไม่ว่าตอนที่ตนเองพุ่งหลาวลงไปนั้นศีรษะเฉียดก้อนหินใหญ่ใต้น้ำไปเส้นยาแดงผ่าแปด….. รพินทร์ แงซาย และอนุชายืนมองดูอยู่บนฝั่งด้วยความเป็นห่วง เฒ่าเจ้าเล่ห์ดำผุดดำว่ายอยู่กลางแอ่งน้ำตกนั้นพักใหญ่ แล้วจึงค่อย ๆ ไต่ขึ้นมาบนฝั่ง

"โดดลงน้ำไปทำไมบุญคำ แล้วไม่เจ็บแผลเหรอนั่นน่ะ"

รพินทร์ร้องถามออกมาเบา ๆ สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ตัวบุญคำอย่างสำรวจตรวจตราถึงความผิดปกติที่จะเกิดขึ้น เฒ่าเจ้าเล่ห์ที่ตอนนี้ร่างกายค่อยสะอาดเอี่ยมขึ้นมาหน่อยค้อนควักปะหลับปะเหลือกไปที่ทุก ๆ คน ก่อนจะตอบสะบัด ๆ

"ก็พวกนาย ๆ น่ะ เหม็นบุญคำไม่ใช่เรอะ ไอ้คำก็เลยลงไปล้างตัวให้สะอาด ๆ จะได้หายเหม็นแล้วไง"

รพินทร์หัวเราะหึๆ ไม่พูดอะไรอีก ส่งสัญญาณให้แงซายออกเดินทางต่อก่อนจะหันไปทางพรานชด

"คุณชายครับ เราคงต้องรีบกลับแค้มป์ไปดูอาการของเคอเนลคี๊ธกันหน่อยนะครับ ก่อนออกมานี่ เห็นว่าเกิดอุบัติเหตุโดนคุณหญิงยิงไปเต็ม ๆ ไม่รู้ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง"

อนุชาพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะเร่งรีบเดินทางกลับแค้มป์กันทั้งสี่คน โดยมีบุญคำเดินรั้งท้ายด้วยท่าทางอ่อนระโหย พักใหญ่ทั้งหมดก็เดินทางมาถึงแค้มป์ ไชยยันต์ ดารินและไพรวัลย์นั่งปรึกษากันอย่างเคร่งเครียดอยู่หน้าเต๊นท์ โดยมีพวกพรานพื้นเมืองจับกลุ่มคุยกันอยู่ข้างกองไฟรอบนอก ทุกคนในแค้มป์มีท่าทีตื่นเต้นเมื่อได้เห็นบุญคำรอดปลอดภัยกลับมาถึงแม้จะในสภาพที่ยับเยินไปบ้าง ดารินวิ่งเข้ามาสอบถามรายละเอียดก่อนสั่งการให้บุญคำเข้าไปนอนบนเตียงสนามในเต๊นท์เพื่อจะตรวจอาการ แต่อนุชาดึงแขนไว้ก่อน

"คี๊ธเป็นไงบ้างน้อย"

ดารินอมยิ้ม หันหน้ามองไปทางเต๊นท์ก่อนจะตอบพี่ชายเสียงใส


จาก : แสงโสม - 02/04/2002 08:59

“ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะพี่กลาง น้อยยิงเฉี่ยวปลายใบหูไปนิดเดียวเป็นแผลนิดหน่อยอีกสักสองสามอาทิตย์ก็คงหายเป็นปกติ ตอนแรกเจ้าตัวร้องโวยวายลั่นซะจนน้อยนึกว่าหูหลุดหายไปแล้วซะอีก ตอนนี้ทำแผลเรียบร้อยแล้วเลยให้นอนพักอยู่ในเต๊นท์น่ะค่ะ”

“ก็ดีแล้ว…งั้นน้อยไปดูบุญคำเถอะท่าทางจะอาการหนักไม่ใช่เล่น”

“คงไม่เท่าไหร่มั๊งคะพี่กลาง เท่าที่น้อยเห็นเดินปร๋อมานี่ได้ไม่ต้องแบกต้องหามมาก็น่าจะโอเคแล้วนะคะ มิหนำซ้ำได้ยินแงซายบอกว่าร้องขอบรั่นดีมากลางทางด้วยนี่ แถมเจ้าตัวยังคุยให้น้อยฟังว่าตัวเองเก้าชีวิตอีกต่างหาก หึหึ แต่เดี๋ยวน้อยจะไปตรวจดูอาการให้ละเอียดอีกทีค่ะพี่กลางไม่ต้องเป็นห่วง พรุ่งนี้ทั้งสองคนก็คงออกวิ่งได้แล้วค่ะ”

อนุชาตบบ่าน้องสาวเบา ๆ เป็นเชิงให้กำลังใจกับภาระกิจที่หนักหนาของคุณหมอคนเดียวประจำคณะ ราชนิกูลสาวยิ้มรับก่อนจะผละออกจากพี่ชายเดินตรงเข้าไปในเต๊นท์เพื่อตรวจดูอาการของบุญคำโดยมีจันเดินตามคอยช่วยเป็นลูกมือให้ไม่ห่าง

ด้านนอก รพินทร์ อนุชา แงซาย ไพรวัลย์ และไชยยันต์ ได้เข้ามาจับกลุ่มพูดคุยปรึกษาหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ระหว่างคุยรพินทร์ลอบมองดูไชยยันต์เป็นระยะ ๆ โดยที่ผู้ถูกมองไม่รู้สึกตัว แต่พฤติการณ์ของพรานใหญ่มีหรือจะรอดพ้นสายตาของอดีตร้องโทกองโจรกะเหรี่ยงไปได้ รพินทร์ผู้ซึ่งกำลังลอบมองนายทหารปืนใหญ่อยู่เหลือบตาไปเห็นเจ้ากะเหรี่ยงหนุ่มจ้องมองตนเองตาเป๋งอยู่ก่อนแล้วถึงกับเกือบสะดุ้ง และด้วยความหงุดหงิด เขาขอตัวผละออกจากวงสนทนานั้นโดยกวักมือเรียกแงซายออกไปด้วย ทั้งสองเดินห่างจากวงสนทนาไปได้ระยะหนึ่ง รพินทร์ก็เหวี่ยงพานท้ายปืนขึ้นกะจะกระทุ้งลำตัวของเจ้าเทพบุตรกรีกด้วยความหมั่นไส้ แต่เจ้าหมอนั่นก็รู้ทางหลบวูบไปได้อย่างรวดเร็ว จอมพรานกระชากเสียงถามอย่างขุ่นมัว

“แกจ้องมองฉันเรื่องอะไร”

“ผมเองตะหากที่จะต้องถามผู้กองว่าผู้กองจ้องมองผมเรื่องอะไร”

แงซายยังคงตอบด้วยลีลาที่กวนโทสะเหมือนเดิม รพินทร์สะบัดหน้าอย่างหงุดหงิด ก่อนจะนิ่งอึ้งไปพักใหญ่อย่างข่มใจ

“เอาละแงซาย ฉันจะไม่พูดยืดเยื้อกับแกละนะ ฉันรู้ว่าแกก็คงรู้ว่าฉันคิดอะไรอยู่ ฉันจะถามแกสั้น ๆ ละว่า แกรู้สึกว่าคุณไชยยันต์เป็นยังไงมั่งตอนนี้ คิดว่ามีอะไรผิดปกติไหม”

“ผู้กองกำลังสงสัยเรื่องปีศาจนกใช่ไหมครับ”

“ใช่ ฉันสงสัย เพราะตอนแรกที่คุณไชยยันต์ได้ยาจากบุญคำไปก็ดูเหมือนจะหายดีแล้ว แต่ระยะหลัง ๆ กลับนิ่ง ๆ เงียบ ๆ ยังไงพิกล แล้วก็ชอบออกนอกกลุ่มไปนั่งที่มืด ๆ คนเดียวผิดปกติวิสัยอีก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคิดถึงเมย์จนเหม่อลอยหรือว่าปีศาจนกยังครอบงำอยู่กันแน่ ฉันก็เลยไม่แน่ใจว่ามีอะไรแอบแฝงหรือเปล่า แล้วแกคิดว่าไง”

“ผมคิดเหมือนผู้กองครับ ว่าแต่ว่าแล้วเราจะรู้ได้ยังไงครับว่านายทหารหายดีจากการเป็นปีศาจนกแน่แล้วหรือเปล่า ถ้านายทหารหายแน่แล้วพรุ่งนี้เราจะได้ออกเดินทางตามหานายแหม่มมาเรียต่อ แต่ถ้าไม่หายเราคงต้องจัดการขั้นเด็ดขาด”

ทั้งสองนิ่งคิดกันอยู่ครู่ใหญ่ รพินทร์ก็เปรยขึ้นมาเบา ๆ

“ฉันว่าเราคงต้องพิสูจน์ให้รู้ดำรู้แดงกันไปเลย….แต่เราจะพิสูจน์ยังไงดีล่ะแงซาย”

“ฮืมม์…ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ ถ้าลุงคำแกหายดีอาจจะช่วยได้มากกว่านี้…อ้าว!!..ผู้กอง ดูนั่นซิครับ นายทหารเดินออกไปนั่งที่โขดหินมืด ๆ คนเดียวอีกแล้ว”

แงซายทำท่าบุ้ยใบ้ให้จอมพรานมองไปทางหน้าเต๊นท์ ทั้งสองมองเห็นไชยยันต์เดินดุ่ม ๆ ออกไปนอกเขตปางพักก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนโขดหินในมุมมืด …..ชั่วอึดใจเดียวจอมพรานดีดนิ้วเปาะราวกับคิดอะไรออกและแล้วพรานใหญ่ก็ส่งสัญญาณให้กะเหรี่ยงโฉมงามตามตนเองไปติด ๆ ทั้งสองย่องเงียบไปยังโขดหินใกล้ ๆ ที่ไชยยันต์นั่งอยู่……..

จาก : แสงโสม - 02/04/2002 09:04

อย่าเพิ่งจบอย่างงี้นะครับคุณแสง ...โธ่....
แงซายตอนนี้ยิ่งเป็นโรคสมองทึบอยู่ด้วย
วันนี้ก็มีภาระกิจหนักต้องไปงานสัปดาห์หนังสืออีก อิอิ

ยังไงผู้กองคิดวิธีได้รีบบอกผมด้วยก็แล้วกัลล์ แล้วผมจามาต่อให้นะครับ อิอิ

จาก : แงซาย - 02/04/2002 09:56

แบบว่า แหม่มอยากมีส่วนร่วมบ้าง เมื่อไหร่ถึงคิวซะทีล่ะคะ

จาก : เบล - 02/04/2002 18:35

ไม่ต้องรอคิวครับ ต่อได้เลยครับ พวกเราเล่นกันแบบฟรีสไตล์ มีกฏนิดเดียวถ้าจะให้สนุก คือ เหลือทางถอยให้คนอื่นครับ เขาจะได้มาเล่นมุขแก้ตัวได้ทีหลัง

จาก : รพินทร์ ไพรวัลย์ - 03/04/2002 12:38

แวะมาเยี่ยมค่ะ

เพิ่งรู้ว่ามีเล่นกันที่นี่ด้วย เชยมั้ยเนี่ย ?



จาก : แม่มดพันปี - 03/04/2002 18:20

ไม่เชยครับ ว่าแต่ว่าแม่มดพันปีนี่คงจะสวยใช่ไหมครับ

จาก : รพินทร์ ไพรวัลย์ - 03/04/2002 19:27

โห...หมั่นไส้นายรพินทร์สุด ๆ เลยนะเนี่ย บอกตรง ๆ


คุณแม่มดพันปีเชยมากกกค่ะ ที่เพิ่งรู้ว่ามีเล่นกันอยู่ที่นี่
ถ้าไม่อยากเชยละก้อ...อะแฮ่ม..กรุณาเข้ามาเล่นด้วยกันโดยด่วนนะคะ @^_^@
(ถ้าช่วยถล่มนายรพินทร์ด้วยจะดีมากเลยค่ะ)

คุณเบลด้วยนะคะยินดีต้อนรับค่ะ

ประกาศตามหา คุณไชยยันต์ คุณพลับพลึง คุณคริสติน่า คุณคี๊ธ คุณบุญคำ คุณหญิงดารินด้วยค่ะ....
รออยู่นานแล้วนา

จาก : แสงโสม - 03/04/2002 19:44

อ้าว ลืมคุณไพรวัลย์ไปด้วยอีกคน คุณไพรวัลย์คะ ถ้าผ่านมาแวะเข้ามาบ้างซิคะ ู^_^

จาก : แสงโสม - 03/04/2002 19:48

วันนี้มาปั่นกระทู้โดยเฉพาะ...เฮ้อ..สงสัยมึนมากไปหน่อย

ตามหาคุณกรวดสีฟ้ามันตรัยด้วยค่ะ ^_^

จาก : แสงโสม - 03/04/2002 19:51

ง่า... แหะๆ .. มารายงานตัวก๊าบ คุณแสงโสม
แต่ว่า ยังไม่ค่อยมีมุขเลยอ่ะ ^_^
ถ้าคิดออกจะมาต่อ พอดีเลย ยังไม่มีเราอยู่ในเนื้อเรื่อง ต้องเอาฟรีเสียก่อน อิอิ...

จาก : คริสติน่า กรูบิล - 03/04/2002 20:03

น้าแสงที่รัก ... หนูพลับพลึงขอไปเกิดใหม่นะค้าาา
แต่ยังไม่รู้อ่ะ ว่าจะเกิดเป็นใครดี ... ขอคิดก่อนค่าา

พี่แหม่มจ๋า... คิดเร็ว ๆ นะค้าา ... :))

จาก : พลับพลึง - 03/04/2002 21:01

ผมก็มาครับ แต่ทว่ายังไม่มีเวลาแก้ตัวหรือเอาคืนกับใครก็ตามที่ทำผมไว้แสบเลยอ่ะครับ งานยุ่งอิรุงตุงนังไปหมด ฝากท่านที่มีจิตใจงดงามช่วยผมให้รอดจากปากเหยี่ยวปากกาด้วยเถิด แล้วจะมาสนองคุณภายหลัง แล้วเจอกันแน่ครับ

จาก : ไชยยันต์ อนันตรัย - 03/04/2002 23:42

........................................
ไม่เชยครับ ว่าแต่ว่าแม่มดพันปีนี่คงจะสวยใช่ไหมครับ

จาก : รพินทร์ ไพรวัลย์ - 03/04/2002 19:27
................................................................

แบบว่า ตอนนี้ยังหาเครื่องในไม่ได้ ก็เลยเป็นสาวสวยอายุพันปี
พอรับได้มั้ยเอ่ย ?

เดี๋ยวมาแน่นอนค่ะ แต่ขอกลับไปอ่านก่อน




จาก : แม่มดพันปี - 03/04/2002 23:49

คุณแม่มดพันปีครับ ถ้ายังหาเครื่องในไม่ได้ ผมแนะนำให้เอาจากผีกระสือครับจะง่ายที่สุด ไม่ต้องเสียเวลา

อารายคุณแสง ก่อนหน้านี้ยังสวีทกันหยด เอ๊ยไม่ใช่นาคุณหญิง ผมพูดผิด จะพูดว่า ยังดีกันอยู่เลย ไหงตอนนี้มาแปรพักตร์ไปแถมยังชวนคนอื่นมาถล่มผมอีก ไม่เข้าใจเรยยยย พวกผู้หญิงน้ำกลิ้งบนใบบอน รักเร่รักร่อนแล้วก็ร่อนรักร้าง ปล่อยให้พี่ปวดใจเปลี่ยวว้าง นอนอางขนางหนาวเพราะสุดคนึง.....

จาก : รพินทร์ ไพรวัลย์ - 04/04/2002 11:05


ขอโทษ..ขอโทษ...มัวแต่ไปวุ่นวายอยู่ที่ถนนฯ.....

อภิมหานิยายกำลังฮิต..ฮิ..ฮิ....เดี๋ยวมาต่อแน่ๆ...

ไชโย...คุณแสงโสมคิดถึงเราแล้ว..วู้ปี้....แว้ก..แว้ก...ดีใจ..

จาก : คี๊ธ ..คำ หนองน้ำแห้ง...ดาริน... - 04/04/2002 12:42

เย้…ดีใจจังค่ะที่มากันพร้อมหน้า @^_^@

คุณคริส กับคุณแม่มดพันปี ต่อได้เลยนะคะ
ตอนนี้เป็นโอกาสอันดีสำหรับการยำมากเพราะบรรดาหนุ่ม ๆ กำลังไม่ว่างบ้าง หมดมุขบ้าง เราต้องรีบฉกฉวยโอกาสไว้ค่ะ ไม่งั้นเดี๋ยวพ่อเจ้าประคุณทั้งหลายกลับมาจะหมดโอกาสซะก่อน ^_^
คุณแม่มดพันปีอยากจะเปลี่ยนเป็นตัวใหม่ก็ได้นะคะ หรือจะยังไงก็ได้ตามสะดวกค่ะ

หลานพลับพลึงจะเปลี่ยนเป็นตัวไหนจ๊ะ รีบ ๆ คิดเร็ว ๆ นา ไม่งั้นเดี๋ยวน้าจับเปลี่ยนให้ซะเองเลย :p

คุณไชยยันต์คะ แสงบอกให้ได้เลยว่าคนที่ทำคุณไชยยันต์ไว้แสบน่ะ คือ อีตารพินทร์ อันดับหนึ่งค่ะ แล้วอันดับสองคือตาบุญคำ อันดับสามคือเคอเนลคี๊ธ มีสามคนนี้เท่านั้นที่ทำคุณไชยยันต์ไว้ นอกนั้นทุกคนที่เหลือดีหมด อิ อิ ผู้มีจิตใจงดงามท่านใดต้องการช่วยเหลือคุณไชยยันต์โปรดจัดการกับสามคนนี้ได้เลยนะคะ

นายรพินทร์ตัวแสบ แสงไม่อยากรื้อฟื้นเรื่องไก่ทองคำขึ้นมานะยะ หนอย..ไอ้เรารึ อุตส่าห์หาสมบัติมาให้ ที่ไหนได้
พอเจอคุณหญิงดารินเข้าหน่อยเดียวทิ้งกันเฉยเลย…โกรธ...เลิกคบแล้ว…ตอนนี้เราเป็นศัตรูกันนะรู้ไว้ด้วย : p
ว่าแต่ว่าขอแซวหน่อยเหอะนะ..เรื่องเครื่องในกระสือน่ะ ถ้าจะให้ง่ายกว่านั้น แสงว่าคุณไปตามล่าหากระสือมาให้คุณแม่มดพันปีสักตัวสองตัวน่าจะสะดวกกับคุณแม่มดมากกว่านะจ๊ะ

ผู้การคี๊ธคะ เอ่อ..ง่า…แสงลืมเตือนผู้การไปเมื่อตอนแรกว่าการเล่นเป็นหลายตัวละครจะเสี่ยงต่อการเป็นเป้าถูกยำมากเป็นพิเศษน่ะค่ะ แหะๆ เตือนตอนนี้จะสายไปหรือเปล่าหนอ แต่คงไม่เป็นไรเพราะผู้การฝีมือเฉียบขาดระดับกระทู้ฮิตติดอันดับยอดนิยมอยู่แล้วค่ะ ^_^
ว่าแต่ว่าดีใจที่แสงคิดถึงจริงเร้ออ…หรือว่าดีใจที่มีสาว ๆ เข้ามาเยอะกันแน่จ๊ะ..อิอิ

คุณแงซายปลดเปลื้องภาระกิจหนักจากงานสัปดาห์หนังสือได้แล้วยังคะ หนังสือหมดศูนย์สิริกิต์แล้วยังหนอ : )))


จาก : แสงโสม - 04/04/2002 21:11

เครื่องในกระสือใช้ไม่ได้หรอกค่ะ ต้องของหนุ่มๆ รูปหล่อ มาดแมน
อย่างคุณรพินทร์เนี่ย ใช่เลย ขอบริจาคได้เปล่า ?
(เอาแค่เซี่ยงจี้ก็ยังดี)

คุณแสงคะ คอนเฟิร์มอีกครั้ง เราจะรุมยำพวกหนุ่มๆ ใช่มั้ย ?
ได้เลยค่ะ ขอกลับไปนอนคิดมุขก่อน พรุ่งนี้จะมาต่อเรื่องเอง


จาก : แม่มดพันปี - 04/04/2002 21:41


กึ๋ยส์….บอกว่าจะไม่อยู่แป๊บเดียว..จะเล่นเราเสียแล้ว…..
เอ ! แต่ที่แซวเราว่าเข้ามาเพราะสาวๆเยอะนี่ … คุ้นๆแฮะ..คุ้นๆ..
ผมคิดถึงคุณแสงโสมจริงๆ โธ่…ให้ตายสิเอ้า …
…………………………………………………………………………………………………….

บุญคำจับตามองคนทั้งสองที่กำลังก้าวตรงเข้าไปหาไชยยันต์…เฒ่าเจ้าเล่ห์ยิ้มเห็นฟันหมดปาก
ปูผ้าผวยลงที่โคนหินก้อนใหญ่ เอนร่างครึ่งนั่งครึ่งนอนพิงก้อนหินอย่างแสนสุข ….
เห็นคี๊ธนั่งอยู่คนเดียวเงียบๆ ห่างออกไปไม่ไกลนัก จึงกวักมือเรียก …

นายพลที่หนุ่มที่สุดในกองทัพสหรัฐยิ้มกว้างๆ คว้าบรั่นดีติดมือ ก้าวยาวๆเข้าหาบุญคำ
เฒ่าสัปโดกตบมือลงบนพื้นหินเป็นเชิงให้นั่ง เงยหน้าขึ้นถาม …

“ นอนไม่หรับเร๊อะ นายห้างคี๊ธ ”

“ ฮื่อ…บรรยากาศมันแปลก ๆ”

“ แปลกสิ … สองคนนั่นเดินไปหานายทหารแล้วเห็นไหม คงจะกระสากลิ่นอะไรสักอย่าง
เราคอยดูเงียบๆดีกว่า เกิดอะไรขึ้นเดี๋ยวรู้เองแหล่ะ”

คี๊ธส่งบรั่นดีให้อย่างรู้ใจ บุญคำยิ้มร่าถูไม้ถูมือ รับบรั่นดีมาเทใส่แก้วพลาสติคที่วางอยู่ใกล้ๆ
ยกขึ้นดื่ม แล้วหลับตาพริ้มเพื่อซึมซาบรสชาติ …

“บุญคำว่ามันจะมีอะไรไหม ..คืนนี้”

บุญคำยิ้มเกรียมๆ ไม่ตอบคำถาม (ปล. ก็ไม่รู้นี่หว่าว่าสาวๆเขาจะเอาอย่างไรกัน - ผู้เขียน)

คี๊ธรำพึงต่อ

“เป็นห่วงคุณแสงโสมจริง …. บุญคำแน่ใจนะว่าไม่เป็นอะไร …

เฒ่าสัปโดกหัวเราะหึๆ โบกมือปัดลงข้างๆ

“ถ้านกยักษ์ตัวนั้นมันไม่ใช่ครุฑ ก็ไม่ต้องไปห่วงอะไรหรอก .. … แต่ถ้าเป็นพญาครุฑนะ …
ป่านนี้คงสยึ๋มกึ๋ยส์ไปแล้ว …ฮิ..ฮิ..”

“ อะไรคือ .. สยึ๋มกึ๋ยส์”

คี๊ธทำหน้างงๆ
“ อ้าว ! ก็เหมือนเรื่องของพญาครุฑกับนางกากีไง..นายห้างนี่ถ้าจะไม่เคยดูยี่เก..พญาครุฑมันจับ
นางกากีไปอย่างนี้แหล่ะ..แต่มันไม่ได้จับไปเฉยๆ..มันเอาไปสยึ่มกึ๋ยส์เพราะมันเป็นตัวผู้ ..เข้าใจ๋”

คี๊ธผงกหัวช้าๆอย่างเริ่มเข้าใจ …

“ แล้วที่มันจับคุณแสงโสมไปนี่ตัวผู้หรือตัวเมีย “

ตาเฒ่าแยกเขี้ยว

“โธ่ ! นายห้างตอนนั้นเผ่นกันตับแล่บ ใครจะไปจ้องดูว่ามันจะเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย…
นี่นายห้างเราระวังของเราไว้ดีกว่าเผื่อมันมีอะไร นายห้างนอนใกล้ๆบุญคำนี่แหล่ะ
เพราะนายห้างเป็นฝรั่ง หากพวกภูติผี ปีศาจมา ไอ้คำจะได้ช่วยทัน ….นี่เมื่อตะกี้
ไอ้พวกลูกสมุนของบุญคำพากันออกไปเซอลาเวย์ เห็นมันบอกว่าถิ่นนี้มีแม่มดอยู่”

“ What ? อะไรคือแม่มด”

คี๊ธหัวเราะถาม บุญคำรินเหล้าใส่แก้วยกซดอีกหนึ่งอึก เอาแขนเสื้อเช็ดปากแล้วอธิบายคร่อก

“แม่มดก็เป็นพวกยายแก่หนังเหี่ยวไง … นายห้างเคยเห็นไหม …ที่อยู่กับไอ้ห้อยไอ้โหนน่ะ…..
ใส่เสื้อคลุมตัวใหญ่ๆ ข้างในใส่อะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้ คงเย็นโหวงพิลึก ..ฮิ..ฮิ..”

คี๊ธหัวเราะก๊าก … ตบไหล่บุญคำเบาๆ คะยั้นคะยอให้ตาเฒ่าเล่าออกมาอีก

“ พวกนี้ส่วนมากจะแก่นะนายห้าง เบาะๆก็ประมาณคุณแสงโสมขึ้นไป…อ้าว ! ปากเสียแล้วตู
นายห้างอย่าไปบอกใครนะว่าบุญคำพูดอย่างนี้ ..แฮ่… ผิวงี้ยานเชียว แต่ชอบจังไอ้พวกครีม
ถนอมผิวนี่ พอใช้เสร็จก็ชอบให้คนชมว่าสวย … ถ้าไม่ว่าสวยก็จะสาบเอาอีก …เฮ้อ..เบื่อจริงๆ”

“บุญคำเล่าสนุกดี เอาอีกๆ แต่ว่านี่เรื่องจริงหรือ”

“จริงสินายห้างคี๊ธ …ไอ้พวกกุมารทองมันเห็นมากับตา ตอนนั้นยายแม่มดอาบน้ำอยู่พอดี
พวกมันบอกว่าแก่หนังเหี่ยว จนอะไรต่อมิอะไรลากพื้น ถึงว่าต้องใช้เสื้อคลุมตัวใหญ่ๆ
ยังมีอีกนา พวกนี้จะขี้งอนใจน้อย อะไรๆก็โมโหตะพึดยังกะคุณแสงโสมไม่มีผิด อ้าว ! ปากเสีย
อีกแล้วตู …. แต่ไม่ต้องกลัวร้อกนายห้าง พวกนี้เก่งแต่ปากเท่านั้นแหล่ะ …ฮี่..ฮี่…เราเข้านอน
กันดีกว่า … มีอะไรบุญคำจัดการเอง..”

คี๊ธหาวปากด้วยความง่วง เพราะตีสามกว่าแล้ว ผงกหัวเห็นด้วย แต่เมื่อเห็นบุญคำทำอะไรอยู่
ยุกยิกก็อดซักถามอีกไม่ได้

“ทาแป้ง ..นายห้าง “ ..บุญคำตอบ…”แป้งหิมาลายา บูเก้ หอมชื่นใจ พวกนั้นชอบว่าบุญคำเหม็น
กันดีนัก เอ้า ! หันหลังมานายห้างจะทาให้ แก้ผดผื่นคัน นอนหลับสบาย..”

แล้วทั้งคู่ก็นอนหลับฝันหวาน จนถึงเช้า …. อย่างมีความสุข…..

พระอาทิตย์ส่องแสงแล้ว ฝูงนกร้องขับขาน อากาศเย็นสดชื่น…. อ้า ! ช่างเป็นเช้าที่อากาศดีจริงๆ
………………………………………….
………………………………………….


จาก : ใครเอ่ย.... - 05/04/2002 03:46

คอนเฟิร์มค่ะ คุณแม่มดพันปี ลุยโลดค่ะ @^_^@

รพินทร์จ๋า คุณก็ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษไพรนา อย่าให้เสียชื่อเป็นอันขาด
แสงสนับสนุนให้บริจาคเซี่ยงจี๊ให้คุณแม่มดเธอไปเฮอะ กุศลแรงนะจ๊ะ ^_^


จาก : แสงโสม - 05/04/2002 09:22

กรี๊ดดดดด มาว่าเราแก่หนังเหี่ยว ยอมไม่ได้

---------------------------------------------------------

นายทหารประจำกองทัพสหรัฐตื่นขึ้นอย่างงัวเงียเพราะเสียงนกร้อง
แดดยามเช้าทอแสงอ่อนๆ กระทบหน้าของนายทหารหนุ่มจนสุดที่จะ
นอนต่อไปได้ ต้องลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจพลางหันไปเรียกพรานเฒ่าให้
เตรียมอาหารเช้า

ทันใดนั้นเอง คีธก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ จึงหันไปปลุก
บุญคำ แต่อนิจจา ทั้งเขย่าตัวก็แล้ว เตะกลิ้งไปกลิ้งมาก็แล้ว
บุญคำไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาเลย

"เอ... มันชักจะยังไงแล้ว อยู่ดีๆ เราขึ้นมาอยู่บนนี้ได้ยังไง
ข้าวของสัมภาระไม่รู้หายไปไหนหมด บุญคำก็ง่วงมาจากไหนไม่รู้
ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น" นายทหารหนุ่มพูดพลางสำรวจพื้นที่
รอบๆตัว

ที่แท้ทั้งสองคนติดอยู่บนชะง่อนผา มองลงไปเบื้องล่างเป็น
เหวลึก ด้านบนก็เป็นหน่าผาสูงชัน ปกติก็ปีนได้ยากอยู่แล้ว
ยิ่งตอนไม่มีเครื่องมือแบบนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนอกจากมีปีกแล้ว
ไม่มีทางออกไปได้แน่นอน ด้านในมีกองไม้ ลักษณะเหมือนรังนก
แต่เป็นรังนกที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่คีธเคยเห็นมา

"รังใหญ่ขนาดนี้ ตัวนกมันต้องน้องๆช้างเลยนะเนี่ย"
นายทหารบ่นพึมพำกับตัวเองอย่างหมดอาลัยตายอยาก
"ถ้ามีวิทยุยังพอเรียกฮอมารับได้แต่นี่ของหายไปไหนหมดไม่รู้
บุญคำก็ปลุกไม่ตื่น เฮ้อ .."

ทันใดนั้น เสียกนกร้องก็ดังขึ้นอีก แต่คราวนี้ดังก้องราวกับผ่าน
ลำโพงขยายเสียง

"แกว๊กกกกกก แกว๊กกกกกก"

จาก : แม่มดพันปี - 05/04/2002 11:12

จากสายตาที่เห็น..อะโห…นกยักษ์..หรือพญาครุฑกันแน่ ดูรูปร่างลักษณะคล้าย ๆ พญาครุฑอย่างประหลาด แต่แปลกแฮะ..ทำไมนกที่คล้ายพญาครุฑตัวนี้จึงมีท่าทีกระตุ้งกระติ้งเหมือนกระเทยอย่างบอกไม่ถูก…นกยักษ์จ้องมองนายทหารด้วยตาเป็นมันปลาบ แลบลิ้นออกมาแผล็บ ๆ มองดูมุมปากเหมือนกับยินดีที่ได้เห็นชายหนุ่มหล่อล่ำบึ๊กที่ส่งตรงมาจากอเมริกาโดยเฉพาะ ราวกับหนุ่มกลัดมันมองสาว ๆ งั้นแหละ…คี๊ธเพ่งมองพร้อมกับสรุปในใจ

นกยักษ์ตัวนั้นบินตรงเข้ามายังตำแหน่งที่คี๊ธยืนอยู่ กระแสลมจากปีกที่กระพือพึ่บพั่บนั้นรุนแรงจนทำให้อเมริกันร่างหนารั้งร่างไว้ไม่อยู่ยืนโอนเอนไปมาก่อนจะล้มกลิ้งลงไปที่พื้นใกล้ ๆ กับบุญคำ ช่างเหมาะอะไรอย่างนี้ นกยักษ์ร้องแกว๊ก ๆ อีกครั้งอย่างยินดี ทำตาเจ้าชู้ให้คี๊ธ ก่อนจะโฉบลงใช้อุ้งเท้าทั้งสองด้านตะปบร่างของคี๊ธและบุญคำขึ้นมา แต่พิโธ่เอ๋ย นกยักษ์ใช้อุ้งเท้าตะปบอยู่ตั้งหลายครั้งหลายหนจนทั้งคี๊ธและบุญคำน่วมไปทั้งตัวก็ยังตะปบไม่ขึ้น จนสุดท้ายตะปบไปเป็นครั้งที่ 98 ทั้งคี๊ธและบุญคำถึงได้ติดอุ้งเท้าของนกยักษ์ขึ้นมา โดยมีบุญคำอยู่ในอุ้งเท้าซ้าย และคี๊ธอยู่ในอุ้งเท้าขวา

นกยักษ์ร้องแกว๊กกก ยาว ก่อนจะโผบินขึ้นสู่อากาศเบื้องบน แต่….เฮ้อ….น้ำหนักของชายสองวัยต่างกันราวฟ้าดิน นกยักษ์ยังปรับน้ำหนักไม่สมดุลเลยทำให้บินโคลงเคลงอุ้งเท้าจับร่างชายทั้งสองไว้ไม่มั่น ร่างของคี๊ธและบุญคำร่วงผล็อยลงกับพื้นในตำแหน่งเดิมที่นอนอยู่เมื่อครู่ดังแอ๊กกกใหญ่ กระดูกแทบจะหลุดออกมานอกเนื้อ เสียงคี๊ธร้องโอดโอยยดังลั่นในขณะที่บุญคำยังนอนนิ่งไม่ไหวติง

ทันใดนั้น เสียกนกร้องก็ดังขึ้นอีก แต่คราวนี้ดังก้องราวกับผ่าน ลำโพงขยายเสียง

"แกว๊กกกกกก แกว๊กกกกกก"

จาก : แสงโสม - 05/04/2002 12:08

เฮ้อ มาช้าไปหน่อย ไปซื้อเกาเหลาเซี่ยงจี๊มาให้คุณแม่มดพันปีที่ประตูน้ำ มารับไปเลยครับ ผมซื้อมาตั้งร้อยถุงแน่ะ ใครอยากได้เซี่ยงจี๊มารับไปเลย....

เราเป็นศัตรูกันเหรอออออ อืมมมมมม ม่ายจริงมั้งงงงง ใจผมไม่คิดงั้นนี่นา คุณแสง

จาก : รพินทร์ ไพรวัลย์ - 05/04/2002 15:30

รู้สึกว่าที่บอร์ดนี้จาหนุกกว่าบอร์ดนู้นอีกอ่ะ แล้วถ้าว่างๆจะมาช่วยต่อนะคะ

จาก : พันธุมวดี - 06/04/2002 21:49


…………………..ความเดิมจากตอนที่แล้ว ……………………………………..

นกยักษ์ร้องแกว๊กกก ยาว ก่อนจะโผบินขึ้นสู่อากาศเบื้องบน แต่….เฮ้อ….น้ำหนักของชายสองวัย
ต่างกันราวฟ้าดิน นกยักษ์ยังปรับน้ำหนักไม่สมดุลเลยทำให้บินโคลงเคลงอุ้งเท้าจับร่างชายทั้งสอง
ไว้ไม่มั่น ร่างของคี๊ธและบุญคำร่วงผล็อยลงกับพื้นในตำแหน่งเดิมที่นอนอยู่เมื่อครู่ดังแอ๊กใหญ่
กระดูกแทบจะหลุดออกมานอกเนื้อ คี๊ธร้องโอดโอยดังลั่นในขณะที่บุญคำยังนอนนิ่งไม่ไหวติง

ทันใดนั้น เสียกนกร้องก็ดังขึ้นอีก แต่คราวนี้ดังก้องราวกับผ่าน ลำโพงขยายเสียง

"แกว๊กกกกกก แกว๊กกกกกก"..

…ครั้งที่แล้วได้จบแต่เพียงเท่านี้ ขอท่านได้พบกับความสำเริงสำราญในตอนต่อไปได้ ณ บัดนี้…

นกยักษ์ตัวนั้นนิ่งสักครู่เหมือนจะคิดอะไร แล้วก็กระพือปีกบินขึ้นไปบนท้องฟ้าลับหายไปในเมฆา

คี๊ธหน้านิ่ว เอามือกดบั้นเอว ครางอู้ด้วยความเจ็บปวด นอนแช่อยู่ในท่าเดิมสักพักก็ขยับลุกขึ้น
เอื้อมมือไปจะเขย่าร่างบุญคำ แต่แล้วก็ต้องอุทานออกมาอย่างสงสัยที่เห็นตาเฒ่าลุกขึ้นนั่ง ทำท่า
เฉยๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ เฮ้ !!! บุญคำไม่เป็นอะไรหรือ แล้วทำไมเมื่อกี้ปลุกอย่างไรก็ไม่ตื่น”

“จะตื่นทำไมให้นกมันจิก นายห้างคี๊ธ นายห้างมัวแต่บ่นงึมงำ ดูรอบข้าง …… แต่ไม่ยอมเงยขึ้นดู
ข้างบน บุญคำเห็นมันจ้องมาตาแดงโร่ ยังกะเห็นพวกเราเป็นหนอน เลยต้องทำเป็นนิ่งๆไว้ก่อน
ถ้ามันไม่จิกก็ไม่ขยับ”

คี๊ธ ..ทำหน้าตื่นๆ จ้องหน้าบุญคำอย่างเลื่อมใส

“โอ้โฮ ..แสดงว่าบุญคำรู้เรื่องหมดเลยสินี่ … ฉันยังนึกว่าบุญคำเป็นอะไรเสียอีก”

“หุ่นแบบบุญคำเขาเรียกว่า….ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ ตายยากนายห้างคี๊ธ .. ไม่เหมือนแบบ
คุณแสงโสม จ้ำบ๊ะแบบนั้นเขาเรียก ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่เหลือ”

คี๊ธหัวเราะ แต่ยังทำหน้างงๆ

“อะไรคือจ้ำบ๊ะ”

“ปู้โธ่ ..นายห้าง ไม่รู้จักจ้ำบ๊ะ” …. เฒ่าสัปโดกอธิบายคร่อก

“จ้ำบ๊ะ ก็เป็นหุ่นของสาวๆที่เหลือกินเหลือใช้ไง คนรุ่นก่อนชอบหุ่นแบบนี้แหล่ะ แต่เดี๋ยวนี้เป็นไง
ไม่รู้สาวๆชอบเอวบางร่างน้อยกันจัง ทั้งยอมอดข้าวทั้งกินยาลดความอ้วน เอากันเสียจนเสียทรง
ส่วนพวกอ้วนๆ เอ๊ย ..ท้วมๆแบบคุณแสงโสมนี่แหล่ะเขาเรียกว่าจ้ำบ๊ะ น่าเอาไปเล่นเมียงูนิ …”

ว่าแล้วตาเฒ่าก็ตบมือเป็นจังหวะร้องเป็นเพลงเมียงู

“เชิญครับ..เชิญครับ …. บาทเดียวดูเพลิน อะไรไม่เกินเมียงู ลูบได้คลำได้ แต่อย่าเอาไม้เขี่ยรู…
คนนี้ชื่อแสงโสม ขอผู้ชมจงโปรดมาดู … เชิ้บ..เชิ้บ…”

คี๊ธหัวเราะก๊ากอย่างสุดกลั้น …นอนกุมท้องหัวเราะอย่างตลกสุดขีด ในคำร้องและท่าทางของ
จอมกระล่อนสมุนเอกของรพินทร์ ลืมสถานการณ์ที่น่าหวาดเสียวไปชั่วขณะ

แต่แล้วทั้งสองก็สะดุ้งโหยงเมื่อมีเสียงตวาดแหวอยู่ใกล้ๆ

“ใครว่าฉันเป็นเมียงู…หา ?”

บุญคำหลับตาปี๋ จำเสียงนั้นได้เป็นอย่างดี ……… อ้าปากหัวเราะแบบไม่มีเสียง วิ่งจู๊ดหลบไป
อยู่ข้างหลังของนายพลหนุ่มรูปหล่อแห่งกองทัพสหรัฐ เพื่อตั้งหลักไว้ก่อน ..
ทั้งสองกวาดสายตาไปรอบๆเพื่อสำรวจถึงที่มาของเสียงตวาด สักครู่ก็ได้ยินเสียงตวาดมาอีก

“ตรงนี้ ตาถั่วกันหรือไง อยู่ตรงนี้…”

เสียงนั้นดังเยื้องไปทางเบื้องล่างนิดหนึ่ง ทั้งสองช่วยกันมองลอกกิ่งไม้ท่อนใหญ่ๆที่สานเป็นรังนก
ลงไปก็เห็นเยื้องลงไปทางเบื้องล่าง มีชะง่อนหินยื่นออกมาจากหน้าผมอีกก้อนหนึ่ง ……และตรง
หน้าผาบริเวณนั้น มีรอยแตกออกคล้ายปากถ้ำ แต่แคบ ๆ ประมาณหนึ่งเมตรเท่านั้น

เมื่อเพ่งดูดีๆก็เห็นแสงโสมยื่นหน้าออกมาจากรอยแตกของหน้าผาคล้ายปากถ้านั้น กวักมือไหวๆ
สองคนดีใจอย่างสุดขีด ที่มาพบแสงโสมอย่างไม่คาดฝัน คี๊ธถึงกับนึกถึงพระเจ้าทำอาเมน

บุญคำตบมือหัวเราะ ร่อนออกมาจากข้างหลังคี๊ธ รำเชิ้บๆ ตะโกนเสียงดัง

“ฮ่า.ฮ่า.ไม่ต้องใช้ “อีลอบคอปเต๋อ” ของนายห้างเราก็มาเจอคุณแสงโสมแล้ว อยู่นี่เองแม่คุณเอ๋ย”

ว่าแล้วก็สำรวจลู่ทางลงไป แล้วก็เห็นส่วนของรังนกที่ติดกับผนังหน้าผา ไม่สามารถที่จะเอาไม้
สานไว้ให้แน่นหนาได้เพราะติดโขดหิน ทำให้ส่วนนั้นมีช่องว่างพอจะมุดลงไปจากรังได้ และพอ
ไต่ตามช่องนั้นลงไป เบื้องล่างก็คือชะง่อนหินที่มีลักษณะเป็นตะพักอยู่เบื้องหน้ารอยแตกคล้าย
ถ้ำที่แสงโสมอยู่ภายในนั้นนั่นเอง …

สำรวจลู่ทางแล้วทั้งสองก็เข้าใจในทันที ว่าแสงโสมใช้ช่องที่เห็นในขณะนี้ไต่ลงไปเบื้องล่าง ซึ่งมี
ชะง่อนหินใหญ่เป็นระเบียงรองรับไว้อย่างดี แล้วก็หลบเข้าไปอาศัยในรอยแตกนั้น ซึ่งจากที่ดู
เผินๆก็พอจะสังเกตออกว่าภายในต้องกว้างขวางมากทีเดียว …

และการที่ตรงนั้นอยู่เบื้องล่างต่ำลงไป กลับทำให้รังนกที่อยู่เบื้องบน มีลักษณะเป็นเหมือนชายคา
ยื่นออกไปกันแดดกับฝน ที่สำคัญที่สุดกลายเป็นกันนกยักษ์ตัวนั้นเอง ให้ไม่สามารถจะบินไป
ตรงนั้นได้เพราะเกะกะรังของตัวเอง

บุญคำเป่าปากเปี๊ยว … เอามือป้องปากโห่แบบทาร์ซาน แล้วก็ลากคี๊ธมุดลงไปตามช่องนั้นซึ่งมี
ก้อนหินและท่อนไม้ของรังนกเป็นที่ให้เหยียบไต่ลงได้อย่างสบายๆ ..

เมื่อไต่ลงมายืนบนตะพักนั่น กำลังจะมุดเข้าไปในรอยแยกของหน้าผา ก็มีเสียงกรี๊ดกร๊าด
เจี๊ยวจ๊าวดังมาจากข้างใน ..ตวาดไม่ให้เข้าไป… สองหนุ่มหล่อชะงัก เกาหัว อย่างงุนงง

“เอ …นี่มันยังไงล่ะนายห้าง …นี่มันมีเสียงพูหญิงเต็มไปหมด แสดงว่าไม่ใช่คุณแสงโสมเพียง
คนเดียว แล้วยังห้ามไม่ให้พวกเราเข้าไปอีก ..รู้จักพวกเราเสียด้วย ..บุญคำงง”

เสียงเหล่านั้นตวาดแว้ดมาอีก …

“ไม่ต้องงงตาเฒ่าพวกเราเอง … แต่ตอนนี้ห้ามเข้ามาพวกเราโป๊อยู่…”

บุญคำกับคี๊ธอ้าปากหวอ หันมามองหน้ากัน แล้วก็หัวเราะก๊าก หันหน้าเข้าหากัน บุญคำเอามือ
หงายแบขึ้น แล้วคี๊ธก็ตบลงบนมือนั้นดังเพี๊ยะ แบบนักกีฬา ทั้งคู่หันตะโกนเข้าไปในถ้ำ


จาก : มังกรคู่ .. สู้สิบทิศ - 07/04/2002 17:45


“ เฮ้ ..อิสซาเบล นั่นยูใช่ไหม … คริสด้วยเธอมาได้อย่างไร”

บุญคำก็ตะโกนประสานเสียงแจ๋ว

“แหม่มทอง แหม่มแดง แหม่มมาเรียด้วย .. โฮ้ยยยย..มารวมกันได้ไง แล้วมีเสียงใครอีก”

“ตาเฒ่าบุญคำนี่ฉันเองมาเรีย ..เธอมาได้ไง พวกเราอยู่กันหกคน นอกจากสี่คนนี้แล้วมีน้องน้อย
ชื่อพลับพลึงกับคุณพี่สาวแม่มดพันปีอยู่ อย่าเพิ่งเข้ามา นกตัวนั้นมันจิกทึ้งเสื้อผ้าพวกเราบางคน
ขาดวิ่นจนจะโป๊หมดทั้งตัวแล้ว พวกเธอมีเสื้อผ้าไหม … เอามาให้ใส่หน่อย”

เสียงแหม่มมาเรียตะโกนบอกเป็นภาษาพม่ามาจากข้างใน ทั้งสองยังงงๆที่ทั้งหมดมารวมกันได้
แต่ก็พอนึกออกว่าเป็นนกยักษ์ตัวนั้นจับมาแน่ๆ บุญคำหัวเราะตะโกนตอบ

“เสื้อผ้าไม่มีนานแหม่ม … วู้…มันไม่เย็นโหวงหมดเหรอ เดี๋ยวขอไอ้คำนึกก่อน”

แล้วก็หันมาปรึกษากับคี๊ธ นายทหารหนุ่มพอรู้เรื่องที่บุญคำแปลให้ก็ตบหน้าผากตัวเอง

“โอ้ ก้อด !!! ทำไมนกตัวนี้ถึงได้อัปรีย์อย่างนี้ ทำไงดี … เอาอย่างนี้พวกเราถอดชุดให้ผู้หญิงเขา
ใส่กันเถอะ เราเป็นผู้ชายนุ่งอย่างไรก็ได้”

คี๊ธออกความเห็นอย่างสุภาพบุรุษชาติทหาร น้ำใจงามสมกับหน้าตาที่หล่อเหลา …

เอาก็เอา ดีนะที่บุญคำโดดลงน้ำมาแล้วทำให้เสื้อผ้าไม่เหม็น ไม่งั้นคงไม่มีใครเอาแน่ๆ

บุญคำก็เห็นตามกันอย่างใจถึง ตะโกนตอบว่าจะโยนเสื้อผ้าเข้าไปให้รอสักครู่

ทั้งสองช่วยกันปลดเสื้อผ้าออก ได้รายการดังนี้ กางเกงขายาวของคี๊ธหนึ่งตัว เหลือกางเกงขาสั้น
ติดตัวไว้ เสื้อแจ๊คเก็ตและเสื้อเชิ๊ตของคี๊ธอีกอย่างละตัว ส่วนตัวเองเหลือเสื้อกล้ามไว้
กางเกงขาก๊วยของบุญคำหนึ่งตัว เสื้อม่อฮ่อมหนึ่งตัว ผ้าขาวม้าของคี๊ธที่ขอมาจากบุญคำหนึ่ง
บุญคำมีสอง โพกหัวหนึ่ง เคียนเอวหนึ่ง เอาเก็บไว้นุ่งหนึ่งผืน อีกสองโยนเข้าไปในถ้ำ

เสียงตะโกนบอกมาว่าแต่งตัวเสร็จแล้ว สองหนุ่มน้อยก็เดินเข้าไปในถ้ำ เห็นมาเรียอยู่ในชุดเดิม
ของตัวเอง แต่เสื้อขาดเลยเอาผ้าขาวม้าคาดอกไว้ แสงโสมนุ่งกางเกงขาก๊วยกับเสื้อม่อฮ่อมของ
บุญคำ คริสนุ่งกางเกงขายาวและเสื้อแจ๊คเก็ตของคี๊ธ อิสเบลเอาเสื้อเชิ๊ตของคี๊ธคลุมทับชุดเดิม
ที่ขาดโหว่อยู่หลายจุด มีเด็กสาวคนหนึ่งหน้าเหมือนลำไยแต่ไฮไลท์ผมสีชมพูเอาผ้าขาวม้าอีกผืน
ไปคาดอก แต่มีร่างหนึ่งหลบมุมอยู่หลืบในสุดลับๆล่อๆ

“แต่งตัวเรียบร้อยกันดีแล้วเร๊อะ บุญคำดีใจจัง …แล้วโน่นใครอีกคน ..” .. บุ้ยปากเข้าไปข้างใน

“เจ๊แม่มดพันปี ..ไม่มีอะไรนุ่งเลย เสกมาก็ไม่ได้ปีศาจนกมันสะกดไว้ เลยโป๊อยู่จะทำอย่างไรดี”

แสงโสมบอกมาเป็นเชิงปรึกษา สองหนุ่มเหลือบ มาลันดูแก มาแลดูกัน พิจารณาแล้วก็ไม่เห็น
ว่ามีอะไรพอจะให้ได้..จึงนิ่งคิดอยู่ …. สักครู่จอมกระล่อนก็ดีดนิ้วเปาะ…

“นั่นเป็นแม่มดเร๊อะ…”

ทั้งหมดผงกหัว …

“แบบที่อยู่กับไอ้ห้อยไอ้โหนนั่นใช่ไหม จมูกยาวๆ คางยื่นๆ เป็นยายแก่หนังเหนียวเคี้ยวยาก”

ทุกคนหัวเราะคิก แสงโสมบอกมา

“เขาไม่แก่ขนาดนั้นหรอก .. เดี๋ยวตาคำก็เห็นเอง แล้วตอนนี้จะเอาอย่างไรบอกมาซิ”

“ถ้าเป็นแม่มดแบบในหนังบุญคำนึกออก ว่าแต่งตัวอย่างไร เผอิญมีพอดี”

ทุกคนนิ่งฟังอย่างสนใจ คี๊ธถึงกับชอบใจตบหลังจอมกระล่อนป้าบๆ

“แม่มดก็ใส่เสื้อคลุมผืนยาวๆสีดำใช่ไหม..ตอนที่นกมันจับบุญคำมา ตอนนั้นกำลังนอนห่มผ้าผวย

อยู่มันเลยขยุ้มติดมาด้วย ตอนนี้ยังกองอยู่ข้างบนโน่น เดี๋ยวบุญคำจะไปเอามา เจาะรูตรงกลาง
พอสวมหัวได้ เอาหัวสอดเข้าไปก็จะกลายเป็นเสื้อคลุมแม่มดพอดี ใช้ได้ไหม..ฮิ..ฮิ..”

นายทหารหนุ่มร้องโฮ๊ะๆ ชอบใจ จับมือบุญคำมาเขย่า

“เด็ดๆ ไอยกนิ้วให้ บุญคำไปเอามาเลย”

บุญคำจัดการไต่ขึ้นไป สักครู่ก็ย้อนกลับมาพร้อมผ้าผวยสีขี้เป็ด จัดการเจาะรูอย่างที่พูดแล้ว
ส่งให้แสงโสม กระดังงาลนไฟสาวเดินเข้าไปข้างในหลืบถ้ำนั้น สักพักก็จูงสาวใหญ่คนหนึ่งมาด้วย
บุญคำหันไปกระซิบกับคี๊ธ …..

“พอใช้ได้แฮะ ..เสียดายแก่หนังเหี่ยวไปหน่อย .. ใส่ครีมกวนอิมหนาเตอะเลยนิ .. อย่างนี้หน้าตึง
จนยิ้มไม่ได้แน่ๆ โอ้โฮ..เอาแป้งชุบน้ำมาทาบนหวีแล้วแปะแก้มเป็นลายตุ๊กแกเชียว ดูตาขวางๆ
พิกลนะ..ติงต๊องหรือเปล่าก็ไม่รู้..นุ่งผ้าห่มแล้วดูแปลกๆ..ข้างล่างคงจะเย็บวาบๆนะ ..วุ้ยยย เสียว”

ทั้งหมดมายืนรวมกันพลางทักทายอย่างยินดี ต่างซักความเป็นมา และก็เป็นอย่างที่คิดไว้คือ
ถูกนกยักษ์ตัวนั้นจับมาจริงๆ คริสกับอิสซาเบล มาพักร้อนที่ภูเก็ต เลยแวะมาเยี่ยมรพินทร์ที่
หนองน้ำแห้ง ยังไม่ทันจะถึงก็ถูกนี้ตัวนี้ไปจับเอาระหว่างทาง พลับพลึงก็เช่นกันกำลังเดินทาง
ก็ถูกนกตัวนี้จับมา แม่มดพันปีกำลังอาบน้ำอยู่แถวๆถ้ำวิเศษก็ถูกนกตัวนี้โฉบมาทั้งๆที่ยังโป๊อยู่
ส่วนมาเรียถูกจับมาเป็นคนแรกสุด .. และหลบหนีมาอยู่ในนี้ตลอด ที่เป็นปีศาจไปอาละวาดนั้น
ปีศาจนกแปลงตัวเป็นเธอไปหลอกล่อคนอื่นเอาเอง ..เมื่อคนอื่นถูกจับมาเธอก็ตะโกนให้ลงมาอยู่
รวมกันในนี้ ..

ถ้ำนี้สามารถทะลุขึ้นไปข้างบนได้ และมีผลไม้ แอ่งน้ำอย่างสมบูรณ์ แต่ทุกคนไม่กล้าหนีออกไป
เพราะนกตัวนั้นคอยเฝ้าดูอยู่ แค่มุดออกไปหาผลไม้แล้วรีบวิ่งกลับก็พอปลอดภัย แต่ถ้าออกไป
เลยนั้นเป็นที่แน่นอนว่ามันต้องไล่จับกลับมาอีก

“รพินทร์จะมาช่วยไหม …. “ แสงโสมถาม

บุญคำโบกมือ..ย่นหน้า

“ฮีโธ่ … นายรพินทร์น่ะหรือ ขนาดเสือดาวคาบบุญคำไปแกยังเฉยเลย บุญคำต้องแต่งเรื่องให้แก
ไปเจอเสือเอาเองถึงได้ช่วย ที่จริงก็ไม่ได้ทำอะไรหรอก เห็นเสือเข้าก็ร้องป่าแตก วิ่งสะดุดตอไม้
หัวทิ่ม จังหวะนั้นไอ้ดำกระโจนใส่พอดี ก็เลยพุ่งผ่านไปชนกับต้นไม้สลบเหมือด พอกลับมาแกก็
คุยใหญ่ บุญคำไม่อยากจะเผาเลยนิ่งไว้เฉยๆหรอก..รู้สึกว่าหลังภาคสองมานี่พรานใหญ่แกต๊องๆ
แถมขี้หลีอย่างไรก็ไม่รุ๊ …. เฮ้อ….”

ทุกคนนิ่งอึ้ง….ฝากความหวังไว้ที่คี๊ธและบุญคำเท่านั้นที่จะพาฟันฝ่าออกไป ….

……………สู้เขาคี๊ธและบุญคำ ชะตากรรมของสุภาพสตรีทั้งหลายอยู่ในกำมือของท่าน……..







จาก : มังกรคู่...สู้ต่อไป - 07/04/2002 17:53

อ้ำ... งั่มๆๆๆๆ มากินเซี่ยงจี้แล้วค่ะ
ตกลง.. ขอสงบศึกชั่วคราว
เพราะตอนนี้ข้าพเจ้ามีศัตรูใหม่แล้ว
55555555

จาก : แม่มดพันปี - 07/04/2002 22:58


ทันใดนั้น ทั้งหมดก็ได้ยินเสียงนกยักษ์ร้องก้องขึ้นอีกครั้ง
ตามด้วยเสียงวัตถุขนาดใหญ่ตกกระทบพื้นดังสนั่น

"แกว๊กกกก แกว๊กกกกก แกว๊กกกกก โครมมมม"

แรงสั่นสะเทือนทำให้เหล่าชาวคณะฯ ที่ไม่ทันระวังตัวพากัน
ล้มกลิ้งอย่างไม่เป็นท่า ยังไม่ทันตั้งตัว เสียงโจมตีระลอก
สองก็ดังขึ้น

"โครมมมมมมม"

"ไม่ได้การแล้ว สงสัยไอ้นกยักษ์มันขนก้อนหินมาบอมบ์
พวกเราแน่ๆเลยนาย" บุญคำตะโกนบอกขณะที่ตัวเอง
กำลังตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืน แต่ไม่สำเร็จเพราะนกเจ้ากรรม
กลับมาอีกครั้ง

"แกว๊กกกก แกว๊กกกก โครมมมม"

"หนีเร็ว!!! ถ้ำจะถล่มแล้ว!!! " คีธร้องขึ้นเมื่อเห็นก้อนหิน
เริ่มร่วงลงมาจากเพดานถ้ำ พลางแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ
ด้วยการวิ่งออกไปทางปากถ้ำอย่างไม่คิดชีวิต

"คีธ อย่าไป!!!" แสงโสมร้องห้ามสุดเสียงเมื่อหันมา
เห็นนายทหารหนุ่มวิ่งออกไปจากถ้ำ

"อยู่ไม่ได้แล้วนาย ไม่เห็นหรือไง ถ้ำจะถล่มอยู่แล้ว"
บุญคำร้องบอกก่อนจะวิ่งตามคีธออกไป โดยไม่ใส่ใจ
พวกสาวๆในถ้ำอีกต่อไป

"อย่าไปสนใจเลย" มาเรียหันมาบอกแสงโสมที่พยายาม
ห้ามสุภาพบุรุษ (?) ทั้งสอง
"อะไรกัน นึกว่าจะมาช่วยพวกเรา ที่ไหนได้ หนีไปกัน
สองคนหน้าตาเฉยแบบนี้"

"ใช่น้าแสง อย่างนี้ต้องให้นกจับไปซะให้เข็ด ไม่ต้องไป
บอกเค้าหรอกว่าไอ้นกเนี่ยมันก็มาทิ้งก้อนหินวันละ 3 ก้อน
อย่างนี้ทุกเช้านั่นแหละ" หนูพลับพลึงสนับสนุน

พลับพลึงพูดยังไม่ทันขาดคำทั้งหมดก็ได้ยินเสียงร้อง
โวยวายจากปากถ้ำ

"ปล่อยโว๊ยยย ไอ้นกบ้า นายห้างคีธ ช่วยบุญคำด้วย"
"ช่วยยังไงล่ะ ชั้นก็ถูกจับอยู่เหมือนกัน ไม่เห็นหรือไง"

ที่แท้เจ้านกมีประสบการณ์จากครั้งก่อน เลยเปลี่ยนวิธี
เป็นคาบบุญคำไว้ในปาก แล้วใช้ขาทั้งสองข้างจับคีธไว้
เพื่อรักษาสมดุลในการบิน เมื่อสาวๆวิ่งออกมาดูเหตุการณ์
ที่ปากถ้ำ ก็พบวนกยักษ์กำลังบินจากไป แต่ดูเหมือนว่า
น้ำหนักของเหยื่อจะมากเกินไป หรือไม่หน้าตาบุญคำก็คง
ไม่หล่อเข้าตาเจ้านก เมื่อบินไปถึงกลางหุบเหวมันจึงปล่อย
ร่างของพรานเฒ่าที่ไร้หนทางต่อสู้ลอยละลิ่วลงสู้ก้นเหวลึก
ราวกับเป็นเศษไม้ชิ้นหนึ่ง

"ช่วยด้วยยยยยยยยยยยย"

ร่างของบุญคำร่วงลงสู่หุบเหวเบื้องล่างต่อหน้าต่อตา
พวกสาวๆ ทั้งหมดไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่ามองดู
ชะตากรรมของพรานเฒ่า และร่างของนกยักษ์ที่คาบคีธ
บินจากไปจนลับสายตา

"เฮ้อ ชั้นบอกแล้วว่าอย่าออกมา" แสงโสมพูดขึ้นด้วย
ความอนาจใจในชะตาของทั้งสอง

"ไม่ใช่ความผิดของเราหรอก เราห้ามแล้ว เค้าไม่สนใจเอง
มันก็ช่วยไม่ได้" แม่มดพันปีตบบ่าแสงโสมเป็นเชิงปลอบ
จากนั้นก็หันพูดกับพรรคพวกที่เหลือ

"ตอนนี้เราก็มีเสื้อผ้าใส่กันแล้ว ลงไปจากที่นี่ซะทีเถอะ
จะได้รีบไปหาชุดเปลี่ยน ไอ้ชุดพวกนี้มันเหม็นตุตุยังไงไม่รู้"

ที่แท้แม่มดพันปียังสามารถแปลงเป็นลมหมุนหอบเอาพวก
สาวๆลงไปได้ แต่ที่ไม่ทำเพราะก่อนหน้านี้ทุกคนยังโป๊อยู่
ด้วยความอายทำให้ไม่กล้าลงจากเขา ......

ลมพายุหมุนพัดวนหอบเอาร่างสาวๆทั้งหมดลอยลงมาจน
กระทั่งถึงเชิงเขา จึงค่อยสงบลง ปรากฎเป็นร่างของ
แม่มดพันปียืนอยู่ตรงกลาง จากนั้นทั้งหมดตกลงกันว่าจะ
พักอยู่นี่เชิงเขานี้ก่อน พรุ่งนี้ค่อยเริ่มตามหาพรรคพวก
ที่เหลืออยู่ต่อไป

จาก : แม่มดพันปี - 08/04/2002 00:50


วู้ววววววววววว......เย็นดีจัง ฮะฮ่า...

เดี๋ยวไปเจอกันข้างหน้านะนายห้างงงงงงงงงงงงง...

วู้ววววววววววววววววววววววววววววววววววววว

สนุกจริงว้อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


จาก : คำ เก้าชีวิต - 08/04/2002 17:29

จอมพรานกับแงซายต่างก็พากันย่องกริบไปที่โขดหินที่ไชยยันต์นั่งซึมเซาอยู่ พอเข้าใกล้ตัวนายทหาร กลิ่นสาบสางโชยมาเตะจมูก ดีทีจอมพรานหลบทัน แงซายเท่านั้นที่ยังทำท่าหล่ออยู่
ปั้ก "โอ๊..." แงซายกุมจมูก จอมพรานโดนเข้าปิดปากแงซายอีกทีหนึ่ง
"เป็นอะไร" จอมพรานถามด้วยเสียงลอดไรฟัน
"กลิ่นสาบสางน่ะซิผู้กองมันไซต์ คิคจมูกผม" แงซายตอบมาอู้อี้เพราะหายใจไม่ออก
"แล้วก็ไม่หลบ แกไม่เห็นเหรอว่าเขาบรรยายว่าลอยมาเตะจมูก มัวแต่ทำท่าหล่อแบบเทพบุตรกรีกอยู่ได้ " รพินทร์ได้ทีสำทับ ด้วยความหมั่นไส้ที่เจ้ากระเหรี่ยงพเนตรดันมาเทียบความหล่อกับเขาได้
"ทีนี้จะเอายังไงล่ะ ผู้กอง ท่าทางนายทหารแปลก ๆอยู่นา ผมว่าแกถูกผีสิงอยู่แน่เลย" แงซายถามต่อ
"ไม่เอายังไงล่ะ ยิงเลยแล้วกัน" รพินทร์ว่าพลางลุกขึ้นยืนจังก้า ควักอาก้าขึ้นมา แล้วระเบิดหัวเราะเสียงดัง "คุณไชยยันต์ คุณเป็นก้างขวางคอผมมานานแล้ว วันนี้แหละผมจะยิงคุณให้พรุนเลย ฮ่าฮ่าฮ่า"
ว่าแล้ว ก็เล็งปืนไปยังร่างที่นั่งอยู่อย่างไม่รู้สึกรู้สา
แงซายตาเหลือก ลุกขึ้นตะครุบปืน "ผู้กองจะทำอะไร เป็นบ้าไปแล้วเหรอ..."
รพินทร์กระโดดหลบหันปลายปืนมาทางแงซาย ตาของจอมพรานเหลือกลานอย่างประหลาด"ดีล่ะ แกมาขวางทางปืนเหรอ งั้นแกก่อนแล้วกัน"

แงซายร้องเสียงลั่น หลับตาปี๋เมื่อเห็นรพินทร์เหนี่ยวไกปืน "อ๊ากกกกก"
"ฮ่าฮ่าฮ่า" รพินทร์หัวเราะลั่น เมื่อเห็นแงซายเปียกม่อล่อกม่อแล่กกกก "สวัสดีปีใหม่ไทยเว้ย....." แล้วก็เล็งไชยยันต์เป็นรายต่อไป

มาเร้วเพื่อนมาร่วมฉลองสงกรานต์กันดีกว่า...........


จาก : ีรพินทร์ ไพรวัลย์ - 12/04/2002 14:38


บุญคำลอยละลิ่วลงมาจากฟากฟ้า เฒ่าสัปโดกกางแขนขาโต้เวหาเลียนแบบท่าโดดร่มดิ่งพสุธาที่เห็นมาจากในหนัง อย่างสวยงาม...

ทำเสียงร้องตะโกนเย้ยพสุธาอยู่ไม่ขาดปาก ...

"วู้ววววววว...เย็นจริงว้อยยยยยยยย"

................
.................

" ตูม !!!!! "

เสียงบุญคำกระทบพื้นผิวน้ำอย่างสนั่นหวั่นไหว ... จอมกะล่อนจุกแอ่ดๆอยู่สักครู่ พลางปล่อยตัวให้ลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ ...
โผล่หัวขึ้นมาได้ก็ว่ายน้ำเล่นอย่างชื่นใจ ... ตะโกนร้องก้องแข่งกับสายน้ำตก.....

"วู้วววว ... นายห้างคี๊ธก็หล่นมาแล้วโว้ยยยย .... ฮ่า..ฮ่า..เย็นดีไหมนายห้าง ... มาเล่นสงกรานต์กันเหอะ...ฮ่า..ฮ่า..."

แล้วก็ว่ายเข้าไปหาคี๊ธที่หลุกจากเท้านกยักษ์ลงมาไล่ๆกัน ....วักน้ำตกสาดเล่นกันอย่างสนุกสนาน


จาก : คำ แอนด์ คี๊ธ คัมปะนี ... - 12/04/2002 21:17

"มาฉลองสงกรานต์ด้วยคนค่ะ"

ลงชื่อ.....เทพีสงกรานต์ที่สวยที่สุดในประเทศไทย ในรอบศตวรรษ (ตัวจริง) มาเอง



จาก : แสงโสม - 13/04/2002 11:19

รพินทร์หันปากกระบอกปืนฉีดน้ำไปทางไชยยันต์ด้วยกะจะสาดน้ำเล่นสงกรานต์กันให้ชุ่มฉ่ำเผื่อแผ่ถึงนายทหารที่ยังคงสภาพเหมือนครึ่งคนครึ่งปิศาจอยู่นั่น แต่ไม่ว่าจะเหนี่ยวไกเท่าไรก็ไม่เป็นผล เหมือนกับใครเอาดินน้ำมันผสมกาวตราช้างมาอุดแปะปากกระบอกปืนฉันใดก็ฉันนั้น

"เฮ้ย ทำไมยิงไม่ออกฟะ อะไรมันตัน"

ว่าพลางจอมพรานก็หันปากกระบอกมาที่หน้าตัวเอง พลางหรี่ตาส่องดูว่ามีอะไรเข้าไปอุดตันปากกระบอกปืนหรือเปล่า ยังไม่ทันเห็นอะไรได้ชัด ฝาจุกปลายปืนที่ถูกน้ำดันเพราะออกไม่ได้จนทำท่าจะหลุดมิหลุดแหล่ก็ถึงกาลอวสาน ฝาจุกถูกน้ำดันหลุดออกมากระแทกปังเข้าเบ้าตาเสียงดังปัง
"โอ๊ก!...@#$5@&*@@$@#@#"
เสียงจอมพรานสบถด่าโขมงโฉงเฉงพลางกุมเบ้าตา ทางฝ่ายแงซายกลับกุมท้องลงไปนั่งยองๆเพราะฮาจนยืนไม่อยู่

"เฮ้ยๆๆๆ มันจะขำออกนอกหน้าเกินไปแล้วว้อยเจ้าแงซาย...ฮึ่ม ดีละคุณไชยยันต์ ให้มันรู้กันไปว่าใครจะมีของดีมากกว่าใคร คราวนี้ไม่มีฝาจุกปลายปืนแล้วอะไรมันจะมาตันอีกได้ เจอน้ำสาดเข้าเต็มๆเสียเถิด...ชอบมาเล่นบทน้ำเน่ากีดกันเรา งั้นต้องสมนาคุณด้วยน้ำเน่านี่แหละ"

ว่าแล้วจอมพรานก็เอาปืนฉีดน้ำหย่อนลงลำธาร เลือกทำเลที่มีน้ำขุ่นคลั่กสีดำเน่าสนิท เติมน้ำจนเต็มปืนก่อนจะยิ้มกริ่ม เดินเข้าไปหยุดยืนตรงหน้าไชยยันต์
"เฮ้ คุณไชยยันต์"
รพินทร์ร้องเรียกเพื่อให้ไชยยันต์หันมา กะจะแกล้งให้หายแค้น อดีตนายทหารปืนใหญ่หันมามองอย่างเนือยๆแบบไม่ค่อยรู้สึกรู้สากับเหตุการณ์รอบๆตัว รพินทร์ยิ้มมุมปากยกปืนขึ้นประทับบ่า เล็งศูนย์ไปที่ใบหน้าของไชยยันต์เพื่อฉีดน้ำเน่าเข้าใส่

เสี้ยววินาทีที่รพินทร์เหนี่ยวไกเต็มเหนี่ยวนั่นเอง แทนที่น้ำจะพุ่งออกทางปากกระบอกปืนอย่างที่หวัง น้ำกลับพุ่งออกทางช่องเติมด้านหลังเข้าเต็มทั้งสองตาคนยิง และเพียงนับอีกหนึ่งถึงหนึ่งครึ่งเท่านั้น ปืนทั้งกระบอกก็แตกกระจายปัง ส่งน้ำทะลักเข้าปากเข้าจมูกจอมพราน

"โอ๊ก...แค่กๆๆ...โอย" พรานใหญ่ของเราลงไปนั่งสำลักน้ำเน่าท่ามกลางสายตาของแงซายซึ่งตื่นตะลึงนึกไม่ถึงว่าจอมพรานจะเล่นมุขหนักถึงเพียงนี้ เจ้ากะเหรี่ยงโฉมงามจึงถึงกับทิ้งมาดหล่อ ลงไปนอนขำกลิ้งไปกลิ้งมากับพื้นด้วยขำสุดๆกับสภาพของจอมพรานผู้ยิ่งใหญ่

และก่อนที่ใครจะทันได้ตั้งตัว ร่างของไชยยันต์ที่นั่งอยู่บนโขดหินก็เริ่มมีแสงเปล่งประกายเจิดจ้าขึ้นมา ก่อนที่จะมอร์พกลายสภาพเป็นนกยักษ์ซึ่งมีขนเป็นเปลวเพลิงร้อนแรง
"ship หายแล้วผู้กอง...นั่นมันนกไฟในตำนานนี่หว่า"

แงซายได้สติก็วิ่งเตลิดออกไปตั้งหลัก ทิ้งให้ผู้กองนั่งหน้ามืดตามัวเพราะน้ำครำที่เต็มใบหน้า แม้จะมองเห็นภาพรอบบริเวณไม่ถนัดนักแต่ก็สามารถมองเห็นภาพตรงหน้าได้ชัดเจนเพราะแสงเพลิงเจิดจ้านั้น
"เฮ้ยๆๆ แงซาย นั่นแกกำลังจะทิ้งฉันไปไหน กลับมาก่อน"
"ไม่ไหวละผู้กอง นกยักษ์ยังพอทน แต่นี่มันนกไฟ ขืนเข้าไปช่วยผู้กองผมก็ไหม้ดำเป็นตอตะโกเท่านั้น...ผู้กองเก่งกาจอยู่แล้ว ผมเชื่อมั่นว่าผู้กองเอาตัวรอดได้ ตัวใครตัวมันก็แล้วกัน"
แงซายพูดอย่างมีเหตุผลก่อนจะแฝงตัวหายไปกับความมืดอย่างรวดเร็ว

รพินทร์เอาผ้าขาวม้าปาดโคลนที่เบ้าตาออก นั่นยิ่งทำให้เขาได้เผชิญหน้ากับสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
นกยักษ์ซึ่งขนทุกเส้นลุกเป็นเปลวเพลิงร้อนแรงกำลังยืนผงาดอยู่บนโขดหินตำแหน่งซึ่งเคยเป็นที่นั่งของนายทหารไชยยันต์ นัยน์ตาของมันประกายเจิดจ้าสีน้ำเงิน บ่งบองถึงอุณหภูมิร้อนจัด ส่วนนัยน์ตาของจอมพรานกับแห้งเหือด ขาวซีด บ่งบอกถึงความไม่มีน้ำยาใดๆมาหล่อเลี้ยงชีวิต

พรานผู้ยึดมั่นในสัจจะ เปลี่ยนมานั่งคุกเข่าพนมมือ อธิษฐานอยู่ภายในใจเพื่อเป็นการสื่อสัมพันธ์ถึงนกไฟตนนั้น ในทำนองว่าหากแม้นเขาเคยทำกรรมใดๆไว้ต่อนกไฟ เขาก็ยินยอมให้ตัวเขาเองมอดไหม้เป็นเถ้าถ่านอยู่ตรงนั้น แต่หากไม่เคยมีเวรกรรมใดๆต่อกันก็ขอให้นกไฟเปิดทางให้กับเขาและคณะของเขาโดยดีด้วยเถิด

จาก : ไชยยันต์ อนันตรัย - 13/04/2002 16:07

เสียงๆหนึ่งแว่วเข้ามา เขารับรู้ได้ด้วยจิตสัมผัส

"พราน...เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครถึงบังอาจมาลองดีกับข้า"
รพินทร์เลิกคิ้วนิดหนึ่ง "ข้าคือพระเอก"
"แล้วยังไงอีก" นกไฟถามต่อ
"ข้าคือพระเอก ไม่ว่าภาคจริงภาคเสริมภาคอลเวง อย่างไรข้าก็คือพระเอก ข้าคือสุดยอดความเป็นพระเอกตลอดกาล"
"เจ้าจะเป็นพระเอกได้อย่างไร ในเมื่อเจ้าทิ้งนางเอก แถมยังไปพยายามแย่งคนที่เขามีเจ้าของอยู่แล้ว"
จอมพรานขบกรามแน่น "ใคร ข้าไปแย่งใคร และแย่งจากใคร"
"เจ้าเองย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ หากไม่ใช่เจ้าพยายามกีดกัน เจ้าจะอธิษฐานให้ปิศาจใดๆในละแวกนี้มาสิงสถิตในร่างนายทหารหนุ่มผู้นั้นหรือ"
รพินทร์ส่ายหน้า "ข้าไม่เคยอธิษฐาน ข้าเพียงแต่สำรวมสมาธิและคิดเท่านั้น"
"นั่นแหละเว้ย...เพราะฉะนั้นข้าจึงมา มาเพื่อจะบอกกับเจ้าว่า..." ปิศาจนกไฟเงียบไปครู่หนึ่ง

"นายทหารหนุ่มผู้นั้นไม่ได้อยู่ที่นี่มาตั้งนานแล้ว"
"หา!...คุณไชยยันต์ไม่ได้อยู่ที่นี่นานแล้ว อ้าว แล้วที่พวกเราเห็นนั่น?"
นกไฟพยักหน้า "ใช่แล้ว...นั่นเป็นเพียงร่างจำแลงของข้าเอง นายทหารหนุ่มผู้ที่มีความรักแท้มั่นคงมาไม่รู้กี่ภาค ไม่นับภาคที่มีเมีย ได้หายไปจากกลุ่มของเจ้านับตั้งแต่ถูกข้าดูดเลือดไปเมื่อตอนที่แล้ว แต่แรกข้าตั้งใจจะสิงร่างของเขา แต่ให้ตายเถอะโรบินฮู้ด เลือดของเขานั้นร้อนแรงและเข้มข้นยิ่งนัก บ่งบอกถึงความมั่นคงในจิตใจสูงทีเดียว คนอย่างนี้รักใครรักจริงไม่อิดออด ไม่ทอดทิ้ง ท่ามกลางความตลกคะนองและโวยวายนั้นเขากลับเก็บความรู้สึกในเรื่องความรักไว้ในใจได้เก่งมาก ไม่จำเป็นต้องร้องแลกแหกกระเชอ ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศหรือเปิดกระทู้ให้เปลืองเนื้อที่โดยไม่จำเป็น เขาเป็นคนที่ทำไม่พูด พูดไม่ทำ เป็นคนที่มีเลือดบ้าในเรื่องอื่นแต่ในเรื่องความรักแล้วเขาละเมียดละไมเหลือเกิน...ข้าเองยังไม่สามารถสิงสถิตในร่างของบุรุษเยี่ยงนั้นได้ มันร้อนแรงสลับกับเย็นสุขุมจนร่างข้าปรับตัวตามไม่ทันทำท่าจะไม่สบายไปหลายรอบ ข้าเลยส่งนายทหารผู้นั้นไปยังอีกที่หนึ่ง และข้าก็ได้จำแลงเป็นเขา แฝงตัวเข้ามารวมกับพวกเจ้า เพื่อเฝ้าดูพฤติกรรมของพวกเจ้า ว่าเข้ามาในป่าสนทำไม และจะไปกันได้สักกี่น้ำ"

รพินทร์โบกมือ "เอาเหอะๆ ชมคนอื่นนั้นข้าทนฟังไม่ใคร่ได้นัก...แล้วทำไมเจ้าต้องให้สมุนมาจับตัวแสงโสมไป"
"อันนั้นก็เพื่อให้เรื่องมันยุ่งเหยิงและต่อความยาวสาวความยืดกันไปได้อีก ถ้าขืนข้าจับตัวดารินหรือเมยานีไป เจ้าลองทายดูสิ ว่าเรื่องมันจะอืดอาดยืดยาดเพียงใดกว่าที่เจ้ากับแงซายจะตามไปช่วย ขนาดจะเห็นหน้าเจ้าสองคนโผล่เข้ามานี่ได้แต่ละครั้งก็ต้องจุดธูปอัญเชิญกันไปหลายวัน"

รพินทร์พยักหน้าหงึกๆ "แล้วเจ้าจับตัวคี๊ธกับบุญคำไปทำไม...คิดว่าจะมีใครตามไปช่วยสองคนนั่น?"
"ข้าไม่คิดว่าจะมีใครตามไปช่วยหรอก แต่ที่ต้องจับไปทั้งสองคนก็เพราะสองคนนั่นกลายเป็นคู่หูคู่ใหม่กันไปแล้ว แต่เจ้าไม่ต้องห่วง สองคนนั่นอยู่ในลำธารใกล้ๆเพียงข้ามภูเขาลูกนี้ไปเท่านั้น"

ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนมาจากด้านหลัง
"ผู้กอง หลบไป!"

รพินทร์ก้มลงหมอบทันที เอาหน้าฟาดกับพื้นดังปังเพื่อหลบอะไรก็ตามที่เจ้าแงซายจะส่งมาช่วย เสียงเครื่องสูบน้ำดังกระหึ่มก่อนที่น้ำจะถูกฉีดเป็นสายยาวมาจากในลำธาร เข้าปะทะร่างของนกไฟ เสียงดังฉ่ากึกก้องไปหมด น้ำจำนวนมากมายจากเครื่องสูบน้ำที่แงซายไปค้นมาได้จากกองสัมภาระ ถูกสูบขึ้นมาจากในลำธารฉีดเข้าใส่ร่างของนกไฟ

ควันที่เกิดจากน้ำปะทะไฟพวยพุ่งกระจายคลุ้งไปทั่ว นกไฟร้องแกร๊ก นัยน์ตาเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างโกรธจัด จ้องหน้าจอมพราน
"พวกเจ้าทำร้ายข้า...อยากเล่นน้ำกันนักใช่มั้ย เอาไปให้สาสม"

ฉับพลันนกไฟก็กระพือปีกบินขึ้นที่สูง ลูกไฟขนาดลูกฟุตบอลปลิวลงมาราวกลับห่าฝน จอมพรานต้องกลิ้งตัวหลบไปหลบมาแต่ก็ไม่วายผมเผ้าเสื้อผ้าลุกติดไฟต้องดับกันจ้าละหวั่น และทันใดนั้นเอง น้ำในลำธารในช่วงรัศมี 20 ตารางกิโลเมตรก็ถูกแรงลมมหาศาลของนกไฟที่โผบินขึ้นดูดให้ลอยตามขึ้นมาด้วย น้ำจำนวนมากมายลอยตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ดึงร่างของรพินทร์และแงซาย ไม่เว้นแม้แต่ร่างของคี๊ธและบุญคำที่เล่นน้ำอยู่ในรัศมีของลมพายุให้ติดตามขึ้นมาด้วย ร่างของบุคคลทั้งสี่หมุนวนเข้ามารวมกัน ติดอยู่ในกระแสน้ำวนที่พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าดุจพายุทอร์นาโดดูดน้ำในมหาสมุทรขึ้นมาเป็นเกลียวฉันนั้น...

ขอให้สนุกสนานกับเทศกาลสงกรานต์นะครับ

จาก : ไชยยันต์ อนันตรัย - 13/04/2002 16:08

มาร่วมฉลองสงกรานต์ด้วยคนค่ะ


ถึง K&K Company
รอก่อนนะคะ ไว้ว่างๆจะมาต่อเรื่องใหม่แน่ๆ
55555

จาก : แม่มดพันปี - 13/04/2002 21:09


รีบๆมานะจ๊ะ...จะรอเล่นสงกรานต์อยู่ที่ตรอกข้าวสาร ...

อ้อ ! เอาผ้าห่มของบุญคำมาคืนด้วยนะ ...ฮี่..ฮี่..


จาก : เค แอนด์ เค คัมปานี - 14/04/2002 00:19

ตายแล้ว !!!!
ไม่รู้นี่ว่าอยากได้คืน เอาไปเผาแทนฟืนหมดแล้วง่ะ

จาก : แม่มดพันปี - 17/04/2002 20:18

เหล่าบรรดาสาวๆทั้งหลาย อันประกอบไปด้วย แสงโสม คริสติน่า
เบล มาเรีย หนูพลับพลึง และแม่มดพันปี หลังจากลงมาถึงเชิงเขา
แล้ว ก็ตกลงกันว่าจะไม่ออกไปตามหาพรรคพวกที่เหลือ เพราะ
ขี้เกียจเดิน คงมีเพียงแม่มดพันปีเท่านั้นที่ขอแยกตัวไปก่อน
ด้วยความเป็นห่วงกิจการค้าอวัยวะที่ไม่ได้กลับไปดูแลเป็นเวลานาน

"ลาก่อน ทุกๆคน" แม่มดจับมือร่ำลาพรรคพวกตามธรรมเนียม
ไล่ไปทีละคน แต่เมื่อถึงแสงโสม แม่มดกลับแอบสอดซองเล็กๆ
ใส่มือของแสงโสม ซึ่งเจ้าตัวดูจะไม่รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด
กลับรีบเก็บเข้ากระเป๋าอย่างรวดเร็วโดยไม่มีใครสังเกตุเห็น
นอกจากแม่มดพันปีเท่านั้น

"เสร็จธุระเมื่อไหร่ชั้นจะรีบกลับมาหาทันที" แม่มดทิ้งท้ายก่อนจะ
จากไป

หลังส่งแม่มดแล้ว ทั้งหมดก็พากันล้อมวงกินเนื้อย่างที่แสงโสม
อาสาไปจับมาให้อย่างเอร็ดอร่อย ทันใดนั้น เสียงประหลาดก็ดังขึ้น

"ครืนนนนนนนน ซ่าาาาาาา ซ่าาาาาาา"

ทั้งหมดรีบวิ่งไปทางลำธารหลังแคมป์ที่พักอันเป็นที่มาของเสียงนั้น
แล้วก็พบว่า ลำธารที่เดิมมีน้ำตื้นแค่เข่า กลับมีสภาพเหมือนแม่น้ำ
ที่เชี่ยวกราก ทั้งๆที่ไม่มีร่องรอยของพายุฝนแม้แต่น้อย

ระหว่างที่ทุกคนกำลังประหลาดใจกับปรากฎการณ์ดังกล่าว คริส
ก็เหลือบไปเห็นร่างของชายสองคนกำลังตะเกียกตะกายขึ้นจากฝั่ง
อย่างทุลักทุเล จึงร้องบอกเพื่อนๆ ให้เข้าไปช่วยเหลือ แล้วก็พบว่า
ทั้งสองคนไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคีธกับบุญคำนั่นเอง

"คีธ !!! บุญคำ !!!! ไปไงมาไงเนี่ย ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้"
คริสร้องออกมาอย่างประหลาดใจ

"อย่ามัวแต่ถามอยู่เลย ไม่เห็นหรือไงว่าทั้งสองคนนี่จะแข็งตาย
อยู่แล้ว รีบพากลับไปที่แคมป์ก่อนดีกว่า" แสงโสมขัดขึ้น

ทั้งหมดจึงช่วยกันหามร่างของคีธและบุญคำกลับไปยังที่พัก
จึงไม่มีใครทันเห็นร่างของชายอีก 3 คน เกาะอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่
ถูกกระแสน้ำพัดผ่านไป

จาก : แม่มดพันปี - 17/04/2002 20:46

"เอ้า กินยานี่ซะ" แสงโสมนำเอายาในซองที่ได้จากแม่มดพันปีมาผสมน้ำ
ป้อนให้บุญคำกับคีธที่กำลังนอนหมดแรง ซึ่งก็กินยาเข้าไปอย่างว่าง่าย
ไม่นานทั้งคู่ก็หลับไป

จาก : แม่มดพันปี - 17/04/2002 20:57


คริสติน่ากับเบลก้มเข้ามาดูอาการของคี๊ธอย่างเป็นห่วง แม่ผมแดงซึ่งเคยเป็นชู้รัก
กันมาก่อนคว้ามือของนายพลหนุ่มหล่อขึ้นมากุมแล้วเอาไปพิงแนบแก้ม ปากร้อง
ภาวนาให้คี๊ธอย่าได้เป็นอะไรอยู่ไม่ขาดระยะ

แสงโสมรู้สึกฉุนกึ๊กขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ เอื้อมมือไปทาบที่หน้าผากของคี๊ธ
บอกให้อิสเบลช่วยออกห่างคนไข้หน่อย แล้วทำทีเข้าไปตรวจดูอาการของคี๊ธ ..

แม่ผมแดงร้องเกี๊ยวหัวเราะบอกมาว่าตนเองเป็นหมอ แสงโสมปั้นหน้าพูดเคร่งขรึม

“นี่มันไม่ใช่โรคเจ็บไข้ได้ป่วยตามธรรมดา แต่เป็นโรคที่เกิดจากเวทมนต์ เธอเองก็เห็น
กับตา เธอแน่ใจหรือว่ายาหรือความรู้ของเธอจะช่วยเขาได้”

อิสซาเบลหน้าเจื่อนลง นึกได้ว่านี่ไม่ใช่การเจ็บป่วยแบบทั่วไป ค่อยๆวางมือของคี๊ธลง
กระเถิบถอยออกช้าๆด้วยความเป็นห่วงและผูกพัน

กระดังงาลนไฟสาวรีบขยับเข้าไปแทน ทำทีเป็นจับโน่น ตรวจนี่ แล้วก็ยกศีรษะของคี๊ธ
ขึ้นหนุนตักเสียเลย นั่งเฝ้าอยู่รอชายหนุ่มฟื้น ด้วยความรู้สึกแปลกๆภายใน แล้วอยู่ๆ
ก็มันเขี้ยวจับจมูกโด่งนั้นเขย่าเบาๆ นึกในใจว่าถ้าไม่ป่วยหนักจะก้มไปกัดเสียให้ขาด
ฮึ…คนกระล่อน…

หันหน้ามาบอกคริสกับอิสซาเบลให้ช่วยดูบุญคำหน่อย คริสซึ่งว่องไวตามวิสัยอยู่แล้ว
เห็นแสงโสมยกศีรษะของคี๊ธขึ้นหนุนตัก ก็รู้ในทันทีว่า การให้คนป่วยนอนราบไปกับพื้น
ท่าจะไม่เหมาะนัก จึงยกศีรษะของบุญคำขึ้นหนุนตักบ้าง

มาเรียที่นั่งดูอยู่เฉยๆนานแล้วรู้สึกสงสารบุญคำเพราะเคยร่วมเป็นร่วมตายกันมาก่อน
จึงขยับเข้าไปนวดให้สมุนเอกของรพินทร์เพื่อให้เลือดลมเดินคล่องๆ

อิสซาเบลได้ที จึงขยับกลับเข้าไปบีบนวดให้นายทหารหนุ่มรูปหล่อ ไม่สนใจแสงโสมที่
ทำตาเขียวอยู่วาวๆ …

ชีวิตของหนุ่มน้อยและหนุ่มใหญ่สองคนนี้ช่างน่าสงสารจริง ต้องตกระกำลำบากอยู่
ตลอดเวลาเพื่อคอยช่วยเหลือคนอื่น ดีนักที่มีสุภาพสตรีน้ำใจงามเหล่านี้คอยเอื้ออาทร
ห่วงใย และช่วยเหลืออยู่ในยามเจ็บป่วย ……

ทั้งสองต่างก็นอนอย่างสงบบนตักนุ่มอย่างอบอุ่น รอเวลาตื่นขึ้นมาทำภาระกิจสำคัญ
คือพาสุภาพสตรีทั้งหลายกลับที่พักอย่างปลอดภัย………..

...........................
..........................

ฟ้าสีทองผ่องอำไพ คี๊ธและคำแสนสุขใจ ในแผ่นดิน.........


จาก : คี๊ธ และ คำ .....ผู้น่าสงสาร ....เสียจริงๆ.... - 18/04/2002 04:57

ขณะที่พี่และน้าทั้งหลายกำลังพยาบาลคนป่วยจอมกะล่อน (และถูกกรอกยาปริศนาของแม่มดพันปีเข้าไปนั้น) พลับพลึงสีชมพูทำหน้าที่เฝ้ายืนระวังภัยจากท้องฟ้าที่เอาแน่เอานอนนักไม่ได้ เด็กสาวลูกของนางไม้มีความรู้สึกผิดปกติกับกระแสน้ำเชี่ยวกรากที่บังเกิดขึ้นอย่างแปลกประหลาดและสลายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้

แสงแดดยามเที่ยงทำให้ทุกคนรู้สึกร้อนระอุ แต่ความร้อนจากแสงแดดก็ยังไม่น่าจะอบอ้าวถึงปานนี้ เมื่อทั้งคี๊ธและบุญคำผล็อยหลับสนิท คริสกับแสงโสมก็รีบลุกขึ้นทันทีเพราะร้อนเหลือทน

"เฮ้อ.. หลับไปจนได้ หนักก็หนัก จำใจต้องพยาบาลไปพลางก่อน เห็นแก่ว่ามีส่วนช่วยดึงความสนใจของเจ้านกยักษ์นั่นนะ" แสงโสมบ่นพึม
"คุณแสงเอาอะไรให้พวกเค้ากินเข้าไปน่ะ" คริสผู้ตาไวกระซิบถามเบาๆ
"จุ๊ๆ.. อย่าเพิ่งเอ็ดไปคริส ยาของแม่มดพันปีให้ไว้ป้องกันตัวน่ะ คอยดูสักประเดี๋ยวเถอะ ว่าแต่ตอนนี้เราไปอาบน้ำกันก่อนดีกว่า ร้อนเหลือเกิน ทำไมร้อนอย่างนี้ก็ไม่รู้"
"เดี๋ยวก่อน" มาเรียร้องห้าม ก้าวเข้ามาเอาปลายใบไม้แหย่เบาๆ ที่จมูกของพรานเฒ่าเจ้าเล่ห์ แต่ไม่มีวี่แววว่าตาบุญคำจะรู้สึกตัวอะไร
"ทำอะไรน่ะเมย์" คริสร้องถาม
มาเรียลุกขึ้นท้าวสะเอว ปาดเหงื่อ ตอบด้วยเสียงกะท่อนกะแท่นด้วยความร้อนว่า "สองคนนี้เจ้าเล่ห์นัก ยิ่งตาบุญคำยิ่งสัปดน ต้องดูให้แน่ใจว่าหลับไปแล้วจริงๆ เอาล่ะ เราไปอาบน้ำกันได้แล้ว"

"เดี๋ยวค่ะ น้าเมย์" พลับพลึงร้องห้ามขึ้น ในมือมีกิ่งไม้แห้งที่ปลายกิ่งมีของเหลวสีทองเคลือบอยู่ แต่ถ้าดูดีๆ สีทองมันดูจะเหมือนสีน้ำตาลอ่อนเสียมากกว่า

"มา ให้พลับพลึงลองอีกที"

สาวน้อยยื่นปลายกิ่งไม้อันที่ว่าเข้าละเลงบนแก้มของทั้งสอง K ผู้น่าสงสาร (..ซะจริงๆ พับเผื่อย ฮิฮิฮิ) แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าทั้งสองจะรู้สึกตัวแต่ประการใด จนหน้าทั้งสองหน้ากลายเป็นสีน้ำตาลคลุกเคล้าทั่วกันดีแล้ว เด็กน้อยหัวชมพูลุกขึ้นยืนยิ้มอย่างพอใจ

"ใช้ได้แล้วค่ะ น้าๆ ขา..."

ทุกคนหัวเราะกันครืน และเริ่มถอยออกไปตั้งหลักห่างๆ เพราะชักจะได้กลิ่นไม่พึงประสงค์ ฝ่ายอิสซาเบลและคริสหัวเราะจนน้ำตาไหล แหม่มผมแดงนั้นเป็นเอามากถึงกับต้องลงไปนั่ง
"โอย.. หนูพลับพลึง เรียนแต่งหน้ามาจากสถาบันไหนกันนี่ แต่งได้ดีมากเลยนะ ว่าแต่ว่า ไอ้เจ้าสีน้ำตาลๆ นั่น หนูไปได้มาจากไหนกันละ"

ไม่ทันที่พลับพลึงจะตอบว่าประการใด ลมร้อนก็พัดผ่านวูบจนทุกคนสะดุ้งโหยง เสียง ..แกว๊ก..แกว๊ก.. ก้องสะท้านหุบเขา และในฉากหลังของเสียงแปลกประหลาดนั้นก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาเบาๆ คล้ายแว่วมาจากที่ไกลๆ

"เมย์!! ระวังให้ดี ระวังข้างบน เมย์!!"

"เดียร์ไชยยันต์!!" มาเรียร้องอุทานอย่างตกตะลึง หันซ้ายหันขวาตามหาที่มาของเจ้าของเสียงนั้น

ทันใดนั้นพลับพลึงก็ร้องกรี๊ดด้วยความตกใจ ละล่ำละลักร้องบอกพี่ๆ น้าๆ ทั้งหลาย มือไม้สั่นชี้ขึ้นไปทางยอดไม้ ".. ทะ..ทางโน้นค่ะ น้าเมย์ขา..น้าแสงขา.. ลุงรพินทร์อยู่บนโน้น.."

สองหนุ่มสองมุม พรานใหญ่และอดีตกะเหรี่ยงเดินดงเกาะอยู่บนยอดไม้ไม่ไกลเท่าใดนัก ทั้งต้นทั้งใบและทั้งคนยังเปียกน้ำม่อล่อกม่อแล่กอยู่ อนุมานได้ไม่ยากว่าทั้งหมดถูกน้ำเชี่ยวกรากแปลกประหลาดเมื่อสักครู่พัดขึ้นไปนั่นเอง แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนอกสั่นขวัญหายนั่นเป็นเพราะเจ้าสัตว์ปีกขนาดมหึมา ที่เป็นที่มาของความร้อนอบอ้าวทั่วบริเวณนี้ บินวนอยู่รอบร่างของทั้งสองอย่างจะเอาเรื่อง...


จาก : คริสติน่า (เล่นมั่ง ^_^) - 18/04/2002 12:29


โดนหนุนตักเข้าไปนิดเดียวมาเลยนะแม่สาวน้อยร้อยแปด ..ฮิ..ฮิ..

เห็นเข้าไปอ่านเรื่องบ้าๆบวมๆของผมในถนนฯเหมือนกัน ขอบคุณมาก..

หายไปตั้งนานคนอื่นๆเขาคิดถึงแย่ ..... เลยต้องเล่นมุขนี้เสียเลยยยย..

ที่สุดก็ได้พบตัวเป็นๆ ..ฮิ..ฮิ..เคยได้ยินแต่ชื่อมานาน



จาก : k&K คัมปะนี แอนด์ โก - 18/04/2002 17:27

ยินดีที่ได้เจอเพื่อนเก่ากันอีกครั้งครับคุณแม่มดพันปี และคุณคริสติน่า ว่าแต่ว่าเข้ามาแล้วต้องมาให้สม่ำเสมอด้วยล่ะ อย่าผลุบๆโผล่ๆแบบรพินทร์กับแงซายล่ะครับ เดี๋ยวจะถูกผมจับยำเหมือนตอนนี้ แต่ถึงผมจะไม่ยำ คุณ k&k พี่ท่านก็จับมายำอยู่ดีแหละครับ
- - -

ภาพที่ทุกคนแหงนหน้ามองเห็นพร้อมกันอยู่ในขณะนี้ คือดวงไฟดวงมหึมาที่ลอยอยู่กลางอากาศ มันคือนกยักษ์ที่มีขนเป็นเปลวไฟ และก่อนที่ทุกคนจะทันได้ตั้งสติ นกไฟก็สะบัดปีกดังพรึ่บ ลูกไฟขนาดลูกบาสเก็ตบอลปลิวออกจากปลายปีกของมันพุ่งลงไปยังต้นไม้ตำแหน่งที่รพินทร์กับแงซายห้อยเป็นค้างคาวอยู่ ลูกไฟตกห่างจากเป้าหมายพอสมควร กิ่งไม้ตามแนวที่ลูกไฟปลิวผ่านบ้างหักสะบั้น บ้างลุกติดไฟขึ้นมา

สองพระหน่อห้อยตัวอยู่บนกิ่งไม้เหนือลำห้วยที่มีน้ำเอ่อล้นตลิ่งขึ้นมาต่างหน้าซีดเผือดพยายามดิ้นรนเอาตัวรอดด้วยการเอี้ยวตัวหลบลูกไฟที่ปลิวมาลูกแล้วลูกเล่า แต่ละลูกเฉียดร่างไปอย่างน่ากลัว นกไฟยังคงเล่นเกมส์ 'สาวน้อยตกน้ำ' ไปเรื่อยๆโดยยังไม่ยอมให้สาวน้อยตกน้ำไปจริงๆ แต่เลี้ยงเอาไว้เป็นการทรมานราวกับให้สมกับความแค้นที่สะสมไว้เป็นเวลานานและได้เวลาสะสาง เสียงวี้ดว้ายกระตู้วู้ดังเป็นระยะๆมาจากกลุ่มสาวๆเบื้องล่างทุกครั้งที่ลูกไฟพุ่งเฉียดร่างสองคน

เสียงลูกไฟกระแทกกิ่งไม้ดังปัง มันเล็งเป้าหมายถูกแล้วหนึ่ง กิ่งไม้เหนือร่างของแงซายหักสะบั้น ทั้งกิ่งทั้งคนร่วงหล่นควงสว่านลงไปยังลำห้วยเบื้องล่างท่ามกลางเสียงกรี๊ดกร๊าดจากคนดูที่ลุ้นอยู่อย่างแทบไม่หายใจ มีเพียงกิ่งไม้เท่านั้นที่ลอยขึ้นมาที่ผิวน้ำ ส่วนร่างของเจ้ากะเหรี่ยงโฉมงามนั้นจมลับหายลงไปใต้บาดาล

เพราะฉะนั้นจึงเป็นเช่นฉะนี้ เหลือเพียงรพินทร์ ไพรวัลย์คนเดียวเท่านั้นที่ยังคงห้อยโตงเตงเป็นเป้ากลางอากาศให้เกมส์ 'สาวน้อยตกน้ำ' ยังคงดำเนินต่อไป

ร่างของแงซายที่จมลงไปใต้บาดาลหยุดเคลื่อนที่ ก่อนจะพลิกตัวเอาหัวขึ้นและพยายามจะดึงตัวเองขึ้นสู่ผิวน้ำ ทันใดนั้นเจ้าอดีตกะเหรี่ยงพเนจรก็ต้องชะงักการเคลื่อนที่ เมื่อมีมือหนึ่งมาคว้าขาของเขาไว้แน่น แงซายสะดุ้งเฮือกสุดตัว พยายามดิ้นรน มือนั้นโผล่ออกมาจากในถ้ำใต้น้ำ จากภาพรางๆที่มองเห็นผ่านสายน้ำรอบๆตัว ร่างของใครอีกคนหนึ่งปรากฏอยู่ในถ้ำ ซึ่งมีม่านบางๆขึงปิดอยู่ ร่างของแงซายถูกดึงหลุดผ่านม่านโปร่งแสงนั้นเข้าไป

"แงซาย ฉันเอง" เสียงคุ้นหูดังก้องภายในถ้ำแห่งนั้น
แงซายเงยหน้ามอง ไชยยันต์ยืนมองเขาอยู่อย่างขันๆ
"นายทหาร นี่นายทหารมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วนี่มันอะไรกัน เราอยู่ใต้น้ำไม่ใช่หรือ แล้วทำไมเราถึงยังหายใจกันออกอยู่"
ไชยยันต์ยักไหล่ "นั่นละที่ฉันก็กำลังอยากให้นายช่วยหาคำตอบ แงซาย...ฉันล่ะงงมาก จำได้ว่าฉันเพิ่งเจอเมย์ในป่าสน และเพิ่งกอดกันไปหยกๆ มารู้สึกตัวอีกทีก็มาอยู่ที่นี่แล้ว"

แสงที่ส่องผ่านปากถ้ำเข้ามาทำให้พอจะมองเห็นรอบบริเวณ พื้นที่ภายในถ้ำไม่กว้างขวางอะไรนัก ราวๆ 4x4 ตารางเมตร ผนังทุกด้านตันหมดยกเว้นปากถ้ำที่มีม่านใสขึงเป็นประตูอยู่ แงซายยกมือคลำม่านโปร่งแสงที่กั้นระหว่างอากาศภายในถ้ำกับความหนาแน่นของน้ำเบื้องนอก มือของเขาสามารถลอดออกไปสัมผัสกับน้ำด้านนอกได้โดยที่น้ำไม่ได้ซึมเข้ามาสักนิด

"นี่มันอะไรกัน ผนังบางๆที่มือผมทะลุผ่านได้ แต่ว่าน้ำเข้ามาไม่ได้"
อดีตนายทหารปืนใหญ่ยื่นมือออกไปคว้าปลาตัวใหญ่ที่กำลังว่ายอยู่ด้านนอกเข้ามา แล้วปล่อยมันออกไปเหมือนเดิม
"ไม่รู้เหมือนกัน ฉันเพิ่งตื่นขึ้นมาเมื่อราวชั่วโมงเศษๆนี่เอง ตื่นมาก็พบตัวเองนอนอยู่ในถ้ำนี้แล้ว นี่ฉันหลับไปนานเท่าไหร่แล้วนี่"
"ก็น่าจะราวๆ 2 วันหลังจากเหตุการณ์ที่นายทหารเจอนายแหม่มมาเรียในป่าสน ผมเองก็งงๆ ครับนายทหาร เราถูกอาถรรพ์ปิศาจนกเล่นงานเสียแล้ว"

"ปิศาจนกหรือ เจ้านกไฟที่บินว่อนอยู่นั่นใช่ไหม"
ไชยยันต์พูดพลางชี้ขึ้นไปเหนือถ้ำ เมื่อมองจากปากถ้ำผ่านกระแสน้ำขึ้นไปเบื้องบน ภาพที่เห็นใสแจ๋วราวกับมองผ่านกระจก ภาพของนกไฟที่ยังคงเล่นหมาหยอกไก่กับรพินทร์ และภาพของบรรดาอนงค์นางที่กำลังยืนทำท่าลุ้น

"หลังจากตื่นตาตื่นใจกับที่นี่ได้สักพัก ฉันกำลังตัดสินใจจะว่ายขึ้นไปก็พอดีเกิดกระแสน้ำปั่นป่วนขึ้นซะก่อน น้ำภายนอกหมุนวนอย่างบ้าคลั่งและลอยตัวขึ้นไปบนฟ้าอย่างน่ากลัว ฉันตกใจก็เลยรอดูท่าทีอยู่ในนี้จนน้ำมันไหลกลับลงมาเต็มสระเหมือนเดิมและนายหล่นตูมลงมานี่แหละ ฉันเลยคว้าขาเอาไว้"

"หรือว่านี่มันจะเป็นถ้ำชาละวัน" แงซายพูดแล้วหัวเราะหึๆ
ไชยยันต์นั่งลงที่ก้อนหินใหญ่ด้านหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าให้เจ้าอดีตกะเหรี่ยงพเนจร
"ฉันว่าเราควรจะรอดูสถานการณ์อยู่ในนี้สักพักจนกว่านกไฟนั่นจะไป หรือจนกว่ารพินทร์จะตกน้ำ แกคิดว่ายังไงแงซายบอกมา ฉันไม่อยากคิดแทนแก"
ไชยยันต์กล่าวพลางมองดูสถานการณ์เบื้องบน



จาก : ไชยยันต์ อนันตรัย - 19/04/2002 01:30

โธ่... นายทหาร ให้แงซายคิด สงสัยจะไม่ได้รู้ความคิดแงซายซะละมั้ง ^_^


จาก : คริสติน่า กรูบิล - 19/04/2002 18:05

ข้าพเจ้าก็ขอนั่งดูสถานะการณ์บ้างดีกว่า

จาก : แม่มดพันปี - 19/04/2002 20:56


ท่าจะไม่ว่างได้เข้ามาแล้วสิคุณไชยยันต์ ... พอดีมีภารกิจด่วน

นี่ก็เพิ่งอำลาชาวถนนฯ เขาไปแหมบๆ ...น้ำตาไหลกันใหญ่

พากันร้องไห้กันใหญ่ว่าทำไมไปช้าจัง ... น่าจะไปตั้งนานแล้ว แฮ่ !

เพราะโดนผมเอามายำเละไปทั้งถนน ...แม้กระทั่งคุณครูแบบคุณ ร สา
ผู้ใหญ่ แบบลุง Au หรือแนวซีเรียสแบบคุณกานท์ คุณทัศนา
หวานๆแบบหนูไอซ์ แม่บ้านแบบ O - HO ไม่เหลือ ฮิ..ฮิ..

เอ ! แล้วมาบอกทำไมหว่า ... นี่ก็ชาวถนนทั้งนั้นมิใช่รึ ...
ไปล่ะ ..... bye bye


จาก : k&k company - 19/04/2002 21:12

ที่ส่งเรื่องให้แงซายก็เพราะผมจะได้มีเวลาอู้น่ะสิครับคุณคริส หึๆๆ อย่างน้อยๆก็เป็นอาทิตย์ คิดอยู่ตั้งนานว่าจะส่งเรื่องให้แงซายหรือรพินทร์ดี

แม่มดพันปีเริ่มติดโรคอู้จากพวกเราแล้ว ขอแสดงความยินดีด้วยครับ คุณได้เข้าเป็นชาวเพชรพระอุมาเต็มตัวแล้วนับตั้งแต่โรคอู้มาเยือน

อ้าว คุณ ส. จะไปซะแล้ว อย่างนี้จะหาใครมาเฝ้ากระทู้ต่อล่ะครับโธ่ ผมเคยเป็นยามเฝ้ากระทู้อยู่พักนึงสมัยแรกๆ ต้องต่อเรื่องอยู่คนเดียวหลายวัน
ไม่เป็นไรครับ วันหยุดนี้ถ้ามีเวลาจะเข้ามาต่อเรื่องบ้าง สำหรับท่านที่อู้แบบต่อเนื่อง เตรียมตัวโดนยำเละกันแบบถ้วนทั่วทุกตัวคนเถิด


จาก : ไชยยันต์ อนันตรัย - 20/04/2002 00:35

อ้าว คุณส.จะไปไหนล่ะครับ โธ่ ผมยังไม่ทันยำคุณส.อะไรมากมายเลย อยู่สักหน่อยก่อนสิครับ
คุณไชยยันต์ ส่งมุขให้แงซายเพราะจะนอนเย็นใจไปได้ใช่ไหมล่ะ หึหึ คิดรึว่าผมจะให้คุณไปนอนกระดิกเท้าเล่นได้นานขนาดนั้น หึหึ

จาก : รพินทร์ ไพรวัลย์ - 20/04/2002 12:32

แหม... มีคนคิดถึงผมกันใหญ่เลยนะครับ

"ถ้าจะให้ผมคิดละก็ นายทหารครับ ผมว่าเราควรจะรอดูสถานการณ์ไปพลางๆ ก่อน ว่าเจ้านกยักษ์นั่นมันจะเอายังไงกันแน่ นอนเล่นอยู่ในนี้ก็สบายดีนะครับ หลบร้อน ถ้าหิวก็จับปลาที่ว่ายผ่านไปมาแถวนี้มาทำซาซิมิกินกันไปก่อนก็ได้ จริงไหมครับ"

ไชยยันต์หัวเราะหึหึ มองหน้าอย่างรู้ทัน
"ฉันนึกแล้วเชียว ว่าแกต้องมามุขนี้" ว่าแล้วก็เอนหลังพิงผนังถ้ำถอนหายใจ
"หน้าร้อนอากาศข้างบนก็แสนร้อน ไม่อยากจะไปทำอะไรนักหรอก รอให้เจ้านกไฟนั่นไปก่อนก็ดีเหมือนกัน"

กะเหรี่ยงพเนจรนั่งลงบ้าง ทอดขาตามสบายในมุมสงบเอนกายลงพักผ่อน โดยหันหน้าออกไปทางม่านน้ำหน้าถ้ำ เผื่อจะมีแขกผู้ไม่พึงประสงค์โผล่มาเยี่ยมเยือน
เขามองดูปลาตะเพียนฝูงใหญ่ว่ายผ่านไป ปลาเทโพ ปลาเนื้ออ่อน ปลาดุก ปลาช่อน มีกระทั่งปลาชะโด และปลาปั๊กเป้า
เอ แล้วนั้นมันปลาอะไรกันนะ หน้ากระด้างยังกับปลาตาย ท่าทางจนกรอบเหมือนพรานเก่าว่ายน้ำท่าทางตะเกียกตะกายอย่างไรชอบกล

และถึงจะทำท่ายังงั้นมันก็ไม่ได้ช่วยทำให้ว่ายเร็วขึ้นเท่าไหร่เลยนะเนี่ย แงซายคิดในใจขณะเห็นเงามืดของอะไรบางอย่างเคลื่อนเข้าบดบังแสงจากเบื้องบนกระทันหัน ก่อนที่ร่างอันใหญ่โตของมันจะปรากฏขึ้น ไล่ตามปลาประหลาดของเขาไปติดๆ

ตัวเหมือนจะเป็นเกล็ดเขียวๆ ปากแหลมๆ มีฟันขาวพราว หางยาวๆ ดูคล้ายจิ้งจกยักษ์ เขาเรียกขึ้นเบาๆ
"นายทหารครับ"
ไชยยันต์ทีนั่งมองดูผนังถ้ำอยู่หันมามอง และทันทีนั้นก็เห็นภาพจากนอกม่านน้ำได้ชัดเจนโดยเขาไม่ต้องชี้บอก
"เฮ้ย นั่นมันรพินทร์นี่นา ตกลงมาเมื่อไหร่"
"ผมว่านั่นมันไม่น่าสนใจเท่ากับว่า จรเข้ตัวนั้นมันจะเป็นเจ้าของถ้ำนี้รึเปล่าน่ะซีครับนายทหาร"
ไชยยันต์โดดผลุงลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นคมเขี้ยวของจอมจรเข้สีเขียวเฉี่ยวชายกางเกงรพินทร์ได้อย่างฉิวเฉียด

"ตายล่ะ ฉันรู้แล้วแงซาย ว่าทำไมเจ้านกนั่นมันอยากให้แกกับรพินทร์ตกลงมาในน้ำนี่นัก"
จอมพเนจรหันมายิ้มยิงฟันขาว
"นับว่าผมโชคดีมากนะครับที่นายทหารดึงขาเข้ามาในนี้ซะก่อน"
และดูเหมือนจะโชคดีอีกต่อที่อยู่ใต้น้ำจึงไม่ได้ยินเสียงโหวกเหวกร้องจ้าของรพินทร์ ที่ดูจากภาพแล้วน่าจะกำลังร้องดังอยู่ไม่หยอก เหล่าสาวๆ ที่รุมดูกันอยู่ก็มีท่าทางตระหนกตกใจกันใหญ่

"เราจะเอายังไงกันดีล่ะครับนายทหาร "
แงซายปรึกษาขึ้นเมื่อเห็นพรานใหญ่ทำท่าจะหมดแรงตะกายน้ำเสียแล้ว
"เมื่อกี้ผมคิดว่าผู้กองจะมีน้ำยากว่านี้ซะอีก นี่ทำท่าจะไม่รอดปากจระข้ซะแล้ว เราจะขึ้นไปช่วยดี หรือว่า รอดูต่อไปเรื่อยๆ ดีล่ะครับเนี่ย ผมไม่อยากคิดแทนนายทหารซะด้วยซี"

ไชยยันต์เหลือบตามามองอย่างขวางๆ รู้สึกว่าคำถามจะคุ้นๆ

"ขึ้นไปช่วยเป็นเหยื่อล่อแทนรพินทร์ หรือ ช่วยให้กระเพาะเจ้าชาละวันเต็มขึ้นกันดีละ หา แกมีอะไรจะไปสู้เจ้าจิ้งจกยักษ์นั่นเรอะ"

เจ้ากะเหรี่ยงหนุ่มยิ้มยิงฟันขาวอีกรอบ ก่อนจะคว้ามือขวับออกไปนอกม่านน้ำ ฉับพลันนั้นก็ดึงมือกลับมามีไม้ท่อนยาวปลายแหลม เหมือนกิ่งไม้ที่หักเตรียมไว้อย่างดีติดมือมาด้วย

"นอกจากปลาสารพัดปลาในน้ำแล้ว ข้างนอกก็ยังมีสาระพัดไม้อีกด้วยนะครับ และเผอิญ พระธุดงค์องค์ที่เลี้ยงผมมา ท่านมีคาถาดี จะเรียกเนื้อเรียกปลาอย่างพระสังข์ หรือปราบจรเข้ก็พอได้อยู่เหมือนกัน แต่ว่า คาถาที่ท่านสอนผมมันเอาไว้พรางตัวกับสัตว์น้ำที่ร้ายๆ ได้พอลำพังตัวเองน่ะครับ ผมจะสอนนายทหารไว้ก็แล้วกัน"
ว่าแล้วเจ้ากะเหรี่ยงจอมกะล่อนก็พึมพำภาษาประหลาดออกมายาวเหยียด @#$%^*&(%$##

ก่อนยิ้มหล่ออีกหนึ่งที แล้วก้าวลับม่านน้ำออกไป

"โว้ย อ้ายแงซาย กลับมาก่อน พูดหนเดียวใครจะไปจำได้ฟะ"
แต่แงซายไม่ได้ยินเสียงบริภาษด้วยความขอบคุณของนายทหารซะแล้ว เขาถืออาวุธอันน้อย ร่ายมนต์แล้วว่ายขึ้นสู่ผิวน้ำเบื้องบน โผล่ขึ้นมาพอที่จะเห็นพรานใหญ่ว่ายท่าผีเสื้อผสมกบอยู่ลิบๆ ตามด้วยเสียงโผงผางของจรเข้ใหญ่

ชาละวันอ้าปากที่มีเขี้ยวขาวโง้งเต็มทั้งปาก แลเห็นเศษซากสัตว์เน่าเป็นขี้ฟันเขรอะ ก่อนงับเต็มแรงเสียงฉับใหญ่
เหล่าสาวๆ ที่มุงดูเหตุการณ์อยู่กรีดร้องประสานเสียงขึ้นโดยพร้อมเพรียง

กรี๊ดดดดดด


จาก : แงซาย^_^ - 20/04/2002 21:06

ไม่ได้เพิ่งเริ่มหรอกค่ะ แต่เป็นมานานแล้ว

ว่าแล้วก็อู้ต่อดีกว่า 5555

จาก : แม่มดพันปี - 20/04/2002 22:38

ไชยยันต์บ่นอุบ แหงนหน้ามองขึ้นไปจากทิศทางของปากถ้ำในขณะนี้ก็มองไม่เห็นแงซายหรือรพินทร์เสียแล้ว เขานิ่งนึกอย่างไรก็นึกไม่ออกว่าเมื่อตะกี้เจ้าแงซายจอมกะล่อนสอนมนตร์ว่าอย่างไร อดีตนายทหารปืนใหญ่หันซ้ายหันขวา ท่าจะนอนรออยู่อย่างนี้คงไม่สนุกแน่ คิดได้ดังนั้นจึงกลั้นหายใจแล้วก้าวออกจากม่านน้ำหน้าถ้ำ ทันทีที่ก้าวออกมาก็รู้สึกได้ถึงความหนาแน่นของน้ำรอบๆตัวที่พยุงตัวเขาให้ลอยขึ้น เขาแหวกว่ายขึ้นไปยังผิวน้ำในทันที

กรี๊ดๆๆๆๆ...

เสียงแข่งกันกรีดร้องของบรรดาสาวๆที่ยืนอยู่ริมฝั่งดังแว่วๆผ่านกระแสน้ำลงมา เขามองเห็นเหตุการณ์แล้ว รพินทร์กำลังแหวกว่ายท่าผีเสื้อผสมกบ แล้วเปลี่ยนเป็นแบบฟรีสไตล์ไปอย่างไม่คิดชีวิตโดยมีจระเข้น้ำจืดตัวมหึมาว่ายงับไล่หลังไปติดๆ เสียงดังฉับ และโครมคราม ดังมาไม่ขาดระยะ

"เฮ้ย แย่แน่ๆ รพินทร์"

ไชยยันต์คิดในใจ รพินทร์ผู้เจนจัดในป่าดงพงไพร ผู้เก่งกล้าสามารถ ผู้ซึ่งเคยเผชิญผองภัยกับเขามาแล้วชนิดแทบเอาชีวิตไม่รอด เคยช่วยชีวิตเขาและพรรคพวกมาแล้วก็หลายครั้ง บัดนี้หมอนั่นอยู่ในภาวะคับขันเสียแล้ว จระเข้ขนาดน้องๆเรือจ้างตัวนั้นท่าทางคงจะหิวจัด มันอ้าปากโชว์ฟันอันแหลมคมก่อนจะงับเสียงดังโครมคราม เฉียดกลางหลังจอมพรานชนิดคนดูหายใจไม่ทั่วท้องแทบจะเป็นลมไปตามๆกันด้วยความตื่นเต้นถึงขีดสุด
ด้วยความเลือดร้อนบวกกับความรักในมิตรสหายที่มีไม่เสื่อมคลาย อดีตนายทหารปืนใหญ่พุ่งตัวแหวกว่ายอย่างรวดเร็วขึ้นไปยังผิวน้ำ กะตำแหน่งให้พอดีกับทิศทางที่รพินทร์ว่ายหนีมา

เขาเห็นแงซายซึ่งกำลังว่ายท่าผีเสื้อปีกเดียว เพราะอีกมือถือไม้เสี้ยมปลายแหลมซึ่งคงจะใช้ต่างฉมวก กำลังกระโจนผางๆไปบนผิวน้ำ แต่ว่าไม่ได้ไล่หลังจระเข้แต่อย่างใด เจ้ากะเหรี่ยงพเนจรกลับว่ายเข้าหาฝั่งในทิศทางตรงกันข้ามกับที่จระเข้ว่ายไป ซึ่งก็ไม่รู้ว่าแงซายคิดอะไรอยู่ อันที่จริงเจ้ากะเหรี่ยงโฉมงามคงจะเป็นห่วงรพินทร์ไม่น้อยไปกว่าเขา ถึงแม้สองคนจะมีเรื่องไม่กินเส้นกันและลองดีลองเชิงกันเกือบจะตลอดเวลา แต่เขาก็ดูออกว่าแงซายนั้นรักและนับถือรพินทร์มากแค่ไหน รวมทั้งรพินทร์เองก็รักแงซายมากมายไม่ต่างอะไรกับพี่น้องคลานตามกันมา สองคนช่วยกันลุยช่วยกันผจญผองภัยและแก้ปัญหาให้กับหมู่คณะให้ไปได้ตลอดรอดฝั่งมาจนถึงปัจจุบัน หรือว่าในภาวะคับขันอย่างนี้คนที่ควบคุมสติได้ดีกว่าย่อมจะหาวิธีแก้ไขวิกฤติการณ์ได้ดีกว่า ในขณะที่รพินทร์กำลังตื่นตระหนกเพราะภัยจวนตัวเหลือเกินไม่มีเวลาแก้ปัญหา แงซายเองอาจจะรู้วิธีที่ดีกว่าการท้าตีต่อยกับจระเข้โดยตรงเพราะรู้ว่าไม่มีอะไรจะไปต่อกรกับเจ้าแห่งน้ำจืดได้ จึงได้ว่ายตรงไปที่ฝั่งเพื่อทำอะไรสักอย่าง

แต่เมื่อถึงฝั่งปั๊บ เจ้ากะเหรี่ยงจอมกะล่อนกลับกระโจนพรวดขึ้นเกาะขอบตลิ่งสูง ไม้เม้ยกระเด็นไปคนละทิศละทาง พยายามที่จะปีนขึ้นฝั่งให้ได้ น่าประหลาดที่เมื่อครู่น้ำล้นตลิ่ง แต่ตอนนี้กลับลดระดับลงมาอย่างรวดเร็วเหมือนกับใครสูบออกไปยังบ่อข้างเคียง ขอบตลิ่งรอบๆทะเลสาบตอนนี้อยู่สูงกว่า 3 เมตร ทำให้การป่ายปีนขึ้นฝั่งของแงซายเป็นไปได้อย่างลำบากยากเย็น ทำท่าจะขึ้นได้แต่ก็ลื่นหล่นลงไป เป็นอย่างนี้หลายครั้ง ใครคนหนึ่งวิ่งมาที่ริมฝั่งข้างบน
"แงซาย...เป็นยังไงบ้าง"
"นายหญิง" แงซายอุทานเรียกชื่อแล้วร่างของเขาก็ลื่นผลุบลงน้ำไปอีก

"ใช่ ฉันเอง" ดารินตอบพลางนั่งลงที่ริมฝั่ง
"นายหญิงจริงๆด้วย" แงซายทะลึ่งตัวขึ้นมาอีกครั้ง สองมือยึดรากไม้ริมตลิ่งแน่น
"เธอคงจะไม่เชื่อละสิ ฉันจะเล่าให้ฟังว่าฉันมาที่นี่ได้ยังไง"

เสียงน้ำซู่ซ่าดังมาแต่ไกล แงซายกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบากยากเย็น ค่อยๆหันหน้าไปทางที่มาของเสียง ซึ่งเป็นคนละทิศกับทางที่จระเข้ตัวนั้นว่ายไล่หลังรพินทร์ไป แล้วเจ้ากะเหรี่ยงโฉมงามก็ต้องตาเหลือกเมื่อมองเห็นอะไรบางอย่างลอยมาบนผิวน้ำแต่ไกล มันพุ่งมาราวกับตอร์ปิโด จระเข้อีกตัวหนึ่งซึ่งตัวใหญ่ไม่แพ้ตัวแรก ว่ายรี่ตรงมาที่เขาในระยะห่าง 50 เมตรเป็นอย่างมาก

"แงซาย..." ดารินพูดพลางหลับตาอย่างพยายามนึกทบทวนเหตุการณ์
"เดี๋ยวๆนายหญิง" แงซายพยายามห้ามปราม ยื่นมือจะให้ช่วยดึงขึ้นไป
ดารินยังคงหลับตาสาธยาย
"พวกเราที่แค้มป์ได้ยินเสียงกรี๊ดกร๊าดของแม่พวกนั้นซึ่งดังไปไกลกว่าสามไมล์ ก็เลยตามเสียงมาถูก หาทางลัดเลาะมาจนถึงที่นี่ พอดีเห็นเธอกำลังว่ายน้ำเล่นก็เลยรีบแวะเข้ามา...นี่ฉันยังไม่เห็นแม่พวกนั้นเลยว่าทำอะไรกันอยู่ตรงไหน ได้ยินแต่เสียง"
ดารินกล่าว เธอพูดถูก เนื่องจากตำแหน่งที่เธอโผล่พ้นแนวป่าออกมาที่ริมขอบทะเลสาบแห่งนี้นั้น เป็นช่วงที่มีเหลี่ยมหินและพุ่มไม้หนาทึบริมตลิ่งบังสายตา ไม่สามารถมองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับทางรพินทร์ได้
"นายหญิง ไม่มีเวลาแล้ว..." แงซายกล่าวพลางยื่นมือขึ้นไป สายตาเหลือบไปมองจระเข้ขนาดยักษ์อีกตัวที่ว่ายใกล้เข้ามา

ดารินลืมตามองแล้วเท้าเอวอย่างฉิว "นี่...ขอเวลาฟังฉันหน่อยไม่ได้หรือยะ พ่อน้องชายตัวแสบ...ฉันรู้ละน่าว่าเธอน่ะกำลังว่ายน้ำโชว์หุ่นอวดแม่สาวๆพวกนั้น ได้ยินเสียงกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่...ในเมื่อไม่ฟังก็ตามใจ ฉันไม่รบกวนเวลาโชว์ออฟของเธอหรอกแงซาย เชิญเถอะพ่อคุณ"
พูดจบราชสกุลสาวก็สะบัดหน้าหันหลังขวับเดินพ้นขอบตลิ่งสูงไปโดยไม่สนใจฟังเสียงเรียก ทิ้งให้ร่างของเจ้ากะเหรี่ยงโฉมงามค่อยๆลื่นไหลกลับลงสู่น้ำอีกครั้ง ในขณะที่จระเข้ตัวที่สองว่ายรี่โชว์เขี้ยวซึ่งแต่ละซี่ใหญ่ขนาดมีดทำครัว ตรงมาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ

จาก : ไชยยันต์ อนันตรัย - 21/04/2002 17:52

ทางด้านไชยยันต์ เขาโผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำดักหน้ารพินทร์พอดี จอมพรานตาเหลือกไม่นึกว่าจะมีใครมาขวางทิศทางการเคลื่อนที่แบบฟรีสไตล์ของเขา จึงชนโครมเข้าให้กับไชยยันต์ สองคนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ทำให้จระเข้ชะงัก งงงันไปไม่รู้จะเลือกโจมตีใคร เปิดจังหวะให้สองคนได้คุยกัน
"อ้าว คุณไชยยันต์ มาได้ยังไงกันนี่"
"ไม่ต้องพูดมากรพินทร์ คุณไม่เป็นไรก็ดีแล้ว รีบๆไปเร็วเข้า...เร็ว!" เสียงไชยยันต์ตะโกน
"หมายความว่ายังไง"
"ก็หมายความว่าผมจะขวางจระเข้เอาไว้เอง ส่วนคุณน่ะหนีไป"
"เอ๊ะ ไม่ได้นะคุณไชยยันต์ คุณจะทำอย่างนั้นไม่ได้"
"ทำไมผมจะทำไม่ได้...ชีวิตคุณน่ะมีค่ามากกว่าผมยิ่งนัก คุณคือคนที่เป็นที่พึ่ง เป็นความหวังของทุกๆคน ส่วนผมน่ะ จะอยู่หรือจะไปก็มีค่าเท่ากัน ผมตัวคนเดียว ลูกเมียก็ทิ้งหมดแล้ว ผมหมายถึงเขาทิ้งผมกันไปหมด ชีวิตผมถึงแม้จะไม่มีค่าอะไร แต่อย่างน้อยก็ขอให้ผมได้ใช้ชีวิตเป็นการตอบแทนที่คุณช่วยผมและคณะมาโดยตลอด...ลาก่อนรพินทร์"

"คุณไชยยันต์ ไม่ได้นะ คุณจะทำอย่างนั้นไม่ได้..." รพินทร์กล่าวพลางตีกรรเชียงถอยห่างออกมาเรื่อยๆ
ภาพที่เห็นคือไชยยันต์คว้ามีดพกเดินป่าออกมาถือไว้ ตั้งท่าดูเชิงอยู่กับจระเข้ซึ่งมันกำลังค่อยๆว่ายวนไปมารอบๆ

จอมพรานมารู้ตัวอีกทีก็เมื่อหลังเขาชนกับริมตลิ่ง เขารีบหันกลับมองขึ้นไป ขอบบนของมันอยู่สูงเกินเอื้อมจริงๆ ก็พอดีกับที่ใครคนหนึ่งโผล่หน้าออกมา
"คุณหญิง" รพินทร์อุทานเรียกอย่างดีใจ
ดารินเองทำหน้าตื่นตระหนก เธอเพิ่งจะวิ่งอ้อมฝั่งมาตรงจุดที่รพินทร์อยู่
"รพินทร์...นั่น คุณ คุณ"

"ไม่ต้องเป็นห่วงครับยาหยี ผมไม่เป็นไร"
"ไม่ใช่!...ฉันหมายถึงว่า คุณทิ้งไชยยันต์มาได้ยังไง!" เสียงดารินกลายเป็นตะโกน

"เดี๋ยวๆๆ เดี๋ยวก่อน คุณหญิงฟังผมก่อน..."
"บ้าจริงๆ คนผีทะเล คนบ้าบอ ฉันเกลียดนักเชียว...ทำไมถึงกลายเป็นคนอย่างนี้ไปได้"
เสียงของแม่ดอกฟ้าดารินของเขาบ่งบอกความเสียใจระคนผิดหวัง เธอยืนขึ้นมองไปทางที่ไชยยันต์กำลังจ้ำอ้าวหนีการไล่งับของจระเข้ เพื่อนชายคนที่ดูเหมือนไม่เอาไหนของเธอ บัดนี้เขาได้แสดงสปิริตแรงกล้า อุทิศตัวเองเป็นเหยื่อ เพียงเพื่อจะให้รพินทร์ของเธอ และของอีกหลายๆคนอยู่รอด

"ในเมื่อคุณไม่ช่วยฉันจะลงไปช่วยเอง" ดารินทำท่าจะกระโจนลงทะเลสาบ
รพินทร์รีบโบกมือร้องเสียงหลง "ไม่นะคุณหญิง...ไม่!..."

บุญคำซึ่งนอนสำออยเป็นคนป่วยอยู่นาน บัดนี้วิ่งเตลิดมาแต่ไกล ความเป็นห่วงเจ้านายทำให้ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์จอมสัปดนไม่กลัวตายอีกต่อไป ผ้าสีแดงคาดหัว มีดพกแบบเดินป่าคาบอยู่ในปาก ในมือถือคบไฟยืนบริกรรมคาถาอยู่ริมฝั่ง

"โอม...มะลุกกุ๊กกุ๋ย มะลุกกุ๊กกุ๋ย..."

ว่าคาถาระเบิดน้ำอยู่อึดใจ ตาเฒ่าซึ่งคิดว่าตัวเองกลายเป็นไกรทองไปแล้วก็กระโจนลงน้ำไปอย่างรวดเร็ว ร่างของแกหายลับลงไปใต้ผิวน้ำ หายไปครู่หนึ่งก็โผล่พรวดขึ้นมา แกรีบแกะมีดที่คาบอยู่ออกมา เพราะมีดบาดปากคอฉีก เลือดไหลทะลักลงยังผิวน้ำ ส่วนคบไฟในมือกระเด็นไปทางไหนหาไม่เจอเสียแล้ว

เสียงกระโดดตูมตาม และเลือดที่หยดลงบนผิวน้ำ เท่ากับเป็นการท้าทายอำนาจแห่งจระเข้ จิ้งจกยักษ์ตัวมหึมาอีกสองตัวผุดขึ้นมาจากนรกขุมไหนไม่มีใครรู้ บัดนี้มันค่อยๆโผล่หน้าขึ้นมาในระยะห่างจากหน้าของบุญคำไม่เกิน 1 วา ส่วนอีกตัวโผล่ขึ้นมาด้านหลังที่ระยะเท่ากัน

ทางด้านไชยยันต์ เขาเหนื่อยกับการว่ายหนีจระเข้ จนจะว่ายไปไม่ไหวอยู่แล้ว คิดว่าคงไม่มีทางรอดแน่ๆ เมื่อนั้นนายทหารปืนใหญ่ผู้ไม่เคยเกรงกลัวใครก็หันกลับ กระชับมีดพกในมือแน่น จระเข้ตัวนั้นว่ายปรี่เข้ามาเกือบจะถึงตัวอยู่แล้ว

"ก่อนตายก็ขอซัดซักทีเถอะวะ"

เสียงไชยยันต์ตะโกน พริบตาที่เขาเห็นเขี้ยวอันคมกริบของมันเข้ามาใกล้นั้น ไชยยันต์ก็เงื้อมีดขึ้นสุดแขน เสียงร้องกรี๊ดดังมาจากบนฝั่ง เสียงน้ำกระจายครืนโครม และเสียงจระเข้คำรามดังก้องไปทั่วทะเลสาบ เลือดสดๆพุ่งกระจายไปทั่วผืนน้ำ

สรรพสิ่งรอบข้างเงียบสงัดลงในทันที รอบด้านดูเหมือนจะหยุดนิ่งไป ไม่มีแม้แต่สายลมพัด
ทุกคนชะงักกับสิ่งที่กำลังกระทำกันโดยสิ้นเชิง ดารินยกมือปิดปากด้วยนัยน์ตาที่จ้องอย่างเหลือกลานค้าง รพินทร์กำลังเหนี่ยวตัวขึ้นตลิ่งก็ค้างอยู่แค่นั้น แงซายกำลังดำน้ำลงไปครึ่งหน้าเล็งทางหนีทีไล่ ก็ชะงักโผล่มาแค่ครึ่งหน้าอย่างนั้น จระเข้ที่ว่ายเข้าไปหาแงซายก็ชะงักเหลือบมามองดูเหตุการณ์ บุญคำชะงักในท่าพุ้ยน้ำไล่จระเข้ ในขณะที่จระเข้สองตัวที่ล้อมหน้าหลังก็หยุดการเคลื่อนที่ หันไปมองพวกของมัน

"ซ่า! ตูม!"

ร่างของไชยยันต์กระเด็นลอยขึ้นมาจากทะเลสาบ จระเข้ตัวนั้นกระโจนจนน้ำกระจายครืนโครม มันสะบัดหางเหวี่ยงตัวเขาขึ้นมาจากผิวน้ำ ไชยยันต์กระเด็นลอยข้ามศีรษะดารินและรพินทร์ หายลงไปในพุ่มไม้หนาแน่นด้านหลัง ส่วนจระเข้ตัวนั้นคำรามลั่น มีมีดพกของไชยยันต์ปักอยู่ที่หลังคอของมัน และเลือดสดๆของมันกระจายเต็มผืนน้ำ แต่นั่นไม่ได้ทำให้มันหมดพิษสง กลับจะเพิ่มทวีความดุร้ายให้กับมันอีกหลายเท่าตัว จระเข้ตัวใหญ่มหึมาตัวนั้นหันขวับมาทางรพินทร์ และคำรามลั่นก่อนจะพุ่งตัวมาทางจอมพรานจนน้ำกระจายเสียงดังสนั่น

และนั่นเท่ากับเป็นสัญญาณให้กิจกรรมต่างๆดำเนินไปต่อ ทุกอย่างเคลื่อนไหวอีกครั้ง สายลมแรงพัดเสียงหวีดหวิวไปทั่วทะเลสาบ บุญคำพุ้ยน้ำไล่จระเข้อย่างเอาเป็นเอาตายท่ามกลางจระเข้สองตัวที่ประกบหน้าหลัง ส่วนแงซายหลังชนตลิ่งในขณะที่จระเข้ว่ายแบบย่างสามขุมเข้ามา ในใจเจ้ากะเหรี่ยงจอมพเนจรตอนนี้นึกอยากให้ตัวเองมีปีกอย่างเดียวเท่านั้น ทางด้านรพินทร์พยายามจะปีนขึ้นฝั่งให้ได้ในขณะที่ดารินมัวแต่ตะลึงงันกับเหตุการณ์...

จาก : ไชยยันต์ อนันตรัย - 21/04/2002 17:54

ไชยยันต์ลืมตาขึ้น ได้ยินแต่เสียงกรี๊ดกร๊าด เสียงน้ำในทะเลสาบดังซ่า ครืนโครม และเสียงตะโกนโหวกเหวกของใครอีกหลายคน ดูท่าว่าในทะเลสาบกำลังมีเรื่องวุ่นวายกันใหญ่ เขาสะบัดหัวไล่ความมึนงง รีบสำรวจอาการของตัวเอง ไม่มีร่องรอยบาดแผลนอกจากรอยฟกช้ำดำเขียวเล็กน้อยเท่านั้น โชคยังดีที่เขาไม่เป็นอะไรเนื่องจากหล่นลงมาในพุ่มไม้หนาแน่นซึ่งรองรับตัวเขาไว้อย่างพอดี

ไชยยันต์ทิ้งตัวลงนอนหงายกับพื้นหญ้า แหงนหน้ามองดูยอดไม้ซึ่งสูงขึ้นไป แลเห็นปุยเมฆสีขาวลอยฟ่อง

"อยากจะช่วยแต่เหนื่อยเหลือเกิน หวังว่าทุกคนคงไม่โชคร้ายจนเกินไปนะ"

เขาบ่นพึมพำ พลางหรี่ตามองท้องฟ้า
ฟ้าครามวันนี้ช่างสวยเหลือเกิน

จาก : ไชยยันต์ อนันตรัย - 21/04/2002 18:12

กำลังจะเคลิ้มหลับก็ได้ยินเสียงใครอีกคนวิ่งมา
"เดียร์ไชยยันต์ เป็นยังไงบ้าง คุณปลอดภัยดีไหม"
เสียงมาเรียร้องเรียกขณะที่กำลังวิ่งจะผ่านเลยไป ไชยยันต์ยิ้มนิดหนึ่ง
"เมย์...นี่ผมยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม"
"ใช่แล้ว คุณยังมีชีวิตอยู่...คุณรออยู่นี่นะ เดี๋ยวฉันจะไปช่วยมิสเตอร์ฮันเตอร์ก่อน เขากำลังถูกจระเข้ดุร้ายตัวนั้นไล่งับ ว่ายวนไปวนมาในทะเลสาบหลายรอบแล้ว แย่ทีเดียว"
พูดจบมาเรียก็ทิ้งให้เขานอนอยู่ตรงนั้นโดยไม่แวะเข้ามาดู เธอกำลังจะรีบวิ่งไปยังริมทะเลสาบอีกด้าน เพราะรพินทร์ว่ายไปทางนั้น ทุกคนกำลังส่งเสียงเชียร์ลั่น

"เอ้า ฮุยเลฮุย ฮุยเลฮุย...ว่ายเร็วขึ้นอีกรพินทร์ รพินทร์จ๋าว่ายเข้าไปจ้า...เร้ว มาแล้วๆๆๆๆ มันมาใกล้แล้ว...กรี๊ดๆๆๆ ว้ายๆๆ โอ๊ย หัวใจจะวาย..."
เสียงร้องเชียร์กันดังเซ็งแซ่ไปหมด

ไชยยันต์ยังคงนอนอยู่ที่เดิม
"ทำไมไม่ลุกขึ้นไปช่วยกันเชียร์ล่ะ หือ"
เสียงนุ่มหูอีกเสียงหนึ่งกล่าวขึ้น อดีตนายทหารปืนใหญ่หันขวับไปมอง
"ถ้าผมลุกขึ้นได้ผมไม่ปล่อยให้รพินทร์อยู่ในสภาพนั้นหรอก คุณก็รู้ว่ามันทำให้เขาเสียฟอร์มมากแค่ไหนคุณแสง"

แสงโสมก้าวเข้ามานั่งที่ก้อนหินไม่ห่างนัก เธอยิ้มเล็กน้อย แต่เขารู้สึกว่ามันเป็นรอยยิ้มที่แฝงไว้ด้วยความเย้ยหยันอย่างไรบอกไม่ถูก
"เฮ้อ...นี่เมย์ไปไหนกันน้อ ปล่อยให้สามีสุดที่รักมานอนชมฟ้าอยู่ได้...อ้อ เมย์ไปช่วยรพินทร์นี่เอง"
พูดแล้วเธอก็ทำท่าป้องหน้าผากมองไปที่ทะเลสาบ ไชยยันต์มองตาขวางๆ
"ผมไม่ได้หวังว่าจะมีใครมาช่วยหรอกคุณแสง ก็รู้ๆกันอยู่ว่าสังคมเราทุกวันนี้หาคนมีน้ำใจยาก ทุกคนต่างก็ต้องนึกถึงผลประโยชน์ของตัวเอง อยู่กันแบบตัวใครตัวมันกันทั้งนั้น ผมล้มเดี๋ยวผมก็ลุกเองไม่ต้องมาซ้ำเติม"

แสงโสมเลิกคิ้ว
"อ้อ เหรอ...คุณก็รู้อยู่แล้วนี่ งั้นก็เชิญนอนอยู่ตรงนั้นต่อไปก็แล้วกัน"

พูดจบเธอก็ลุกขึ้นยืน ไชยยันต์หัวเราะหึๆ
"ตอนแรกผมนึกว่าเป็นอคติที่ทำให้ผมไม่ค่อยจะไว้ใจบางคน พยายามขจัดอคติ ทำใจยอมรับอยู่ตั้งนาน จนทำท่าจะยอมรับได้...แต่แล้วในที่สุดผมก็พบว่าคนเราก็เหมือนกันหมดทุกคนนั่นแหละ...หาคนมีน้ำใสใจจริงยาก"

แสงโสมชะงัก หันกลับมาอย่างฉิวๆ
"คุณว่าใคร"
"เปล่า ผมไม่ได้ว่าใคร"
"แล้วทำไมต้องมาแขวะฉัน"

การเปลี่ยนสรรพนามเรียกตัวเองนั่นเป็นการแสดงให้เห็นว่าคนพูดกำลังอารมณ์เดือดจัด ไชยยันต์ยิ้มนิดนึง เหม่อมองท้องฟ้าในขณะที่กล่าว
"คี้ธเป็นอย่างไรบ้างครับ"
"ถามทำไม"
"เขาว่ากันว่าผู้หญิงเหมือนไม้เลื้อย อยู่ใกล้อะไรก็พันกับสิ่งนั้น...สามวันจากนารีเป็นอื่น คำพูดพวกนี้ไม่ได้ไกลจากความจริงเลย"

แสงโสมท้าวสะเอว เดินเข้ามาหยุดยืนข้างๆเขา
"มันจะมากไปแล้วนะคุณไชยยันต์...นั่นมันเรื่องของฉัน ฉันจะไปเกี่ยวข้องอะไรกับใครนั่นมันก็สิทธิ์ของฉัน และฉันเองก็ยังไม่ได้เคยสัญญิงสัญญาอะไรกับคุณเลย ยังไม่ได้ตัดสินใจใดๆกับคุณด้วย คุณมีสิทธิ์อะไรมาพูดจาใส่หน้าของฉันอย่างนี้"

ไชยยันต์หันมามองตาปริบๆ
"ผมก็ยังไม่ได้หมายความถึงคุณสักหน่อยคุณแสง...ผมพูดถึงเมย์ต่างหาก"

แสงโสมชะงักไปนิดนึง เธอรู้ตัวว่าตกหลุมพรางก็นิ่งเงียบสงบปากสงบคำในทันที หันหลังเดินกระฟัดกระเฟียดจากไป
ไชยยันต์หัวเราะหึๆ เหม่อมองยอดหญ้าที่พริ้วไปตามแรงลม

จาก : ไชยยันต์ อนันตรัย - 21/04/2002 22:37

ไอ้หยา... คาถาของหลวงพ่อที่ให้มาใช้ไม่ได้เหรอนี่

แงซายคิดหนัก จ้องมองตากับเจ้าจรเข้ตรงหน้า นึกถึงนายทหารที่ลอยข้ามศีรษะใครๆ ไปเมื่อครู่

เห็นทีนายทหารก็คงจะแย่อยู่เหมือนกันนะ แต่เอ๊ะ ทำไมจู่ๆ เขารู้สึกคล้ายคลื่นไส้ขึ้นมากระทันกัน

ทันใดนั้นท่อนซุงขนาดสองคนโอบท่อนหนึ่งลอยละลิ่วมาจากทางใดไม่ปรากฎ กระแทกโครมเข้าที่สีข้างเจ้าจรเข้ตัวที่จ้องตากะเขาอยู่ มันเลยแพ้ เป็นฝ่ายหลบตาก่อน จุกแอ้ดๆ แล้วดิ้นกระแด่วๆ ลอยตามน้ำไป

จอมพเนจรถอนหายใจเฮือกใหญ่ ขอบคุณท่อนไม้ท่อนนั้น นับว่าเขายังโชคดีอยู่บ้าง
ภาพท่อนซุงใหญ่ลอยตามน้ำไป เขาสังเกตเห็นมีไม้เลื้อยหลายชนิดพันรอบต้นติดไปด้วย

"สามวันจากนารีเป็นอื่น แต่ไม่ถึงต้องจากสักคืน อยู่ใกล้ๆ กันแท้ๆ บุรุษก็ยังแปรไปได้เลย"
แงซายสะดุ้งหันหลังมาก็เห็นเจ้าของเสียงใส ทำท่ากระฟัดกระเฟียดยืนอยู่บนตลิ่งสูงข้างหลังเขา
แสงโสมจ้องมองไปที่พรานใหญ่ซึ่งกำลังตะกายฝั่ง พลางตะโกนเรียกดารินเสียงหลง

"คุณแสงคงไม่ได้โกรธสุภาพบุรุษไปเสียหมดใช่ไหมครับ" จอมกะเหรี่ยงยิ้มประจบ ม่ายสาวมองลงมาแล้วก็หันไปหาเชือกทอดลงมาให้เขาเกาะ
"ไม่ต้องยิ้มไปหรอกแงซาย โน่น จรเข้อีกตัวกำลังมาทางนี้แล้ว เร็วๆ เข้า !"
แงซายรีบป่ายปีนขึ้นตลิ่งมาด้วยความว่องไว



จาก : แงซาย - 22/04/2002 10:39

ไต่ขึ้นมายืนบนตลิ่งได้อย่างมั่นคงแล้ว แงซายเดินอย่างอ่อนแรงไปทิ้งตัวลงนอนราบกับพื้นใกล้ ๆ กับไชยยันต์ ทั้งสองคนมองดูฟ้าสีครามอย่างเหนื่อยอ่อนปนโล่งใจที่รอดพ้นคมเขี้ยวขนาดปังตอของเจ้าชาละวันฝูงนั้นไปได้ และแล้วก็หลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อนเพื่อพักเอาแรงราวกับเตรียมตัวไว้รับสถานการณ์ที่ไม่แน่ใจนักว่าจะเกิดอะไรขึ้นในภายหลัง

รพินทร์ ไพรวัลย์และบุญคำพรานคู่ใจยังคงพุ้ยน้ำอย่างเอาเป็นเอาตายหนีฝูงจระเข้ดุร้ายที่อ้าปากกว้างไล่งับฉับ ๆ กระชั้นชิดพรานทั้งสองเข้าไปทุกขณะอย่างน่าหวาดเสียวอยู่กลางลำน้ำนั้น ท่ามกลางสายตานับสิบคู่ของกองเชียร์บนฝั่งที่กำลังลุ้นดูอยู่อย่างตื่นเต้น

บุญคำตะเกียกตะกายว่ายหนีฝูงจระเข้อย่างรวดเร็วมายังตำแหน่งที่แสงโสมยืนอยู่พลางโบกไม้โบกมือร้องโว้กเว้กเพื่อจะขอเชือกที่ม่ายสาวช่วยเจ้ากะเหรี่ยงหนุ่มให้รอดพ้นคมเขี้ยวมาให้ตนเองใช้ด้วย สีแดงของเลือดไหลตามน้ำมาเป็นทางยาว จระเข้สองสามตัวยังคงว่ายไล่งับบุญคำตามรอยเลือดมาติด ๆ แสงโสมก็ไวไม่แพ้กัน รีบหยิบเชือกทอดลงไปให้ริมขอบตลิ่งโดยทันที

บุญคำคว้าเชือกไว้ได้แล้วแกก็ขยับร่างไต่ผนังตลิ่งชันราวกับหน้าผาขึ้นมา แต่..เจ้าประคุณเอ๋ย..ด้วยความตื่นเต้นฉุกละหุกของสถานการณ์บวกกับอารามดีใจที่ช่วยบุญคำไว้ได้อีกคน ม่ายสาวดั๊นลืมมัดด้านปลายของเชือกไว้โคนต้นไม้เหมือนตอนส่งให้แงซายใช้ดึงตัวขึ้นมา แรงที่ตัวเองช่วยดึงเชือกไว้ด้านบนขณะนี้มีไม่มากพอหากขืนดึงไว้ตนเองต้องตกน้ำไปด้วยแน่ ม่ายสาวจึงจำใจต้องปล่อยเชือกในมือตนด้วยความเสียดายอย่างสุดซึ้ง พรานเฒ่าไต่ตลิ่งขึ้นมาได้สามสี่ก้าวก็หงายหลังลงน้ำตูมไปอีกครั้ง เชือกทั้งเส้นไปนอนสงบนิ่งอยู่ในมือของเฒ่าเจ้าเล่ห์อย่างน่าสลดใจ

เฒ่าจอมลามกร้อง แว๊ก แว๊ก ออกมาอย่างโมโห ก่อนจะสะบัดร่างแผล็วหลบ
ปากที่มีฟันคมกริบเรียงรายแน่นขนัดของจระเข้หนุ่มตัวหนึ่งไปได้อย่างหวุดหวิด ฉิวเฉียด พลางว่ายน้ำหนีเตลิดออกไปกลางทะเลสาบอีกครั้ง

กองเชียร์บนฝั่งยังคงกรี๊ดดให้กำลังใจทั้งสองคนอย่างล้นหลาม อิสซาเบลเชียร์หรีดเดอร์เฉพาะกิจ ถึงกับลงทุนไปคว้าใบสนมาสี่กำใหญ่ เพื่อนำมาทำเป็นพู่สำหรับตนเองและเคอเนลคี๊ธคนละคู่ประกอบการเต้นเชียร์รพินทร์และบุญคำโดยเฉพาะ โดยมีคริสติน่า มาเรีย ดาริน และพลับพลึงคอยช่วยตบมือเข้าจังหวะกันอย่างครื้นเครง ในขณะที่ม่ายสาวเจ้าเล่ห์ตะโกนเรียกหาแม่มดพันปีอยู่อีกมุมหนึ่งของทะเลสาบเพื่อจะขอเดิมพันท้าพนันข้างจระเข้ร้อยเอาหนึ่ง…...


จาก : แสงโสม - 25/04/2002 14:41

หวา... อาทิตย์เดียวมากันเพียบ ^_^

จาก : คริสติน่า กรูบิล - 25/04/2002 18:32

อุ๊ยตาย ว้ายกรีสสสสสสสสส เอ็คโค้ ...........เอ็คโค้.......อันหยังนี้ข่อยบ่ตามทัน.....คนแก่จาเปงลมยายหายปายหลายเดือนไปหลงหนุ่มแชทนิดเดียวกลับมาตามเรื่องไม่ทัน เฮ้อ.......... ชีวิตลำเค็น จิงๆๆนะเค้อ
..................................
หลานรากทั้งหลายของยายเป็นงายบ้างสบายดีกันก่าเจ้า.........ปิดเทอมแล้วใช่มั้ยก่า.......ยายต้องไปก่อนนะต้องไปฟื้นฟูพลังชีวิต ให้กลับ ไป อินเทอร์เหมือนเดิมก่อนนะเค้อ...เพื่อเสียงเอ็คโค้ จะได้ดั่งกระหึ่ม......ตายแล้วรุ้สึกตกข่าวไปมากเลย หวังว่าทุกคนสบายดีนะหลานรากกกทุกคน..............คน...........( เฮ็คโค้ )
............... ................ ................. ................ .............
ป.ล. คิดถึงทุกคนมาก จากยายแสนสวยหน้ารัก.......ไม่มีใครเกิน
อิอิ...........อิ.......( เอ็คโค้ )

จาก : ยายเฒ่า - 28/04/2002 16:16

บรรดาเชียร์ลีดเดอร์ทั้งหลายหารู้ไม่ว่าการเต้นของพวกเธอนั้นเอง ทำให้เหล่าจระเข้หันเหความสนใจไปยังกิจกรรมบนตลิ่ง เพราะคำว่า จระเข้นั้นไม่ได้มาเพราะโชคช่วยมันต้องมีคุณสมบัติอันเหมาะสมอย่างหนึ่งถึงจะเป็นได้

เจ้าตัวมหึมายาวเกือบ 10 เมตร ที่กำลังจะงับรพินทร์ที่ว่ายฟรีสไตล์อย่างสง่างามอยู่หน้า รีบผละไปเกาะตลิ่ง ตาเล็ก ๆสีเหลืองของมันเบิ่งจนแทบถลนออกมานอกเบ้า เมื่อเห็นแหม่มเบลในชุดสาวปอมปอมเต้นประกอบการเชียร์จนกระเพื่อมไปทั้งตัว มันพึ่งนึกเสียดายเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ไม่มีลี้น ไม่งั้นล่ะก้อ มันจะแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผากเนื่องจากขากรรไกรค้างถาวร

บุญคำหันไปมองเห็นดังนั้น ก็รีบหันไปบอกจระเข้ตัวที่ไล่ตามเขามาติด ๆ "ชูว์ ไปโน่นแน่ะ เห็นเพื่อนแกไหมล่ะ ไปดูอะไรที่น่าสนใจทางโน้นเด่ะ จะมาไล่อยู่ทำไมเล่า"

เจ้าตัวที่หน้าตาเหมือนไอ้บอดวัดสามปลื้มแต่ดันผ่าดัดขนตาเสียงอนเช้ง ค้อนแงซายดังขวับ "อุ๊ยชะนีอย่างนั้นใครจะชอบยะ เค้าชอบหล่อเท่อย่างนี้มากกว่า แม้ว่าจะแก่ก็เถอะ" พร้อมกับชายหูชายตาให้บุญคำ ทำให้พรานลามกต้องรีบว่ายน้ำเร็วกว่าเดิมสิบเท่า ไม่งั้นอาจจะจับพลัดจับผลูกลายเป็นผัวจระเข้กระเทยคูโบต้าเข้าให้ก็ได้

พอบรรดาจระเข้เลิกติดตามเขา จอมพรานก็ถือโอกาสว่ายน้ำขึ้นบกอย่างง่ายดาย ใบหน้าของเขานั้นมีประดับด้วยรอยยิ้มที่มุมปากเหมือนไม่สะทกสะท้านกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย ร่างเคยืนหยัดตระหง่านอย่างไรก็ยังคงเป็นอย่างนั้น ไม่ร่องรอยของความเหนื่อยล้าแม้แต่น้อย ผมก็ยังเรียบไม่กระดิกแม้แต่เส้นเดียวเพราะว่าเขาใช้โจตันสติ๊กทาครั้งเดียวอยู่ได้สิบปี

ระหว่างที่จอมพรานยิ้มมุมปากสู้โลกค้างเติ่งอยู่นั้น ชายฝั่งก็เกิดการชุลมุนกันขึ้น เจ้าชาละวันสามสี่ตัวฟัดกันนัวเนีย หลังจากที่ไม่สามารถยุติการโต้เถียงกันได้ว่าแหม่มเบลหรือว่าเลื่อมลายวรรณใครสวยกว่ากัน บางตัวนั้นถือหางข้างเลื่อมลายวรรณเพราะว่าเซ็กซี่ประดุจแชมเปญเอ๊กซ์ บางตัวก็บอกว่าอิชชาเบลเจ๋งสุดสุด เธอนั้นเหมือนรีส วิทเธอร์สปูนในเรื่องเลกัลลี บลอนด์ตอนใส่ชุดว่ายน้ำนั่นเทียว



จาก : รพินทร์ ไพรวัลย์ - 29/04/2002 17:41

แฮ่ะแฮ่ะ พลาดไปหน่อย ในวรรคที่สี่ "เจ้าตัวที่หน้าตาเหมือนไอ้บอดวัดสามปลื้มแต่ดันผ่าดัดขนตาเสียงอนเช้ง ค้อนแงซายดังขวับ" ที่มันค้อนน่ะลุงคำครับ ผมมาววว ผมไม่รู้ ผมไม่รับผิดชอบง่ะ

จาก : รพินทร์ ไพรวัลย์ - 30/04/2002 10:59

แวะมาอ่าน
จะหายไปสองอาทิตย์นะเพื่อน ไป ตปท. ^_^

จาก : คริสติน่า กรูบิล - 30/04/2002 19:53

555 ขำรพินทร์คิดมุขได้งัยเนี่ย

จาก : .... - 30/04/2002 22:12


เมื่อสมาชิกส่วนใหญ่พากันเอาตัวรอดจากฝูงจระเข้ได้แล้ว ต่างก็มารวมกลุ่ม
กันร้องเชียร์บุญคำอย่างสนุกสนาน ทุกคนรู้สึกปลอดภัยเพราะรู้ดีว่าขอบตลิ่ง
ที่ยืนอยู่ทั้งชันทั้งลื่น บรรดาเหล่าจระเข้ไม่สามารถขึ้นมาได้แน่นอน การเชียร์เริ่ม
มีรสชาดมากขึ้นเมื่อแสงโสมตั้งตัวเป็นเจ้ามือรับพนัน

"บุญคำ ว่ายไปทางขวาเร็วเข้า" รพินทร์ซึ่งถือหางข้างจระเข้ ร้องสั่งลูกน้อง
คู่ใจให้ว่ายเข้าไปหาจระเข้ตัวใหญ่ที่อ้าปากรออยู่ พรานเฒ่าหลับหูหลับตาว่ายไป
ตามทางที่รพินทร์บอกอย่างไม่คิดชีวิต เพราะไม่รู้ว่าเจ้านายที่ตัวเองเฝ้าติดตาม
รับใช้อย่างซื่อสัตย์มาเป็นเวลานับสิบปีจะใจร้ายหักหลังเอาดื้อๆ แบบนี้

"ตูมมมมมมมม" จระเข้ที่เกือบจะได้บุญคำเป็นอาหารมื้อค่ำ ถูกก้อนหินขนาด
เท่าโอ่งมังกรที่ไชย์ยันต์ทุ่มใส่กระแทกจนลงไปนอนจุกอยู่ก้นแม่น้ำ ทำให้พรานเฒ่า
รอดตัวมาได้อย่างหวุดหวิด

"ขี้โกงนี่นา" รพินทร์ประท้วงเมื่อเห็นไชย์ยันต์ขว้างก้อนหินไปช่วยบุญคำ

"ใช่ ๆ อย่างนี้ต้องปรับแพ้" คีธรีบสนับสนุน เพราะตัวเองลงเงินข้างจระเข้
เอาไว้ไม่น้อย

"ได้ยังไง นายเล่นบอกให้บุญคำว่ายเข้าไปหาจระเข้ มันก็โกงเหมือนกันนั่นแหละ"
ไชย์ยันต์หันมาตอบโต้

ผู้ถือหางข้างจระเข้กับบุญคำเถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตาย จนหวิดจะวางมวย
กัน ในที่สุดแสงโสมผู้เป็นเจ้ามือต้องกำหนดกติกาว่า ให้ร้องเชียร์ได้อย่างเดียว
ห้ามบอกทาง, แนะนำ หรือช่วยเหลือใดๆทั้งสิ้น ฝ่ายไหนผิดกติกา จะปรับแพ้ทันที
ทั้งหมดจึงหันมาร้องเชียร์กันต่อ

อนิจจา หินที่ไชย์ยันต์โยนไปเมื่อครู่ช่วยให้บุญคำรอดจากจระเข้ตรงหน้าได้ก็จริง
แต่มันกลับทำให้บุญคำกลายเป็นจุดสนใจของจระเข้ทั้งฝูง ทุกตัวต่างว่ายตรง
ไปทางบุญคำ จนในที่สุดพรานเฒ่าก็ถูกฝูงจระเข้ล้อมอยู่กลางแม่น้ำ โดยที่ทุกคน
ไม่สามารถช่วยเหลือได้ (เพราะกลัวแพ้พนัน)

จาก : แม่มดพันปี - 30/04/2002 23:35

ความจระเข้ยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามามาแทรก
การเต้นของแหม่มเบล และคณะเชียร์ลีดเดอร์แช้มป์โลก ทำให้เสือสิงห์กระทิงแร่ดและควายป่า (อ้าว ต้องมีอยู่แล้วไม่มีแล้วจะเป็นความควายได้ไง) มายืนดูกันอย่างเนืองแน่น บางตัวเขี้ยวยาวลากดินครืดคราดพื้นไปหมด จระเข้ก็ตะลุมบอนกัน เหล่าสรรพสัตว์ทำให้เกิดฝุ่นตรลบอบอวลไปทั่วทั้งดินแดน แต่ว่าเหล่าเชียร์ลีดเดอร์ที่กำลังเชียร์มันสุดเหวี่ยงก็ยังไม่รู้สึกตัว พลับพลึงปีนขึ้นไปบนไหล่ของอาอาป้า ๆ ที่ต่อตัวกันราวกับกายกรรมกวางเจารุ่นอึ้งทึ่งเสียว เมื่อขึ้นถึงยอดก็ยืดตัวขึ้น แล้วตีลังกาลงมาใส่เกลียวหน้าสามรอบครึ่งลงมายืนบนพื้นอย่างสวยงาม ท่ามกลางเสียงเป่าปากตบมือกระทืบเท้าของเหล่าเสือสิงห์กระทิงแร่ดและกระบือทั้งหลาย แม้กระทั่งจระเข้ที่กลังฟัดกันก็ยังอุตส่าห์ชูนิ้วหัวแม่มือทั้งสี่ให้......




จาก : รพินทร์ ไพรวัลย์ - 30/04/2002 23:46

อ้าว แปะชนแฮะ
ไม่เป็นไรถือว่าของผมต่อจากคุณแม่มดพันปีแล้วกัน

จาก : รพินทร์ ไพรวัลย์ - 01/05/2002 00:01

สงสัยว่าผู้กองคงจะนึกอยากให้ผมถูกจรเข้เล่นงานแทนบุญคำอยู่แน่ๆ เลย ความในใจถึงได้เล็ดลอดออกมาทางตัวหนังสือให้จับได้
ใช่ไหมครับ หึหึ

จาก : แงซาย - 01/05/2002 13:01

555555555555555..........555555555555................(เอ็คโค้)

จาก : ยายเฒ่า - 01/05/2002 14:22


ความเดิมตอนที่แล้ว …

อนิจจา หินที่ไชย์ยันต์โยนไปเมื่อครู่ช่วยให้บุญคำรอดจากจระเข้ตรงหน้าได้ก็จริง
แต่มันกลับทำให้บุญคำกลายเป็นจุดสนใจของจระเข้ทั้งฝูง ทุกตัวต่างว่ายตรง
ไปทางบุญคำ จนในที่สุดพรานเฒ่าก็ถูกฝูงจระเข้ล้อมอยู่กลางแม่น้ำ โดยที่ทุกคน
ไม่สามารถช่วยเหลือได้ (เพราะกลัวแพ้พนัน)

“จระเข้ต่อสิบหนึ่ง ..”

คีธตะโกนเสียงดัง …. ดึงราคาต่อรองขึ้น .. ทุกคนหัวเราะไม่มีใครกล้ารอง …

“จระเข้ยี่สิบหนึ่ง”

เสียงแม่มดพันปีดังจ๋อยๆขึ้น เธออดใจกับความสนุกสนานที่เห็นอยู่ไกลๆไม่ไหว
รีบหายตัวเข้ามาร่วมวงเชียร์กับคนอื่นๆ และถึงกับดึงราคาต่อรองขึ้นถึงยี่สิบหนึ่ง
เพื่อเกทับนายทหารหนุ่มรูปหล่อ แต่ก็ไม่มีใครกล้ารอง ..

คีธหันไปมองทางบุญคำ เห็นเฒ่าสัปโดกยิ้มแป้น โบกมือทักทายไหวๆ กำลัง
ว่ายตรงไปที่โขดหินที่โผล่ขึ้นกลางแม่น้ำ ทุกคนหัวเราะเพราะเป็นโขดหินเตี้ยๆ
โผล่น้ำขึ้นมาปริ่มๆ ขนาดประมาณโต๊ะจีนใหญ่ๆ หากขึ้นไปอยู่บนนั้นก็เท่ากับ
เอาตัวขึ้นไปอยู่บนโต๊ะจีนให้เหล่าจระเข้รุมเจี๊ยะนั่นเองเอง

ฝูงจระเข้ตีวงโอบเข้ามารอบทิศ นึกหวานอยู่ในใจที่จะได้ขย้ำคนบนโต๊ะจีน ..

“สามสิบหนึ่ง”

แม่มดพันปีกระโดดตัวลอยต่อราคา ลืมไปว่าตนเองอยู่ในชุดแม่มด ยามกระโดด
ลมจึงตีผ้าตลบขึ้น เห็นเปิดโล่งโจ้ง .. อะไรเหี่ยว ..อะไรยาน..เห็นหมด..

คีธตกลงรับราคาราคาต่อรองทันที งัดแบงค์ดอลล่าร์ออกมาเป็นปึก กลับมา
ออกตัวรองบุญคำไว้หนึ่งร้อยดอลล์ คำนวนเป็นเงินไทยปาเข้าไปตั้งสี่พัน ..

ทุกคนตาลุกรีบประกาศต่อจระเข้สามสิบหนึ่งเสียงดังเซ็งแซ่ … แม้แต่คนที่เล่น
บุญคำไว้ก็หันมาต่อจระเข้กันหมด เว้นแต่นายทหารปืนใหญ่ที่รู้สึกผิดปกติ
จึงนิ่งรอดูสถานการณ์ก่อน

คีธรองไว้คนละร้อยดอลล์ .. แสงโสมถึงกับดึงราคาขึ้นสี่สิบหนึ่ง เพื่อให้คีธรอง
สองร้อยดอลล์

“โอเค .. ถ้าจระเข้เขมือบบุญคำได้ก็มาเอาที่ไอได้คนละร้อยดอลล์ แต่ถ้าบุญคำ
รอดต้องเอามาให้ไอคนละ … เท่าไหร่นะมิสเตอร์รพินทร์”

รพินทร์ค้อนเพราะอยู่ๆก็ถูกถามเรื่องการคำนวนเงินๆทองๆที่ตนเองไม่ค่อยถนัด
ตั้งแต่คุณหญิงดารินจับได้ว่าแอบเอาเงินไปซื้อสร้อยสามกษัตริย์ให้สาวกะเหรี่ยง
ตนก็ถูกปฏิวัติได้เงินค่าบุหรี่ไว้แค่วันละห้าสิบบาท .. ทำปากขมุบขมิบนึกอัตรา
แลกเปลี่ยนพร้อมคำนวนอัตราต่อรองอยู่ในใจ

ยิ่งทุกคนมองมาอย่างเชื่อถือ พรานใหญ่ก็ถึงกับเหงื่อแตก ให้ถือปืนไปยิงกับเสือ
เสียยังจะดีกว่า ต้องมาคิดเรื่องเงินๆทองๆ

แม่กระดังงาลนไฟรำคาญเต็มทนจึงช่วยคิดให้ เพราะหล่อนชำนาญเรื่องนี้มาก
ขนาดคำนวนได้ว่าซื้อส้มตำสิบบาทน่าจะได้กุ้งแห้งกี่ตัวนั่นเชียว และเถียงแม่ค้า
ให้แถมได้ครกละสองสามตัวทุกครั้ง ..

“หนึ่งร้อยดอลล์ตีเสียว่าดอลล์ละสี่สิบก็สี่พันบาท สามสิบหนึ่งก็คนละแสนสอง .
ส่วนของแสงสองร้อยดอลล์ก็แปดพัน สี่สิบหนึ่งก็สามแสนสอง ว๊ายยยยยยย !!
ทำไมมันมากขนาดนี้”

คีธหัวเราะโฮะ ๆ จดโพยในมือเหย็งๆ บอกว่าตกลงแล้วก็ต้องตามนั้น ทุกคนรีบ
ควักเงินในกระเป๋าขึ้นมานับ ..

มากสุดคือคริสติน่าที่พกมาหนึ่งพันดอลล์ แต่ก็ไม่พอกับอัตราต่อยี่สิบหนึ่งคือ
สองพันดอลล์ น้อยสุดคือรพินทร์ซื้อบุหรี่ไปแล้วเหลืออยู่ยี่สิบ ขณะนี้กำลังทำ
เป็นยืนล้วงกระเป๋าผิวปากเพื่อกลบเกลื่อนความจน ตามองไปยังยอดตาขบ
เพราะกลัวคนจะเอ่ยถาม

แล้วทุกคนก็ใจชื้นเมื่อเห็นแงซายบุ้ยปากให้ดูในน้ำ เห็นพรานเฒ่าแห่งเขาอึมครึม
ว่ายไปถึงโขดหินก้อนนั้นแล้ว กำลังเกาะไว้เฉยๆพักเหนื่อยอยู่ ยังไม่ปีนขึ้นไป

แต่รอบๆนั้นสิ …. ห่างจากโขดหินในทุกๆด้านประมาณสิบวา เหล่าจระเข้พากัน
ล้อมเป็นวงกลม ตีน้ำดังโครมคราม รอจ่าฝูงให้สัญญาณแล้วจะรี่เข้าไปพร้อม
กันเพื่อจัดการกับโต๊ะจีนมื้อนี้เสียให้อร่อย..

ทุกคนเป่าปากด้วยความโล่งอก เมื่อมองไม่เห็นทางรอดของจอมสัปโดก ต่างก็
รับปากอย่างแข็งขันว่าถ้าตังค์ไม่พอจ่าย คีธจะให้ทำอะไรก็ได้ ..

นายทหารหนุ่มรับในคำตกลงนั้น แล้วทุกคนก็หันไปมองเหตุการณ์นาทีระทึกใจ

เห็นหัวหน้าจระเข้ให้สัญญาณเตรียมพร้อม ทุกตัวก็ก้มในท่าระวัง ตีหางตูมๆ
เพื่อจะออกตัวได้เร็วๆ จะได้ขอขย้ำได้เป็นตัวแรก …

แล้วทุกตัวก็พุ่งเข้าหาเหยื่ออย่างรวดเร็ว บุญคำกระโดดจากน้ำขึ้นยืนบนก้อนหิน
แต่ขนาดยืนอยู่ตรงกลางซึ่งเป็นส่วนที่สูงที่สุด น้ำยังท่วมข้อเท้าปริ่มๆ เห็นได้ชัด
ว่าสักครู่บนก้อนหินนั้นจะต้องเต็มไปด้วยจระเข้ที่กำลังขยอกเหยื่อของมัน

พรานใหญ่หลับตาปี๋ สงสารบุญคำก็สงสาร แต่หากบุญคำรอดแล้วตัวเองต้อง
ไปขอเงินจากคุณหญิงมาใช้หนี้นายทหารอเมริกันแล้ว รพินทร์ยินดีให้สมุนเอก
ถูกจระเข้กินเสียดีว่าที่ตนเองจะถูกซ้อมคางเหลือง ..

กองเชียร์บนฝั่งยังคงกรี๊ดดให้กำลังใจทั้งสองคนอย่างล้นหลาม แสงโสมและ
แม่มดพันปีขอพู่มาจากอิสซาเบล เพื่อประกอบการเต้นเชียร์ฝูงจระเข้โดยเฉพาะ
โดยมีคริสติน่า เบล มาเรีย ดาริน และพลับพลึงไฮไลท์ คอยช่วยตบมือเข้าจังหวะ
กันอย่างครื้นเครง (ขอก๊อปมาหน่อยนะคุณแสง ขี้เกียจคิด ..ฮิ..ฮิ..)

ฝ่ายตาเฒ่าบุญคำกระโดดเหย็งๆ ร้อง วู้ปี้..วู้ปี้..อยู่บนก้อนหิน เรียกให้เหล่า
กุมภีล์รีบเข้ามากินเร็วๆอย่างไม่ขาดปาก ทุกคนต่างก็คิดว่าเฒ่าสัปโดกกลัว
จนเสียสติไปแล้ว..

เมื่อบรรดาจิ้งจกยักษ์ทั้งหลายว่ายเข้ามาในรัศมีห้าวา บุญคำก็ควักของสิ่งหนึ่ง
ออกมาจากกระเป๋า ดึงอะไรบางอย่างออกตรงขั้วแล้วก็ก้มตัวหย่อนลงไปในน้ำ
จากนั้นก็ย่อตัวลงนั่งยองๆ สองมือกุมหัว หลับตาปี๋

ผ่านไปไม่ถึงครึ่งอึดใจ เป็นเวลาเดียวกันที่จระเข้มารวมกันแน่นขนัดรอบโขดหิน
กำลังตั้งท่าจะปีนขึ้นไปจัดการกับเหยื่อให้โอชะ ..

“ตึบบบบบบ !!!!!! “

“ซูมมมมมมมม !!!! ซ่าาาาาาาาาา “

เสียงระเบิดดังแน่นๆขึ้นในใต้น้ำ ไม่มีเศษเสี้ยวสะเก็ดกระเด็นขึ้นมาทำร้ายใคร
แต่แรงอัดมหาศาลที่ใต้น้ำนั่นสิ ทำเอาเหล่ากุมภีล์พลิกท้องขาวๆขึ้นมาลอยฟ่อง

“ย้าาาาาาาา…ฮู้ !!!! “

คีธแอนด์คำ กัมปานี แอนด์ โก ทำธุรกิจเงินล้านสำเร็จอีกแล้ว บุญคำกระโดด
เหย็งๆเหยียบเหล่าจระเข้ที่ลอยฟ่องอยู่แน่นขนัด ขึ้นบนฝั่งมาวี๊ดว้ายกระตู้วู้กับ
นายทหารอเมริกัน ในขณะที่คนอื่นๆหน้าแห้ง ..

ไชยยันต์หัวเราะหึๆ ในความคิดของจอมกะล่อน จำได้ว่าเวลาพาพรรคพวกมา
เที่ยวป่ากันทีละเยอะๆ มือขวาของรพินทร์มักจะชวนไประเบิดปลาในลำห้วยมา
ทำกินกันบ่อยๆ เป็นการประหยัดเวลาในการหาอาหาร …

เมื่อแบกระเป๋าออกมาก็เป็นไปตามนั้นคือ.. ไม่พอจ่าย .. สองเกลอให้ไชยยันต์
ช่วยกันคิดว่าจะเอาอย่างไรดี … และสรุปลงที่ … เต้นเมียงู ….

ริมน้ำวันนี้สนุกสนานครึกครื้นเป็นอย่างยิ่ง พวกผู้ชายช่วยกันหาฟืนมาก่อกองไฟ
ผู้หญิงชำแหละปลาที่ลอยฟ่องขึ้นมาด้วยตามแรงระเบิด แล้วดินเนอร์มื้อนี้ก็
เต็มไปด้วยสารพัดปลากินกับเหล้าขาวแทนไวน์ขาว ขณะนั่งกินอยู่ก็มีการแสดง
ประกอบดินเนอร์อยู่ตลอดเวลา

เสียบุญคำเป็นต้นเสียงดังขึ้นแจ้วๆ

“เชิญครับ เชิญครับ บาทเดียวดูเพลินอะไรไม่เกินเมียงู ลูบได้คลำได้แต่อย่า
เอาไม้เขี่ยรู … คนนี้ชื่อแสงโสมขอผู้ชมจงโปรดมาดู…..เชิ้บ..เชิบ..”

“ ฮาาาาาาาาาาา….”

“เชิญครับ เชิญครับ บาทเดียวดูเพลินอะไรไม่เกินเมียงู ลูบได้คลำได้แต่อย่า
เอาไม้เขี่ยรู … คนนี้ชื่อรพินทร์ เอาไม้ทุบให้ดิ้นเพราะเป็นคนหัวงู ..เชิ้บ..เชิบ..”

“ ฮาาาาาาาาาาา….”

“เชิญครับ เชิญครับ บาทเดียวดูเพลินอะไรไม่เกินเมียงู ลูบได้คลำได้แต่อย่า
เอาไม้เขี่ยรู … คนนี้ชื่อแงซาย เอาไม้เขี่ยให้หงาย แล้วก็มารุมดู ..เชิ้บ..เชิบ..”

“ ฮาาาาาาาาาาา….”

“เชิญครับ เชิญครับ บาทเดียวดูเพลินอะไรไม่เกินเมียงู ลูบได้คลำได้แต่อย่า
เอาไม้เขี่ยรู … คนนี้ชื่อคริสติน่าขออย่าแหย่ขาเดี๋ยวจะเป็นรู .เชิ้บ..เชิบ..”

“ฮาาาาาาาาาาาาา………..”

“เชิญครับ เชิญครับ บาทเดียวดูเพลินอะไรไม่เกินเมียงู ลูบได้คลำได้แต่อย่า
เอาไม้เขี่ยรู … คนนี้ชื่ออิสซาเบลขออย่าเขี่ยเอวเดี๋ยวจะเป็นรู ..เชิ้บ..เชิบ..”

“ฮาาาาาาาาาาาาาา……”


“เชิญครับ เชิญครับ บาทเดียวดูเพลินอะไรไม่เกินเมียงู ลูบได้คลำได้แต่อย่า
เอาไม้เขี่ยรู คนนี้ชื่อพลับพลึงไฮไลท์ อย่าเขี่ยโดนใส่เดี๋ยวจะเป็นรู..เชิ้บ..เชิบ..”

“ฮาาาาาาาาาาาาา….”

“เชิญครับ เชิญครับ บาทเดียวดูเพลินอะไรไม่เกินเมียงู ลูบได้คลำได้แต่อย่า
เอาไม้เขี่ยรู … คนนี้ชื่อแม่มดพันปี. อย่าเขี่ย .. อย่าเขี่ย…อย่าเขี่ย..อย่าเขี่ย..
อย่าเขี่ยโดนฝี ฝีแตกเป็นรู .เชิ้บ..เชิบ..”

“ฮาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา …..“

....................

โอ่ยยยยย… วันแรงงานนะเนี่ย .. ว่าจะนอนพักซักกาหน่อย…
มาเปิดอ่านภาคอลเวงเข้าแป๊บเดียวเล่นเอานอนไม่ลง …
ต้องมาต่อเอาพวกพระเอกรอดก่อน ..ฮ่า..ฮ่า...


















จาก : บิลลี่ เดอะ คำ พี่ชาย บิลลี่ เดอะ คิด - 02/05/2002 01:43


บรรดาผู้ชม ซึ่งไม่ใช่ใครอื่น ก็พวกเสือ สิงห์ กระทิง แรด ที่มา
ร่วมเชียร์แมตช์ "บุญคำ VS จระเข้" ต่างยอมเสียเงินค่าบัตรเข้าชม
เมียงูกันถ้วนหน้า ทั้งที่ราคาตั๋วถูกคีธโก่งขึ้นไปถึง 5000 บาท

เหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลายเข้าไปนั่งดูกันอย่างสนุกสนาน หัวเราะ
เอิ๊กอ๊ากชอบใจกันยกใหญ่ แต่พอถึงรอบของแม่มดพันปี

“เชิญครับ เชิญครับ บาทเดียวดูเพลินอะไรไม่เกินเมียงู ลูบได้คลำได้
แต่อย่าเอาไม้เขี่ยรู …
คนนี้ชื่อแม่มดพันปี. อย่าเขี่ย .. อย่าเขี่ย…อย่าเขี่ย..อย่าเขี่ย..
อย่าเขี่ยโดนฝี ฝีแตกเป็นรู .เชิ้บ..เชิบ..”

“ฮาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา …..“

บุญคำกับคีธ หัวเราะดังลั่น แต่แล้วทั้งคู่ก็รู้สึกถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไป

เสือ สิงห์ กระทิง แรด ทั้งหลายไม่มีใครหัวเราะสักตัวเดียว ต่างพากัน
ขยับตัว ลับเขา ลับเขี้ยว เหมือนเตรียมขะขย้ำใครสักคน (หรือ 2 คน)
ก่อนที่นายทหารหนุ่มกับพรานเฒ่าผู้โชคร้ายจะรู้ตัว ฝูงสัตว์ร่วยร้อย
ก็เข้ารุมสกรัมทั้งสองทันที เปิดโอกาสให้บรรดาผู้แสดงเป็นเมียงู
หลบฉากหนีออกไปดูอยู่นอกวงอย่างเงียบๆ

และแล้ว คีธและบุญคำผู้โชคร้ายก็ถูกจับมัดเข้ากับเสากลาง
วงล้อมของฝูงสัตว์ ที่กำลังส่งเสียงคุยกันเหมือนจะตัวสินว่า
ความจะจัดการกับทั้งสองคนอย่างไรดี

"ฮูมมมมม โฮกกกกกกก"
"มออออออ มอออออ"
"แฮ่ ฮากกกกกกก"
"โฮกกกกก โฮกกกกก โฮกกกกก .......

(ภาษาสัตว์ ถอดความได้ว่า :

"เอามันเลยเพ่"
"ใช่ๆ เอาเมียงูบ้าอะไรมาก็ไม่รู้ แก่จะตาย สงสัยอายุสักพันปีได้"
"มันหลอกเอาเงินเรา ฆ่ามัน"
"ฆ่ามัน ๆๆๆๆๆๆ ........ )

จาก : แม่มดพันปี - 02/05/2002 13:23

ทำไมของเรา post ไม่ขึ้นล่ะ ?

จาก : แม่มดพันปี - 02/05/2002 13:26

Post ขึ้นแล้ว พิมพ์ผิดเยอะจัง ขอโทษค่ะ



จาก : แม่มดพันปี - 02/05/2002 13:29

พิมพ์ผิดไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณแม่มด เราเล่นกันเองสนุก ๆ ไม่ได้ซีเรียสอะไร
แสงเองยังเขียนมั่วผิดตั้งเยอะ อุตส่าห์ปิดเป็นความลับไม่บอกใคร อิอิ
มาเชียร์คุณแม่มดพันปีโดยเฉพาะ..ให้กำลังใจค่ะ สู้เขานะคะคุณแม่มด @^_^@
(ตอนนี้หมดมุขขอเชียร์เฉย ๆ ก่อนนะคะ)

ยายเฒ่าหัวเราะอะไรคะ หายไปนานเลย สบายดีเหรอคะยาย

คุณคริสติน่าป่านนี้เดินทางแล้วยังเนี่ย..ขอให้เที่ยวให้สนุกนะคะ

คุณพันธุมวดียังเข้ามาอยู่หรือเปล่าหนอ ถ้าจะเล่นด้วยก็เข้ามาต่อได้เลยนะคะ ยินดีต้อนรับค่ะ

จาก : แสงโสม - 02/05/2002 14:43

ท่ามกลางเสียงของสิงห์สาราสัตว์ที่พร้อมใจกันเปล่งเสียงตะโกนอย่างบ้าคลั่ง
ทุกตัวพร้อมใจกันชูมือขวา หรือไม่ก็ขาหน้าขวา ขึ้นเป็นจังหวะ ราวกับกำลัง
อยู่ในคอนเสิร์ตวงร็อคชื่อดัง เวทีที่คีธกับบุญคำช่วยกันสร้างขึ้นเพื่อใช้แสดง
เมียงู ตอนนี้กลับกลายมาเป็นลานประหารของทั้งคู่แทน

" โฮกกกกกกก แฮ่อออออ แง่งงงงงงง ....." ( ฆ่ามัน ฆ่ามัน ฆ่ามัน ...... )

"เพราะบุญคำทีเดียว บอกให้เก็บเงินค่าดูเยอะๆ เป็นไงล่ะ "
นายทหารหนุ่มเริ่มรู้สึกหมดหวังกับชะตากรรมของตัวเอง จึงหันมากล่าวโทษ
บุญคำว่าเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด

"อ้าว นายห้างคีธ มาโทษกันอย่างนี้ได้ยังไง นายห้างนั่นแหละที่บอกให้เอา
แม่มดพันปีมาเต้น บอกว่าอย่านายห้างก็ไม่ยอมเชื่อ อย่างแม่มดพันปีเนี่ย
ต้องใส่พานขึ้นหิ้งบูชาอย่างเดียว ห้ามลบหลู่ ไม่งั้นเป็นเรื่องทุกที"

"เออ ชั้นผิดไปแล้ว แล้วนี่เราจะทำยังไงกันดี" คีธจำนนต่อเหตุผล

"ไม่รู้เหมือนกัน" บุญคำตอบอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว

ทันใดนั้นเอง ควายป่าสีเทาตัวใหญ่ เขาใหญ่ยาว ราวกับควายบุญเลิศกลับชาติ
มาเกิด ก็ก้าวขึ้นมาบนเวที มันตรงไปที่ไมค์อย่างมาดมั่น ไม่ต่างอะไรกับ
นักการเมืองที่กำลังจะขึ้นกล่าวคำปราศัย

"มออออออ มอออออ มออออออออออ"
(พี่น้องผองสัตวทั้งหลาย มนุษย์สองคนนี้มีความผิดมหันต์ สมควรตาย)

" โฮกกกกกกก ฮากกกก " ( ใช่ ๆๆ )

"มอออออ มออออ มอออออ มอออออออออออออออ"
(ข้าฯ ในฐานะผู้นำของป่าซึ่งได้รับการเลือกตั้งอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
จากเหล่าสัตว์ทั้งหลายในป่านี้ ขอตัดสินให้ประหารมันทั้งสองคน
ด้วยการโยนลงปากปล่องภูเขาไฟ)

" โฮกกกกกกก แฮ่อออออ แง่งงงงงงง ....." ( ฆ่ามัน ฆ่ามัน ฆ่ามัน ...... )

สิ้นเสียงประกาศของควายผู้นำ เหล่าเสือ สิงห์ กระทิง แรด และสัตว์อื่นๆ
พากันเฮโลเข้าไปหามร่างของคีธกับบุญคำราวกับหามหมู ตรงไปยังภูเขาไฟ
โดยมีชาวคณะแอบตามไปร่วมชมดูอย่างห่างๆ

จาก : แม่มดพันปี - 03/05/2002 01:07

เราโหดเกินไปหรือเปล่าหว่า ?

ม่ายมีครายเข้ามาต่อเลยเหรอ

จาก : แม่มดพันปี - 03/05/2002 21:47



“ซวยจริงๆนายห้างเมื่อกี้ โพสต์ เอ๊ย ว่าคาถา ไปตั้งเยอะหายหมดเลย ..”

“บ่นอะไรนะบุญคำ แล้วนี่เราจะทำอย่างไรกันดี จะตายกันคราวนี้หรือ”

“โอ้ย .. ไม่ต้องห่วงหรอกนายห้าง เดี๋ยวพรานใหญ่ก็มาช่วยเราเอง”

“เขาจะมาช่วยเราหรือ สัตว์ร้ายตั้งเยอะแยะ”

“มาสินายห้าง เขาว่าเขาเป็นพระเอกนี่ พระเอกก็ต้องมาช่วยพระรองกับพรรคพวก
สัตว์พวกนี้แกเตะทีเดียว วิ่งกันกระจาย”

“โอ้โฮ ..พรานใหญ่เก่งขนาดนั้นเชียว แตะทีเดียวสัตว์วิ่งกระจายเลยหรือ”

“ ใช่ ! นายห้าง .. แต่แกวิ่งนำอยู่ข้างหน้านะ พวกสัตว์ไล่ตามอยู่ข้างหลัง”

“ฮะ..ฮะ..ตลกดี แล้วแกจะมาช่วยจริงๆอ่ะ”

“มาสิ .. ขืนไม่มาช่วย หากเราเป็นอะไรไป แกก็อ่วมอยู่คนเดียว ไม่มีใครมาช่วยรับแข้ง
แต่ถ้าพรานใหญ่ไม่มาจริงๆก็ยังมีคนนี้อีก”

“มีใครเก่งเท่าพรานใหญ่หรือ”

“เก่งกว่าพรานใหญ่อีกนายห้าง น้ำใจงาม นามก็เพราะ รูปก็งาม จิตใจธรรมะธรรมโม
ถ้าเผลอไปพูดเรื่องพระเรื่องเจ้าใกล้ๆนะ .. แม่ เอ๊ย มันเป็นจับนั่งพับเพียบ สั่งสอนเรียบ
เชื่อสิถ้าพรานใหญ่ไม่มามันก็มาช่วยเอง เอ้า….กราบขอบคุณล่วงหน้าท่านเสียหน่อย
นายห้าง….ธุ..ธุ.. .. แหม..ยิ้มแป้นอยู่นั่นแล้วเห็นไหม ..”

“แต่ถ้าแงซายยังไม่มาอีกล่ะ”

“วุ้ยยยยย..นายห้างนี่แก่สงสัยจริง .. ถ้าสองคนนี่ไม่มาก็มีชายชาตรีผู้กล้าหาญอย่าง
นายทหารไชยยันต์มาช่วยอยู่ดี แกต้องมาช่วยแน่เพราะถึงแม้ตอนนี้เราจะไม่ค่อยว่าง
แต่ช่วยเข้ามาตอดนิดตอดหน่อยก็ทำให้แกอู้ไปได้บ้าง แกไม่ปล่อยเราตายหรอก …..
แต่…แหม..เสียดายเนาะ..กำลังดูเมียงูเพลินๆ…”

“ฮะๆ..ใช่ๆ เมียงูสนุกดี เมืองไทยสนุกอย่างนี้เอง ..”

“นายทหารว่าใครรำสวยสุด .. ไอ้คำว่าคุณแสงโสม แกชูแขนรำเชิ้บๆ แต่เห็นขนจั๊กแร้
ยาวเฟื้อยไม่รู้จักเอาแหนบถอน แหม่มเบลได้แต่ตั้งท่านะ จะรำก็ไม่รำสักที โผล่หาย
โผล่หาย ส่วนหนูพลับพลึงนั่นก็ รำแว่บไปโน่น รำแว่บมานี่ ไม่รู้จักอยู่เป็นที่เป็นทาง
แหม่มคริสนั้นรำๆอยู่ก็วิ่งหายจู๊ดข้ามฝั่งไปทางพม่า บอกว่าแฟนรออยู่ ..”

“แต่ไอว่าแม่มดพันปีรำสวยสุด ลวดลายเยอะดี มีโยกโน่น สะบัดนี่ หมุนตัวกระโดดเตะ
แต่ไม่ยักกะใส่อันเดอร์แวร์ ….มองเห็นโม้ด ถ้าไม่นับว่าขนหน้าแข้งยาวไปหน่อยก็ถือ
ว่าใช้ได้ น่าจะไปแวกซ์ออกมั่ง”

“นอนดีกว่านายห้าง ..ง่วงแล้ว..ปล่อยพวกนี้หามเราไปก็ดีไม่ต้องเดินให้เมื่อย..ฮิ..ฮิ..”



จาก : k & k .... - 04/05/2002 02:58

ระหว่างที่นายทหารผมทรงลานบินกำลังเคลิ้มๆใกล้ผล็อยหลับไปนั้นก็ต้องพลันสะดุ้งตื่นเพราะมือเหี่ยวๆของตาเฒ่าจอมสัประโดกที่เอื้อมมาสะกิดบันท้าย
"แหม่...ตูดนายห้างนี่มันงอนดีจริงจิ้ง..."

"เฮ่ยตาเฒ่าเล่นอะไรไม่เข้าท่า...ไหนว่าจะนอนไง"


"นายห้าง......ถ้าเกิดไม่มีใครมาช่วยเรา บุญคำอยากจะบอกอะไรนายห้างไว้อย่าง.........."

"อ้าวแล้วกัน......ไหนว่ามากันแน่ไงเล่า ตาแก่นี่"

"นายห้างคี๊ธฟังก่อนสิ ไอ้คำมีเรื่องสำคัญจะต้องพูดให้ได้นะ"

"เออเรื่องอะไรก็ว่ามา"

"เกิดไอ้คำตายไปขึ้นมา โดยไม่ได้พูดเรื่องนี้ละก็...."

"เออรําไรอยู่นั่นแหละมีอะไรก็ว่ามาเร็วๆ คนจะนอน"

"คือว่า.....คือว่า..................."
"อะไรวะ อําอึ้งอยู่ได้ เดี๋ยวปั๊ดถีบซี่โครงหักเลยตาแก่นี่"

บุญคำเงียบไปอึดใจก่อนที่นายทหารอเมริกัน จะรู้สึกถึงร่างผอมเหี่ยวของแกที่กระแซะเข้ามาทางด้านหลัง และลำแขนผอมเกร็งที่เอื้อมมาลูบไล้แผ่นอกที่ตึงแน่นไปด้วยมัดกล้ามของตน

"คือว่าไอ้คำอยากจะบอกมานานแล้วว่าที่ไอ้คำรู้สึกกับนายน่ะ....มัน..มันพิเศษกว่าที่เคยรู้สึกกับใคร...สำหรับไอ้คำแล้ว.......นาย...นายห้างสำคัญยิ่งกว่าพรานใหญ่ซะอีกนะ....คือว่า...ไอ้คำ....."

นายทหารผมทรงลานบินนอนนิ่งเหมือนศพไม่ไหวติง ทั้งร่างเย็นเฉียบ ประหนึ่งว่าเลือดในกายได้จับเป็นก้อนนําแข็งไปแล้วฉะนั้น


"ไอ้คำ...รักนายห้า......."
"เฮ้ย!!!!!!!!ปล่อยตู...........ว๊ากกกกกกกกกก"

"ซวยบรรลัย ว๊ากกกกก.........ใครช่วยตูที...... ตาแก่นี่เป็น...ก็ไม่บอก
เฮ้ยยย!...ปล่อยเว้ยยยย......."
นายทหารร่างยักษ์ดิ้นขลุกขลักอย่างน่าเวทนาในอ้อมกอดของร่างผอมกะหร่องแต่แข็งแรงราวกับคีมเหล็ก พร้อมกรีดเสียงร้องโหยหวนก้องไพร...

"รพิ้นนน....ทร์ แงซาย...ว๊ากกกกกกกใครก้อด้ายยยยยยช่วยตูที...."

จาก : อุมาเทวี(ใครเอ่ย?) - 05/05/2002 03:19

“จุ๊ๆๆ ไม่เอาน่าาาานายห้าง”

ตาเฒ่าจอมลามกจุ๊ปากเบา ๆ พร้อมกับหัวเราะหึๆ อย่างแสนจะเอ็นดูนายห้างคี๊ธที่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนของตนขณะนี้ วงแขนแข็งแรงปานคีมเหล็กของแกยังคงกอดตระกองนายทหารร่างยักษ์ไว้อย่างเหนียวแน่นก่อนจะค่อย ๆ ขยับแขนข้างหนึ่งขึ้นเชยคางของพันเอกหนุ่มให้เงยหน้าขึ้นมาสบตาขาวขุ่นปานสีน้ำข้าวด้วยความชราของตนเอง

“อย่าร้องโวยวายไปเลยนะนายห้างคี๊ธคนดีของไอ้คำ ร้องยังไงก็ไม่มีใครมาช่วยหร๊อก หรือถึงจะมาช่วยกว่าจะฝ่ากองทัพสิงสาราสัตว์รอบ ๆ ตัวเราเข้ามาได้ก็คงใช้เวลาอีกนาน นายห้างรู้มั๊ย ไอ้คำดีใจเหลือเกินที่เวลาเกิดเหตุการณ์คับขันอะไรขึ้นมา เราสองคนมักจะต้องได้มาจับคู่อยู่ร่วมกันเสมอ ๆ เหมือนกับเป็นบุพเพสันนิวาสยังไงยังงั้น เอ๊ะ เอ๋!!!…หรือว่าฟ้าจะส่งนายห้างมาคู่กันกับไอ้คำก็ไม่รู้นะ …นายห้างรู้ป่ะ ตั้งแต่เดินป่ามาเกือบเก้าสิบเก้าภาคแล้วเนี่ย ไอ้คำไม่เคยรู้สึกอย่างนี้กับใครมาก่อนเลย ยกเว้นตั้งแต่ตอนที่เห็นนายห้างไต่อีลอปคอปเต๋อลงมานั่นแหละ”

บุญคำจบคำพูดสุดท้ายพร้อมกับยิ้มหวานเห็นเหงือกร่นและฟันกระดำกระด่างให้ชายหนุ่มหล่อล่ำบึ๊กในอ้อมแขน ดวงตาสีขุ่นขาวนั้นเป็นประกายระยิบระยับราวกับหนุ่ม ๆ ที่กำลังอินเลิฟซะเหลือเกิน ร่างของนายทหารอเมริกันที่อยู่ในอ้อมกอดนั้นเล่าก็ราวกับมีใจให้อะไรจะปานนี้ เพราะท่าทีของอเมริกันร่างยักษ์ที่กำลังดิ้นรนหนีอ้อมกอดของตาเฒ่านั้นดูจะดิ้นอย่างอ่อนระทวยพอเป็นพิธีเท่านั้นแหละ….โถ…ร่างหนาบึ๊กปานอาร์โนลล์ขนาดนั้นสะบัดมือพรวดเดียวตาเฒ่าผอมกะหร่องก็ปลิวแล้ว แต่นี่ ทำไม๊…ทำไม ถึงได้ดิ้นไม่หลุดจากอ้อมแขนของตาเฒ่าจอมลามกสักทีนะ..เฮ้อ..

“อย่านะ บุญคำ อย่าๆๆๆ ปล่อยอั๊วเดี๋ยวนี้นะ ช่วยด้วย…ใครก็ได้ช่วยด้วย”

คี๊ธร้องออกมาอย่างแผ่วเบาเหมือนกระซิบราวกับกลัวคนอื่น ๆ จะได้ยิน ก่อนจะดิ้นรนหนีอ้อมกอดนั้น แต่ดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่พ้นอ้อมกอดของตาเฒ่าสักที เอ๊ะ….ดูไปดูมาเหมือนกับคี๊ธจะเป็นฝ่ายกอดรัดตาเฒ่าจอมลามกซะเองนะนี่ โอว..หรือว่าสายตาของบรรดาเสือสิงห์กระทิงแรดที่จ้องมองอยู่รอบ ๆ ด้านจะผิดพลาดไปแล้วหนอ ….. ร่างของคี๊ธยังคงดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดของพรานเฒ่าบุญคำก่อนจะมีเสียงร้องแผ่ว ๆ เหมือนกระซิบ ออกมาจากปากของคี๊ธอีกครั้ง

"รพิ้นนน....ทร์ แงซาย...ว๊ากกกกกกกใครก้อด้ายยยยยยช่วยตูที...."


จาก : แสงโสม - 05/05/2002 11:09

555555555555







วันนี้เข้ามาขำอย่างเดียว

จาก : แม่มดพันปี - 05/05/2002 23:21




"คุณแสงโสม นี่..นี่..ตื่น ๆ ๆ ๆ คุณแสงโสมตื่นเถอะค่ะ.."

"หืออออ.....อือออออ...อะไรนะ...อ้อ ! ต๊ายตายหลับฝันไปเมื่อไหร่กันเนี่ย ... ฝันตลกดี..คิก ๆ"

"ฝันอะไรคะคุณแสงโสม น้อยเห็นคุณนอนหัวเราะคิก ๆ คัก ๆ เลยเข้ามาดู"

"ฝันเรื่องตลกค่ะ คุณหญิง .. สงสัยแสงห่วงเขามากเกินไปเลยเอามาฝันเป็นตุเป็นตะ .. แต่ไม่ยักกะเป็นแสงกับเขา คิก ๆ"

"เอ้า ! เอาแต่หัวเราะ .. คงฝันสนุกดีนะ .. ไม่เล่าให้ฟังก็ไม่เป็นไร .. ลุกเถอะค่ะ..เขากำลังหาวิธีช่วยคุณคี๊ธ กับ บุญคำกันอยู่"

"เชิญก่อนเลยค่ะ ..เดี๋ยวโสมล้างหน้า ทาปาก โปะเครื่องสำอางค์เสร็จแล้วจะตามไป ..."

ดารินเดินกลับมายังคณะเดินที่กำลังจับกลุ่มปรึกษากัน เพื่อช่วยคีธและบุญคำอย่างเคร่งเครียด .....


........................................


"นายห้าง ๆ"

"อะไรหรือบุญคำ กำลังหลับเพลิน ๆ ..."

"บุญคำฝันแปลกแฮะ ..ฝันว่ามีผู้หญิง สวยหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ..มันมืด ๆ แต่รู้สึกว่าจะขาว ..แก้ผ้าหมดเลยนายห้าง .. บอกว่าชื่ออุมาเทวี
วิ่งเข้ามาปล้ำบุญคำใหญ่เลย ..วุ้ยยยย..สยิว..เออ..ฝันแปลกดี..ฮิ..ฮิ.. แต่บุญคำสา ๆ ว่าจะรู้จักนะ มีการหันหลังเต้นจ้ำบ๊ะให้ไอ้คำดูด้วย
แล้วก็ถามด้วยว่าใครเอ่ย...ฮิ..ฮิ..."

"ฉันก็ฝันบุญคำ"

"ฝันอะไร"

"ฝันว่าคุณแสงโสมยอมรับรักฉันแล้ว เราประคองกอดคุยกันที่ริมแม่น้ำ จูบกันอย่างดูดดื่ม เธอบอกว่าจะเลิกพยศและจะรักฉันคนเดียว
แล้วไอ้พวกสัตว์บ้านี่ดันมาแยกเราไว้คนละที่ จะคุยกันก็ลำบาก เฮ้อ ! ต้องตะโกนกันคอแทบแตก เมื่อไหร่พวกเราจะมาช่วยล่ะนี่ หือ.."

...
...

จาก : เจ้าป่าขี้เล่น ผู้ดลความฝัน - 06/05/2002 19:32

"แงซาย ฉันว่างานนี้ไม่พ้นพวกเราอีกแหงที่ต้องไปช่วยตาคำกับไอ้คี๊ธมัน"
"ผมก็ว่างั้นแหละผู้กอง เช้านี้มันร้อนๆหนาวๆครั่นเนื้อครั่นตัวอย่างไรพิกล"

"รพิ้นน...ทร์ แงซายยยยยยวู้"

"นั่นไงผู้กองว่าแล้วเชียวพูดยังไม่ทันจะขาดคำ"

"รพินทร์ตะกี๊นี้พวกเราหารือกันแล้วลงความเห็นว่า น่าจะให้คุณกับแงซายลอบเข้าไปช่วยสองคนนั่นออกมาจากฝูงสัตว์ จะปลอดภัยกว่าบุกตะลุยกันเข้าไปทั้งหมดอย่างนี้ สัตว์มันอาจตื่นแล้วเลยพาลขบหัวบุญคำกับนายคี๊ธขมองเละไปซะก่อนส่วนพวกเราจะคอยเชียร์คุณอยู่ ตามสุมทุมพุ่มไม้รอบๆคุณว่าแผนนี้เจ๋งไหม"

"เจ๋งครับ.....ผมกับแงซายไปเสี่ยงกันแค่สองคน....เจ๋งมากครับคุณหญิง........."

พรานใหญ่มองค้อนแม่ดอกฟ้าของเขา ปะหลับปะเหลือก หน็อยนึกว่าสวยนักรึแม่คุณใช้เรางกๆให้มอบกายถวายชีวิตทุกอย่าง จ้างมาก็ถูกๆยังจะมาจิกใช้นู่นใช้นี่สารพัดชักจะเหลืออด.....เดี๋ยวพ่อก็นอกใจขึ้นมาจริงๆซะ ขี้คร้านจะเผาเต่า .....เชอะ ไอ้แงซายซะอีกมันยังร่วมเป็นร่วมตายกับเราตลอด อีกอย่างหน้าตามันก็ดีนะ....เอ๊ะเรานี่ชักจะยังไง..... จอมพรานรีบหลุบหมวกลงมาปิดหน้าที่อยู่ๆก็แดงเรื่อขึ้นมาเฉยๆ ก่อนที่ใครจะทันหันมาสังเกตเห็น

............................

กลุ่มคันพวยพุ่งขึ้นมากลางลานดินที่บุญคำกับคี๊ธ ถูกฝูงสัตว์จับมามัดติดกับหลักไม้ที่ปักอยู่กลางลานท่ามกลางบรรดาสัตว์ที่รุมล้อมอยู่ ก่อนจะรวมตัวกันเป็นรูปร่างที่สุดแสนจะเซ็กซี่

"แม่เจ้าโว้ย.......งามอย่างนี้นายหญิงของไอ้คำถ้าจะตกกระป๋องเสียแล้ว........วู้แม่นางเป็นใคร...มีนามว่าไร จงเฉลยเอ่ยโอษฐ์บอกไอ้คำสักนิดเถอะราศีจับอย่างนี้คงไม่ใช่นางไม้ธรรมดาๆแน่เชียว"


"แม่นแล้วตาแก่ลามก เรานั้นมีนามว่าอุมาเทวี ชิชะอุตส่าห์มาเข้าฝันบอกความแก่เจ้า ไฉนจึงพูดเท็จบิดเบือนให้เป็นฝันลามกไปซะ เดี๋ยวแม่สั่งให้ไอ้โคร่งตัวนั้นงับให้กุดไปทั้งพวงเลยนี่.......อ้อแล้วที่ว่าเจ้าเคยรู้จักเรามาก่อนนั้นไม่จริง เราเป็นเทพนารีที่ได้เฝ้าติดตามดูพวกของสูเจ้ามาตลอด และเล็งเห็นว่าเรื่องราวมันชักจะวิปริตเลยเถิดกันไปใหญ่จึงต้องปรากฏกายออกโรงมาเช่นนี้ไงเล่า"

สิ้นสุรเสียงไพเราะที่เอื้อนเอ่ยนายทหารหัวเกรียนก็อุทานด้วยเสียงอันดัง......
"แม่เจ้าโว้ยงามเสียจริง อุมาเทวีท่านช่างเหมือนดาราฝรั่งที่ชื่อ
แองเจลิน่า โจลี่รู้จักมั๊ยที่เล่นเป็นลาร่า ครอฟท์ ทูมไรเดอร์น่ะรู้ตัวอ๊ะป่าว ทั้งหน้าตารูปร่างและการแต่งกายก็ด้วย"

"ที่เราต้องแต่งตัวแบบลาร่า ครอฟท์ก็เพราะมาเดินป่ามันจะได้ทะมัดทะแมงหน่อย ส่วนอย่างอื่นน่ะมันเหมือนเอง ไม่ได้ตั้งใจอะนะไอ้เรื่องรูปร่างเนี่ย"

"เราได้ปรากฎกายมาเพื่อบอกเจ้าว่าขณะนี้ ดาววีนัสเจิดจรัสอยู่กลางฟากฟ้า ใครคู่ใครความจริงจะกระจ่างชัดในเพลาไม่นานนี้ ไม่เพียงแต่เจ้าและตาแก่นั่นที่มีดวงเป็นเนื้อคู่กันยังมีอีกสองสามคู่ที่พวกเจ้าคาดไม่ถึง และจะไหนกันเร็วๆนี้แหละหึๆๆ5ๆๆ ข้าไปก่อนละ"
ร่างงามที่อยู่ตรงหน้าคนทั้งคู่กลายเป็นกลุ่มหมอกควันและสลายไปในบัดดล
.............................
"โอ๊ยแงซายเอาขี้โคลนมาทาตัวแบบนี้จะดีรึ"
"ชัวร์สิผู้กอง พรางตัวไงแหมเคยทำไม่ใช่เหรอพรางตัวแบบทหารเนี่ยทำบ่นไปได้"
"ทาตรงหลังไม่ถึงว่ะ........."

"มาเดี๋ยวผมทาให้..."
กะเหรี่ยงโฉมงามไล้มือลงไปบนหลังพรานใหญ่

"เฮ่ย! ไม่ต้องข้าทาเองได้"
จอมพรานสะบัดมือเจ้าคนรับใช้พิเศษของคณะออกไปโดยแรง เพราะเกิดความรู้สึกเสียวที่แบบแปลกๆใบหน้าร้อนผ่าวไปหมด

"อะไรนะผู้กองนี่ เป็นฝีที่หลังรึไงทำเป็นดีดดิ้นคนจะช่วยแท้ๆ"

"ช่างฉันเถอะ"
รพินทร์ตอบและเบือนหน้าหนีไปทางอื่น



เวลาเคลื่อนผ่านไปช้าๆราวกับว่าเข็มนาฬิกาไม่กระดิก ขณะที่จอมพรานและเจ้าคนเพนจรค่อยคืบคลานไประหว่างฝูงช้างที่ยืนงีบหลับกันอยู่
"ทำไมแกต้องมาเข้าทางที่พวกช้างยืนอยู่ด้วยว่ะ ดีไม่ดีไส้แตกตายกันอยู่ตรงนี้แหล"

"โถ่....ผู้กองก็ ไม่รู้อะไร เข้าด้านนี้น่ะลางดีที่สุดแล้วจะได้ลอดท้องช้างเข้าไป เป็นสิริมงคลแก่ตัวไม่รู้รึไง"

"โธ่ ไอ้เปรตนี่ เดี๋ยวพ่อฆ่าทิ้งเสียเลยไอ้เราก็นึกว่า........."
"ชู่วว...เบาผู้กองอย่าเอ็ดไป..."
เจ้ากะเหรี่ยงรูปงามกระโจนขึ้นคร่อมร่างพรานใหญ่พร้อมทั้งเอามืออุดปากไว้แน่น

"ปะ ปล่อยนะ...คนเลวววถือดียังไง"
พรานใหญ่ร้องอู้อี้ในลำคอ ใบหน้าร้อนวูบ ท่าเจ้าคนดงจะฉวยโอกาสกับเขาเสียแล้วกระมัง.......แล้วถ้าแม่ดอกฟ้าดารินของเขามองเข้ามาเห็นจากพุ่มไม้ที่ซุ่มซ่อนตัวอยู่เล่าจะว่าอย่างไรกันนี่....

จาก : อุมาเทวี... - 07/05/2002 07:06

แงซายเร้ว มาช่วยกันเปลียนเนื้อเรื่องก่อนที่จะแย่ไปกว่านี้
ตอนนี้รพินทร์ ไม่มีเวลาเลยพับเผื่อยจิ

จาก : รพินทร์ ไพรวัลย์ - 07/05/2002 15:54


ฮะ..ฮะ.ฮะ..

คุณแม่อุมาผู้งามเหยียบสามโลก...

กระพ้มขอชื่นชมในไอเดียและสำนวน .. สงกะสัยจริงว่าคุณแม่เป็นผู้หญิงแน่หรือ..

ถ้าเป็นหญิงงามจริง .. ขอยกนิ้วให้ ...

เข้าแก๊งค์รวมกับแม่แสงโสมกันอีแบบนี้ พวกผู้ชายท่าจะอยู่ไม่สุขกันล่ะ.. ตัวใครตัวมันเน้อ..



จาก : คำ แอนด์ คี๊ธ คัมปะนี ... - 07/05/2002 23:56

5ๆๆเราเป็นหญิงงามชัวร์1,000,000%มิมีพลาด
เพิ่งเข้ามาดูเวปนี้อาทิดก่อนง่ะ แต่อ่านเพชรพระอุมามาตั้งแต่
เด็กแล้ว *.* อ่านภาคพิเศษมาทั้งหมดอันนี้เจ๋งสุดเลยหละ
เลยจะมาขอร่วมวงตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ฮิ ฮิ.....แล้วเจอกัน

จาก : อุมาเทV - 08/05/2002 02:31


อุ๊ยตาย .. อุตส่าห์แอบตั้งชื่อให้ในใจว่าแก๊งค์สาวแก่ .. ดันลืมเจ๊แม่มดพันปีเสียด๊ายยย ...

มุดมุขหรือเจ๊ ..ไปนั่งหัวเราะกั่ก ๆ ๆ อยู่ .. ดู ๆ นั่งก็ไม่ระวัง สัตว์ป่าเผ่นกระเจิงหมดแล้วนั่น ..

ถ้านึกอะไรไม่ออกก็แต่งให้เจ๊เองมาเป็นแฟนกับบุญคำสิ .. ส่วนเจ๊แสงก็เป็นแฟนกับนายห้างคี๊ธ .. ฮิ..ฮิ.. โอ้..คู่สวรรค์ประทาน ...

.................

ปล. เจ๊อุมานี่เล่นในถนนฯด้วยหรือเปล่า .. รู้สึกคุ้น ๆ

ปล. อีกที ในนี้ไม่มีสาวรุ่นเลยหรือ .. ทำไมมีแต่สาวแก่งั่ก ๆ ฟะ ..แสงโสมแม่ม่ายบ่มค้างปีอย่างงี้ .. แม่มดพันปีหนังเหี่ยวอย่างนี้ ..
ยายเฒ่าหนังเหนียวอย่างนี้ พันธุมวดีหนังยานอย่างนี้ .. เฮ้อ !! ..นึกแล้วก็ปลง..

จาก : บุญคำ (หนุ่ม) - 08/05/2002 17:21

ไม่ใช่เพียงรพินทร์ แงซาย หรือบุญคำ คีธ ที่เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างประหลาดเหลือ บรรดาเหล่าผู้หญิงก็เหมือนกัน แสงโสมก็เริ่มมองแม่มดพันปีด้วยสายตาแปลก ๆ มากขึ้น พลับพลึงกับดารินต่างก็พากันเกี่ยวก้อยจู๋จี๋อย่างสดชื่น

ที่แท้พวกเขากำลังเข้ามาในดินแดนต้องมนตราแห่งอุมาเทวี ซึ่งเป็นเจ้าของขุมเพชรที่พวกเขาตามหา หากใครผ่านเข้ามาในดินแดนแห่งนี้จิตใจต้องเปลี่ยนกลับไปรักไม้ป่าเดียวกันโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่พระเทวีทำเช่นนี้ก็เพราะอยากเล่นสนุกบนความทุกข์ของมนุษย์เท่านั้นเอง

คริสติน่ากับแหม่มเบลก็กอดกันกลมเกลียว หัวเราะต่อซิกกันคิกคัก ต่างคนต่างช่วยกันถอดเสื้อผ้าของกันและกัน......แต่ก่อนที่จะต้องบรรยายเลยเถิดไปถึงไหนต่อไหน ที่จะทำให้กระทู้นี้ติดเรทเอ๊กซ์ไปเสียก่อน ก็ขอย้อนกลับไปถึงรพินทร์กับแงซาย

แงซายหลับตาแล้วระลึกถึงคุณของอาจารย์ที่สั่งสอนเขามา ตบลงไปที่หลังรพินทร์สามครั้งอย่างรุนแรง พร้อมกับงึมงำสาธยายมนต์เพื่อล้างคำสาบออกไปจากจอมพราน เมื่อตบครั้งที่สามแล้ว กำปั้นไม่มีรูของรพินทร์ก็สวนขึ้นมาที่คางของเจ้ากระเหรี่ยงพเนจรอย่างจัง จนร่างหงายลงไปที่กอหญ้า

แงซายคลำคางป้อย ๆ "ว้า ผู้กอง เดี๋ยวก็ปล่อยให้ต้องคำสาปพระเทวีเสียเลยนี่นา"

รพินทร์หัวเราะก้าก "ขอโทษที่เถอะวะ เส้นประสาทมันกระตุก..." แล้วก็ดึงมือแงซายขึ้นมา "แล้วเราจะเอาไงกันวะเนี่ย ท่าทางจะไปกันใหญ่แล้วนา เคอเนลคีธท่าทางจะเสร็จบุญคำแน่นอนแล้วล่ะ ฟ้าจะผ่ามั้ยวะเนี่ย"

แงซายที่หันไปดูคู่คริสกับแหม่มเบลอยู่ไม่กระพริบตา พูดขึ้นช้า ๆ ว่า "เราต้องพาคนเหล่านี้ออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดนะครับผู้กอง.."

รพินทร์เกาหัวยิก ๆ "หาทางที่มันดีกว่านี้ไม่ได้เรอะ พวกนี้ตั้งหลายคนแล้วเราจะขนออกไปยังไงกันล่ะเนี่ย....แกก็ช่วยพวกนั้นอย่างที่ช่วยฉันไว้ก็ได้ที่หว่า"

"ไม่ได้หรอกผู้กอง ผู้กองน่ะเป็นคนที่จิตแข็ง และก็เคยสั่งสมบุญญาบารมีด้วยการทำสมาธิมา พอผมเตือนสติผู้กองให้กลับมา มนตราของพระเทวีก็ทำอะไรผู้กองไม่ได้แล้ว แต่ผมช่วยพวกนั้นไม่ได้หรอกครับ" แงซายพูดแต่สายตายังไม่ยอมถอนไปจากคริสและเบล

รพินทร์หรี่ตา "มันต้องมีทางแก้ซิหน่า " ว่าพลางก็เดินวนไปวนมาราวกับเสือติดจั่นได้สักพักหนึ่ง จอมพรานก็ดีดมือเปาะ "ได้การแล้ว เราต้องบวงสรวงพระผู้ทัดจันทร์เป็นปิ่น เชิญท่านให้มากำราบพระเทวี แล้วจะได้ทูลขอให้ถอนคำสาปให้พวกเราไง"

"แหมผู้กองหัวแหลมเจงเจง พับเผื่อย" แงซายชม พลางกระโดดหลบเท้าของรพินทร์ที่วาดออกมา

ทั้งสองก็เริ่มก่อกองกูณฑ์ขึ้นเพื่อบูชาพระศิวะ แต่ในขณะนั้นสถานการณ์ของบุญคำและคีธก็ล่อแหลมเต็มที ไม่อาจบรรยายภาพเป็นตัวหนังสือได้อีกแล้ว ขอบรรยายเสียงแทนแล้วกัน

บุญคำ "อู๊ววววววว โอวววว"
คีธ "โอววววววว อาววววว"
บุญคำ "อ๊าวววววว แอ๊ววววววว"
คีธ "อูยยยยยยยยย โอยยยยยยยย"
บุญคำ "อ๊ายยยยยยย อิ๊ววววววววว".......
คีธและบุญคำ (ประสานเสียง) "อี๊ว อ๊าววว โอ๊วววว โอ๊ยยยยยย และเจี๊ยกกกกกกกกกกกเจี๊ยก"










จาก : รพินทร์ ไพรวัลย์ - 08/05/2002 18:06

เอ แล้วผมลืมคุณไชยยันต์ไปได้ยังไงเนี่ย ขอแถม

ส่วนไชยยันต์นั้นก็กำลังกลมเกลียวกับเกิดเส่ยจันอยู่เป็นกลุ่มก้อน นัวเนียไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ไหนหัวไหนหางเอ๊ยขา หัวร่อต่อกระซิกคิกคักเสสรวลยวนยีกันอยู่เป็นโกลี......และกาลี

อิอิอิ ขออำไพล่วงหน้าถ้าคิดว่าแรงไป มุขมันไปแบบนี้อ่ะ

จาก : รพินทร์ ไพรวัลย์ - 08/05/2002 18:11

แม่มดพันปีที่ดูจะมีตบะแก่กล้าที่สุด เริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบ
มาพากลของป่านี้ จึงทำการเรียกสติของบรรดาสาวๆคืนมา
ด้วยการเอามะเหงกเขกกระหม่อมคนละ 3 ที เริ่มจากพลับพลึง
ก่อน เพราะดูมีพิษมีภัยน้อยกว่าเพื่อน

"โอ๊ย หนูเจ็บน้าาาาา มาเขกหนูทำไม" พลับพลึงร้องโวยลั่น
ทำเอาสาวๆ คนอื่นหันมามอง อันเป็นโอกาสให้แม่มดพันปีรีบ
ไล่เขกกระหม่อมปลุกทุกคนอย่างรวดเร็ว เล่นเอาทั้งหมด
ประสานเสียงกันดังลั่นป่า

"โอ๊ยยยยยยยยยยย "

เมื่อแน่ใจว่าทุกคืนสติแล้ว แม่มดพันปีรีบชิงอธิบายก่อนที่จะถูก
รุมประชาทัณฑ์ ซึ่งทุกคนก็เข้าใจและขอบอกขอบใจแม่มด
กันใหญ่

"ไม่เป็นไร ๆ แค่นี้เรื่องเล็ก ... แต่เรายังมีปัญหาใหญ่อยู่นะ
เพราะวิธีนี้ใช้ได้กับผู้หญิงเท่านั้น ข้าไม่มีวิธีแก้ปัญหามนต์สะกด
ของพวกผู้ชายหรอก "

เมื่อได้ยินแม่มดพันปีว่าอย่างนั้น พวกสาวๆ จึงนึกขึ้นได้ว่า
บรรดาหนุ่มๆ ชาวคณะทั้งหลายได้หายตัวไปกันหมด ทันใดนั้น
เสียงประหลาดก็ดังขึ้น

"โอ๊ววววววว อ๊าวววววววววว แอ๊วววววววว"

"โฮกกกกกกกก ฮากกกกกก"

"เสียงอะไรน่ะ ดังมาจากทางฝูงสัตว์ที่คีธกับบุญคำอยู่นี่นา
สงสัยสองคนนั่นถูกกินไปแล้วมั้ง" แสงโสมออกความเห็น

"ไปดูก่อนดีกว่า ไม่รู้ถูกกินไปหรือยัง" แม่มดพันปีเสนอ

สาวๆทั้งหมดจึงย่องเข้าไปหาคีธกับบุญคำช้าๆ ที่แท้
บรรดาเสือ สิงห์ กระทิง แรด รวมถึง หัวหน้าควายป่ากำลัง
ล้อมวง ดูอะไรบางอย่างที่กลางวงอย่างเมามัน เสียงร้อง
เชียร์ดังลั่นไปหมด

"โฮกกกกกกกก ฮากกกกกก" (เอาอีก ๆๆๆๆๆ)

ที่กลางวง นายทหารสหรัฐกับพรานเฒ่าบุญคำ กำลังผลัดกัน
กระทำทารุณอีกฝ่ายในลักษณะอาการต่างๆ ที่ไม่อาจบรรยาย
ในที่นี้ได้ แต่อาจหาดูภาพได้จาก xxx.com หมวด Guy (มั้ง)

จาก : แม่มดพันปี - 08/05/2002 21:12


เฮ้ย ๆ .. ผู้กองไหงเอาตัวรอดอย่างนั้นล่ะ ..

...............................................

โอ๊ย ... อ้ายยยย ...ซี๊ดดดดด .บุญคำลึก ๆ หน่อยยย ...

"แหม .. นายห้างนิ่ง ๆ สิ .. วุ้ยยย แค่เอาขนไก่ปั่นหูแค่นี้ร้องซะลั่นเชียว .."

"ก็มันเสียวนี่นา เอ..รูสึกว่าบรรยากาศมันผิดปกตินะบุญคำ .."

"อือ..รู้แล้วนายห้าง .. แถบนี้เป็นดินแดนอาถรรภ์น่ะ .. บุญคำแก้เรียบร้อยแล้ว ..
แต่ก็เอาตัวรอดได้แค่เราสองคนนะ แค่รัศมีใกล้ ๆ ส่วนคนอื่นสิ ฟัดกันนัวเลยฮิ... คิก ๆ "



จาก : เค แอนด์ เค - 08/05/2002 21:37

หลังจากอึ้งกันไปประมาณ 5 นาที ในที่สุดแหม่มเบลก็ออก
ความเห็นขึ้นเป็นคนแรก

"ตายแล้ว !!!! คีธกับบุญคำ .... ทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้
ไอ้เราก็เห็นว่าลามกออกอย่างนั้น ชอบมาแอบดูพวกเราอาบน้ำ
บ่อยๆ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นพวกชอบไม้ป่าเดียวกันไปได้"

"นั่นสิ ไม่คิดเลยจริงๆ ถึงจะโดนอาถรรพ์ป่าอุมาเทวีก็ไม่น่า
เป็นได้ขนาดนี้" แม่มดพันปีพูดขึ้นอย่างปลงๆ กับภาพที่เกิดขึ้น
ไม่ทันขาดคำ การแสดงของทั้งคู่ที่กลางวงก็เริ่มทวีความเผ็ดร้อน
ยิ่งขึ้น เมื่อเสือโคร่งตัวผู้ตัวใหญ่ขนาดน้องๆช้างทนไม่ได้ กระโจน
เข้าร่วมกิจกรรมกับทั้งคู่ที่กลางวง

ถึงตอนนี้ ทั้งหมดไม่สามารถทนดูต่อไปได้ จึงค่อยๆถอยออกมา
ในที่สุดก็มาพบรพินทร์กับแงซายซึ่งกำลังจุดธูปบูชากองดินอยู่
เมื่อเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับคีธและบุญคำให้ทั้งคู่ฟังแล้ว แม้แต่
จอมพรานอย่างรพินทร์เองก็ได้แต่ส่ายหน้า แล้วออกความเห็นว่า

"เราทำอะไรไม่ได้แล้วครับ ขืนเข้าไปขัดจังหวะตอนนี้ เสือสิงห์
พวกนั้นก็จับเราไปเล่นงานแทนเท่านั้นเอง"

"ใช่ครับ โบราณท่านว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ดีไม่ดี
ถ้าทั้งคู่แสดงดีจนอุมาเทวีพอใจ อาจจะยอมถอนคำสาปก็ได้
ผมว่า ตอนนี้เรามาช่วยกันบูชาพระศิวะดีกว่า "

ทั้งหมดจึงร่วมกันบูชาพระศิวะ โดนพยายามไม่ใส่ใจกับเสียงร้อง
ของคีธและบุญคำที่ดังลั่นไปทั่วป่า

จาก : แม่มดพันปี - 08/05/2002 21:43

อ้าว แก๊ง 2 K มาแทรกตรงกลางได้ไงเนี่ย

จาก : แม่มดพันปี - 08/05/2002 21:45


ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า... มันฟลุ๊คน่ะ ..

โพlต์ไปมั่ว ๆ ดันไปแทรกกลางพอดี ..

แหม..แค่เขาปั่นหูกันก็ตื่นเต้นไปด้ายยยยยย ... วะ..ฮะ..ฮ่า..

อ๊าก....อ๊ากส์..อ้ากกกกกกกกกกก... แหม..เสียวจริง ๆ บุญคำ..
มะ .. หาขนไก่มา .. จะปั่นให้มั่ง ..




จาก : k & k .... - 08/05/2002 22:18

หวา.....กลายเป็นกระทู้เรทxไปแล้วจริงๆด้วย อ๊า! เพราะเรารึนี่
(ร้องแบบดีใจ) คึๆ ถ้าไม่รีบเอาตัวให้รอด จะกลับมาช่วยให้xขึ้นไปอีก *.* คิดหรือว่าพระศิวะจะช่วยได้

ปล. ไม่เคยเล่นในถนนซะหน่อย เล่นที่นีที่แรกอ้ะ......

จาก : อุมาเทV - 09/05/2002 00:35

บุญคำ เพื่อความไม่อุจาดใจ จะเรียกการกระทำอย่างนั้นว่า ปั่นหูก็ได้ แต่มันไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้นหรอก เพราะถ้าจริง หูของเคอเนลคีธคงจะอยู่ต่ำกว่าที่ที่ควรจะเป็นมากเลย แล้วแกคงจะมีปัญหาทางด้านการฟังอย่างหนักเอาการอยู่เหมือนกัน

เอ้า พวกเราลุยโลด





จาก : รพินทร์ ไพรวัลย์ - 09/05/2002 13:34

เอ..... ถ้าเราเข้ามาต่อ มันจะ X กว่านี้มั้ยเนี่ย

จาก : แม่มดพันปี - 09/05/2002 19:42

ยังไม่มีใครมาต่อเหรอ ?

งั้นเดี๋ยวว่างๆ จะเข้ามาต่อเรื่องใหม่นะ

จาก : แม่มดพันปี - 09/05/2002 21:25

เข้ามาส่งใบลาซัก 2-3 วัน ช่วงนี้เริ่มยุ่งๆ
ไว้ว่างแล้วจะเข้ามาเยี่ยมใหม่ค่ะ

จาก : แม่มดพันปี - 10/05/2002 21:07

ทำไม ยิ่งต่อเรื่องกันไปยิ่งเข้าเรท R ชอบจังเลย อ้าว!

จาก : เบล - 13/05/2002 16:05

"oh! where r u.......เธอนั้นอยู่หนาย"
(เสี่ยวมั๊ยเนี่ยเรา)
หายกันไปหมดเลยน้า......... รอจนหลับเลี้ยว..............
-.- ....zzzzZzzzzZZzzzzzzzzZZzzzz

จาก : อุมาเทV(เวอร์ชั่น แอนนิต้า) - 14/05/2002 01:14

สงสัยพวกหนุ่ม ๆ คงจะตะลึงความงามของแองเจลิน่า โจลี่น่ะค่ะ เลยหายเงียบช็อคสลบกันไปเลย : P

อีกสองวันถ้าไม่มีใครเข้ามา แสงจะมาต่อเองนะคะ
(คุณ 2K กับคุณไชยยันต์ สงสัยจะน่วมแน่ ๆ ถ้ายังไม่เข้ามา ฮ่าๆ ขู่ไว้ก่อน)

คุณอุมาเทวี หรือคนอื่น ๆ ใครจะเข้ามาต่อก่อนก็เชิญได้เลยนะคะ
แต่แสงว่าเราขึ้นกระทู้ใหม่กันดีไหมเพราะกระทู้นี้ยาวมากแล้ว

จาก : แสงโสม - 15/05/2002 09:22

ไม่เข้ามา 4-5 วัน ยังไม่มีใครมาต่ออีกเหรอ
สงสัยตะลึงกับมุขเรทนี้มั้ง


วันนี้ก็ยังไม่มาต่อ ให้พวกหนุ่มๆเข้ามาแก้ตัวก่อนดีกว่า


จาก : แม่มดพันปี - 15/05/2002 19:41


แน่จริงก็ต่อสิ.. แบร่ ..แบร่..

จาก : สุดหล่อ - 15/05/2002 23:30

โอ้โห...
แอบไปเที่ยวสวนผลไม้ไม่กี่วัน เหตุการณ์คับขันถึงขนาดจริงๆ ครับ
ฮ่าๆๆๆๆๆ 555555
ผู้กองครับ เด็ดมาก ผมหัวเราะจนน้ำตาไหลเลยอะ
ขออภัยจริงๆ ที่ตอนนั้นไม่ได้มาช่วยผู้กอง เอาทุเรียนมาฝากแล้วกันครับ หึหึ

เอ่อ ว่าแต่ว่า ขึ้นกระทู้ใหม่กันซักทีก็ดีนะครับ
โหลดช้านักแล้ว

จาก : แงซาย - 16/05/2002 10:00

ผมขึ้นกระทู้ใหม่ให้แล้ว เชิญเอาน้องมุขของท่านไปละเลงกันที่นั่นได้เลยครับที่ " เพชรพระอุมา ภาคอลเวง ตอนดินแดนอาถรรพณ์ และสยองขวัญสุดสุด "

จาก : รพินทร์ ไพรวัลย์ - 16/05/2002 14:51

มีข้อคิดเห็นเพิ่มเติม ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ที่นี่
ชื่อ :
Email :
ข้อความ :


This Free service hosted by D'Server
1