ความคิดเห็นที่
1
หึๆ หุๆ อิ๊ๆ อุ๊บ
ตุ้บ ตั้บ พลัวะ....
ร่างของอับดุลมันตรัยที่กำลังหัวเราะอยู่อย่างมีเลศนัยนั้นพลันก็ต้อง
กระเด้งกระดอนออกมาจากซอกมืดของถ้ำด้วยการยันของอวัยวะบางส่วน
ของใครก็ไม่รู้จนถึงกับกลิ้งขลุกๆ เข้าไปหาคุณชายเชษฐาและเจ้าเส่ยที่ยืน
สนทนากันอยู่ และกระทบกับหน้าแข้งของเจ้าเส่ยอย่างจัง
อับดุลมันตรัย
สะโงะสะเงะทำท่าจะลุกขึ้นทว่ากลับคว้าเอากางเกงขาก๊วยที่เจ้าเส่ยนุ่งอยู่
หลุดพรวดลงมา อับดุลมันตรัยผงะหน้าขึ้นมองตามสัญชาติญาณ
ทันใดตา
ของมันพลันเหลือกค้างและกลอกอยู่ไปมาซ้ายทีขวาทีเหมือนโดนสะกดจิต
เพราะดันไปเห็นเจ้าสิ่งที่คล้ายก้านลูกตุ้มนาฬิกาของเจ้าเส่ย
แกว่งโทงเทงไปมา
ตามจังหวะหายใจอยู่กระดิ๊กๆ แบบเต็มๆ ตา
หลบไม่ทัน (ซวยชะมัด)
ข้างเส่ยพอก้มลงมองดูเห็นศัตรูตัวร้ายกำลังโดนนะจังงังถึงกับตาค้างอยู่
จึงฉวยโอกาสสวมรอยสะกดจิตต่อทันที
“ โอม..จงหลับ จงหลับ....”
ไม่ถึงอึดใจ อับดุลมันตรัยก็หลับครอกกรนฟี้อยู่แทบเท้าของเจ้าเส่ยและ
คุณชายใหญ่ ที่ถึงกับหันไปชมเชยเส่ย
“ เก่งมาก เจ้าเส่ย นับว่าแกมีไหวพริบดีมาก
ซีนต่อไปฉันจะยกให้แกเป็นพระเอก
เลยเอ้า จะได้เป็นดาวรุ่งพุ่งปรี๊ดกับเขาบ้าง
”
เส่ยยิ้มมุมปากนิดๆ
“ โฮ้ย...ไม่ต้องห่วงหรอกนายใหญ่ หากเส่ยไม่มีดีกับเขาบ้างก็คงไม่อยู่รอดปลอดภัย
มาจนถึงภาคนี้หรอก ว่าแต่เจ้าอับดุลมันตรัยมันโผล่มาได้ยังไงล่ะนี่นายใหญ่
เส่ยงงจริงๆ ”
“ มันมาแอบดูลุงใหญ่และน้าเส่ยอยู่ตั้งนานแล้วล่ะ
ผมเห็นว่าเอาไว้ไม่ได้เลยจัดการเสีย ”
เสียงทุ้มขรึมหล่อก้องกังวานมาจากเงามืดที่เจ้าอับดุลมันตรัยหลบอยู่เมื่อครู่นี้ก่อนที่จะถูก
พิชิต และแล้วผู้ที่เป็นต้นเหตุให้อับดุลมันตรัยเสียท่าก็ก้าวเดินออกมา
“ โอ.. หลานไพรวัลย์นั่นเอง ” เชษฐาร้องทักด้วยความยินดี
พลางกรากเข้าไป
ลูบหลังตบไหล่ด้วยความดีอกดีใจ
ไพรวัลย์ยกมือไหว้แล้วยิ้มน้อยๆ รับคำ
“ สวัสดีอีกครั้งครับ คุณลุง ขอประทานโทษที่ผมออกโรงช้าไปหน่อย
”
พลางหันไปทางเจ้าเส่ย
“ เอ้า น้าเส่ย นุ่งกางเกงเสียทีสิ
เจ้าอับดุลมันตรัยหลับไปแล้ว ทุเรศจะตายไป ”
เส่ยยิ้มเลี่ยนๆ พลางดึงกางเกงขาก๊วยที่กองอยู่แทบเท้าขึ้นมาสวม
“ เอ่อ..โทษที แบบว่าลมมันโกรกเย็นสบายเลยเผลอไปหน่อย
แล้วนายทหารน้อยไปไง
มาไงกันละเนี่ย ”
“ ฉันน่ะหรือ ” ไพรวัลย์ทวนคำพลางหัวเราะเบาๆ
“ ฉันก็เดินเรื่อยเปื่อยมันไปตามเรื่องมา
ออกตรงนี้ได้ยังไงก็ไม่รู้เหมือนกัน ทีแรกฉันกะว่าจะตามหาแม่พลับพลึงสีชมพูเนื้อคู่ของฉัน
แต่ยังไม่เจอ จับพลัดจับผลูก็เข้าถ้ำมาแล้วมาโผล่ตรงนี้นี่แหละ
”
“ อืมม์ ” เชษฐาส่งเสียงครางแล้วอัดควันจากไปป์เข้าปอดหนักๆ
อย่างใช้ความคิด
“ เรื่องเจ้าอับดุลมันตรัยน่ะ พักไว้ก่อนเถอะ
มาเจอหลานก็ดีแล้ว ลุงกำลังจะตามหาอยู่พอดี
ลุงน่ะสงสัยเหลือเกินว่าหลานไพรวัลย์กับเจ้าพลายเป็นคนๆ
เดียวกันหรือเปล่า แล้ว
เนื้อคู่ของหลานน่ะ เป็นใครกันแน่
หากหลานคือเจ้าพลายแล้ว พลับพลึงสีชมพู
ก็ต้องเป็นลูกของหลานน่ะสิ จะกลายเป็นเนื้อคู่ไปได้อย่างไร
”
“ คือผมจะขออธิบายตรงส่วนนี้ก่อนขอรับคุณลุง ”
ไพรวัลย์ยกไม้ยกมือประกอบ “ คืองี้ครับ..
เจ้าพลายจากภาคที่แล้วน่ะ ตายไปแล้ว
เรื่องที่ว่าจะกลับมาเกิดใหม่เพื่อพบกับลั่นทมสีชมพู
หรือเปล่านั้นยังไม่คอนเฟริ์ม แต่ที่แน่ๆ
ก็คือผู้แสดงบทเจ้าพลายตอนที่แล้วน่ะ มาแสดงบท
ของไพรวัลย์ อนันตรัย ในตอนนี้
และหากมีโอกาส ก็จะแสดงควบบทเจ้าพลายไปด้วย
ไพรวัลย์ไปด้วยเสียเลย สรุปก็คือ
ในท้องเรื่องน่ะ เจ้าพลายและไพรวัลย์ คนละคนกัน
แต่ผู้แสดงน่ะ คนเดียวกัน ก็แบบเดียวกับที่เบิร์ด
ธงไชย เคยทำทูอินวัน มาในละครทีวีแล้ว
ยังไงล่ะครับ ”
“ อือ...ก็ยังสับสนอยู่ดีนั่นแหละ ” เชษฐาสารภาพ
ทำเอาไพรวัลย์เกาหัวยิกๆ
“ ปั้ดโธ่ คุณลุงครับ มื้อเย็นนี้กินฟางต่างข้าวเถอะครับ
”
“ นั่นแน่ ” เชษฐาร้องลั่นพลางยกเท้าเตะไพรวัลย์ดังป้าบ
“ เอามุขคุณ ป. อินทปาลิตมาใช้
เชียวเรอะ นี่คุณชายใหญ่ ไม่ใช่ลุงเชยนะโว้ย
เองเห็นลุงเป็นกระบือไปแล้วล่ะสิ ถึงลุงจะแก้
เอ๊ย ลุงแก่แล้วแต่ยังไม่ถึงขนาดนั้นหรอกวะ
เป็นอันว่าเองคนเดียวจะแสดงสองร่างกะฟาด
ลั่นทมกะพลับพลึงสองแม่ลูกเลยล่ะสิท่า...สำคัญนักนะอ้ายนี่
”
ไพรวัลย์ยิ้มเอียงอายทำท่าเขิน แต่ก่อนที่เขาจะยกนิ้วก้อยข้างซ้ายมาใส่ปากกัดนั่นเอง
เจ้าเส่ยซึ่งยืนกระสับกระส่ายอยู่นานเพราะไม่มีบทเสียทีเลยหันไปซ้อมเจ้าอับดุล
มันตรัยที่นอนสลบอยู่เล่นแก้กลุ้มต่างกระสอบทรายก็ร้องขึ้นด้วยเสียงอันดัง
“ นายใหญ่และนายทหารน้อยครับ มาดูนี่สิครับ
”
“ อะไรกัน เจ้าเส่ย ร้องซะลั่นถ้ำเชียว
” เชษฐาร้องถามแล้วกระโดดผลุงไปยืนข้างเจ้าเส่ย
ที่บัดนี้กำลังนั่งยองๆ เอามือแกวกต้นคอของอับดุลมันตรัยอยู่อย่างขมีขมัน
“ น้าเส่ยเจอไข่เหาหรือไง ” ไพรวัลย์กระซิบถามพลางนั่งยองๆ
ลงบ้าง แล้วก้มลงไปใกล้ๆ
ทันใดนั้นก็ร้องลั่นออกมาอีกคน
“ เฮ้ย หน้ากากหนังมนุษย์ ที่แท้เจ้าอับดุลมันตรัยมันปลอมตัวมา..”
แล้วไพรวัลย์ก็เม้มปากแน่น ชักมีดโบวี่ใบยาวขนาดสิบสองนิ้วที่พกอยู่ข้างเอวออกมา
กรีดเบาๆ ที่ใบหน้าของอับดุลมันตรัยทันที
ใบหน้าที่น่าเกลียดของอับดุลมันตรัยพลัน
แบะอ้าออกเป็นริ้วๆ เส่ยและไพรวัลย์ช่วยกันออกแรงดึงเจ้าสิ่งที่เคยเป็นหน้ากากหนังมนุษย์
ทิ้งไป และแล้วโฉมหน้าหนึ่งก็ปรากฎขึ้น
ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึงอุทานออกมาเป็นเสียงเดียว
“ รพินทร์ ไพรวัลย์ ! ”
จากคุณ : ไพรวัลย์ อนันตรัย
- [19 เม.ย. 15:11:46]