แรกสัมผัสกับ Touchscreen (Symbian นะ)
แรกสัมผัสกับ Touchscreen (Symbian)
เกริ่นนำ (ขอนิดนึง)
เดี๋ยวนี้ ใครๆ ก็คงคุ้นเคยกับมือถือระบบสัมผัส Touchscreen กันดีอยู่แล้ว แต่สำหรับคนตาบอดนี่ ระบบใหม่นี้ ถือเป็นลางแห่งหายนะ กันเลยทีเดียว เพราะ เมื่อมันใช้สัมผัส หรือ "แตะๆ" แล้ว คนตาบอดจะใช้อย่างไรกันหละเนี่ย...
ขนาดมือถือทั่วๆ ไป ที่เป็นปุ่มกด แบบเดิมๆ ก็ยังมีข้อจำกัดในการใช้อย่างมากมาย ยิ่งมีระบบใหม่ออกมาอีก เห้อออออ
แต่เดี๋ยวก่อน ทางเลือกของคนตาบอดนั้นก็ไม่ได้ริบหรี่จนเกินไปนัก เพราะการพัฒนาอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้ Smartphone ใหม่ๆ หลายรุ่นนั้น มีโปรแกรมอ่านหน้าจอ ที่ทำให้คนตาบอดนั้นสามารถใช้มือถือได้อย่างสมบูรณ์มากขึ้น ดังรายละเอียดต่อไปนี้
มือถือระบบต่างๆ และการใช้งานของคนตาบอด
- 1. Symbian มือถือระบบ Symbian นั้น ได้รับความนิยมมากในกลุ่มคนตาบอดในประเทศไทย เนื่องจากว่า มันมีโปรแกรมอ่านหน้าจอที่ใช้ได้ค่อนข้างดีมาก คือ "Talk" และระบบนี้ มีคนพัฒนาตัวเสริม (plug in) ให้โปรแกรมอ่านหน้าจอนั้น สามารถอ่านภาษาไทยได้ด้วย จึงทำให้ เราสามารถใช้โทรศัพท์ได้ในส่วนของ contact ที่เป็นชื่อภาษาไทย หรือแม้กระทั่งการเข้า website ที่เป็นภาษาไทย
- 2. Windows Mobile ในส่วนของมือถือในระบบนี้นั้น ก็มีโปรแกรมที่ใช้อ่านหน้าจอเช่นกัน แต่เนื่องด้วยมือถือที่เป็น Windows Mobile นั้นจะมีราคาที่สูงและประเด็นสำคัญ คือยังไม่มีใครพัฒนาตัวเสริมที่ทำให้มันสามารถอ่านภาษาไทยได้ (เท่าที่ผู้เขียนรู้นะครับ ผิดพลาดประการใดรบกวนแก้ไขได้ใน Comment) จึงไม่ได้รับความนิยมในกลุ่มของคนตาบอดในประเทศไทย หรืออาจจะกล่าวได้ว่า ไม่มีใครใช้เลยก็น่าจะได้ :d
- 3.Iphone ความหวังที่ดีที่สุดในขณะนี้ เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีข่าวใหม่ในวงการโทรศัพท์มือถือของคนตาบอด เมื่อมีพี่ผู้หญิงท่านนึง เกิดอยากได้มือถือเครื่องใหม่ หลังจากที่ใช้ Symbian จนเบื่อแล้ว (ผู้เขียนเข้าใจเองนะ) พี่คนนั้นจึงได้ไปหาข้อมูลเกี่ยวกับโทรศัพท์ที่คนตาบอดจะสามารถใช้ได้ ก่อนตัดสินใจซื้อ Iphone 3gs และก็ได้พบว่า Iphone นั้น มีระบบที่เรียกว่า "Voice over" ซึ่งก็คือโปรแกรมอ่านหน้าจอ นั่นเอง แต่แตกต่างจากบนระบบอื่นๆ ตรงที่ Apple นั้น ติดตั้งโปรแกรมนี้ (build in) มาให้ตั้งแต่แรก ทำให้เราไม่ต้องไปเสียเงินซื้อโปรแกรมอ่านหน้าจอมาลงเพิ่มแต่อย่างใด และสิ่งที่ดีที่สุดของความเป็น Apple Iphone ก็คือ ด้วยความที่ Apple นั้นสร้าง Iphone OS ให้อยู่ในระบบปิด จึงทำให้ Apple นั้นสามารถควบคุม นักพัฒนาที่เขียนโปรแกรมขึ้นมาเพื่อใช้กับมือถือของตนได้อย่างเข้มงวด... และในข้อนี้เอง ทำให้ โปรแกรมที่นำมาลงบนมือถือ Iphone นั้น เป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยเฉพาะในระดับโครงสร้าง ภาษาที่ใช้เขียน และก็ส่งผลให้ โปรแกรม "Voice over" นั้นสามารถเข้าถึง (access) โปรแกรมเหล่านั้นได้ ก็เท่ากับว่า คนตาบอดที่ต้องใช้ "Voice over" ในการใช้งานโทรศัพท์ Iphone นั้น สามารถใช้ โปรแกรมต่างๆ ที่มีคนเขียนให้ใช้บน Iphone ได้เกือบ 100?% ก็ทำให้พูดได้ว่า Iphone นั้นเป็น Smartphone ที่คนตาบอดนั้นสามารถใช้งานได้อย่างเต็มรูปแบบมากที่สุดนั่นเอง และแน่นอน ข่าวดีที่สุดสำหรับคนตาบอดในประเทศไทยก็คือ เนื่องด้วย Apple นั้นเห็นประเทศไทยอยู่ในสายตาหรืออย่างไรมิทราบได้ จึงทำให้ ฟังชั่น "Voice over" บน Iphone นั้น รองรับภาษาไทย ด้วย!!! ดังนั้นผู้เขียนจึงคิดว่า มือถือที่ดีที่สุดในขณะนี้ โดยเฉพาะสำหรับคนตาบอดในประเทศไทยก็คือ Iphone นี่เอง ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Iphone Accessibility: Iphone accessibility
- 4. Blackberry แน่นอนว่า Smartphone ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดตัวหนึ่งในตลาดโทรศัพท์มือถือตอนนี้ ก็ไม่ได้ถูกทอดทิ้งจากนักพัฒนาแต่อย่างใด เพราะล่าสุดก็ได้มีโปรแกรมอ่านหน้าจอ สำหรับระบบปฏิบัติการ Blackberry OS ออกมาแล้วเช่นกัน และแน่นอนว่า มันถูกทำออกมาจากนักพัฒนาอิสระที่ ทำออกมาเพื่อการค้า (ขายนั่นหละ) มันจึงถูกสร้างขึ้นมาให้รองรับภาษาที่คนเขาใช้กันในโลกนี้จำนวนมาก ซึ่งมันไม่ใช่ภาษาไทยอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้น สำหรับในประเทศไทย มันคงไม่เป็นที่กล่าวถึงแต่อย่างใด ในวงการคนตาบอด...
- 5. Android ความหวังที่ดีที่สุด (ในอนาคต) แน่นอนว่า ระบบปฏิบัติการบนมือถือที่กำลังมาแรงและได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ก็คงหนี ไม่พ้น Android ไปได้ และสำหรับสมัยนี้ ที่ การเข้าถึงสำหรับผู้ที่มีความบกพร่องในด้านต่างๆ (accessibility) เป็นสิ่งที่ถูกคำนึงถึงมากขึ้น และจากที่เราได้เห็นการให้ความสำคัญกับ Accessibility จาก Google กันดีอยู่แล้ว ดังนั้น ระบบปฏิบัติการที่ Google เป็นผู้ริเริ่มนั้น คงไม่ทิ้งในส่วนของ Accessibility นี้ไปเสีย แน่นอนว่าก็ไม่ต่างจาก Blackberry ซึ่งก็คือในปัจจุบันนี้ ก็ได้มีนักพัฒนาที่พัฒนาโปรแกรมอ่านหน้าจอ สำหรับ Android ขึ้นมาเช่นกัน แต่ด้วยความที่มันเป็นระบบใหม่ โปรแกรมตัวนี้จึงยังไม่สามารถใช้งานกับเครื่องโทรศัพท์และฟังชั่นต่างๆ บน Android ได้ดีเท่าที่ควร และแน่นอนว่า มันยังไม่มีโปรแกรมที่สามารถใช้ภาษาไทยได้เช่นกัน แต่ตามหัวข้อที่บอกไว้ ว่าในอนาคตนั้น Android ย่อมได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างแน่นอน และโปรแกรมอ่านหน้าจอ ก็น่าจะถูกพัฒนาให้ใช้งานได้ดียิ่งๆ ขึ้นไป ตามลำดับ
ย้อนความหลังกับ "Talk" vertion ก่อนหน้านี้
ตามที่ได้บอกไปแล้วว่าผู้เขียนเองนั้นไม่ได้ใช้มือถือ Symbian แต่ว่า ก็ได้เคยสัมผัส (ลองเล่น) กับมันอยู่พอสมควร ซึ่งการใช้งานนั้นก็ต้องถือว่าอยู่ในระดับที่พอรับได้ (ตามความคิดของผู้เขียนเองนะ) เนื่องจากว่า ตัวโปรแกรมเองนั้น มันยังไม่สามารถใช้งาน ได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะสิ่งสำคัญของ มือถือที่เป็น Smartphone อย่าง Symbian ยิ่งแล้ว
สิ่งสำคัญที่ว่านั้นก็คือ พวกโปรแกรมต่างๆ ที่สามารถนำมาลงเพิ่มได้ โดยตัวโปรแกรม "Talk" นั้น มันสามารถใช้งานการตั้งค่าต่างๆ บนตัวโทรศัพท์มือถือ Symbian ได้เกือบ 100% ก็จริง แต่ในส่วนของโปรแกรมที่เราสามารถนำมาลงเพิ่มได้นั้น มีน้อยมาก ที่ "Talk" จะใช้งานได้ ก็อาจจะมีทั้งที่ "พอใช้ได้บ้าง" และที่ "ใช้ไม่ได้เลย" ซึ่งทำให้ผู้เขียน รู้สึกว่า มันยังไม่ดีพอที่ (ผู้เขียน) จะใช้ ^^
มาเข้าเรื่อง Touchscreen กันแล้วหละ
จากที่ได้ย้อนความเป็นมารวมถึงความหลังเกี่ยวกับประสบการของผู้เขียนกับ "Talk" บนมือถือ Symbian กันมาพอสมควร คราวนี้ก็มาถึงเรื่องที่เป็นใจความสำคัญของบล็อกนี้กันสักที
เมื่อไม่นานมานี้ ผู้เขียนได้ทราบข่าวจากเพื่อนว่า "Talk" ออกโปรแกรม vertion ใหม่ ที่ รองรับการใช้งานบนมือถือระบบสัมผัส บน Symbian ออกมาแล้ว ... ซึ่งความจริง ผู้เขียนก็พอทราบข่าวนี้มาสักพักหนึ่งจากทาง Twitter ว่าทางบริษัทผู้ที่พัฒนาโปรแกรม "Talk" นั้นกำลังพัฒนาโปรแกรม vertion ใหม่ ให้รองรับมือถือระบบสัมผัสรุ่นใหม่ๆ อยู่ ซึ่งมือถือรุ่นที่ทางบริษัทนั้นใช้เป็นตัวอ้างอิงก็คือ N97 ของ Nokia ซึ่งก็คือ มือถือตัวทอพสุดในระบบ Symbian นขณะนั้นเอง ซึ่งการที่ ทางบริษัทได้ใช้มือถือรุ่นนี้เป็นตัวอ้างอิงนี่เอง ทำให้ การใช้งาน กับมือถือระบบสัมผัสรุ่นอื่นๆ อาจเกิดปัญหาขึ้นมาได้ (และผู้เขียนคิดว่ามันเกิดแล้วแหละ)
สิ่งที่ทำให้เกิดปัญหากับมือถือระบบสัมผัสรุ่นอื่นๆ นั้นก็คือ เนื่องจากว่า มือถือ N97 นั้น เป็นมือถือระบบสัมผัสที่มี qwerty keyboard มาด้วยในตัว ทำให้ ตัวโปรแกรม ที่ถูกพัฒนามาเพื่อมัน ก็น่าจะเน้นไปที่การใช้งานระบบสัมผัสร่วมกับการใช้งาน keyboard qwerty ไปด้วย แต่ในความเป็นจริงนั้น ยังมีโทรศัพท์ระบบสัมผัสอีกมากที่ไม่มี qwerty keyboard มาด้วย ทำให้สิ่งที่พบจากการใช้งานก็คือ....
การทดลองใช้ "Talk" กับ Touchscreen
ก่อนอื่น ผู้เขียนต้องบอกก่อนว่า โทรศัพท์รุ่นที่ผู้เขียนนำมาทดสอบนั้น ไม่มี qwerty keyboard ติดมาให้ด้วย ซึ่งก็คือรุ่น Nokia 5230 (ของแม่) ซึ่งทำให้ประสบการใช้งานออกมาเป็นดังต่อไปนี้
- "Talk" ใช้ปุ่ม menu ของเครื่องโทรศัพท์มาเป็น ปุ่ม Talk เช่นเดิม ทำให้คนปกติที่ใช้อาจจะสับสนได้ว่า ทำไมกดปุ่ม menu แล้วmenu มันถึงไม่ขึ้น
- การสัมผัสเพื่อใช้งานนั้น รู้สึกว่า งงๆ เมื่อเทียบกับ Iphone
- เช่นเคยกับการใช้งานตั้งค่าต่างๆ บนตัวเครื่อง สามารถทำได้เกือบทั้งหมด
- การใช้ฟังชั่น shortcut (Talk+ปุ่มต่างๆ) นั้นยังสามารถใช้ได้เช่นเดียวกับมือถือที่เป็นปุ่ม (แต่หา key ที่จะใช้กับปุ่มTalk ให้เจอละกัน)
- การใช้งานในบางส่วนต้องเดาตำแหน่งของปุ่มบนหน้าจอ ที่จะต้องกดเอาเอง เนื่องจากไม่สามารถใช้การเลื่อนลูกษรได้
- สิ่งที่เป็นปัญหาก็คือ การ input ตัวอักษรและตัวเลขนั้น ทำได้ลำบากมาก
- โปรแกรมไม่สามารถอ่าน icon บนหน้าจอหลัก (HomeScreen) ได้
- หน้าจอสัมผัสยิ่งทำให้การใช้งานตัวเครื่องขณะคุยโทรศัพท์นั้นเป็นสิ่งที่ยากเย็นมาก
- ปุ่มกดยังเป็นสิ่งสำคัญ (อยู่ดี)
ความรู้สึกภายหลังจากการเล่นหนึ่งคืน
สำหรับผู้ที่ไม่เข้าใจสิ่งที่ผู้เขียนเขียนไว้เป็นข้อๆ ด้านบน ให้อ่านส่วนนี้แล้วจะเข้าใจมากขึ้นครับ เพราะผู้เขียนจะเขียนเป็นคำอธิบายไว้ให้เข้าใจได้มากขึ้น แต่สำหรับคนที่เข้าใจข้อต่างๆ ตามด้านบนแล้ว ก็ผ่านส่วนนี้ไปได้
ตามข้อแรกที่ว่า Talk นั้น ใช้ปุ่ม menu เป็น shortcut เช่นเคยนั้น ต้องกล่าวเท้าความก่อนว่า โปรแกรม "Talk" นั้น มันจะเน้นที่การใช้ปุ่มต่างๆ บนเครื่องโทรศัพท์นั้น ให้มาเป็น shortcut เพื่อให้คนตาบอดนั้นสามารถใช้ฟังชั่นบางอย่างได้สะดวกยิ่งขึ้น และก็แน่นอนว่า สำหรับมือถือระบบสัมผัสแล้ว ปุ่มนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สำคัญนัก ดังนั้นในตอนแรก ผู้เขียนและเพื่อนๆ จึงยังจินตนาการกันไม่ออกว่า มือถือที่เป็นระบบสัมผัสนั้นจะทำให้คนตาบอดสามารถใช้งานได้อย่างไร เนื่องจากมันไม่มีปุ่ม... ตัวอย่างในส่วนนี้ก็คือ เราจะสามารถกดปุ่ม Talk+5 เพื่อลดความดังของเสียงของตัวโปรแกรม และ Talk+6 เพื่อเพิ่มเสียงดังกล่าว แต่เนื่องด้วยมือถือระบบสัมผัสนั้นไม่มีปุ่มที่เป็นปุ่มจริงๆ มีเพียงแต่ปุ่ม call menu back ที่เป็นปุ่มกดจริงๆ ดังนั้นตามค่ามาตรฐานของโทรศัพท์รุ่นเก่าๆ ที่ตัวโปรแกรมจะใช้ปุ่ม Menu เป็นปุ่ม talk ของตัวโปรแกรม และเมื่อมือถือระบบสัมผัสก็มีปุ่ม menu นี้เป็นปุ่มจริงๆ เช่นกัน ในโปรแกรม vertion ใหม่ก็จึงใช้ค่าเดิมนี้
อธิบายกันมาเสียยืดยาว เนื่องจากท่านที่ไม่เคยเข้าใจในการทำงานของโปรแกรมจะได้เห็นภาพได้ว่า ปัญหาที่จะกล่าวต่อไปนี้คืออะไร
การสัมผัสที่ว่าดูงงๆ นั้น เมื่อเทียบกับ Iphone ก็คือ ผู้เขียนนั้นได้มีโอกาสไปทดลองเล่น (อีกแล้ว) กับเครื่อง Iphone มาแล้ว และก็ได้เข้าใจว่า โปรแกรมสำหรับอ่านหน้าจอ สำหรับมือถือระบบสัมผัสนั้น สิ่งที่ Apple ออกแบบมานั้น เข้าใจได้ง่าย และเดินไปในทางที่ถูกต้องแล้ว กล่าวคือ โปรแกรมจะอ่านปุ่มหรือข้อความต่างๆ ตามที่นิ้วเราเลื่อนไปสัมผัส และหากเราต้องการจะใช้งาน (Activate) เราก็ต้องกดนิ้วลงไปที่ปุ่มนั้นๆ อีกหนึ่งครั้ง ก็เป็นการใช้งานที่เข้าใจได้ง่ายและก็ดูสะดวกดี แต่สำหรับโปรแกรม "Talk" บนระบบสัมผัสนั้น มีเพียงบางส่วนที่โปรแกรมจะให้เราสัมผัสก่อน แล้วต้องกดอีกหนึ่งครั้งเพื่อใช้งานในปุ่มนั้นๆ ซึ่งผู้เขียนก็ยังไม่เข้าใจนักว่า กรณีใด ที่เราสามารถสัมผัสก่อนที่จะกดได้บ้าง เนื่องจาก หลักการใช้งานจริงแล้ว โปรแกรมจะเน้นให้เราใช้ปุ่มลูกษร (Navigation key) ในการเลื่อนไปยังตำแหน่งต่างๆ บนหน้าจอเป็นหลัก ซึ่งสำหรับมือถือ Nokia 5230 ที่ผู้เขียนนำมาทดสอบนั้น ปุ่มที่ใช้เป็นปุ่ม Navigation key ก็คือ ปุ่มปรับระดับเสียง ซึ่งอยู่ทางด้านข้าง และมีเพียงขึ้นกับลง
ตัวอย่างวิธีการใช้งาน หากเราจะเข้าใช้งานในส่วนของเมนูหลักของเครื่องแล้ว เราต้องกดปุ่ม เมนูสองครั้ง เนื่องจากตามที่ได้กล่าวไว้ ว่า ตัวโปรแกรมได้แก้ไขค่าของปุ่มเมนูให้กลายไปเป็นปุ่ม Talk เพื่อการใช้งานในส่วนของ Shortcut แล้ว หากเราจะกดเมนูให้ขึ้นมานั้น เราจึงต้องกดสองครั้งหรือ (Twice) นั่นเอง
เมื่อกดเมนูขึ้นมาได้แล้ว โปรแกรมก็จะอ่าน icon ล่าสุดที่เราเคยเข้าเอาไว้ อันนี้เป็นค่าปกติของระบบ Symbian และเราก็สามารถกด Navigation key เพื่อเลื่อนไปยัง icon ต่างๆ ได้ และมันก็จะทำการอ่านให้เช่นเดิม ซึ่งในส่วนการใช้งานแบบนี้ ผู้เขียนเองคิดว่า มันก็ไม่ต่างจากการที่เราจะใช้มือถือระบบปุ่มกดแบบเดิมๆ เพราะว่าเราไม่สามารถใช้นิ้วสัมผัสเพื่อกดปุ่มบนหน้าจอได้เองอย่างอิสระ ต้องอ้างอิงอยู่กับการกดปุ่ม navigation key เพื่อที่จะเข้าในแต่ละเมนู ซึ่งระบบการทำงานแบบนี้แหละ ที่ผู้เขียนคิดว่า มันเป็นการออกแบบมาให้ใช้งานของตัวโปรแกรม "Talk" ใน vertion ใหม่นี้
การใช้ ปุ่มสัมผัสที่หลอกๆ และ งงๆ
กล่าวคือ ต้องเท้าความอีกนิดว่า โปรแกรม "Talk" นั้น นอกจากจะใช้ปุ่มเมนูมาเป็นปุ่มที่ใช้เป็น Shortcut key แล้ว ตัวโปรแกรมนั้นยัง กำหนดปุ่มต่างๆ เพื่อทำงานร่วมกับตัวโปรแกรมเพิ่มขึ้นมาอีกหลายปุ่ม ซึ่งก็จะมีตำแหน่งอยู่บนปุ่ม Softkey นั่นหละ โดยตัวโปรแกรมจะเรียกปุ่มที่กำหนดขึ้นมาใหม่พวกนี้ว่า Key1 key2 key3 key4 key5 ทั้งนี้ ผู้เขียนไม่ทราบว่า ในมือถือระบบปุ่มกดเดิม นั้น จะมีถึง key อะไร แต่จากการใช้ ระบบสัมผัสนี้ มันมีถึง key5 นะครับ โดยค่าหลักๆแล้ว
•key1 จะคือปุ่มฟังชั่นและตกลง
•key2 จะเป็นปุ่ม back และ cancel
ตำแหน่งของปุ่ม key ต่างๆ บนหน้าจอสัมผัสมีดังนี้
•key1 จะอยู่บนหน้าจอ เหนือตำแหน่งของปุ่ม call
•key2 จะอยู่บนหน้าจอเหนือตำแหน่งของปุ่ม back
•key3 จะอยู่บนหน้าจอเหนือตำแหน่งของปุ่ม key1 อีกที
•key4 จะอยู่บนหน้าจอเหนือปุ่ม เมนู แต่จะอยู่ในระดับเดียวกับ key3
•key5 จะอยู่บนหน้าจอเหนือปุ่ม key2
สรุปผลการทดสอบการใช้งาน
ตามที่ได้บอกไว้แล้วว่า โปรแกรม "Talk" นั้น สามารถทำให้เราใช้งานในส่วนของการตั้งค่าในเครื่องโทรศัพท์ได้เกือบทั้งหมด และโปรแกรม "Talk" ใน vertion ใหม่ที่ใช้บนมือถือระบบสัมผัสนี้ ก็ทำในส่วนนี้ได้ดีเช่นเดิม แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดของความเป็นเครื่องโทรศัพท์นั้นก็คือ การใช้มันเป็นโทรศัพท์สำหรับการสื่อสาร (โทรเข้า โทรออก) ด้วยความลำบากของการ input ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์ข้อความ หรือแม้แต่การกดปุ่มตัวเลขเพื่อโทรศัพท์ ที่ต้องทำบนหน้าจอสัมผัสนั้น เราจำเป็นที่จะต้องมีความแม่นยำในการกดลงไปในแต่ละปุ่ม เนื่องจากว่าเราไม่สามารถให้มันอ่านก่อนแล้วเราค่อยยืนยันว่าจะกดปุ่มแต่ละปุ่มได้ เมื่อเราสัมผัสลงไปบนปุ่มใดๆ แล้ว ระบบจะทำการส่งข้อมูลนั้นทันที ถึงแม้ว่าหากผิดพลาด เราจะสามารถแก้ไขโดยการลบได้ก็ตาม ก็ต้องนับว่าใช้งานได้ลำบากมาก ในการพิมพ์ ซึ่งก็มีสาเหตุมาจากการที่ ทางบริษัทผู้พัฒนาโปรแกรมนั้น อ้างอิงโทรศัพท์ Nokia N97 เป็นหลักตามที่ได้กล่าวไว้ จึงทำให้ ทางบริษัท จะเน้นใช้งานการ input จาก qwerty keyboard ซะมากกว่า ดังนั้น จึงทำให้โทรศัพท์รุ่นอื่นๆ ที่ไม่มี qwerty keyboard นั้น input ได้ลำบากมาก...
การแก้ไขการโทรออกที่ลำบากจากการกดเลขหมายนั้น สามารถแก้ไขได้โดยใช้ระบบ contact ซึ่งเราอาจจะ Export จาก Symcard ลงไปในตัวเครื่องแล้วเพียงแค่ทำการกด โทรออก ไม่จำเป็นที่จะต้องไปยุ่งกับการ input ตัวเลขให้ปวดหัว>>
ถึงแม้ว่าด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันจะทำให้คนตาบอดสามารถใช้ ระบบสัมผัสหน้าจอ Touchscreen ได้บ้างแล้วก็ตาม แต่ในความคิดของผู้เขียนเองนั้น ระบบสัมผัสนี้ ก็ยังเป็นสิ่งที่ใช้งานได้ยังไม่เหมาะกับคนตาบอด เนื่องจากคนตาบอดต้องการปุ่มกด ที่เป็นปุ่มกดจริงๆ มากกว่า ไม่ใช่ต้องใช้การเดาหรือจำตำแหน่งของปุ่มบนหน้าจอสัมผัสเอาเอง และทำให้การใช้งานนั้นดูยากลำบากมากกว่าที่จะสะดวกยิ่งขึ้น
-----------------------------------------